ตอนที่ 73 : ศึกแรก
ท่ามกลางแสงแดดยามบ่าย ไคลน์ในสภาพเนื้อตัวมอมแมมจากการกลิ้งเกลือกหนึ่งตลบ มันชักมือออกจากซองปืนพร้อมกับหมุนโม่เพื่อให้รังเพลิงเลื่อนตรงกระสุนนัดแรก
ชายหนุ่มจับปืนในท่ายิงทะมัดทะแมง
แสงแดดส่องกระทบลูกโม่ทองเหลืองจนเกิดประกายแวววาว
ไคลน์กำลังเป็นห่วงดันน์และอายร์ สองคนนั้นเป็นผู้วิเศษลำดับ ‘ฝันร้าย’ ที่ถนัดกล่อมผู้คนให้หลับใหล ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าประสิทธิภาพต่อสู้ระยะประชิดตอนกลางวันจะเป็นเช่นไร
ขณะไคลน์กังวล อายร์·ฮาร์สันลดความเร็วลงพร้อมกับทำสีหน้าเคร่งขรึม มันเปล่งบทกวีที่คล้ายกับใช้ขับกล่อมยามค่ำคืน
“ยามตะวันลอยเหนือฟ้าทิศประจิม หยาดน้ำค้างไข่มุกไหลลงร่องกลีบบุปผา แสงแดดส่องสะท้อนคลับคล้ายดวงจันทรา ที่เคียงคู่มากับหมู่ดารา บุปผาสนธยาเริ่มเบ่งบานครั้งใหม่ งดงามละเมียดละไมภายใต้หยดน้ำค้างใส ท่ามกลางแดดเหลืองนวลสุดแสนไกล”
…
บทเพลงขับกล่อมทุกสิ่งมีชีวิตที่มีประสาทรับรู้การได้ยิน ร่างไคลน์พลันผ่อนคลายไร้ความตึงเครียด
ชายหนุ่มเคยเผชิญหน้าเหตุการณ์กึ่งกลับกึ่งตื่นบ่อยครั้งจนเคยชิน บางทีอาจเป็นพลังพิเศษเฉพาะตัวของมัน แต่ความง่วงทำอะไรไคลน์ไม่เคยได้ ชายหนุ่มตั้งสติเข้าฌานอย่างรวดเร็วเพื่อหลุดพ้นจากผลของบทกวี
ฟู่ว…ไคลน์ถอนหายใจโล่งอก มันไม่เคลือบแคลงพลังต่อสู้ของ ‘ฝันร้าย’ อีกแล้ว
ด้วยความที่เพิ่งเข้าสู่เส้นทางผู้วิเศษและมีข้อมูลเดียวกับเส้นทางไม่มาก จึงหลงลืมไปชั่วขณะว่า ผู้วิเศษลำดับเจ็ดอย่าง ‘ฝันร้าย’ นั้นพัฒนามาจากลำดับแปด ‘นักกวีเที่ยงคืน’
และแน่นอน ความสามารถของลำดับก่อนหน้ายังคงอยู่ ฝันร้ายเก่งกาจตอนกลางคืนเหมือนผู้ไร้หลับ และขับกล่อมบทกวีได้เหมือนเลียวนาร์ด
สำหรับไคลน์ ความรู้ด้านนักกวีเที่ยงคืนทั้งหมดมาจากเลียวนาร์ด มันทราบดีว่า แม้จะไม่ใช่ตอนกลางคืน แต่ผู้ไร้หลับก็มีประสิทธิภาพร่างกายเหนือมนุษย์ปรกติในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการยิงปืน ต่อสู้ ปีนป่าย หรือสัมผัสวิญญาณ
แต่นักกวีจะเพิ่มพูนคุณสมบัติกล่อมศัตรูให้หลับใหล หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า
‘นักกวีป่าเถื่อน’
หลังจากอายร์·ฮาร์สันร่ายบทเพลงจบ กล่องสินค้าขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้พลันเกิดการกระเพื่อมคล้ายคลื่นน้ำ
ทันใดนั้น ชายสวมทักซิโด้สีดำและหมวกทรงกึ่งสูงเดินออกมาจากจุดหลังกำบัง
แต่ใบหน้าของมันค่อนข้างพิสดาร ถูกวาดด้วยแถบสีขาว เหลือง และแดง สามเส้นใหญ่เป็นแนวตั้ง รอยลิปสติกมุมปากถูกทาโค้งขึ้นคล้ายกับตัวตลกในหนังสยองขวัญ
ช่างขัดกับการแต่งกายแสนสุภาพที่พร้อมไปงานเต้นรำโดยสิ้นเชิง
ตึก ตึก ตึก!
สตรีสาวสวยผมดำนามโรล็อตที่ถูกแนะนำตัวว่าเป็นนักแม่นปืน เธอสับเท้าเข้าหาตัวตลกด้วยความเร็วสูง มือข้างหนึ่งกำปืน ส่วนอีกข้างกำหมัดแน่น
เพียงการกระโจนไม่กี่จังหวะ ระยะห่างถูกย่นลงเหลือไม่ถึงเมตร
ตัวตลกใส่สูทคล้ายกับถูกบทกวีของอายร์เล่นงานจนร่างกายโงนเงน ดวงตาเคลิบเคลิ้มเปี่ยมสุข ปราศจากท่าทีการขัดขืน
โรล็อตเอนตัวด้วยกิริยาท่าทางนักหมัดมวยสุดช่ำชอง เธอดึงหมัดขวากลับเล็กน้อยเพื่อโยกตัว ก่อนจะปล่อยกำปั้นขวาตรงใส่ใบหน้าตัวตลกสวมสูท
เพล้ง!
ภาพมายาแตกเป็นเสี่ยงๆ ประหนึ่งกระจกเงา เศษเล็กเศษน้อยระเหิดหายไปในอากาศอันว่างเปล่า
ในวินาทีเดียวกัน ร่างตัวตลกสวมสูทปรากฏขึ้นใหม่อีกครั้งจากเงามืดของกล่องสินค้ากองใหญ่
ตัวตลกสวมสูทที่หลับใหลเป็นเพียงภาพมายา และเป็นไปได้สูงว่ามันจงใจหลอกล่อ
ตัวตลกสวมสูทเริ่มฉีกกว้างอย่างน่าขนลุก มือข้างหนึ่งกดหมวกเหนือศีรษะไม่ให้ตกหล่น ส่วนอีกข้างเหยียดตรงมาด้านหน้าและทำท่าทางเลียนแบบปืนสั้น
ปัง!
เสียงปืนดังจากปลายนิ้วชี้ตัวตลก โรล็อตรีบกลิ้งตัวไปบนพื้นเพื่อหลบหลีก
แต่กลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
มีเพียงเสียงปืนปลอม
ปัง! ปัง! ปัง!
ดันน์และอายร์กระหน่ำยิงสวน แต่ตัวตลกสวมสูทหลบหลีกราวกับเป็นเรื่องง่ายดาย ซ้ายที ขวาที บ้างก็กลิ้งหน้ากลิ้งหลัง ดูยังไงก็เหมือนกับตัวตลกในคณะละครสัตว์
เพียงพริบตา โรล็อตย่นระยะเข้าหาอีกฝ่ายอีกครั้ง ทั้งที่เธอน่าจะยิงปืนแม่นที่สุด แต่กลับยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจจะใช้กำปั้น
เปรี้ยง!
คราวนี้ตัวตลกไม่หลบ มันเพียงใช้แขนซ้ายรับไว้อย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นตัวตลกหยุดนิ่ง ดันน์และอายร์ไม่รอช้า พวกมันสองคนกระหน่ำรัวลูกโม่ใส่อีกฝ่ายโดยไม่พักหายใจ
ทันใดนั้น แขนซ้ายที่ใช้ปัดป้องหมัดโรล็อตพลันอุบัติเปลวเพลิงสีส้มอมเหลืองล้อมรอบ
เพลิงขยายตัวจนมีขนาดเท่าบอลไฟลูกแรก ดูเหมือนมันคิดจะซัดโรล็อตในระยะประชิด
ปัง! ปัง!
ดันน์และอายร์รีบยิงสนับสนุน เป้าหมายคือบอลไฟในมือซ้ายตัวตลกสวมสูท
ซู่ว!
บอลไฟดับสลายไปกับความว่างเปล่าอีกครั้ง มีเพียงเศษเขม่าขี้เถ้าปลิวลอยในอากาศจำนวนไม่มาก
ตัวตลกหายไปอย่างสมบูรณ์ และโผล่ออกมาจากเงากล่องสินค้าในจุดอื่น ก่อนจะยกมือเปล่าขึ้นมาเลียนแบบปืนอีกครั้ง
ปัง!
โรล็อตมั่นใจว่าเป็นกลลวง แต่ขณะพุ่งปรี่เข้าใส่ เธอมีอันต้องชะงักและสูญเสียการมองเห็นชั่วขณะ เพราะกระสุนที่ตัวตลกยิงในคราวนี้ได้เกิดระเบิดและสร้างดินโคลนกระจัดกระจายบดบัง
ไม่ใช่กระสุนหลอกเสมอไป…
ยากที่จะแยกแยะออกว่าอันไหนของจริงหรือของเทียม
ปัง! ปัง! ปัง!
ตัวตลกสวมสูทหันกลับมายิงใส่ดันน์และอายร์เป็นระยะ จากนั้นก็หลบหลังกล่องสินค้าและโผล่มายิงใหม่ในระยะห่างที่ยากคาดเดา
ทว่า ราวกับเธอมองเห็น โรล็อตตั้งท่าเล็งลูกโม่สีทองภายในเวลาเสี้ยววินาที
ปัง!
ตัวตลกสวมสูทมีอันต้องกลิ้งหนีตายไปกับพื้นอย่างทุลักทุเล กระสุนนัดเมื่อครู่พลาดเป้าเพียงฉิวเฉียด หมวกทรงกึ่งสูงของมันปลิวกระเด็นไปด้านหลังโดยที่กึ่งกลางมีรอยลูกปืนเป็นรูโหว่
ขณะกลิ้งไปบนพื้น ตัวตลกบัดซบมีความว่องไวเยี่ยงลิงค่าง มันปีนไต่กล่องสินค้าซ้ายขวาจนยากจะเดาทิศทางเคลื่อนไหวออก
เมื่อขึ้นไปอยู่ที่สูง มันทำการยิงปืนมือเปล่าสวนกลับลงมา
อายร์·ฮาร์สันเดินถอยหลังพร้อมกับลดปืนลง มันตัดสินใจเปล่งบทกวีขับกล่อม
“เบ่งบานยามค่ำคืนนับเป็นเรื่องเสียหาย ใครแสร้งชมว่าเลอโฉมเหนือบรรยาย ตีความหมายว่าไม่เคยพบงดงามแท้จริง”
…
ตัวตลกกระโดดโลดเต้นไปมาเหนือกล่องสินค้ากองใหญ่ มันใช้มือข้างหนึ่งเกาศีรษะด้วยท่าทียุแหย่ คล้ายกับหวังให้อายร์หัวเสีย
อุดหูไว้งั้นหรือ? หรือใช้พลังพิเศษ?
เส้นทางที่ลัทธิเร้นลับครอบครองมีพลังประหลาดชะมัด…
ไคลน์คาดเดาในใจหลังจากได้เห็นฉากต่อสู้
ขณะเกิดความคิดเช่นนี้ในหัว ชายหนุ่มพลันเหลือบเห็นอีกหนึ่งบุคคลกำลังวิ่งบนหลังคาโกดังสินค้าฝั่งตรงข้าม หลังสีเทาที่รีเอล·บีเบอร์หลบซ่อนตอนแรก
ตัวตลกสวมชุดสีเทาคล้ายคนงานท่าเรือ แต่ใบหน้าถูกทาด้วยแถบสีสามแถวเหมือนกับตัวตลกสวมสูท
หรือตัวตลกสวมสูทมีหน้าที่คอยเบี่ยงเบนความสนใจจากพวกหัวหน้า?
ไคลน์รีบเล็งปืนไปบนหลังคาอีกฝั่ง
ราวกับตัวตลกรับรู้ว่าถูกเล็ง มันรีบกลิ้งม้วนตัวไปด้านหน้าอย่างชำนาญ
แต่ไคลน์ก็ไม่หยุดปลายนิ้ว
ปัง!
เข้าเป้า…
ละอองเลือดสาดกระเซ็นทั่วหลังคาโกดังสินค้า ตัวตลกชุดเทาหันมามองไคลน์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ก่อนที่มันจะกลั้นใจวิ่งต่อไปด้านหน้าอย่างมีจุดหมาย
ไคลน์มั่นใจว่าเมื่อครู่แค่โชคดี มันรีบยิงซ้ำอย่างตั้งใจและไม่ประมาท
ปัง! ปัง! ปัง!
แต่กระสุนพุ่งชนแผ่นไม้กระดานทั้งหมด
เลียวนาร์ดและบอร์เจียที่เฝ้าหีบ 2-049 ต่างก็ช่วยกันยิง แต่ไม่มีใครเลยที่เข้าเป้า
ขณะไคลน์กำลังจะหันไปบ่นพวกพ้องเรื่องฝีมือยิงปืนสุดห่วย ตัวมันพลันชะงักหลังจากฉุกคิดบางสิ่ง
ใช่แล้ว…ทำไมเราต้องขัดขวางมัน?
ในโกดังบัดซบนั่นมีอันตรายระดับหายนะอยู่ไม่ใช่หรือ?
หนูทดลองวิ่งเข้าไปเสี่ยงเหยียบกับระเบิดให้ด้วยตัวเองเช่นนี้ พวกตนควรขอบคุณถึงจะถูก
เลียวนาร์ดและบอร์เจียคงคิดเช่นนี้แต่แรก
เมื่อทราบ ไคลน์จงใจยิงให้พลาด
ปัง! ปัง! ปัง!
ในที่สุด ตัวตลกชุดเทาก็เข้าไปในโกดังสินค้าสำเร็จโดยไม่ถูกรบกวน
มันม้วนตัวไปด้านหน้าและกระโจนลงหลังคาในจุดที่เป็นรูโหวขนาดใหญ่
ขณะเดียวกัน นัยน์ตาโรล็อตนักแม่นปืนพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำเข้ม มือซ้ายทำท่าทางคล้ายกับชักดึงบางสิ่ง
ตัวตลกสวมสูทพลันหยุดการเคลื่อนไหว ประหนึ่งถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัดข้อเท้าแน่นขนัด
ดันน์ไม่ยิงซ้ำ หัวหน้าเหยี่ยวราตรีสาขาทิงเก็นถอยหลังและลดปากกระบอกลง
มันพึมพำพร้อมกับใช้พลังวิญญาณเปล่งบทกวีขับขานโดยไม่ได้ออกมาจากเส้นเสียง
“บุปผาบางชนิดจำต้องเบ่งบานยามค่ำคืน เพราะเมื่อสุริยันยามกลางวันลืมตาตื่น ความเจิดจ้าที่มิอาจหลบเลี่ยง ทำให้กลีบและใบอับเฉาเกลี้ยง”
…
ตัวตลกสวมสูทพลันอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรงคล้ายกับไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
อายร์·ฮาร์สันเล็งปากกระบอกไปยังศีรษะตัวตลกและลั่นไกในเวลาแทบจะพร้อมกัน
เพียงเสี้ยววินาทีตรงนี้ เสียงโหยหวนสุดสยดสยองพลันดังลอดจากโกดังฝั่งตรงข้าม
“อ๊ากกกกกกกกก”
น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความรักตัวกลัวตายและหวาดผวาสุดขีด ไม่มีใครทราบว่าเจ้าของเสียงโหยหวนต้องผ่านเหตุการณ์แบบใดมา
เส้นขนทั่วร่างไคลน์พลันลุกซู่
เมื่อเสียงกรีดร้องขาดห้วงกลางคัน ความเงียบงันจึงเข้าแทรกคืนสู่สภาพเดิม
นั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มผวาหนัก
ปัง!
ผลพวงจากเสียงร้องเมื่อครู่ อายร์·ฮาร์สันยิ่งพลาดเป้าไม่เข้าศีรษะ แต่เป็นช่องท้อง
แฮ่ก…แฮ่ก…
แฮ่ก…
ในเวลาเดียวกัน โกดังฝั่งตรงข้ามถูกทำลายความเงียบงันด้วยเสียงหายใจกระเส่าของสิ่งมีชีวิตบางชนิด…ที่ไม่น่าจะใช่มนุษย์
ใครที่ได้ยินแล้วยังสงบใจอยู่ได้ เกรงว่ามันผู้นั้นอาจไม่ปรกติ
ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!
ภายในหีบดำ เจ้า 2-049 กำลังอาละวาดอย่างบ้าคลั่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
……………………