Skip to content

กี่ชาติกี่ภพข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้ามีความสุข 8

Cover Kj

Chapter 8 (18+)เลียดอกไม้ตอนบ่าย

“นอนดึกอะไร! มันไม่เห็นหัวข้าเลยต่างหาก!” หว่านกัวฉายตะโกนอย่างโมโห “ดูอย่างตอนแรกที่มันมาขอหมั้นซิ มันหมั้นกับอี้เอ๋อร์ไม่กี่วัน มันก็ทำเรื่องบัดสีไปได้เสียกับหรงเอ๋อร์จนต้องแต่งกับหรงเอ๋อร์เนี่ยนะ มันถอนหมั้นง่ายๆ เลยนะ มันไม่เห็นหัวข้าเลยสักนิด!”

“ท่านพี่อย่าเพิ่งโมโหไปเจ้าค่ะ ใจเย็นๆ” อนุรองรินชาให้สามี นางประคองถ้วยชาส่งให้เขา “ท่านพี่น้ำชาเจ้าค่ะ”

“เฮอะ!” หว่านกัวฉายปัดถ้วยชาจนตกแตก เพล้ง!

“อ่ะ!” อนุรองตกใจ หว่านกัวฉายสะบัดแขนเสื้อนั่งหน้าทะมึน อนุรองจึงได้แต่หันไปสั่งสาวใช้ “เข้ามาเก็บไปซิ”

“เจ้าค่ะ” สาวใช้รับคำสั่ง รีบเข้าไปเก็บเศษถ้วยแตกออกไป อนุรองรินชาถ้วยใหม่ประคองส่งให้ “ท่านพี่ ใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ ถึงอย่างไรเราก็ยังต้องพึ่งพาอาศัยลูกเขยเยี่ยนอยู่ไม่น้อยเลย อย่างเช่นเรื่องตำแหน่งของท่านพี่ หากว่าได้ลูกเขยเยี่ยนช่วยพูดสักหน่อย ท่านต้องได้เลื่อนตำแหน่งใหญ่โตมากกว่านี้แน่นอนเจ้าค่ะ”

“เฮอะ!” หว่านกัวฉายแค่นเสียงอย่างอารมณ์เสีย ก็เพราะเขาหวังจะพึ่งพาเจ้าเด็กหนานกงเยี่ยนน่ะซิ เขาถึงได้ยอมยกลูกสาวให้ ไม่เช่นนั้นเขาจะยอมยกลูกสาวให้ง่ายๆ ได้อย่างไร แต่ดูมันทำซิ มันปล่อยให้เขารอตั้งแต่เช้าจนสายป่านนี้ก็ยังไม่โผล่หัวมาเลย มันน่าแพ่งกระบาลนัก! ฮึ่ม!

อนุรองมองสีหน้าสามีแล้วจึงบอก “เช่นนั้น ข้าไปรอที่ห้องโถงนะเจ้าคะ ถ้าลูกเขยเยี่ยนมาถึงแล้วข้าจะให้เด็กมารายงานเจ้าค่ะ”

“หึ!” หว่านกัวฉายโบกมือไล่ อนุรองจึงเดินออกไป

จนกระทั่งยามอู่(11.00 – 12.59 น.) หนานกงเยี่ยนจึงลืมตาตื่น เขามองฮูหยินที่หลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา เขาไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวนางตื่น ร่วมเตียงกับนางมา 3 คืนแล้ว เขาจึงรู้ว่าทันทีที่เขาขยับตัวจะปลุกให้นางตื่นขึ้นมา นางเป็นคนหลับง่ายก็จริง แต่ตื่นไวเช่นกัน เขานอนนิ่งๆ มองนางอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ

จนกระทั่งล่วงเข้ายามเว่ย* หว่านหรงจึงได้ตื่นขึ้นมา นางขยับตัวลุกขึ้น หนานกงเยี่ยนยิ้มให้นาง “ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำเถอะ”

(ยามเว่ย (未:wèi) คือ 13.00 – 14.59 น.)

“ท่านพี่ตื่นนานแล้วหรือเจ้าคะ” หว่านหรงถาม หนานกงเยี่ยนพยักหน้า “อืม”

เขามองนางพลางบอก “ดูเจ้านอนน้ำลายไหลก็น่ารักดีนะ”

หว่านหรงรีบลุกขึ้นยกมือเช็ดๆ มุมปากทั้งสองข้าง ครั้นพบว่าไม่มีคราบน้ำลายซะหน่อย นางจึงรู้ตัวว่าถูกสามีแกล้งเสียแล้ว นางจึงต่อว่าเขา “ท่านพี่แกล้งข้า”

นางทุบเขาทีหนึ่ง หนานกงเยี่ยนจึงดึงนางไปกอด ทำให้ดอกบัวชนกับหน้าเขา หว่านหรงร้อง “อ่ะ!”

หนานกงเยี่ยนจึงอ้าปากดูดดอกบัว หว่านหรงสะดุ้ง “อุ้ย!”

หนานกงเยี่ยนดูดยอดดอกบัวสีชมพูระเรื่ออย่างหิวกระหาย หว่านหรงเสียวซ่านจนคราง “อา…ท่านพี่…”

นางพยายามดันตัวออก แต่หนานกงเยี่ยนกดแผ่นหลังของนางเอาไว้ ซ้ำยังเอาหน้าคลุกเคล้ากับทรวงอกอ่อนนุ่มของนาง หว่านหรงเสียวซ่านจนตัวอ่อนระทวย “อือ…ท่านพี่…”

หนานกงเยี่ยนดูดดอกบัวทั้งสองข้างอยู่นาน ดูดจนหนำใจแล้วเขาจึงผละออก เขาจับเอวนางยกขึ้นจนนางตัวลอย หว่านหรงร้อง “อุ้ย!”

หนานกงเยี่ยนวางนางให้คร่อมศีรษะเขาพลางกดสะโพกนางลงมา เขาแลบลิ้นเลียดอกไม้งาม หว่านหรงเสียววาบ “อุ้ย! ท่านพี่…”

หนานกงเยี่ยนเลียไล้ไปทั่วกลีบดอกไม้งาม เขาใช้นิ้วแหวกกลีบดอกไม้ออกแล้วเลียเกสรกลางดอกไม้ หว่านหรงเสียวจนตัวอ่อนระทดระทวย “อา…ท่านพี่เจ้าขา…”

นางเกาะพนักหัวเตียง ยกสะโพกหนีลิ้น แต่หนานกงเยี่ยนจับสะโพกนางกดลงไม่ยอมให้หนี แลบลิ้นเลียระรัวไปทั่ว หว่านหรงเสียวจนคราง “อื้อ…ท่านพี่…”

นางถูกเขาเลียๆ ดูดๆ จนนางเสียวไปหมด นางไม่รู้ตัวเลยว่านางกำลังบดสะโพกใส่ปากเขา ลิ้นเขาช่างร้ายกาจทำนางเสียวไปหมด เสียวจนแทบขาดใจตายแล้ว “อา…ซี๊ด…ท่านพี่เจ้าขา…”

หนานกงเยี่ยนดูดจ๊วบๆ เลียแผล๊บๆ ยิ่งดูดยิ่งเลีย น้ำหวานยิ่งหลั่งรินออกมาจนหน้าเขาเปียกเปื้อนไปครึ่งหน้าแล้ว

จนกระทั่งหว่านหรงตัวเกร็งกระตุก “อ้าาาาา…”

น้ำหวานไหลเยิ้มออกมา หนานกงเยี่ยนเลียกินจนหมด หว่านหรงยันตัวลุกขึ้นไปนอนหอบอยู่ข้างๆ เขา นางมองเขาอย่างรักใคร่หลงใหล พลางต่อว่าต่อขานเสียงเบา “ท่านพี่น่ะ รังแกข้า”

“ก็เมียข้าน่ารังแกถึงเพียงนี้ข้าจะอดใจไหวได้อย่างไร ต้องโทษเจ้า” หนานกงเยี่ยนปัดความผิดให้นาง หว่านหรงเขินอายจนสู้สายตาเขาไม่ไหว นางจึงจับผ้าห่มมาพันตัวแล้วลุกออกจากเตียงไป หนานกงเยี่ยนหัวเราะเบาๆ พลางลุกขึ้นจัดอาภรณ์ให้เข้าที่เข้าทางแล้วเดินออกจากห้องนอนไป ไปอาบน้ำที่เรือนข้างๆ

หว่านหรงก้าวเข้าไปในห้องอาบน้ำด้านหลัง นางร้องสั่งสาวใช้ว่า “เติมน้ำร้อนที”

“เจ้าค่ะนายหญิง” สาวใช้รับคำ หว่านหรงนั่งลงที่เก้าอี้ รอให้สาวใช้เติมน้ำร้อนใส่อ่าง

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว หว่านหรงก็ไปนั่งกินข้าวร่วมกับสามี หนานกงเยี่ยนคอยเอาอกเอาใจฮูหยินจนพวกบ่าวไพร่แทบจะเคลิ้มละลายไปกับบรรยากาศที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักของนายท่านแล้ว

หลังจากนั้นหนานกงเยี่ยนก็พาฮูหยินไปเยี่ยมบ้านเดิมตามธรรมเนียม รถม้าขับออกจากบ้านตระกูลหนานกง มุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลหว่าน

เมื่อไปถึงจวนตระกูลหว่าน รถม้าก็จอด หนานกงเยี่ยนลงจากรถม้า หว่านหรงก้าวลงตามสามี หนานกงเยี่ยนประคองนางราวกับแก้วตาดวงใจทำให้บ่าวไพร่จวนตระกูลหว่านแทบเคลิ้มละลายไปกับบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยความรักของคู่ข้าวใหม่ปลามันคู่นั้น

หว่านหรูอี้ที่เห็นภาพเช่นนั้น นางกัดฟันกรอดๆ กำมือแน่นอย่างโกรธขึง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอิจฉาหรือว่าริษยากันแน่

อนุรองเดินไปต้อนรับอย่างวางท่าของเจ้าบ้าน มีความเย่อหยิ่งถือตัวแฝงอยู่ในท่าทีนั้น นางเอ่ยว่า “หรงเอ๋อร์มาแล้ว มาๆ เข้าบ้านก่อน ท่านพี่รอเจ้าตั้งแต่เช้า ไยจึงเพิ่งมาเอาป่านนี้เล่า?”

หว่านหรงยังไม่ทันตอบอะไร หนานกงเยี่ยนก็พูดแทรกว่า “ข้าตื่นสาย พวกท่านก็เคยผ่านคืนเข้าหอมาแล้วคงรู้ดีว่าเพราะอะไรถึงทำให้ตื่นสายกระมัง”

เขาพูดพลางมองกราดไปทางทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ทำให้อนุรองและอนุคนอื่นๆ ทำหน้าไม่ค่อยถูก แก้มคล้ายจะเห่อร้อนกันหน่อยๆ คิดไม่ถึงว่านายท่านหนานกงจะพูดเช่นนั้นออกมาได้อย่างไม่อายปากเช่นนี้ เรื่องแบบนี้มันใช่เรื่องที่ควรเอามาพูดอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้เรอะ!

หว่านหรงหน้าแดงระเรื่อ เขินอายจนได้แต่ก้มหน้ามองพื้น นางแอบหยิกสามีเบาๆ ทีหนึ่ง หนานกงเยี่ยนทำไม่รู้ไม่ชี้

“เข้าไปข้างในกันเถอะ ข้างนอกแดดร้อนนัก” เขาประคองฮูหยินเดินเข้าไปในห้องโถง แม่นมจางกับจางลี่เดินตามหลังไปติดๆ อนุรองจึงรีบก้าวนำไปในฐานะเจ้าบ้าน อนุคนอื่นๆ ก็เดินตามเข้าไป พวกสาวใช้ก็ตามเจ้านายของตนไปเป็นโขยงหนึ่ง

“ลูกเขยเยี่ยน เชิญนั่ง” อนุรองกล่าวพลางผายมือ หนานกงเยี่ยนมองอนุรองแล้วบอกว่า “อนุรอง เจ้าควรจะเรียกข้าว่านายท่านหนานกงนะ เจ้าเป็นเพียงแค่อนุรองมีสิทธิ์อะไรมาเรียกข้าว่าลูกเขย ข้าจำได้ว่าคนที่มีสิทธิ์เรียกข้าเช่นนี้มีแค่ท่านพ่อตากับท่านแม่ยาย ซึ่งก็คือฮูหยินเอกผู้ล่วงลับไปแล้ว”

“เอ่อ…” อนุรองหน้าม้านไป อนุคนอื่นๆ แอบยิ้มเยาะ หว่านหรูอี้ได้ยินหนานกงเยี่ยนพูดเช่นนั้น นางรีบก้าวไปยืนข้างท่านแม่ทันที “น้องเขย เจ้าพูดเช่นนี้ไม่ถูกนะ ถึงอย่างไรท่านแม่ข้าก็เป็นฮูหยินของท่านพ่อ ถือว่าเป็นแม่ยายของเจ้าคนหนึ่งเช่นกัน”

หนานกงเยี่ยนประคองฮูหยินนั่งลง เขานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ นางแล้วมองหว่านหรูอี้ด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยน้ำเสียงเฉยชาว่า “ฮูหยินเหรอ? ข้าไม่ยักได้ยินข่าวว่าท่านพ่อตายกย่องอนุรองเป็นฮูหยินตั้งแต่เมื่อไหร่ ลูกอนุเช่นเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดกับข้าแบบนี้ จะให้ข้ายกย่องนางบำเรอของท่านพ่อตาเป็นแม่ยายเนี่ยนะ”

“เจ้า!” หว่านหรูอี้โกรธจนหน้าแดง นางยกมือชี้หน้าหนานกงเยี่ยนอย่างโกรธจัด

อู้ว! อนุคนอื่นๆ ชมดูงิ้วฉากนี้อย่างสนุก พวกนางล้วนมองอย่างสะใจยิ่ง แม่ลูกคู่นี้ถือว่าตัวเองเป็นคนโปรดของท่านพี่จึงได้ทำตัวอวดเบ่งมานานมาก มาวันนี้เจอคนไม่ไว้หน้าอย่างนายท่านหนานกง นี่ช่างสนุกจริงๆ ฮ่าๆๆๆ…

หนานกงเยี่ยนนั้นไม่เคยไว้หน้าใครอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าแม่ลูกคู่นี้ เอาจริงๆ เขายังไม่ได้เอาเรื่องที่แม่ลูกคู่นี้หลอกลวงเขาเลย เริ่มแรกที่เขาส่งคนมาขอหมั้นหมาย เขานั้นต้องการสู่ขอลูกสาวของฮูหยินเอก แต่ว่าในตอนนั้นอายุของหว่านหรงยังไม่ถึงวันปักปิ่นจึงยังถือว่าเป็นเด็กไม่ถึงวัยออกเรือน อนุรองเห็นหนานกงเยี่ยนทั้งร่ำรวยและรูปงามจึงคิดอยากจะได้เป็นลูกเขย นางจึงเสนอกับสามีว่าให้หว่านหรูอี้หมั้นกับหนานกงเยี่ยนแทนหว่านหรง หว่านกัวฉายเห็นดีเห็นงามด้วยจึงได้ตอบตกลงไป

หนานกงเยี่ยนในตอนนั้นก็ไม่ได้ตรวจสอบอะไรมากนัก รู้แค่ว่าหว่านหรูอี้เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนตระกูลหว่าน เขาก็คิดว่านางเป็นลูกฮูหยินเอกจึงได้ตกลงหมั้นด้วย เขามารู้ทีหลังว่าหว่านหรูอี้เป็นลูกอนุรองก็จนการหมั้นหมายทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาในตอนนี้ขี้เกียจที่จะเอาเรื่องเอาราวจึงได้ปล่อยผ่านไป คิดจะรับหว่านหรูอี้เป็นฮูหยินของเขา แต่ว่านางกลับไม่อยากแต่งกับเขาเอง วางแผนผลักน้องสาวต่างมารดามาแทน ซ้ำยังวางแผนให้เขากลายเป็นคนชั่วช้าในสายตาคนอื่น ความผิดนี้เขายังไม่ได้เอาเรื่องเอาราว คิดจะปล่อยผ่านไป แต่วันนี้นางกลับจะให้เขาเรียกแม่ของนางว่า ‘แม่ยาย’ เนี่ยนะ! เฮอะ!

“คนพิการเช่นเจ้าต่อให้ร่ำรวยล้นฟ้า ข้าก็ไม่อยากแต่งด้วยหรอก” หว่านหรูอี้พูดโพล่งออกมา “เจ้ากลายเป็นขันทีแล้วยังอยากจะแต่งภรรยา ช่างน่าขันนัก ฮ่าๆๆๆ…”

นางหันไปมองหว่านหรงแล้วพูดว่า “ต่อให้เจ้าเสพสุขบนกองเงินกองทองแล้วอย่างไร แต่เจ้าก็ไม่ได้เสพสุขรสชาติความเป็นผัวเมีย ชีวิตเจ้าก็ไม่ต่างจากแม่หม้ายหรอก”

หนานกงเยี่ยนมีสีหน้าทะมึนขึ้นมา อ่อ ที่แท้นางก็รู้ความลับของเขาแล้วนี่เองถึงได้ไม่อยากแต่งงานกับเขา!

สิ้นเสียงหัวเราะของหว่านหรูอี้แล้ว ทั้งห้องพลันเงียบกริบ! ทุกคนต่างมีสีหน้าอึ้งงันไป สายตาของแต่ละคนตกลงบนตัวหนานกงเยี่ยน มองไปที่ตรงกลางกายของเขาเป็นจุดเดียว คำว่า ‘พิการ’ คำว่า ‘ขันที’ ดังก้องอยู่ในหัวพวกเขาวนไปวนมา

หนานกงเยี่ยนหันไปมองฮูหยินของเขา เห็นนางมองเขา มองจ้องตรงกลางกายของเขา เขาจึงลุกขึ้นคว้าข้อมือนางดึงให้เดินไปขึ้นรถม้า เขาสั่งสารถีด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า “กลับ!”

“เอ่อ…ขอรับๆ” สารถีรับคำสั่งอย่างงงๆ หนานกงเยี่ยนแทบจะอุ้มพาฮูหยินเข้ารถม้า

หว่านหรงซึ่งยังอึ้งๆ งงๆ ไม่หายจึงเข้าไปนั่งในรถม้าด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ในหัวนางเต็มไปด้วยคำว่า ‘พิการ’ คำว่า ‘ขันที’ ดังก้องอยู่ในหัว คำพูดของพี่สาวต่างมารดาดังวนไปวนมาอยู่ในหัวนาง จนกระทั่งผ่านไปพักใหญ่นางถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา “ท่านพี่…”

หนานกงเยี่ยนมีสีหน้าทะมึน แผ่กลิ่นอายน่ากลัว จนหว่านหรงรู้สึกกลัวๆ นางจึงไม่กล้าถามไม่กล้าพูดอะไรอีก แม่นมจางกับจางลี่ที่นั่งอยู่ข้างสารถียังรู้สึกหนาวเยือก พวกนางขนลุกชันอย่างประหลาด แอบมองไปทางประทุนรถม้าด้านหลังเป็นระยะๆ พวกนางก็สงสัยคำพูดของคุณหนูใหญ่หว่านหรูอี้ สามีของคุณหนูของพวกนาง ‘พิการ’ จริงหรือ?

เป็น ‘ขันที’ จริงๆ อย่างที่คุณหนูใหญ่บอกหรือ?

หลังจากหนานกงเยี่ยนกลับไปแล้ว อนุรองก็หันไปถามลูกสาว “ที่เจ้าพูดเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไรอี้เอ๋อร์?”

อนุคนอื่นๆ กับสาวใช้บ่าวไพร่ก็รอฟังกันหูผึ่ง หว่านหรูอี้บอก “หนานกงเยี่ยนก็เป็นขันทีอย่างที่ข้าบอกนั่นแหละท่านแม่ เขาไม่มีแท่งหยกแล้วจริงๆ เรื่องนี้ข้ารู้มาจากสาวใช้อุ่นเตียงของเขา ข้าถึงไม่อยากแต่งงานกับเขา ใครจะอยากได้สามีเป็นขันทีกัน”

“โอ!” ผู้คนอุทานออกมา อนุรองตกตะลึงไป “นี่!”

กว่าทุกคนจะตั้งสติได้และแยกย้ายกันไปก็ผ่านไปพักใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องที่หนานกงเยี่ยนกลายเป็น ‘ขันที’ แล้วย่อมแพร่กระจายไปในไม่ช้านี้แน่ๆ

รถม้ากลับถึงบ้านตระกูลหนานกง สารถีร้องบอก “นายท่านขอรับ ถึงบ้านแล้วขอรับ”

“อืม” หนานกงเยี่ยนส่งเสียงรับรู้ เขาสั่งว่า “จางลี่ แม่นมจาง พวกเจ้าลงไปซะ”

“เอ่อ…เจ้าค่ะ” จางลี่กับแม่นมจางรับคำอย่างงงๆ พวกนางลงจากรถม้า หนานกงเยี่ยนก็สั่งอีก “ใครก็ได้ไปตามเจ๋อหมิงมา ข้าจะไปแช่น้ำพุร้อน”

“ขอรับ” บ่าวคนหนึ่งรับคำสั่งแล้วรีบวิ่งไปตามพ่อบ้านเจ๋อหมิง หว่านหรงที่นั่งอยู่ในรถม้าจึงถาม “ท่านพี่ไม่ลงจากรถหรือเจ้าคะ?”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวเจ๋อหมิงมาแล้ว ข้าก็จะไปเลย” หนานกงเยี่ยนบอก หว่านหรงได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจ นางรู้สึกอึดอัดใจ อยากจะถามเรื่องราวให้กระจ่างแจ้ง แต่ว่าสามีทำหน้าขรึม ดูดุดัน เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันตราย ราวกับว่าถ้าเปิดปากถามเรื่องนั้นแม้ครึ่งคำ อาจจะถูกฆ่าตายตั้งแต่ถามยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ นางจึงได้แต่นั่งตัวเกร็งๆ กลัวๆ ตั้งแต่ขึ้นรถม้าแล้ว

จนกระทั่งเจ๋อหมิงมาถึงข้างรถม้า เขากุมมือ “นายท่าน”

“ข้าจะไปเรือนเหมันต์ เจ้าสั่งคนให้ดูแลบ้านดีๆ แล้วตามข้าไปเร็วๆ” หนานกงเยี่ยนสั่ง เจ๋อหมิงรับคำสั่ง “ขอรับ”

“ไปเรือนเหมันต์” หนานกงเยี่ยนสั่ง สารถีรับคำสั่ง “ขอรับ”

จากนั้นเขาก็ขับรถม้าออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังเรือนเหมันต์ ซึ่งเป็นเรือนพักในหุบเขาธารร้อน ที่นั่นมีธารน้ำร้อนไหลผ่านตลอดปี อากาศอบอุ่นทุกฤดูกาล แม้หน้าหนาวก็ไม่หนาวมาก หุบเขาแห่งนั้นอยู่นอกเมือง นั่งรถม้าไปราวๆ 2 ชั่วยามก็ถึง หุบเขาแห่งนั้นเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของเหล่าคนรวยของเมืองนี้ ตรงต้นแม่น้ำเป็นพระราชวังเหมันต์ ซึ่งฮ่องเต้และคนในราชวงศ์มักจะไปอยู่ที่นั่นในช่วงฤดูหนาว

ถัดจากพระราชวังเหมันต์ก็เป็นเรือนเหมันต์ของตระกูลหนานกง ส่วนเรือนพักผ่อนของเศรษฐีคนอื่นๆ ก็เรียงรายลดหลั่นกันไป ตรงปลายๆ แม่น้ำจะเป็นโรงเตี้ยมเล็กใหญ่ แน่นขนัดไปหมด เรือนเหมันต์ของตระกูลหนานกงอยู่ติดกับอาณาเขตของพระราชวังเหมันต์ แสดงให้เห็นถึงอำนาจของตระกูลหนานกงที่มีอำนาจรองจากฮ่องเต้ แน่นอนว่าราคาที่ดินในหุบเขาธารร้อนแพงพอๆ กับที่ดินรอบๆ พระราชวังในเมืองหลวงเลยทีเดียว

ดังนั้นใครที่เป็นเศรษฐีจึงต้องพยายามซื้อที่ดินในเขตหุบเขาธารร้อนให้ได้ เพราะมันไม่ได้แสดงถึงความร่ำรวยเพียงอย่างเดียว แต่ยังแสดงถึงอำนาจในมืออีกด้วย แต่ว่าตอนนี้เป็นฤดูคิมหันต์ ทำให้หุบเขาธารร้อนไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ จึงมีน้อยคนที่จะไปที่นั่น หุบเขาธารร้อนจะคึกคักมากในช่วงฤดูเหมันต์ ในฤดูคิมหันต์ที่อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้จึงเงียบเหงามากจริงๆ

รถม้าขับไปได้สักพัก เจ๋อหมิงกับเหล่าผู้คุ้มกันก็ขี่ม้าตามไปทัน พวกเขาเข้าล้อมรถม้าจัดรูปขบวนอารักขาความปลอดภัยโดยที่รถม้าไม่จำเป็นต้องหยุดเลย หนานกงเยี่ยนเลิกม่านหน้าต่างขึ้นมอง เห็นเจ๋อหมิงขี่ม้าอยู่ข้างรถม้าก็เบาใจ เขาแน่ใจว่าหลังจากวันนี้ไปข่าวที่ว่าเขากลายเป็นคน ‘พิการ’ กลายเป็น ‘ขันที’ ย่อมแพร่ออกไปเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่งเสียอีก เขาไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่ว่าเขาต้องหาทางทำให้ฮูหยินของเขาทำใจยอมรับเรื่องนี้ให้ได้ ถ้านางทิ้งเขาไป เขาทำใจไม่ได้จริงๆ ดังนั้นเขาจึงได้คิดที่จะไปหาสถานที่สงบๆ ปรับความเข้าใจกับนาง เขาคิดที่จะ ‘กล่อม’ นางให้เชื่องเชื่อ ทำใจยอมรับเรื่องนี้ให้ได้!

เขามองฮูหยินแล้วส่งถุงหนังใส่น้ำให้นาง “หิวน้ำหรือไม่?”

“เจ้าค่ะ” หว่านหรงรับถุงน้ำมาเปิดจุกยกขึ้นดื่ม อยู่ในรถม้าที่กำลังวิ่งไปด้วยความเร็วระดับนี้ไม่สะดวกที่จะรินชาใส่ถ้วยดื่ม เพราะน้ำชาจะกระฉอกหกออกมาเลอะเทอะเปรอะเปื้อนได้ นางดื่มน้ำอึกๆ แล้วปิดจุก หนานกงเยี่ยนดึงนางเข้าไปกอด หว่านหรงเบียดตัวกอดเขา เงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่ดูถมึงทึง เอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านพี่เจ้าคะ…”

“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลยนะหรงเอ๋อร์” หนานกงเยี่ยนพูดแทรก น้ำเสียงค่อนข้างดุ เขาจับเอวนางยกขึ้น หว่านหรงร้องคำหนึ่ง “อ่ะ”

หนานกงเยี่ยนยกนางมานั่งบนตักตัวเอง หว่านหรงหน้าแดงเขินอาย “ท่านพี่”

หนานกงเยี่ยนไม่พูดอะไร เขาล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง หว่านหรงสะดุ้ง “อ่ะ!”

นางจับมือเขาเอาไว้ กระซิบบอกเสียงเบาว่า “อย่าเจ้าค่ะ”

“หรงเอ๋อร์” หนานกงเยี่ยนเรียกเสียงแหบพร่าอยู่ข้างหูนาง หว่านหรงได้ยินเสียงเขาแล้วหน้ายิ่งแดงมากขึ้น หนานกงเยี่ยนล้วงเข้าไปใต้เอี๊ยมบีบคลึงดอกบัวตูมคู่นั้น หว่านหรงอยากจะห้ามแต่ว่านางสู้แรงสามีไม่ไหว นางจับมือเขายื้อยุดไว้แต่ว่าเขาก็ยังล้วงเข้าไปได้อยู่ดี

หนานกงเยี่ยนก้มลงไปซุกไซ้ต้นคอขาวที่ซับสีเลือดจางๆ เพราะความอาย หว่านหรงเสียวสยิวจนขนลุกชัน นางเม้มปากกลั้นเสียงครางเอาไว้แน่น ใจเต้นตึกๆ หนานกงเยี่ยนบีบคลึงดอกบัวตูมคู่นั้นไปมา นิ้วคลึงบี้ยอดดอกบัวจนมันชูชันสู้มือ หว่านหรงบิดตัวไปมา นางอยากจะลุกหนีแต่ว่ามือไม้อ่อนแรงไปหมด นางรู้สึกเสียวซ่านจนไร้แรงจะต่อต้านขัดขืน นางกลั้นเสียงครางอยู่ในปากจนเสียงดังอือๆ

หนานกงเยี่ยนบีบคลึงดอกบัวคู่นั้นจนคนตัวเล็กบนตักได้แต่พิงหลังซบอกเขาอย่างอ่อนระทวย เขาเลื่อนมือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปใต้กระโปรงพลางสั่งเสียงเบาข้างหูว่า “อ้าขาซิหรงเอ๋อร์”

“อื้อ!” หว่านหรงส่งเสียงประท้วงไม่ยอมทำตาม นางหนีบขาเอาไว้ไม่ยอมให้มือเขาล้วงได้สะดวกๆ หนานกงเยี่ยนสั่งอีก “อ้าขาซิ ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขอย่างไรล่ะ หรงเอ๋อร์ไม่ชอบหรือ? อ้าขาซิ เด็กดี”

มือเขาก็ดันต้นขานางให้อ้าออก หว่านหรงอยากจะขัดขืนแต่ว่านางก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตามจนได้ นางถูกเขาบีบดอกบัวจนรู้สึกเสียวซ่านไปหมด นางต้องการมากกว่านี้ ต้องการให้เขาพานางไปแตะขอบสวรรค์ หนานกงเยี่ยนสอดมือเข้าไปจับเนินเนื้อนุ่มนิ่ม หว่านหรงนั่งตัวเกร็งเสียวซ่าน นางขบริมฝีปากกลั้นเสียงคราง หน้าแดงระเรื่อ “อื้อ…”

หนานกงเยี่ยนบีบคลึงกลีบดอกไม้อ่อนนุ่ม แทรกนิ้วเข้าไปในรอยแยกเขี่ยคลึงเกสรกลางดอก หว่านหรงเดี๋ยวตัวเกร็งเดี๋ยวตัวอ่อนระทดระทวย นางแทบจะกลั้นเสียงครางไม่อยู่แล้ว ท่วงท่าของสามีช่างร้ายเหลือ “อื้อ…”

หนานกงเยี่ยนแทรกนิ้วกลางเข้ารู นิ้วโป้งก็บี้คลึงเกสรไปด้วย เขาแทงนิ้วเข้าๆ ออกๆ ในขณะที่นิ้วโป้งก็บี้เกสรไปด้วย ท่วงท่านี้ทำให้หว่านหรงตัวเกร็งเสียวซ่านใจจะขาด นางกลั้นเสียงครางแทบไม่ไหวแล้วนางจึงยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง “อื้อ…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!