ตอนที่ 66 ไม่จริง
“แค่ 10 จุดเองเรอะ!” ไม่เพียงแต่เฉาฉงที่ตกใจ ผู้เฒ่าโม่เสียงและผู้เฒ่าซั่งเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะรำพึงออกมา
ได้ค่าความเชื่อมั่นแค่นี้ ยังจะกล้ามายื่นขอดำเนินการทดสอบความประสงค์อีก
ความมั่นใจของคุณมาจากไหนกัน?
คิดจะแย่งศิษย์จากอาจารย์คนอื่น สำหรับตัวอาจารย์ต้นเรื่อง อย่างน้อยจะต้องมีสถานะที่สำคัญในใจของนักเรียนที่จะแย่ง ไม่อย่างนั้น ก็จะกลายเป็นเรื่องตลกที่น่าอับอายอย่างที่สุด
เมื่อครู่เจ้าเฉาฉงคิดว่าค่าความเชื่อมั่นที่ตัวเขาจะได้รับต้องสูงกว่า 20 จุดแน่นอน แม้นี่จะเป็นตัวเลขที่ไม่สูงมากแต่ก็ยังพอเข้าใจได้ ทว่าตอนนี้ผลที่ออกมีกลับมีแค่ 10
เหมือนกำลังดูหนังตลกผิดม้วนยังไงยังงั้น
ใบหน้าของผู้เฒ่าซั่งเฉินเคร่งเครียดขึ้นทันที เขามีลางสังหรณ์ว่ากำลังมีอะไรที่เลวร้ายกว่านี้รออยู่
ส่วนซั่งปิง… เขาน่ะไม่เคยกลัวหรอกนะว่าตนจะมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่ที่กลัว ก็กลัวเพียงจะมีคู่หูที่ห่วยแตกต่างหาก ณ ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าคู่หูของเขาห่วยแตกจริงๆ
ซั่งปิงที่อยู่ข้างๆ เฉาฉงพูดอะไรไม่ออก ตกใจจนเกือบจะเสียสติ
ก่อนมาทำการทดสอบ เจ้าเฉาฉงยังบอกกับเขาด้วยความมั่นใจเกินร้อยอยู่เลย ว่าจะสามารถแย่งตัวหลิวหยางกลับได้อย่างแน่นอน แต่ค่าความมั่นใจที่หลิวหยางมีต่อเฉาฉงมีอยู่เพียงหยิบมือ แล้วยังจะไปมีหน้ามาแย่งกลับมา หน้าไม่อายจริงๆ
นี่แกกำลังแกล้งฉันอยู่ใช่ไหม?
ผ่านไปสักพัก เมื่อเฉาฉงเรียกสติตัวเองกลับมาได้ เขาก็รีบโอ่ “ต่อให้ได้แค่ 10 จุดแล้วจะทำไม หลิวหยางเป็นเด็กที่เชื่อคนยาก แม้ว่าความเชื่อมั่นที่เขามีต่อผมจะมีเพียง 10 จุดก็ไม่เป็นไรหรอก ขอเพียงจางเซวียนได้น้อยกว่านั้น ผมก็จะเป็นฝ่ายชนะอยู่ดี”
“อ๋อ… เป็นเด็กเชื่อคนยาก เหตุผลนี้ก็พอจะเข้าใจได้” ผู้เฒ่าโม่เสียงพยักหน้า
เรื่องเชื่อคนยากมันมีความเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมที่คนๆ หนึ่งเติบโตขึ้น ถ้าเขาเกิดในที่ที่มีแต่ความไม่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหรือใครก็ตาม คนๆ นั้นก็จะไม่เชื่อใจง่ายๆ
ตามการคาดการณ์ของผู้เฒ่าโม่เสียง เขาคิดว่าค่าความเชื่อมั่นของหลิวหยางที่มีต่อเฉาฉงน่าจะอยู่ที่ราว 17-18 จุด แต่สุดท้ายกลับมีเพียง 10 แต่ถ้าบอกว่าหลิวหยางเป็นเด็กนิสัยอย่างว่า ตัวผู้เฒ่าโม่เสียงเองก็พอจะเข้าใจ
“ถูกต้อง ถ้าจางเซวียนได้ไม่ถึง 10 จุด เขาก็จะเป็นฝ่ายแพ้อยู่ดีแหละครับ” ซั่งปิงพยักหน้าและพูดเสริม เขาเลือกที่จะเชื่อเฉาฉงอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าเฉาฉงจะไม่ใช่อาจารย์ระดับสูงหรือมีชื่อเสียงโด่งดังอะไร แต่ก็เป็นที่ชื่นชอบของนักเรียนจำนวนไม่น้อย เมื่อเทียบกับจางเซวียนคนก่อน เฉาฉงอยู่เหนือกว่าทุกประการ
ขนาดเฉาฉงยังได้แค่ 10 จุด จางเซวียนก็ต้องได้ต่ำกว่านั้นชัวร์
เมื่อคิดได้แบบนี้ ทุกคนก็จ้องไปที่ลูกแก้วคริสตัลอีกครั้ง
ลูกแก้วคริสตัลลูกนี้ยังคงเปล่งประกายและมีหมอกควันเบาบางปกคลุมอยู่
“ทำไมผลยังไม่ออกมาล่ะเนี่ย” เสิ่นปี้หรูเริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย
“หินถามใจแต่ละก้อนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างกันออกไป ระยะเวลาที่ใช้ในการคำนวณหาค่าความเชื่อมั่นก็ต่างกัน
บางก้อนก็ใช้เวลาน้อย บางก้อนใช้เวลามาก นี่เป็นเรื่องธรรมดา” พอซั่งปิงได้ยินคำพูดของเสิ่นปี้หรูจึงเดินมาใกล้ๆ เธอแล้วโบกมือพร้อมกับให้คำอธิบาย ท่าทางของเขาเหมือนกับปรมาจารย์ที่กำลังถ่ายทอดความรู้ให้กับศิษย์
ในฐานะหลานชายแท้ๆ ของหัวหน้าสำนักงานการศึกษา ซั่งปิงรู้ถึงขั้นตอนและรายละเอียดของการทดสอบความประสงค์มากกว่าอาจารย์ทั่วไป
ปกติ การวางมาดของซั่งปิงแบบนี้จะสามารถเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ได้จำนวนมาก แต่น่าเสียดายที่สภาพของเขาในตอนนี้ ตาปูดยิ่งกว่าไข่ห่าน ปากแตกมีคราบเลือดอยู่เต็มไปหมด มองไกลๆ เหมือนกับมนุษย์ต่างดาว ทำให้ทั้งมาดและความเท่ในตัวเขาหายไปหมด
“ถ้าอย่างนั้น… จะช้าหรือเร็ว… ความเชื่อมั่นของอันไหนสูงกว่ากันคะ” เสิ่นปี้หรูถามกลับทันทีโดยไม่สนใจในมาดของซั่งปิงเลยแม้แต่น้อย
“เร็วก็ต้องได้ผลที่ดีกว่าแน่นอน การคำนวณค่าความเชื่อมั่นได้อย่างรวดเร็วหมายถึงศิษย์คนนั้นมีความเชื่อมั่นในตัวของอาจารย์ของเขาเป็นอย่างมาก ถ้าผลออกมาช้าก็ไม่ต้องสงสัยเลย แสดงว่าศิษย์ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวอาจารย์เลยถึงยังลังเลอยู่ ไม่แน่ว่า ค่าความประสงค์อาจจะติดลบก็เป็นได้…”
ซั่งปิงไขว้แขนไว้ด้านหลังแล้วส่งยิ้ม ท่าทางเหมือนเขามีความมั่นใจในคำพูดของตัวเองเป็นอย่างมาก “อาจารย์เสิ่น คุณเชื่อผมเถอะ แม้ว่าตัวผมจะไม่เคยเห็นการทดสอบความประสงค์ของนักเรียนแบบนี้มาก่อน แต่ผมเคยอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่หลายเล่ม การที่จางเซวียนบังคับให้หลิวหยางยอมรับเขาเป็นอาจารย์ จะต้องทำให้หลิวหยางไม่พอใจ แบบนี้ ถ้าจางเซวียนจะได้รับค่าความเชื่อมั่นสักลบ 10 มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร…”
ขณะที่ซั่งปิงพูดกับเสิ่นปี้หรูด้วยน้ำเสียงที่สุดจะมั่นใจอยู่นั้น เขาก็รู้สึกว่ามีคนกำลังกระตุกชายเสื้อของเขาอยู่ เหมือนกำลังจะส่งสัญญาณให้เขาตื่นจากความฝันได้แล้ว
“มีอะไรเหรอ?” ซั่งปิงขมวดคิ้วขึ้นด้วยความรำคาญ เขานานๆ ทีจะมีโอกาสแสดงความรู้ความสามารถต่อหน้าสาวในดวงใจ แต่ดันมีคนมาขัดจังหวะ ทำไมต้องมาขัดจังหวะในเวลาแบบนี้ด้วยเนี่ย
ซั่งปิงหันหน้าไปก็เห็นหน้าเฉาฉงพอดี
เฉาฉงในตอนนี้สั่นไปทั้งตัว ความมั่นใจของเขาที่เมื่อครู่มีอยู่หายวับไปหมดแล้ว เขาก้าวมาตรงหน้าซั่งปิงแล้วพูดว่า “อาจารย์ซั่ง ดูนั่น…” มองตรงไป ณ จุดที่นิ้วของเฉาฉงกำลังชี้อยู่ เป็นลูกแก้วคริสตัลที่มีตัวเลขปรากฏขึ้น
“ทำไมเรอะ หรือว่าไม่ใช่ค่าติดลบ” ซั่งปิงพูดจบก็มองไปยังตัวเลขที่ปรากฏขึ้น ทันทีที่เขาเห็นตัวเลข ซั่งปิงก็แทบจะกลั้นใจตาย
“เป็นไปได้อย่างไร นี่มัน… ผมไม่เชื่อ” ซั่งปิงเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องเหมือนคนกำลังจะเป็นบ้า
ตัวเลขที่ปรากฏขึ้นบนลูกแก้วคริสตัลคือ 64
หมายความว่าค่าความเชื่อมั่นของหลิวหยางที่มีต่อจางเซวียนอยู่ที่ 64 จุด
อาจารย์ที่สอบได้ศูนย์คะแนน กลับสามารถทำให้ศิษย์มีความเชื่อมั่นในตนเองได้ ในระดับเดียวกับอาจารย์ระดับปรมาจารย์ หรือระดับเดียวกับพ่อแม่ของศิษย์คนนั้น… เป็นไปได้อย่างไร
ซั่งปิงมองไปที่เฉาฉง เขาเกิดความรู้สึกอึดอัดแทบจะกระอักเลือด โมโหแบบสุดๆ จนอยากจะฆ่าคน
อุตส่าห์มีโอกาสโชว์ความสามารถต่อหน้าสาวในฝัน พูดไปเต็มปากว่าถ้าค่าความประสงค์ออกมาช้า ผลลัพธ์ก็จะไม่ดี แต่สุดท้ายกลับมาเป็นแบบนี้… นี่มันอะไรกัน
อาจารย์เฉา… แกช่วยไว้หน้าฉันหน่อยได้ไหม!
แกไม่ได้บอกหรือว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่เชื่อคนยาก
แล้วมันยากตรงไหน
เชื่อคนยากแล้วค่าความเชื่อมั่น 64 จุดมาจากไหน
แกไม่ได้บอกเหรอว่าแกจะชนะแน่นอนน่ะ…ห๊า!
10 จุดต่อ 64… ใครชนะใครกันแน่
ซั่งปิงรู้สึกหน้าแตกจนน้ำตาเริ่มไหลออกมา อายจนแทบจะมุดหัวตัวเองลงไปในดิน
“64 จุดเลยเหรอ”
ซั่งปิงและเฉาฉงตกใจจนตัวสั่นเพราะเกิดเรื่องที่พวกเขาคาดไม่ถึง ผู้เฒ่าโม่เสียงเองก็ตกใจจนตัวสั่นเช่นกัน แต่เขาตัวสั่นเพราะความยินดี
ค่าความเชื่อมั่นระดับนี้เป็นระดับเดียวกับของค่าความเชื่อมั่นที่ศิษย์มีต่อคนระดับปรมาจารย์ ตัวผู้เฒ่าโม่เสียงเองก็เพิ่งจะเคยเห็นค่าทดสอบความประสงค์ที่สูงขนาดนี้
อาจารย์ที่สอบได้ศูนย์คะแนนจากการสอบประเมินผล ทำไมกลับได้รับความเชื่อมั่นจากศิษย์มากมายมหาศาลได้เล่า ทำได้อย่างไรกัน
อีกอย่าง… นี่เพิ่งจะเริ่มเรียนไปได้เพียงแค่สองวันเท่านั้น คิดแบบหยาบๆ จางเซวียนกับหลิวหยางเพิ่งจะรู้จักกันได้เพียง 30 ชั่วยาม ในช่วงเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ จางเซวียนกลับได้รับค่าความเชื่อมั่นจากหลิวหยางเกินกว่า 60 จุด ต่อให้เป็นปรมาจารย์ระดับ 1 ดาวก็ใช่ว่าจะทำได้
อาจารย์ที่อยู่ในระดับปรมาจารย์แบ่งเป็นหลายระดับ ระดับ 1 ดาวเป็นระดับที่ต่ำที่สุด
ถึงจะเป็นระดับต่ำสุด แต่ความสามารถของปรมาจารย์ระดับนี้ก็มากพอที่จะต่อกรกับคนนับพันได้แล้ว
“ท่านผู้เฒ่าทั้งสอง แบบนี้ถือว่าผมชนะหรือยังครับ” จางเซวียนขี้เกียจจะสนใจซั่งปิงและเฉาฉงที่ยืนงงอยู่ เขามองไปที่ผู้เฒ่าซั่งเฉินและผู้เฒ่าโม่เสียง
“ไม่จริง ลูกแก้วคริสตัลต้องมีปัญหาแน่นอน ไม่งั้น ค่าความเชื่อมั่นที่หลิวหยางมีต่อเจ้าจางเซวียนจะสูงขนาดนี้ได้อย่างไร ผมไม่ยอมรับผลการทดสอบนี้ ไม่ยอมรับเด็ดขาด” เฉาฉงตะโกนเสียงดังออกมาทันที
ก็ไม่แปลกที่เฉาฉงจะไม่เชื่อในค่าความเชื่อมั่นที่จางเซวียนได้ มันก็เหมือนกับขอทานคนหนึ่งอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นองค์ฮ่องเต้ จางเซวียนเป็นอาจารย์ที่สอบได้ศูนย์คะแนนจากการสอบประเมินผล ตามหลักแล้วเขาน่าจะได้ค่าความเชื่อมั่นเป็นลบเสียด้วยซ้ำ
แต่สุดท้าย… ไม่เพียงไม่ใช่ค่าติดลบ แต่กลับเป็น 64 ซึ่งเป็นค่าความเชื่อมั่นที่สูงกว่าที่อาจารย์คนอื่นๆ ได้รับทั้งโรงเรียน เห็นแบบนี้แล้วเฉาฉงไม่บ้าตายก็ถือว่าจิตแข็งพอตัวแล้ว
ซั่งปิงก้าวเท้ามาข้างหน้าพร้อมกับพูดต่อจากเฉาฉง “ถูกต้อง ผมก็คิดว่าที่อาจารย์เฉาพูดมามีเหตุผล จางเซวียนจะได้รับค่าความเชื่อมั่นสูงขนาดนั้นได้อย่างไร ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็แสดงว่าทั้งลู่ฉวินและหวังเชาคงสู้จางเซวียนไม่ได้เลยสินะ”
ขณะที่ผู้เฒ่าโม่เสียงกำลังจะเอ่ยปากกับซั่งปิงและเฉาฉงอยู่นั้น
เขาก็เห็นหลิวหยางเดินมาตรงหน้าจางเซวียนพร้อมกับมองหน้าอาจารย์ของเขาด้วยสายตานับถือสุดหัวใจ