ตอนที่ 18 คนเจ้าเล่ห์
“จะมาฆ่าเรางั้นรึ ?” พอเห็นอีกฝ่ายควักกริชออกมา จางเซวียนขมวดคิ้วด้วยความงุนงง โชคดีจริงๆ ที่เขาฝึกวิชาอยู่และยังไม่ได้เข้านอน ไม่อย่างนั้น เขาคงถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน “เราต้องสืบให้ได้ว่าเขาเป็นใคร?”
จางเซวียนรู้ว่าการกระทำอย่างอุกอาจยามวิกาลเช่นนี้ไม่ใช่การชำระแค้นส่วนบุคคลเป็นแน่ เป็นไปได้ว่าต้องมีองค์กรลับหนุนหลังคนคนนี้อยู่ หากเขาสืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบฆ่าเขาในคืนนี้ไม่เจอ แม้ว่าเขาจะจัดการนักฆ่าคนนี้ได้ ก็อาจมีนักฆ่าคนใหม่เข้ามาหวังปลิดชีพเขาอีกมากมายในอนาคตอย่างแน่นอน เขาคงไม่มีวันที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีก
“เป็นใครกันนะ?” ขณะที่จางเซวียนกำลังขบคิดว่าเขาควรใช้กำลังบังคับชายผู้นี้ให้สารภาพถึงองค์กรที่อยู่เบื้องหลังดีไหม เขาก็ได้ยินเสียงย่องอันแผ่วเบา ไม่รู้ตัวเลยว่าชายปริศนาคนนี้ได้ยืนอยู่หน้าห้องพักของเขาแล้ว
จางเซวียนไม่เคยสะกดรอยตามมาก่อน พอได้เห็นอีกฝ่ายถือกริช เขาจึงกังวลไปชั่วขณะและถอนใจออกมาเพื่อทำให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงการมาของตน
จากการสังเกตเพียงแวบเดียว จางเซวียนก็ขมวดคิ้วด้วยความงุนงง เขารีบเดินไปปรากฏกายต่อหน้าชายปริศนาคนนี้ ครู่เดียวเขาก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก เอ่ยปากออกไปว่า “ผมมาที่นี่เพื่อฆ่าจางเซวียน อาจารย์ห่วยแตกของโรงเรียน! แล้วคุณเป็นใคร?” เขาพยายามบีบเสียงเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาคือจางเซวียน
เนื่องจากมีกลุ่มอื่นต้องการจะฆ่าเขาเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างสถานการณ์เพื่อสับขาหลอกได้ โดยบอกกับชายชุดดำว่าเขามาที่นี่เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน
“คุณมาที่นี่เพื่อฆ่ามันงั้นหรือ?” ชายชุดดำผงะ พอเห็นว่าคนตรงหน้าเองก็ปกปิดใบหน้าและมีท่าทีลับๆ ล่อๆ ชายชุดดำจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อ
“อาจารย์ที่เลวร้ายที่สุดของโรงเรียนมีแต่จะนำพาความพินาศย่อยยับมาให้แก่ลูกศิษย์ เราไม่ควรปล่อยมันทิ้งไว้แบบนี้!” จางเซวียนไม่มีทางเลือกเมื่อพูดถึงเรื่องของตัวเอง ใบหน้าของเขาเริ่มแดงขึ้นด้วยความละอายในสิ่งที่พูด
“โอ้… คุณจะฆ่ามัน ดีเลย เดี๋ยวผมช่วยดูต้นทางให้!” ชายชุดดำพูด
จางเซวียนไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของชายชุดดำที่พยายามผลักภาระมาให้เขาแทน “ผมคิดว่ามันน่าจะดีกว่า ถ้าคุณได้ลงมือด้วยตัวเอง เพราะอย่างไรซะ พวกเราก็อยู่ที่นี่ด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกัน ดังนั้นมันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเป็นคนลงมือ!”
“คุณไปจัดการเถอะ เพราะจริงๆ แล้ว ผมไม่ได้มีความตั้งใจที่จะฆ่ามันหรอก ผมก็แค่อยากลงโทษมันเท่านั้น แต่ถ้ามันตายไปได้ก็ดีสิ!” ชายชุดดำพูดจากระตุ้นเขา
“ลงโทษมันงั้นหรือ?”
จางเซวียนสับสนเล็กน้อย หมอนี่จะลงโทษเขา… แล้วทำไมถึงต้องถือกริชล่ะ เขาอดถามไม่ได้ “คุณต้องการที่จะลงโทษจางเซวียนงั้นหรือ?”
“ใช่ อาจารย์คนนี้มาทำรุ่มร่ามกับนายหญิงน้อยของเรา ผมตั้งใจที่จะตัดสิ่งนั้นของมัน ให้มันกลายเป็นขันที”
ชายชุดดำป่าวประกาศอย่างดุดัน
“…” ทันทีที่ได้ยินคำพูดเกรี้ยวกราดเหล่านั้น จางเซวียนรู้สึกเย็นวาบที่หว่างขาและรู้สึกสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว พับผ่าสิ! ถ้าเรายังคงนอนฝันหวานในคืนนี้ เราต้องกลายเป็นขันทีรับใช้พระเจ้าไปตลอดชีวิตแน่ๆ
นรกจริงๆ ทำไมถึงคิดอะไรได้เลวทรามแบบนี้วะ!
ทำรุ่มร่ามกับนายหญิงน้อยของแกงั้นรึ? จางเซวียนพยายามทบทวนความทรงจำทั้งช่วงการเป็นจางเซวียนคนก่อนและเขา ณ เวลานี้… บ้าเอ๊ย! เขายังไม่เคยมีความสัมพันธ์กับนายหญิงน้อยคนไหนเลยนะ!
“จางเซวียนนั่น ผมเคยได้ยินว่ามันขาดคุณสมบัติในการเป็นอาจารย์ แต่ผมยังไม่เคยได้ยินเลยนะว่ามันข่มเหงผู้หญิงคนไหน นี่มันเรื่องอะไรกันหรือ?” จางเซวียนอดถามไม่ได้
“ฮึ่ม… มันเป็นสัตว์เดรัจฉานในร่างคน เป็นผู้ทรงภูมิที่ไหนกัน มันเป็นเดรัจฉานชัดๆ! นายหญิงน้อยของพวกเรา… ช่างมันเถอะ ยิ่งคิดผมยิ่งโกรธมากเท่านั้น!” ความเดือดดาลมหาศาลนี้รับรู้ได้จากน้ำเสียงที่พยายามข่มอารมณ์เอาไว้ของชายชุดดำ
“…” นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน มันมาดูถูกว่าเราเป็นสัตว์เดรัจฉานรึ? เราไปทำอะไรนายหญิงน้อยของมันอย่างนั้นหรือ? แล้วที่น่าคิดคือนายหญิงน้อยนี่คือใครกันล่ะ? ถ้าเป็นนายหญิงน้อยที่สะสวยก็ดีไป แต่ถ้าไม่ใช่ มันไม่มากไปหรือที่จะมากล่าวหาคนอื่นให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเช่นนี้!
“แล้วทำไมคุณถึงต้องการที่จะฆ่ามันล่ะ?” หลังจากจบคำพูดแดกดัน ชายชุดดำได้มองมาที่จางเซวียน
“ผมงั้นหรือ?” เขาไม่ได้คิดไว้ว่าอีกฝ่ายจะถามกลับเลยอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบด้วยท่าทางโกรธจัดว่า “ผม… ผมก็รังเกียจพฤติกรรมการรังแกผู้หญิงของมันเหมือนกัน!”
“นี่คุณก็รู้ว่ามันรังแกผู้หญิงรึ ใครกัน?” ชายชุดดำผงะด้วยความตกใจ
จางเซวียนฮึดฮัดและกล่าวโพล่งว่า “ผมไม่จำเป็นต้องตอบคำถามคุณนี่!”
“อืม… มันก็จริง ในเมื่อเราทั้งสองมีเป้าหมายเดียวกัน งั้นคุณไปจัดการมันก่อนได้เลย!” พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยินยอมจะเปิดเผยข้อมูล แม้ว่าจะมีข้อสงสัยในใจ แต่เขาเลือกที่จะตัดบทการสนทนาและผายมือให้จางเซวียนไปข้างหน้า
“ผมว่ามันจะดีกว่าถ้าคุณนำไปก่อน! เพราะถ้าผมฆ่ามันก่อนมันก็ต้องตายไป แล้วคุณจะจัดการตอนให้มันเป็นขันทีได้อย่างไรกัน” จางเซวียนตอบ
“อืม…” ชายชุดดำเริ่มลังเล เขาจ้องมองจางเซวียนด้วยความสงสัย ที่จริง… เขาเริ่มจะสงสัยในตัวชายตรงหน้าเข้าแล้ว มันเป็นไปได้อย่างไรที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น? ตอนที่เขาตั้งใจจะ ‘ตอน’ จางเซวียน จู่ๆ ก็ปรากฏบุคคลอื่นเสนอตัวขึ้นมาว่าจะลอบสังหารจางเซวียนเช่นกัน
“ทำไมล่ะ คุณไม่เชื่อผมหรือ? ถ้าผมไม่ต้องการที่จะฆ่ามัน แล้วผมจะมาที่นี่ทำไม” จางเซวียนรีบบอกปัดเมื่อเห็นชายชุดดำเริ่มที่จะเคลือบแคลงในตัวเขาแล้ว
“อืม” หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ชายชุดดำลังเลชั่วขณะ ก่อนที่จะพยักหน้าตกลง อันที่จริง นี่ก็ดึกมากแล้ว ถ้าชายใส่หน้ากากผู้นี้ต้องการที่จะฆ่าจางเซวียน ทำไมเขายังไม่เริ่มลงมือซะที? “ไม่ใช่เพราะผมไม่เชื่อใจคุณ ถ้าเป้าหมายของเราสอดคล้องกันอยู่แล้ว งั้นเราไปพร้อมกันดีกว่า!” ชายชุดดำตอบหลังจากขบคิดสักพัก
อันที่จริง เขายังคงสงสัยชายตรงหน้าอยู่บ้าง
“คุณยังระแวงผมอยู่สินะ เชื่อผมเถอะ ผมเป็นคนมีสัจจะพอ แต่ถ้าหากคุณยังไม่ไว้ใจผม…” จางเซวียนไม่พูดจายืดเยื้ออีกต่อไป “เราก็ไปด้วยกันเสียเลย!”
จากนั้นเขาก็พุ่งไปด้านหน้า
“นักรบขั้นห้าระดับสูง?” พอมองเห็นการเคลื่อนไหว ชายชุดดำก็พอจะตรวจสอบระดับฝีมือของอีกฝ่ายได้ เขาเร่งเร้าพลังในร่างและตามไปในระยะประชิด
เมื่อเห็นชายชุดดำตามมาด้านหลัง จางเซวียนก็หันกลับไปมองทันที
บูม!
หอสมุดเทียบฟ้ากระตุกและหนังสือก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
บุคคลที่เร่งพลังตามเขามา ก็เปรียบเสมือนได้แสดงการต่อสู้ให้เขาดูตรงหน้า ตราบใดที่มีคนใช้เคล็ดวิชา
หอสมุดเทียบฟ้าก็จะรวบรวมหนังสือเกี่ยวกับข้อบกพร่องของคนผู้นั้น ตลอดจนภูมิหลังของเขาก็จะถูกเปิดเผยเช่นกัน จางเซวียนชำเลืองมองไปยังหนังสือเล่มนั้น หน้าปกเขียนว่า ‘เหยาฮั่น’
“ชื่อนี้ฟังดูคุ้นๆ… เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง”
จางเซวียนจ้องมองไปที่ปก ก่อนที่จะพลิกไปยังหน้าแรก
พ่อบ้านเหยาของเจ้าเมืองไป๋หยู นักรบขั้นหกระดับต่ำ จุดชีพจรที่ถูกเปิดมีทั้งหมดแปดจุด!
“นั่นเขาเองหรือเนี่ย?”
พอมองเห็นคำว่าเมืองไป๋หยู จางเซวียนก็จดจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ทันที
นี่ไม่ใช่พ่อบ้านจากเมืองไป๋หยูที่รุดเข้ามาข่มขู่เขาตอนที่เขารับจ้าวหย่าเป็นลูกศิษย์รึ?
มิน่าเล่า… ไม่น่าแปลกใจที่เสียงและชื่อของเขาฟังดูคุ้นๆ!
หมายความว่านายหญิงน้อยที่เขากล่าวถึงคือจ้าวหย่าหรอกหรือ… เราทำอะไรร้ายแรงกับเธอหรือ เขาถึงต้องมา ‘ตอน’ เราเนี่ย? “กล้ามากที่ใส่ร้ายฉัน… ถึงแม้ว่าแกจะเก่งกว่าฉันสักแค่ไหน อย่างไรก็ต้องได้รับบทเรียน!”
ยิ่งคิดเขายิ่งขุ่นเคือง!
ถ้ามันเป็นเรื่องที่เขาได้ทำก่อนหน้า แม้ว่าจะรู้สึกไม่ถูกต้องเขาก็ยังคงยอมรับ แต่ปมของเรื่องนี้คือ… เขาไม่ได้ทำอะไรเลย! ทว่าเหยาฮั่นกลับตราหน้าว่าเขาเป็นสัตว์เดรัจฉานเสียแบบนี้! ขณะที่ความคิดของเขากำลังพลุ่งพล่าน จางเซวียนก็กวาดสายตาพลางครุ่นคิดต่อ
วิชาที่ใช้: เคล็ดวิชาหยกขาวเวียนวน
ทักษะการต่อสู้: ฝ่ามือมายา – ระดับผู้เชี่ยวชาญ, หมัดมายา – ระดับผู้เชี่ยวชาญ
ข้อบกพร่อง: 16 ข้อ ลำดับที่ 1 จุดเป็นจุดตายอยู่ที่ก้น และวิชาของเขาไม่สามารถป้องกันการโจมตีตรงๆ ในจุดนี้ได้, ลำดับที่ 2…, ลำดับที่ 3…”
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ หนังสือได้บันทึกจุดอ่อนทั้งหมดเกี่ยวกับคนคนนี้ไว้แล้ว มีการทะลวงจุดชีพจรทั้งหมดแปดจุด นั่นก็หมายความว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้อยู่ที่สิบสองติ่ง หากจางเซวียน
พยายามสู้กับเขา แน่นอนว่าคงเป็นไปได้ยาก แต่ถึงอย่างนั้น…
“เป็นนักรบขั้นหกแล้วไง มีความแข็งแกร่งถึงสิบสองติ่งแล้วไง ถ้าวันนี้เราไม่ได้สอนบทเรียนให้มัน อย่ามาเรียกเราว่าจางเซวียน!”
พอคิดได้ จู่ๆ จางเซวียนก็ชะงัก
“มีอะไรผิดปกติงั้นหรือ?” พอเห็นจางเซวียนชะงัก ชายชุดดำที่ตามมาติดๆ จึงถามด้วยความงุนงงสงสัย
“ดูนั่นๆ ยูเอฟโอ” จางเซวียนชี้ส่งเดชไปบนท้องฟ้า
“ยูเอฟโอ? ยูเอฟโอคืออะไร” ชายชุดดำรีบหันไปมองรอบๆ ทันที ในจังหวะนี้ทำให้จางเซวียนเห็นจุดเป็นจุดตายของเขาที่ด้านล่าง
“เจอแล้ว!” จางเซวียนซึ่งกำลังรอโอกาสนี้มานานจัดการส่ง
ลูกเตะไปยังส่วนล่างที่เป็นจุดอ่อนของชายชุดดำ
เปรี้ยง!
ยังไม่ทันที่ชายชุดดำจะหันมาโต้ตอบเพราะจุดเป็นจุดตายได้ถูกโจมตี เขาก็ปลิวไปด้านหน้าและกระแทกเข้ากับก้อนหินที่อยู่ห่างไป
ไม่มากนัก เลือดไหลออกมาจากบาดแผลบนหัว
แกมาที่นี่เพื่อตอนฉัน งั้นฉันควรจะตอนแกด้วยเลยดีไหม?
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธมากขึ้นทวีคูณ จางเซวียนรีบวิ่งเข้าไปนั่งคร่อมอีกฝ่าย เขารัวหมัดไปที่ใบหน้าเหยาฮั่นอย่างไม่ออมแรง
นักรบขั้นหกมีกำลังหมัดสิบสองติ่งงั้นรึ? แข็งแกร่งแล้วไง? ถ้าฉันหาจุดเป็นจุดตายและใช้ประโยชน์จากข้อบกพร่องของแกได้ แกก็ตายได้เหมือนกัน
“แก…”
ไม่ว่าอย่างไรเหยาฮั่นก็คิดไม่ถึงว่า คนที่บอกว่าจะร่วมมือไปกระทืบจางเซวียนอยู่ๆ ก็เปลี่ยนแผนมาโจมตีตนแทน ที่สำคัญ เริ่มแรกก็ถูกโจมตีจุดอ่อน ในตอนนี้ร่างกายเขาขยับเขยื้อนไม่ได้เลย จะเอาคืนก็ไม่ได้ ได้แต่โมโหจนสั่นไปทั้งตัว อยากจะบ้าตาย
ไหนบอกว่าจะร่วมมือกันไปกระทืบไอ้จางเซวียนไง?
การทำตามสัญญาล่ะ?
มโนธรรมของคนล่ะ?
อีกอย่าง… ไม่ว่าอย่างไรเจ้านี่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนักรบที่เก่งกาจ เป็นนักรบขั้นห้าเชียวนะ การต่อสู้ก็ต้องสู้อย่างมีศักดิ์ศรีสิ นี่มันหลอกเขาอย่างหน้าไม่อายแล้วลอบโจมตี แถมมานั่งคร่อมอยู่บนตัวแล้วต่อยหน้าเป็นชุดๆ อีก
วิชาการต่อสู้ล่ะ? ทักษะล่ะ? ลมปราณล่ะ?
ต่อให้เป็นนักเลงปลายแถวก็ไม่ต่อยกันขนาดนี้มั้ง?
รู้สึกได้เพียงว่าใบหน้าเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก เหยาฮั่นใกล้จะสติแตกอยู่แล้ว
จนถึงตอนนี้ เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้ถูกเจ้าคนปิดหน้าคนนี้เล่นงานเข้าแล้ว แถมยังเป็นการเล่นงานแบบแสบทรวงที่สุด