ตอนที่ 110 คุณกำลังจะตาย
เป็นอย่างที่จางเซวียนพูด เมิ่งเหยียนซ่อนความจงเกลียดจงชังและเจตนาสังหารไว้ และเขายังถูกทรยศจากคนที่เขาไว้ใจอย่างสุดซึ้งอีกด้วย
แต่นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า เขาคิดว่าความเดือดดาลลดลงแล้ว และไม่เคยคิดว่าตัวเองจะใส่อารมณ์แบบนั้นเข้าไปในยา
แต่…หมอนั่นรู้ได้อย่างไร?
รู้ได้จากเม็ดยาที่เขาปรุงเนี่ยนะ? มันจะเป็นไปได้เหรอ?
“มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”
“เอ่อ…”
เมื่อได้เห็นสีหน้าของเมิ่งเหยียน แม้แต่คนซื่อบื้อที่สุดก็ยังบอกได้ว่าสิ่งที่
จางเซวียนพูดเป็นเรื่องจริง ทั้งคู่ต่างจ้องตากันอย่างไม่เชื่อ
หมอนี่ไม่ใช่แค่สัมผัสได้ถึงปราณสังหารผ่านเม็ดยาของเราเท่านั้น แต่ยังรู้ด้วยว่าเราเพิ่งถูกทรยศจากคนที่เราไว้ใจ แก…นี่แกเป็นศิษย์นักปรุงยาหรือหมอดูกันแน่?
“ถ้าพวกคุณคิดว่าผมพูดผิด ก็พิสูจน์ได้ง่ายนิดเดียว ทางสมาคมต้องมีสัตว์สำหรับทดลองอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ป้อนยาสงบใจให้มันกิน แล้วดูซิว่ามันจะสงบหรือคลุ้มคลั่ง!”
เห็นเมิ่งเหยียนอับจนถ้อยคำ จางเซวียนหัวเราะหึๆ
โดยปกติ ทางสมาคมนักปรุงยาจะจัดหาสัตว์ทดลองไว้เพื่อทดสอบฤทธิ์ยาอยู่แล้ว สัตว์ดุร้ายเหล่านี้ไวต่อฤทธิ์ยามาก เมื่อกินยาเข้าไป การตอบสนองของพวกมันจะบอกได้เลยว่ายาออกฤทธิ์อย่างไร
ก็เหมือนกับหนูทดลองในโลกเก่าของจางเซวียน เมื่อผ่านการทดสอบแล้วจึงจะนำยาไปใช้กับมนุษย์ได้ เพื่อให้แน่ใจว่าคนที่กินเข้าไปจะปลอดภัย
“ได้” โอวหยางเฉิงพยักหน้า และนักปรุงยาคนหนึ่งออกไปจากห้อง ครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมกรงใส่สัตว์ดุร้ายที่ดูเหมือนจะเป็นหนูขาวสองตัว เขาง้างปากหนูตัวหนึ่ง แล้วป้อนยาสงบใจให้มัน
หลังจากนั้นแค่แป๊บเดียว หนูตัวที่กินยาก็เริ่มลุกลี้ลุกลน วิ่งวนทั่วกรงและข่วนทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีวี่แววจะสงบลงแม้แต่น้อย
“โดยทั่วไปแล้ว หลังจากกินยาสงบใจ สัตว์ทดลองจะนอนเงียบๆอยู่มุมหนึ่ง แต่หลังจากกินยานี้ มันลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัดเลย”
ระหว่างที่จางเซวียนกำลังพูด หนูตัวที่กินยาสงบใจวิ่งตรงเข้าหาหนูอีกตัวหนึ่ง มันปีนขึ้นไปแล้วเริ่มคร่อมหนูตัวนั้น
“อะแฮ่ม แรงผลักดันทางเพศที่แสดงออกจากหนูตัวที่กินยาทำให้เราเห็นว่า ไม่เพียงแต่ยาจะไม่ช่วยให้ใจสงบเท่านั้น ยังเพิ่มความรุ่มร้อนให้อีกด้วย ถ้าผมพูดไม่ผิด คนที่นักปรุงยาเมิ่งเหยียนฆ่าวันนี้เป็นผู้หญิงที่เขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย การทรยศของเธอทำให้เขาเคียดแค้น ส่งผลให้ยาซึมซับความโกรธ ความหึงหวง และความบ้าคลั่งเข้าไป!”
“นี่มัน…”
หลังจากเห็นหนูตัวที่กินยาเริ่มรุกรานอีกตัวหนึ่งอย่างไม่ปล่อยให้มีทางสู้ นักปรุงยาคนอื่นๆก็เริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
นี่มันใช่ยาสงบใจจริงๆเหรอ? แน่ใจนะว่าไม่ใช่ยาปลุกเซ็กส์!
โชคดีที่ไม่มีใครกินเข้าไป นอกจากใจจะไม่สงบแล้ว ยัง…
แค่ก แค่ก นี่มันหายนะชัดๆ
ทุกคนตัวสั่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น
“เมื่อเช้า ผมโดนนางบำเรอที่ผมรักที่สุดทรยศด้วยการเป็นชู้กับพ่อบ้าน ผมบันดาลโทสะฆ่าทั้งสองคนนั้น!” เมิ่งเหยียนส่ายหน้าเมื่อเห็นทุกสายตาจับจ้องที่เขา ในเมื่อจางเซวียนพูดหมดแล้ว ก็ไม่เหลืออะไรให้เขาอธิบายอีก
เรื่องนี้ทำให้เขาโกรธจัดจนอารมณ์เสียมาตลอดทั้งวัน เหตุที่เสนอตัวเข้าประลองก็เพื่อจะฉีกหน้าจางเซวียนเป็นการระบายความแค้นเท่านั้น
“มันเป็นเรื่องจริงหรือนี่?”
“อ่านขาดได้ขนาดนี้ แค่ดูการปรุงยานี่นะ?”
เมื่อเห็นเมิ่งเหยียนยอมรับ ทุกสายตาก็จับจ้องที่จางเซวียนราวกับเขาเป็นภูตผีปีศาจ จากสีหน้าดูถูกเหยียดหยามเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิด
ยาเม็ดหนึ่งสะท้อนสภาวะจิตของผู้ปรุง แต่การบอกได้ว่านักปรุงยาคนหนึ่งเพิ่งฆ่าคนมาเมื่อเช้า บอกได้กระทั่งว่าเป็นนางบำเรอของเขา โดยดูจากการปรุงยานี่มัน…
บ้าไปแล้ว หมอนี่เป็นตำรวจแหงๆ
ไม่งั้นจะรู้ลึกขนาดนี้ได้ไง?
“เอาล่ะ ผมชี้ข้อผิดพลาดไปแล้วนะ นักปรุงยาเมิ่งเหยียน คุณจะให้ผมพูดต่อไหม?” จางเซวียนพูดยิ้มๆ ทำเป็นไม่เห็นอาการตกตะลึงของคนอื่นๆ
หอสมุดเทียบฟ้ามองเห็นทุกข้อบกพร่อง เป็นเรื่องหมูมากที่จะบอกว่าเขาเพิ่งถูกทรยศจากนางบำเรอ และยาได้ซึมซับเอาเจตนาสังหารและความเกลียดชังเข้าไปด้วย
“ไม่ต้องแล้ว ผมยอมแพ้!”
เมิ่งเหยียนยอมแพ้
นักปรุงยามากมาย รวมทั้งตัวเขาด้วย ไม่เคยมองเห็นปัญหาในยาที่ตัวเองปรุง แต่หมอนี่มองทะลุปรุโปร่ง แถมยังบอกได้มากกว่านั้น… มันเป็นความพ่ายแพ้อย่างเห็นๆ ถึงเขาจะไม่อยากยอมรับก็เถอะ
“ตกลง…เขายอมแพ้เหรอ?” เหวินเซวี่ยตาเบิกโพลง
นักปรุงยายอมรับความปราชัยต่อมือใหม่นี่นะ?
ถ้าไม่เห็นกับตาจะไม่เชื่อเด็ดขาด
แต่เมื่อทบทวนดูแล้วก็สมเหตุสมผลอยู่ การหยั่งรู้ของจางเซวียนช่างเหลือเชื่อ เมิ่งเหยียนไม่มีทางอื่นนอกจากยอมรับความพ่ายแพ้
“เอาล่ะ คนต่อไป!”
เมื่อคนแรกยอมแพ้ จางเซวียนก็มองนักปรุงยาที่เหลือด้วยรอยยิ้ม
“ผมเอง!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งยืนขึ้น
ถ้าคนเหล่านี้คิดว่าจางเซวียนเข้ามาป่วน หลังกรณีเมิ่งเหยียน พวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าที่จริงจางเซวียนเป็นผู้เชี่ยวชาญ เพราะไม่เพียงแต่มั่นใจและกล้าท้าประลอง แต่ยังทำให้มันยากขึ้นไปอีกด้วย
“นักปรุงยาเฉินเสี่ยว!”
“นักปรุงยาเฉินไม่เพียงแต่จะเชี่ยวชาญการปรุงยาที่สุดในหมู่พวกเรา แต่ยังอาวุโสที่สุดด้วย”
“เขาเป็นคนมีเหตุผลและสงบเยือกเย็น ไม่เหมือนเมิ่งเหยียนหรอก ฉันเชื่อว่าเขาต้องปราบหมอนั่นได้แน่!” ทุกคนพยักหน้าเป็นการยอมรับเมื่อเห็นผู้อาวุโสลุกขึ้นยืน
นักปรุงยาเฉินเสี่ยวมีอายุมากที่สุด และเป็นคนสุขุมรอบคอบที่สุดในหมู่พวกเขา มันจะต้องออกมาดีแน่
ฟึ่บ!
เปลวไฟใต้หม้อต้มยาส่งเสียง และในพริบตานั้นเขาก็ถือยาสองสามเม็ดไว้ในมือ
มันมีหน้าตาเหมือนยาของเมิ่งเหยียน ยาสงบใจนั่นเอง แต่กลมดิก ผิวเรียบลื่นและมีแสงเรืองออกมา เห็นได้ชัดว่าคุณภาพดีกว่า อยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบ
“เอาล่ะ ผมปรุงยาเสร็จแล้ว ไม่ต้องบอกวิธีหรอก เพราะก็ใช้สิบตำรับน้ำนิ่งเหมือนเมิ่งเหยียนนั่นแหละ แต่ถ้าคุณชี้ข้อบกพร่องได้ ผมจะยอมแพ้” นักปรุงยาเฉินเสี่ยวพูดเรียบๆขณะที่ถือยาไว้ในมือ
“เหลือเชื่อ!”
“ออกตัวได้สวยมาก!”
“ใช้วิธีเดิมปรุงยาขนานเดิม ก่อนหน้านี้เขาชี้เป้าที่ปราณสังหารของเมิ่งเหยียนว่าเป็นข้อบกพร่อง แต่ครั้งนี้ สภาวะจิตของนักปรุงยาเฉินเสี่ยวน่ะสงบเยือกเย็น แถมยังเป็นคนรอบคอบอีกต่างหาก หาข้อบกพร่องไม่ได้แน่”
“มาดูกันว่าคราวนี้จะทำอย่างไร…”
หลังจากเห็นทีท่าของนักปรุงยาเฉินเสี่ยว ทุกคนก็อดคิดในใจไม่ได้ว่าผู้อาวุโสกำลังถือไพ่เหนือกว่า
แม้แต่จางเซวียนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้า อีกฝ่ายหนึ่งช่างปราดเปรื่องนัก
การที่ไม่ต้องตอบวิธีการปรุงยาทำให้ทุกอย่างยากขึ้นอีก แต่สำหรับหอสมุดเทียบฟ้า…ไม่มีจนแต้ม!
จางเซวียนมองอีกฝ่ายหนึ่ง “ถ้าผมดูไม่ผิด คุณกำลังประสบปัญหาเรื่องกินไม่ได้นอนไม่หลับใช่ไหม?”
“ฮึ?”
นักปรุงยาเฉินเสี่ยวผงะ “ใช่ ผมนอนไม่หลับ แล้วก็กินอะไรไม่ค่อยได้…ว่าแต่ มันไม่เกี่ยวอะไรกับการปรุงยานี่”
แล้วไงล่ะ เกี่ยวอะไรถ้าฉันจะไม่กินไม่นอน แกก็แค่ชี้ข้อบกพร่องของยามา จะพล่ามเรื่องสภาพร่างกายฉันทำไม?
ว่าแต่…
ที่เรากินไม่ได้นอนไม่หลับนี่ เจ้านี่รู้ได้ไง?
“ไม่เกี่ยวอะไรงั้นเหรอ คุณผิดแล้ว มันเกี่ยวกันทุกเรื่องนั่นแหละ!”
จางเซวียนส่ายหน้า
“เกี่ยวกันทุกเรื่อง? บอกให้ผมกระจ่างทีเถอะ”
“ฮ่าฮ่า ถ้าผมพูดไม่ผิดล่ะก็…คุณกำลังจะตาย!” จางเซวียนพูด