ตอนที่ 64 : นักกระตุ้น
หลังจากออกคำสั่งกับซูซี่ สุนัขโกลเด้นรีทวีเวอร์ตัวโปรด ออเดรย์เดินวนเวียนไปมาภายในห้องนอน เธอกังวลว่าพิธีกรรมเวทมนตร์อาจทำให้เกิดหายนะร้ายแรงขึ้น
“แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำ…”
นัยน์ตาเด็กสาวเริ่มสงบลง เธอกลับสู่ภาวะผู้ชมอีกครั้งเมื่อตัดสินใจหนักแน่น
ออเดรย์เดินไปที่ประตู ปลดกลอนขัดออกและเปิดประตูกล่าวกับซูซี่
“ถ้าแอนนี่พยายามเข้ามาในห้อง ให้รีบวิ่งไปเตือนฉันที่ห้องอาบน้ำทันที เข้าใจไหม?”
เพื่อความปลอดภัย สาวใช้ส่วนตัวของเธอจะมีกุญแจห้องนอนพกติดตัวไว้เสมอ
ซูซี่จ้องมองออเดรย์ด้วยสีหน้าขี้เล่นตามประสาสุนัข ก่อนจะกระดิกหางสามครั้งเป็นเชิงรับทราบ
“ต้องอย่างนั้น! ฉันจะให้เธอเลือกอาหารมื้อเที่ยงของวันนี้ได้ตามใจชอบ!”
ออเดรย์ใช้กำปั้นชกลมอย่างสะใจ
หลังจากฝากฝังซูซี่เรียบร้อย เด็กสาวปิดประตูห้องและเดินไปยังห้องอาบน้ำ ภายในมีอ่างใหญ่ขนาดราวสามถึงสี่เมตร ผิวน้ำกระเพื่อมนิดๆ และมีไอน้ำแสดงถึงอุณหภูมิที่พอเหมาะสำหรับอาบ
ก่อนอื่น ออเดรย์รีบเคลียร์โต๊ะวางขวดแชมพูและผลิตภัณฑ์อาบน้ำให้ว่าง จากนั้นก็เดินออกจากห้องและกลับเข้ามาพร้อมกับเทียนไข วัตถุดิบพิธีกรรม และเสื้อคลุมขาว
ประตูห้องน้ำถูกปิดล็อกจากด้านใน
เมื่อเตรียมการเสร็จสิ้น เด็กสาวถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบขวดแก้วที่บรรจุของเหลวสีน้ำเงินซึ่งวางข้างเทียนไขสี่เล่มขึ้นมา
ของเหลวภายในขวดใสทรงกระบอกส่องระยิบระยับเมื่อถูกแสงจากโคมไฟสะท้อน สิ่งนี้คือน้ำมันสกัดที่เธอเตรียมการตั้งแต่เมื่อวาน
ในฐานะผู้คลั่งไคล้ศาสตร์เร้นลับ เธอคุ้นเคยกับวัตถุดิบพื้นฐานเป็นอย่างดี และมีโอกาสสกัดของเหลวหลายชิ้นไว้ล่วงหน้าสำหรับศึกษา จำพวกของเหลวจากดอกไม้ น้ำมันสกัด และสารสกัดที่ให้กลิ่นหอม
ด้วยเหตุนี้ การเตรียมตัวสำหรับพิธีกรรมของมิสเตอร์ฟูลจึงไม่ใช่เรื่องยาก
“บุปผาจันทร์ มินท์ทอง บุปผาหลับใหล ตระไคร้หอมหนึ่งข้อนิ้ว และกุหลาบหิน…”
“เป็นส่วนผสมที่แปลกดี…”
ออเดรย์พึมพำเสียงเบา
“จริงสิ เราต้องชำระล้างร่างกายพร้อมกับทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง เพื่อแสดงความเคารพต่อองค์เทพ เอ่อ… หมายถึง ‘ตัวตน’ ที่พิธีกรรมมุ่งเป้าไปหา”
ขณะทวนขั้นตอนทั้งหมดซ้ำ ออเดรย์วางขวดน้ำมันสกัดลงบนขอบอ่าง จากนั้นก็ปลดเสื้อผ้าที่สวมเป็นประจำออก
ชุดผ้าไหมถูกถอดลงตะกร้าชิ้นแล้วชิ้นเล่า เด็กสาวเกล้าผมสีทองให้เป็นมวยเหนือศีรษะ ก่อนจะใช้ฝ่ามือสัมผัสอุณหภูมิน้ำในอ่างอย่างระมัดระวัง
เมื่อมั่นใจว่าพอเหมาะ ออเดรย์ทิ้งตัวลงแช่โดยไม่ลังเล
“ฟู่ว…”
เด็กสาวถอนหายใจเสียงกระเส่า ความอบอุ่นกำลังโอบล้อมร่างกายอย่างทะนุถนอม เธอกำลังผ่อนคลายเป็นที่สุด
ไม่อยากขยับแม้แต่ปลายนิ้ว…
ออเดรย์ฝืนบังคับตัวเองให้เอื้อมหยิบขวดแก้วทรงกระบอกขอบอ่าง จากนั้นก็เปิดฝาและเทของเหลวด้านในผสมกับน้ำในอ่างเล็กน้อย
เพียงพริบตา กลิ่นหอมหวนพลันฟุ้งกระจายทั่วห้องอาบน้ำ เติมเต็มความเงียบงันด้วยความสดชื่น
ออเดรย์สูดลมหายใจเต็มปอดสองสามหน ก่อนจะผงกศีรษะอย่างพึงพอใจกับผลลัพธ์
“ไม่เลว กลิ่นหอมมาก”
“ผ่อนคลาย… สดชื่นจัง”
“ไม่อยากขยับตัวเลย… อยากทิ้งตัวนอนเงียบๆ คนเดียว…”
“คน… เดียว…”
…
หลังจากสติหลุดลอยไปพักใหญ่ ออเดรย์ถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้งด้วยเสียงเห่าของสุนัข
เมื่อลืมตาขึ้นด้วยท่าทีลนลาน เด็กสาวเหลือบเห็นซูซี่เปิดประตูห้องอาบน้ำและนั่งเห่าเสียงดังหน้าประตู สีหน้าขี้เล่นเฉกเช่นในยามปรกติ
หลังจากขยี้ตาแรงๆ สองสามหน ออเดรย์สัมผัสได้ว่า อุณหภูมิของน้ำในอ่างลดลงจากเดิมค่อนข้างมาก
น…นี่เราเผลอหลับไปอย่างนั้นหรือ?
หลังจากเห็นออเดรย์ตื่น ซูซี่หยุดเห่า แต่ยังคงนั่งมองเช่นนั้นโดยไม่ละสายตา หางส่ายกระดิกซ้ายขวาอย่างเป็นธรรมชาติ
“ฮะฮะ… น้ำมันสกัดในพิธีกรรมของมิสเตอร์ฟูลน่าทึ่งกว่าที่คิด เจ๋งชะมัด!”
ออเดรย์กล่าวพลางอมยิ้ม จากนั้นก็ลุกขึ้นจากอ่างและใช้ผ้าขนหนูพันร่างไว้ เธอหันไปกล่าวกับสุนัขโกลเด้นรีทรีเวอร์
“ซูซี่ กลับไปประจำจุดเดิมได้แล้ว ห้ามให้แอนนี่และที่เหลือเข้ามาเด็ดขาด!”
เมื่อเห็นสุนัขตัวโปรดเดินจากไปพร้อมส่ายหาง ออเดรย์ชะโงกศีรษะตามหลังพลางแลบลิ้นปลิ้นตาส่งท้าย
ประตูห้องน้ำถูกปิดกลับอีกครั้ง เด็กสาวเริ่มทบทวนขั้นตอนพิธีกรรมทั้งหมดในหัว
ถัดมา ออเดรย์นำเทียนไขสี่เล่มวางไว้สี่มุมโต๊ะที่เคยใช้วางขวดแชมพู
จากนั้น ขนมปังขาวหนึ่งแถวถูกวางมุมซ้ายบน ชามบะหมี่เฟเนพ็อตถูกวางมุมขวาบน… กลิ่นยังหอมอยู่เลย แต่อุณหภูมิชืดลงมากแล้ว
ไม่ใช่เวลามัวตะกละสักหน่อย!
ชามปาเอย่าถูกวางไว้มุมซ้ายล่าง และจานพายเดซี่ถูกวางไว้มุมขวาล่าง… ออเดรย์ตกแต่งพิธีกรรมตามที่มิสเตอร์ฟูลกำชับโดยไม่ขาดตกบกพร่อง แถมยังกวาดสายตาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกสองสามหน
เมื่อมั่นใจว่าไม่มีสิ่งผิดพลาด เด็กสาวจุดเทียนไขทั้งสี่ให้สว่าง ก่อนจะใช้คมมีดเงินจุ่มลงไปในชามเกลือหิน
ขั้นตอนถัดมา ออเดรย์ท่องคาถาศักดิ์สิทธิ์เป็นภาษาเฮอร์มิส จากนั้นก็จุ่มมีดเงินที่สลักลวดลายงดงามลงในถ้วยน้ำบริสุทธิ์
เด็กสาวรวบรวมสมาธิอยู่พักใหญ่ เธอหยิบ‘มีดศักดิ์สิทธิ์’ขึ้นจากถ้วยและพยายามส่งพลังวิญญาณออกจากส่วนคม
ออเดรย์เดินวาดมีดกลางอากาศจนรอบแท่นบูชา กำแพงวิญญาณสีใสก่อตัวเป็นรูปร่างเสร็จสมบูรณ์ นับแต่นี้ไป เด็กสาวจะไม่ถูกสิ่งชั่วร้ายรบกวนจากภายนอกให้เสียสมาธิ
ในภาวะผู้ชม หลังจากขั้นตอนแรกลุล่วงไปด้วยดี ออเดรย์พยายามข่มใจมิให้ตัวเองตื่นเต้นหรือยินดีเกินเหตุ
ถัดมา เด็กสาววางมีดเงินลง ฝาขวดทรงกระบอกถูกหมุนเปิด ของเหลวสีน้ำเงินเข้มถูกหยดลงบนเทียนไขทั้งสี่มุม
ซู่ว!
กลิ่นหอมหวนพุ่งกระจายอีกครั้ง ร่างกายและจิตใจออเดรย์ชุ่มชโลมด้วยบรรยากาศผ่อนคลาย สติของเธอเริ่มเจือจาง
เด็กสาวฝืนกัดฟันพร้อมกับตั้งสมาธิหนักแน่น ปากพะงาบส่งเสียงท่องคาถาเป็นภาษาเฮอร์มิส
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา ราชันย์เหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ… ดิฉันขอวิงวอน ดิฉันปรารถนาความรักจากท่าน ดินฉันปรารถนาความฝันอันแสนสุข บุปผาจันทราและพฤกษาแห่งจันทร์แดงเอ๋ย… ได้โปรเป็นพลังแก่คาถาของข้าด้วย! ตะไคร้หอมและพฤกษาแห่งสุริยันเอ๋ย… ได้โปรดเป็นพลังแก่คาถาของข้าด้วย!”
…
ทันทีที่คาถาเรียกขานถูกท่องจบบท เธอตั้งสมาธิและจินตนาการถึงถ้อยคำที่ต้องการสื่อถือมิสเตอร์ฟูลในหัว
เพียงพริบตา กำแพงวิญญาณรอบตัวเกิดการกระเพื่อมรุนแรง หลังมือซ้ายปรากฏดวงดาวสีแดงเข้ม กำลังหมุนวนรอบตัวเองด้วยความถี่สูง
หัวใจออเดรย์หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เปลือกตาถูกปิดลง ปากท่องถ้อยคำอ้อนวอนซ้ำๆ ภายในใจ
เมื่อพิธีกรรมเสร็จสิ้น เด็กสาวลืมตาขึ้นพร้อมกับความรู้สึกคลาดแคลงในผลลัพธ์ สายตาถูกกวาดไปรอบห้องอาบน้ำ แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปรกติแม้แต่อย่างเดียว
“จบแล้วหรือ?”
ออเดรย์ขมวดคิ้วฉงน
…
“ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย… อย่างนั้นหรือ?”
ณ ห้องกัปตันประจำเรือโทสะสีคราม
อัลเจอร์·วิลสันในชุดคลุมวายุสลาตัน มันกำลังพึมพำถึงคาถาสามบทที่ได้ยินเมื่อบ่ายวันก่อน คล้ายกับพยายามสืบหาตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย
เวลาผ่านไปอย่างเงียบงัน จนท้ายที่สุด อัลเจอร์ส่ายศีรษะพร้อมกับลุกยืนด้วยสีหน้าครุ่นคิด แต่ก็มิได้ลงมือประกอบพิธีกรรม
เรือโทสะสีครามไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย พาหนะโบราณลำนี้เป็นสมบัติประจำราชวงศ์ทูดอร์จากยุคสมัยที่สี่ อัลเจอร์ยังไขปริศนาภายในเรือโทสะสีครามไม่หมด
…เช่นปริศนาจักรพรรดิโลหิต
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ถึงจะกล้าใช้เรือในการทดสอบพลัง‘ลักพาตัว’ของมิสเตอร์ฟูล แต่อัลเจอร์ไม่คิดเสี่ยงประกอบพิธีกรรมลึกลับบนโทสะสีครามเด็ดขาด
มันไตร่ตรองเรื่องราวอยู่สักพัก ก่อนจะเดินออกจากห้องกัปตันไปยังดาดฟ้าที่มีลูกเรือประจำการสองสามคน
“ใกล้ถึงหมู่เกาะรอสต์แล้ว พวกเราจะเทียบท่าที่นั่นหนึ่งวัน”
ลูกเรือพลันส่งเสียงโห่ร้องยินดี ทุกคนหันมาตะโกนกับอัลเจอร์เสียงดัง
“ขอบคุณมากครับกัปตัน!”
ด้วยความที่เป็นเรือวิญญาณ จึงไม่ต้องใช้ลูกเรือในการขับเคลื่อน พนักงานบนเรือจึงมีจำนวนแค่หลักหน่วย ส่งผลให้พวกมันได้ทานน้ำสะอาดและอาหารสดใหม่ตลอดเวลา
แต่ถึงกระนั้น การล่องไปบนทะเลอย่างไม่มีจุดจบได้กัดกินพลังกายและใจในปริมาณมหาศาล ทุกวันต้องตื่นมาพบกับคลื่นทะเลและพายุฝนซ้ำซาก เหตุการณ์ขึ้นเกิดวนเวียนจนสภาพจิตใจเริ่มถดถอย คล้ายกับภูเขาไฟที่รอวันปะทุเมื่อถูกกระตุ้นได้ที่
กล่าวถึงหมู่เกาะรอสต์ เกาะแห่งนี้โด่งดังมากในบรรดาหมู่เกาะอาณานิคมทั้งหมด ความเจริญพัฒนารุดหน้า ถือเป็นเขตอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจที่สำคัญบนน่านน้ำมหาสมุทรโซเนียร์
“อดใจไม่ไหวแล้วเฟ่ย!”
ลูกเรือคนหนึ่งกระแทกบั้นเอวไปด้านหน้าพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ เป็นภาษากายที่บุรุษทุกคนล้วนเข้าใจตรงกัน
…
บนรถม้าสาธารณะซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังถนนซุตแลน ไคลน์ที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ด้วยท่าทีผ่อนคลาย มันพลันสะดุ้งหลังจากได้ยิงเสียงใครบางคนดังกังวลในหัว เป็นเสียงคล้ายกับการเรียกหา
เพียงพริบตา หน้าผากและขมับของชายหนุ่มเริ่มปวดแปลบรุนแรง
สุ้มเสียงดังกล่าว ไคลน์ไม่สามารถฟังจับใจความออก ผ่านมาและผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มพยายามใช้นิ้วนวดคลึงขมับเพื่อให้คลายจากอาการแสนสาหัสในปัจจุบัน
นี่คือเสียงซึ่งไม่ควรได้ยินที่ลุงนีลล์หมายถึงอย่างนั้นหรือ?
รึเป็นสัญญาณการเพิ่มพลังวิญญาณ?
ขณะความคิดหลากหลายพลุ่งพล่านในสมอง ไคลน์เหลือบเห็นจุดดำสี่จุดปรากฏที่หลังมือซ้าย คล้ายกับไฝจำนวนสี่เม็ด
จุดดำสี่มุมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพิธีกรรมเปลี่ยนดวงชะตา หลังจากปรากฏ มันรีบยุบตัวลงในเวลาอันสั้น ก่อนจะเจือจางและเลือนหายไปในที่สุด
ไคลน์แสดงสีหน้าประหลาดใจครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็คาดเดาเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้
ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นพิธีกรรมเวทมนตร์จากจัสติสหรือไม่ก็แฮงแมน
สมมติฐานของเราถูกต้องสินะ… คาถาสามบทที่คิดขึ้นเอง สามารถชี้เป้ามายังตัวเราบนสายหมอกสีเทาได้จริง
น่าเสียดายที่พลังวิญญาณของตนยังไม่แข็งแกร่งมากพอ จึงมิอาจได้ยินเนื้อหาที่อีกฝ่ายส่งมาทันที…
ไคลน์ได้แต่นึกสงสัย ว่าข้อความดังกล่าวจะค้างอยู่บนมิติสายหมอกหรือไม่?
ดีล่ะ… ไว้ค่อยพิสูจน์คืนนี้
ไคลน์เริ่มกระสับกระส่ายและเกิดความอยากรู้อยากเห็น มันรีบยกหนังสือพิมพ์ขึ้นปกปิดใบหน้าเพื่อมิให้คนรอบข้างพบความเปลี่ยนแปลงอย่างผิดธรรมชาติ
จากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มเดินทางมาถึงถนนซุตแลนและย่างเท้าเข้าสู่บริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬ
แต่ก่อนจะได้กล่าวคำทักทายกับโรแซนเฉกเช่นปรกติ มันเห็นดันน์·สมิทเดินเข้ามาหาพร้อมกับถือภาพร่างของชายคนหนึ่งไว้ในมือ
“จดจำใบหน้าของชายในประกาศจับให้ดี มันคือผู้วิเศษป่าเถื่อนที่เพิ่งก่อคดีอุกฉกรรจ์และหลบหนีเข้ามาในทิงเก็น”
ดันน์ยังคงสวมเสื้อกันลมสีดำเหมือนกับทุกครั้ง แต่คราวนี้ปราศจากหมวกทรงสูง หัวหน้าหน่วยเหยี่ยวราตรีชำเลืองมองไคลน์ก่อนจะยื่นภาพเหมือนให้
หลังจากรับมา สิ่งแรกที่ทำคือก้มดูรายละเอียดภาพวาด
เด็กชายหน้ากลม มอบความรู้สึกเป็นมิตร แต่ขณะเดียวกันก็เจือความเขินอาย วัยค่อนข้างหนุ่ม อายุราวสิบแปดสิบเก้าเห็นจะได้
“ทริส ผู้วิเศษต้องสงสัยในคดีสังหารหมู่บนเรืออัลฟาฟ่า สมมติฐานเบื้องต้นคือ ผู้วิเศษลำดับแปด ‘นักกระตุ้น’ และอาจเป็นหนึ่งในสมาชิกของ ‘ชุมนุมสัมผัสวิญญาณ’”
“พยานในเหตุการณ์ได้เล่าว่า หลังจากลงเรือที่ท่าเอ็นมาร์ท ทริสมุ่งหน้ามายังทิงเก็นต่อทันที แต่แหล่งกบดานในปัจจุบันยังไม่แน่ชัด”
ทริส… อัลฟาฟ่า…
เหตุการณ์ที่จอยซ์·ไมเยอร์ประสบ?
เป็นฝีมือของผู้วิเศษอย่างนั้นหรือ?
ไคลน์พยายามนึกเค้นรายละเอียดเกี่ยวกับการแปลความฝันให้จอยซ์ หลังจากทบทวนรายละเอียดที่คู่หมั้นแอนนาเล่าให้ฟังโดยละเอียด มันเงยหน้าขึ้นและกล่าวกับดันน์
“หัวหน้า ผมรู้จักหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ เขาอาจเป็นพยานคนสำคัญ”
“ผมทราบแล้ว จอยซ์·ไมเยอร์ใช่ไหม? เมื่อคืนวาน ผมถูกติดต่อจากหน่วยจิตจักรกลให้ช่วยสืบคดี และได้พบคุณในความฝันของจอยซ์ด้วย รวมถึงรายละเอียดเหตุการณ์บนเรืออัลฟาฟ่าอย่างชัดเจน ทั้งหมดเป็นฝีมือของทริสไม่ผิดแน่”
ดันน์นัยน์ตาเทาจ้องมองไคลน์ด้วยอารมณ์ขบขัน มุมปากของมันโค้งขึ้นเล็กน้อย
ให้ตายสิ…
โชคดีที่เมื่อวานเป็นวันหยุด การสวมบทบาทนักทำนายที่สโมสรพยากรณ์จึงไม่ถือเป็นการโดดงาน…
ไคลน์ตัดพ้อ หัวใจพลันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
หลังจากนี้คงต้องระวังตัวให้มากขึ้น ถ้าไม่อยากถูกหัวหน้าผู้มีพลังสุดโกงจับได้ว่าแอบโดดงาน
ชายหนุ่มเงยหน้าถาม
“นักกระตุ้นเป็นผู้วิเศษเส้นทางไหนกัน? แล้วชุมนุมสัมผัสวิญญาณเป็นองค์กรลับลักษณะใด?”
การกระตุ้นให้มนุษย์ฆ่ากันเอง คือส่วนหนึ่งของเทคนิคสวมบทบาทการเป็นนักกระตุ้นอย่างนั้นหรือ?
ถ้าหากใช่ ผู้วิเศษเส้นทางดังกล่าวต้องเผชิญเหตุการณ์นองเลือดสถานเดียว? จึงจะพัฒนาตัวเองไปถึงลำดับพลังถัดไปได้
ไคลน์ตั้งคำถามมากมาย
ดันน์ก้มหน้าครุ่นคิดนานหลายวินาที
“พอดีเลย ถึงเวลาที่คุณต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผู้วิเศษและองค์กรลับบ้างแล้ว คงปล่อยให้อ่านเอกสารโบราณกับลุงนีลล์ทุกวันไม่ได้แน่”
หัวหน้า… ผมถูกจ้างมาที่นี่ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ไม่ใช่หรือ?
อย่าบอกนะว่าลืมไปแล้ว?
ไคลน์ได้แค่คิด มันมิได้กล่าวออกไป เพราะตนก็สนใจในความลับของผู้วิเศษไม่แพ้กัน
“ตกลงครับ”
……………………