ตอนที่ 68 คารวะอาจารย์จาง
“ท่านปู่ เจ้าบ้านหวังหงคนนี้ผมเคยได้ยินชื่อมาก่อน เขาเป็นยอดฝีมือประจำตระกูลหวัง เป็นหนึ่งในสิบของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรเทียนเซวียน เขาเป็นถึงนักรบขั้นเจ็ดระดับสูงสุด อีกนิดเดียวเขาก็จะได้เป็นปรมาจารย์อยู่แล้ว สุดยอดฝีมือระดับนี้มาหาท่านทำไมกัน” ซั่งปิงตกใจอย่างมาก เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
อยู่ที่อาณาจักรเทียนเซวียนก็ต้องรู้จักราชวงศ์ที่ปกครองแผ่นดินผืนนี้ แล้วก็ต้องรู้จักสี่ตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรนี้ด้วย เจ้าบ้านหวังหงเป็นคนที่มีวรยุทธสูงส่งที่สุดในตระกูลหวัง เป็นนักรบขั้นเจ็ดระดับสูงสุด ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วทุกสารทิศ คนระดับนี้ โดยปกติจะไม่มีใครสามารถเข้าใกล้หรือทำความรู้จักได้ วันนี้กลับเดินทางมาคารวะปู่ของซั่งปิงแบบนี้ ถ้าไม่ได้ยินกับหูตัวเองคงไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาด
“ต้องเป็นเพราะคุณชายน้อยหวังเทาอย่างแน่นอน” ผู้เฒ่าซั่งเฉินตอบ
“คุณชายน้อยหวังเทารึ”
“ถูกต้อง หวังเทาเป็นบุตรคนโตของเจ้าบ้านหวังหง วันหลังเขาต้องเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลหวังรุ่นต่อไป ผมรับเขาไว้เป็นศิษย์ แล้วทำให้เขากลายเป็นนักรบขั้นสี่ – ผีกู่ไปแล้ว น่าจะเป็นเพราะเจ้าบ้านหวังหงรู้สึกซาบซึ้งว่าผมฝึกสอนลูกของเขาจนเก่ง ก็เลยมาขอบคุณผมยังไงล่ะ” ผู้เฒ่าซั่งเฉินพูดไปลูบเคราไป ท่าทางเขาบ่งบอกชัดเจนว่ารู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก
“หวังเทา… เป็นศิษย์ของตาแก่นี่เองหรือ”
จางเซวียนได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าซั่งเฉินก็รู้สึกทึ่ง เขารู้มานานแล้วว่าพี่ชายของหวังหยิ่งคนนี้มีอาจารย์เป็นผู้เฒ่าคนหนึ่งในโรงเรียนแต่คิดไม่ถึงว่าอาจารย์ของเขาก็คือซั่งเฉิน
“ใช่” สีหน้าของเสิ่นปี้หรูฟ้องว่าเธอกำลังไม่สบอารมณ์เอามากๆ”
คุณรีบหาวิธีรับมือกับเรื่องนี้เถอะ ผู้เฒ่าซั่งเฉินตั้งใจจะเล่นงานคุณเห็นๆ ตอนนี้ยังมีคนตระกูลหวังคอยหนุนหลังอีก อำนาจของเขาต้องมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงคุณจะยังเป็นอาจารย์ในโรงเรียนนี้ต่อไปได้ แต่อนาคตของคุณจะต้องลำบากแน่”
“งั้นไว้ถึงอนาคตแล้วค่อยคิดก็แล้วกัน” จางเซวียนบอกปัดแบบไม่ใส่ใจ ถึงอีกฝ่ายจะเล่นงานเขาอย่างไร ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมคนอื่นง่ายๆ ถ้าถึงที่สุดจริงๆ ก็แค่แสดงพลังที่แท้จริงของตัวเองออกมาแล้วเล่นงานอีกฝ่ายตอบ ไม่เห็นจะมีอะไรยากเลย
จางเซวียนมีหอสมุดเทียบฟ้าอยู่ในมือ เขาสามารถมองเห็นจุดบกพร่องของคู่ต่อสู้ได้อย่างชัดเจน ถ้าต้องลงมือต่อสู้กันจริงๆ เขาเองก็ไม่เสียเปรียบใครอยู่แล้ว
“คุณ…” เสิ่นปี้หรูได้ยินคำตอบของจางเซวียนก็รู้สึกหงุดหงิด ตนอุตส่าห์ช่วยคิดแทน แต่เขากลับไม่สนใจเลยสักนิด มันน่าโมโหจริงๆ
“เราไปต้อนรับพวกเขากันเถอะ” ผู้เฒ่าซั่งเฉินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสนจะภูมิใจ เขาก้าวออกไปพร้อมกับซั่งปิงเพื่อต้อนรับคนตระกูลหวัง
เจ้าบ้านของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรเทียนเซวียนมาด้วยตัวเอง อย่าว่าแต่ไปต้อนรับที่หน้าสำนักงานเลย ต่อให้ต้องเดินออกไปต้อนรับนอกรั้วโรงเรียนก็เป็นเรื่องที่สมควร ถ้าสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลนี้ได้ การเลือกตั้งตำแหน่งรองอธิการบดีของโรงเรียนในครั้งหน้าก็ต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน
“ท่านผู้เฒ่าซั่ง”
ซั่งเฉินยังไม่ทันจะเดินไปถึงหน้าประตู คนจำนวนเจ็ดถึงแปดคนก็ก้าวเข้ามาในห้องเสียก่อน หนึ่งในนั้นเป็นชายคิ้วเข้มวัยกลางคน ร่างของเขาแผ่พลังปราณที่อัดแน่นออกมาจนคนรู้สึกได้ แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นคนที่มีพละกำลังสูงส่ง
เขาคือเจ้าบ้านตระกูลหวัง… หวังหง
มีชายชราเดินตามหลังเขาหลายคน ท่าทางการเดินของทุกคนแสดงให้เห็นว่าพวกเขาล้วนเป็นนักรบขั้นหก – พี่เชวี่ย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชายชราเหล่านี้เป็นผู้เฒ่าประจำตระกูลหวัง ส่วนที่เดินอยู่หลังสุดคือหวังเทาและหวังเหยียน ซึ่งหวังเหยียนเป็นหลานของรองผู้เฒ่าประจำตระกูลหวัง หวังเหยียนได้คารวะลู่ฉวินเป็นอาจารย์ ความสามารถของเขาอยู่ในระดับแนวหน้า เป็นที่รักและที่ชื่นชอบของอาจารย์ทุกคน
“เจ้าบ้านหวังมาด้วยตนเอง ผมไม่ทันไปต้อนรับต้องขออภัยด้วย คุณมีอะไรให้ผมรับใช้ก็เชิญสั่งการมาได้ ไม่จำเป็นต้องลำบากมาถึงที่นี่เลยจริงๆ คุณมาที่นี่ นับว่าเป็นเกียรติของผมแล้ว” ผู้เฒ่าซั่งเฉินกล่าวขึ้นทันที
“ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว ความจริงที่ผมมาที่นี่เพราะมีเรื่องจะรบกวนท่านผู้เฒ่าจริงๆ นั่นแหละ…” เจ้าบ้านหวังหงยิ้มและตอบ
“เชิญคุณสั่งการมาได้เลย” ผู้เฒ่าซั่งเฉินรีบสนอง ถ้าเขาได้ช่วยอะไรตระกูลหวังบ้าง แบบนี้ก็จะสามารถสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลหวังได้ อนาคตมีอะไรก็อาจจะไหว้วานได้
“ลูกสาวผม หวังหยิ่ง คิดว่าท่านผู้เฒ่าซั่งเฉินน่าจะรู้จัก ผมได้ยินมาว่าเธอไปคารวะอาจารย์ท่านหนึ่งชื่อจางเซวียน…” เจ้าบ้านหวังหงพูดช้าๆ แต่เน้นไปทุกคำพูด
“จางเซวียน… มีอะไรหรือครับ ท่านเจ้าบ้านหวังจะเอาเรื่องเขาใช่ไหม” ซั่งปิงได้ยินคำพูดของหวังหงก็รู้สึกดีใจจนแทบกระโดด
วันก่อนเขาเห็นหวังเทายืนอยู่หน้าห้องเรียนของจางเซวียน หวังเทาคงรู้ว่า
หวังหยิ่งถูกจางเซวียนหลอกให้มาเป็นศิษย์ แบบนี้ตระกูลหวังจะต้องไม่พอใจจางเซวียนอย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าตระกูลหวังจะมีปฏิกิริยาไวแบบนี้ ถึงขนาดเจ้าบ้านหวังมาเองเลย
ซั่งปิงหัวเราะเหมือนคนบ้าคลั่ง กำหมัดแน่น
ถึงแกจะชนะการทดสอบความประสงค์แล้วยังไง นี่คือคนของตระกูลหวัง หนึ่งในสี่ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรเทียนเซวียน ไปก่อปัญหากับคนของตระกูลนี้ อย่าว่าแต่อาจารย์ชั้นต่ำอย่างแกเลย ต่อให้เป็นอาจารย์ชื่อดังอย่างหว่างเชาก็ไม่รอดเหมือนกัน
สิ่งที่ซั่งปิงคิดได้ เฉาฉงก็คิดได้
ตัวเฉาฉงเองก็รู้สึกดีใจ หัวใจเต้นแรงขึ้นเหมือนสัตว์ที่กำลังคลุ้มคลั่ง
“หุบปาก แกไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรที่นี่” ผู้เฒ่าซั่งเฉินเห็นว่าหลานชายตนพูดขัดจังหวะหวังหงจึงรีบต่อว่าเขาไม่ให้เสียมารยาท แม้ว่าซั่งเฉินจะเป็นหัวหน้าสำนักงานฝ่ายการศึกษา แต่ทุกวันเขาต้องทำงานมากมาย ซั่งเฉินรู้เพียงว่าจางเซวียนมีลูกศิษย์อยู่ห้าคน ส่วนเป็นใครบ้างนั้น เขาไม่รู้จริงๆ
ซั่งเฉินไม่รู้ว่าหวังหยิ่งเป็นศิษย์ของจางเซวียนเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรหรอก…” หวังหงโบกมือแล้วตั้งท่าจะพูดต่อ
ในขณะเดียวกันหวังเทาก็เดินมาจากด้านหลัง “ท่านพ่อ”
“มีอะไรหรือ” หวังหงขมวดคิ้ว
“นั่นไง อาจารย์จางเซวียน” หวังเทาชี้นิ้วไปข้างหน้า
ทันทีที่หวังเทาก้าวเข้ามาในเจดีย์แห่งความประสงค์ เขามองเห็นชายหนุ่มที่ตนเคยต่อยตีด้วย และจำได้ทันทีว่าชายหนุ่มคนนั้นคือจางเซวียน
“เขาคืออาจารย์จางเซวียนหรือ” หวังหงหันไปมองที่จางเซวียนด้วยสายตาเป็นประกาย
“ถูกต้อง เขาก็คืออาจารย์จางเซวียนของโรงเรียนเราเอง” ซั่งเฉินคิดไม่ถึงว่าจางเซวียนจะกล้าถึงขนาดหลอกหวังหยิ่งบุตรสาวของตระกูลหวัง เขาจึงหัวเราะแล้วรีบแนะนำจางเซวียนให้กับหวังหง
“คราวนี้มันแย่แน่ เจ้าบ้านหวังเป็นคนที่เด็ดขาด ถ้าเขาอยากจะจัดการใคร ไม่ต้องมีเหตุผลหรือหลักการอะไรมากเหมือนกับอาจารย์อย่างพวกเราหรอก…”
“สมน้ำหน้า ขนาดบุตรสาวของตระกูลหวังมันยังกล้าลงมือ นี่มันจะกล้ามากเกินไปแล้ว…” ซั่งปิงและเฉาฉงเห็นหวังหงหันไปมองจางเซวียนก็อมยิ้มทันที
คนที่ได้เป็นถึงเจ้าบ้านของตระกูลหวัง แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือที่แสนจะเลือดเย็นทั้งนั้น จางเซวียนเป็นอาจารย์ที่ห่วยแตกที่สุดในโรงเรียน แต่ดันไปหลอกลูกสาวตระกูลหวังแบบนี้ก็เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ
ขณะที่ทั้งสองกำลังคิดว่าจางเซวียนจะต้องถูกอัดจนเละเป็นโจ๊กแน่ๆ พวกเขากลับเห็นภาพที่ต่อให้ตายก็คิดไม่ถึง
หวังหงเดินไปตรงหน้าจางเซวียน เขาไม่ได้โกรธหรือลงมือกับจางเซวียนอย่างใดเลย แต่กลับก้มโค้งคารวะด้วยใบหน้าที่เลื่อมใสสุดๆ
“ผมหวังหง… ขอคารวะท่านอาจารย์จาง”
ท่าทางของหวังหงเหมือนกับกำลังทำความเคารพต่อผู้นำของแคว้นแคว้นหนึ่ง คำพูดฟังดูก็รู้ว่าเขาเกรงใจจางเซวียนอย่างมาก เหมือนกับกลัวว่าจะพูดอะไรผิดแล้วทำให้จางเซวียนโกรธ
“อะไรกันวะเนี่ย”
“นี่เกิดอะไรขึ้น มัน… มันจะเป็นไปได้อย่างไร”
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว ทั้งซั่งปิงและเฉาฉงถึงกับจะเป็นลมไปเลย
ทำไมมันถึงไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลย มันน่าจะเป็น ‘เจ้าบ้านหวังหงต่อว่าหรือไม่ก็ลงมือกับเจ้าจางเซวียน’ สิ แล้วทำไมมันกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้
ทำไมกลายเป็นก้มโค้งคำนับ ทำไมต้อง ‘ผม…ขอคารวะ’ ด้วยล่ะ
ถึงจะเป็นแค่มารยาท แต่ทำไมขนาดผู้เฒ่าซั่งเฉินยังไม่ได้รับการคารวะแบบนี้ แล้วทำไมเจ้าจางเซวียนถึงได้…
อาจารย์คนที่สอบได้ศูนย์คะแนนกลับได้รับความเคารพแบบนี้ มันมีดีอะไรหรือ
“ท่านเจ้าบ้านหวังหงโปรดอย่าโมโหไป การโกรธจะเป็นการทำร้ายตับไตไส้พุงภายในร่างของคนเราได้ อาจารย์ระดับปลายแถวของโรงเรียนอย่างนี้ไม่คู่ควรกับความโกรธของท่านหรอก… หา! ว่าไงนะ…” ผู้เฒ่าซั่งเฉินคิดจะเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดีที่เข้าอกเข้าใจ แกล้งทำเป็นกันไม่ให้หวังหงทำร้ายจางเซวียน แต่ยังไม่ทันจะพูดจบประโยค ก็เห็นหวังหงโค้งกายคารวะจางเซวียนเสียแล้ว เขาช็อกจนแทบจะล้มทั้งยืน
จางเซวียนไม่ได้หลอกให้หวังหยิ่งรับมันเป็นอาจารย์หรอกหรือ
หวังหงไม่ได้จะมาเอาเรื่องจางเซวียนรึเนี่ย
ใครก็ได้ช่วยบอกหน่อย… คือ…งง!