Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 99

Lord of the Mysteries 99

ตอนที่ 99 : ปล่องไฟแดง

เกือบช่วงเย็นในวันเดียวกัน ไคลน์เดินทางกลับถึงบ้านพร้อมกับรูดม่านห้องนอนปิดสนิท

มันหยิบปากกาขึ้นมาถือและแสดงสีหน้าขบคิดเป็นเวลานาน ก่อนจะบรรจงเขียนข้อความลงบนกระดาษเปล่า

“คดีลักพาตัวคุณหนูเอลเลียตเกิดจากอำนาจผู้วิเศษ”

ในฐานะนักทำนาย ไคลน์เคยใช้พลังทำนายค้นหาต้นตอเหตุการณ์บังเอิญที่เกิดขึ้น ว่าถูกชักนำจากผู้วิเศษมือที่สามหรือไม่

แต่ผลลัพธ์ทุกครั้งก็ปฏิเสธ

ปัจจุบัน หลังจากถูกอะซิกทัก มันตัดสินใจลองทำนายหาความจริงใหม่อีกครั้ง

ไคลน์ได้บทเรียนจากตัวตลกสวมสูทมาแล้วว่า ผลลัพธ์คำทำนายที่กว้างเกินไปจะทำให้ผู้วิเศษตีความผิดเพี้ยน ชายหนุ่มจึงพยายามตีกรอบคำทำนายให้แคบที่สุด

“ใช่แล้ว ต้องทำนายแยกเป็นคดีไป”

ไคลน์ผงกศีรษะเบาๆ พร้อมกับปลดจี้บุษราคัมจากข้อมือซ้าย มันใช้มือข้างเดียวกันกำสายโซ่เงิน ปล่อยให้ปลายจี้ห้อยลงบนโต๊ะจนเกือบสัมผัสกระดาษ

สมาธิถูกรวบรวมเพื่อเข้าฌาน จากนั้นก็หลับตาลงและเปล่งคำพูด

“คดีลักพาตัวคุณหนูเอลเลียตเกิดจากอำนาจผู้วิเศษ”

หลังจากท่องครบ ไคลน์ลืมตาขึ้นเพื่อพิจารณาผลลัพธ์คำทำนาย

จี้และโซ่หมุนในทิศทางทวนเข็มเชื่องช้า

“ปฏิเสธสินะ”

มันพึมพำ ก่อนจะเขียนข้อความที่แตกต่างจากเดิมลงกระดาษอีกหลายครั้ง แต่ผลลัพธ์ทั้งหมดล้วนไม่แตกต่าง คดีการลักพาตัวเอลเลียตไม่ได้ถูกผู้วิเศษชักนำ

ถัดมา ไคลน์เขียนข้อความเกี่ยวกับสาเหตุที่รีเอล·บีเบอร์ยังคงหลบซ่อนตัวในทิงเก็น รวมถึงคดีอุบัติเหตุกระจกวิเศษของเซเลน่า

แต่ก็เหมือนเดิม ผลทำนายออกมาปรกติ

นักทำนายตัวจริงอย่างตน กำลังหวั่นไหวเพียงเพราะถูกมือสมัครเล่นอย่างอะซิกทักงั้นหรือ?

คดีที่เกิดขึ้น ทั้งหัวหน้า เหยี่ยวราตรีจากเบ็คลันด์ ไม่มีใครเลยที่พบความผิดปรกติ

ไคลน์ยิ้มแห้ง แต่มันก็มิได้ประมาทเสียทีเดียว ยังคงหวังยืนยันให้กระจ่างด้วยเทคนิคทำนายความฝัน

หลังจากครุ่นคิดหาคำเหมาะสม ไคลน์เปลี่ยนวลีข้อความให้สอดคล้องกับเทคนิคทำนายรูปแบบใหม่

“เหตุผลที่แท้จริงของการลักพาตัวคุณหนูเอลเลียต”

มันเขียนประโยคลงบนกระดาษด้วยปากกาหมึกซึม หลังจากไตร่ตรองสักพักจนแน่ใจ ชายหนุ่มใช้มือฉีกมุมกระดาษส่วนเกินออก และถือแผ่นกระดาษส่วนที่เหลือ เดินไปยังเตียงนอนพร้อมกับทิ้งตัวลง

ร่างกายกำลังผ่อนคลายสุดขีด มันเข้าฌานเพื่อสะกดจิตตัวเองให้หลับใหล

ไคลน์ลืมตาตื่นและพบว่าตนกำลังอยู่บนโลกที่พร่ามัว แต่สติสัมปชัญญะยังคงครบถ้วนเช่นเคย

มันเห็นภาพกลุ่มผู้ลักพาตัว สูญเสียชิปก้อนสุดท้ายในบ่อนพนัน เริ่มหาอาวุธจากแหล่งใต้ดิน และสำรวจเส้นทางลงมืออย่างละเอียดรอบคอบ มีแม้กระทั่งฉากที่พวกมันบังเอิญเช่าห้องตรงข้ามรีเอล·บีเบอร์เป็นที่กบดาน

เหตุการณ์ไม่ได้ถูกฉายอย่างปะติดปะต่อ แต่สลับกลับไปกลับมาวูบวาบชวนเวียนหัว

ไม่มีสิ่งใดผิดปรกติ

ตรงกันข้าม ไคลน์กลับยิ่งมั่นใจว่าเหตุการณ์ลักพาตัวเกิดขึ้นโดยความบังเอิญ

เมื่อออกจากฝันเก่า มันทำแบบเดียวกันกับอีกสองคดีที่เหลือ และไม่พบความผิดปรกติหรือความไม่สมเหตุสมผล เหตุการณ์ดำเนินไปตามครรลองถูกต้อง ด้วยความบังเอิญอย่างแท้จริง

“เราคิดมากไปเอง มิสเตอร์อะซิกคงเป็นแค่มือสมัครเล่น”

ไคลน์ส่ายศีรษะพลางยิ้มเจื่อน มันลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปทางมุขหน้าต่าง เพื่อเตรียมเปิดม่านรับแสงแดด

“จากความทรงจำของไคลน์คนเก่า อะซิกคือบุคคลที่น่าเชื่อถือ ไม่เคยมีสักครั้งที่ชายคนนั้นพูดพล่อยๆ โดยไร้มูลเหตุ อาจเคยถกเถียงรุนแรงกับศาสตราจารย์โคเฮ็นบ้าง แต่ก็อยู่ในขอบเขตความรู้ทางวิชาการ และมีทฤษฎีรองรับเสมอ หากเป็นเพียงมือสมัครเล่นด้านศาสตร์ทำนาย เขาไม่มีทางทักเราด้วยสีหน้าตึงเครียดแบบนั้นแน่ และจากความทรงจำไคลน์ ไม่เคยมีส่วนใดที่บ่งบอกว่าอะซิกเชี่ยวชาญศาสตร์ทำนายมาก่อน พิจารณาจากความทรงจำกระจัดกระจายที่ยังหลงเหลืออยู่ละนะ”

ไคลน์ขมวดคิ้วด้วยท่าทีกระสับกระส่าย มันต้องการหาวิธีพิสูจน์เรื่องนี้ให้กระจ่าง

ไคลน์ตีความว่า มิสเตอร์อะซิกทราบความจริงบางอย่างที่เปิดเผยไม่ได้ จึงแอบบอกใบ้ให้ตนพยายามทำนายหาผลลัพธ์ด้วยตัวเอง

“เราจะยืนยันได้อย่างไรว่าสิ่งที่คิดเป็นความจริง?”

มันเดินเวียนไปวนมาในห้องนอนหลายรอบ หัวสมองขบคิดหาเทคนิคทำนายที่เหมาะสมกับสถานการณ์

หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว

ทันใดนั้น ไคลน์พลันชะงักฝีเท้า คล้ายกับฉุกคิดบางสิ่งได้

“สมมติให้ทุกคดีมีเงื่อนงำ แต่เราถูกขัดขวางไม่ให้ทำนายได้ผลลัพธ์ที่แท้จริง เนื่องจากผู้วิเศษที่แทรกแซงมีระดับสูงกว่าหลายเท่า ตัวตนดังกล่าวใช้พลังวิญญาณบิดเบือนสภาพแวดล้อมรอบตัวเราเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามที่มันต้องการ แต่เราสามารถเปลี่ยนสภาพแวดล้อมได้ ย้ายไปยังสถานที่เงียบสงบและไม่มีใครรบกวน สถานที่ซึ่งเร้นลับยิ่งกว่าโลกมนุษย์ และเต็มไปด้วยมวลพลังวิญญาณมหาศาล”

หัวใจไคลน์เต้นระรัว มันรีบเดินไปที่ลิ้นชักและนำมีดเงินออกมา

ไคลน์เริ่มสร้างกำแพงวิญญาณด้วยการแผ่พลังออกจากปลายมีด ผนึกสภาพแวดล้อมด้านในให้แยกจากโลกภายนอกชั่วขณะ

มันมีแผนจะทำนายหาความจริงบนมิติสายหมอก สถานที่ลึกลับซึ่งปัจจุบันยังคงเต็มไปด้วยปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้

แต่หนึ่งสิ่งที่แน่ชัด ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้วิเศษที่ทรงพลังเพียงใด

มันไม่มีทางบิดเบือนมิติสายหมอกได้แน่

ท่ามกลางโลกลึกลับที่ปกคลุมด้วยหมอกสีเทาไร้จุดจบสิ้น ไคลน์กำลังนั่งบนเก้าอี้ประธานชุมนุมไพ่ทาโรต์ เหนือศีรษะเป็นโดมมหึมาคล้ายกับท้องพระโรงวังสวรรค์เผ่าคนยักษ์ สถาปัตยกรรมที่ตนสร้างขึ้นจากจินตนาการอย่างคร่าวๆ ในวันแรกที่มาถึง

มันก้มหน้ามองแผ่นกระดาษหนังที่เสกขึ้นจากความนึกคิด จากนั้นก็ขยับปากกาหมึกซึมเขียนข้อความแบบเดียวกับที่เคยใช้ทำนายบนโลกจริง

“คดีลักพาตัวคุณหนูเอลเลียตเกิดจากอำนาจผู้วิเศษ”

โซ่เงินถูกกำด้วยมือซ้าย ปลายจี้หอยต่ำเกือบสัมผัสกับแผ่นกระดาษ ไคลน์เข้าฌานด้วยสีหน้าสุขุม ปราศจากอาการสั่นคลอน

มันหลับตาลงขณะท่องข้อความบนกระดาษซ้ำเจ็ดครั้ง พลังวิญญาณไหลซึมเชื่อมต่อกับโลกวิญญาณเพื่อรับคำบอกใบ้

เมื่อสัมผัสว่าโซ่เริ่มหมุน ไคลน์ลืมตาขึ้นและยืนยันผลลัพธ์

ฉากที่ปรากฏตรงหน้า

หัวใจมันแทบหยุดเต้น!

จี้และโซ่หมุนในทิศทางตามเข็มนาฬิกาด้วยความเร็วสูง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ

คดีลักพาตัวเกิดจากอำนาจของผู้วิเศษ!

แถมยังเป็นผู้วิเศษที่ทรงพลังมาก!

เป็นผลลัพธ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้งบนโลกความจริง แต่ไหนแต่ไร มันปราศจากร่องรอยการแทรกแซงมาตลอด

อีกฝ่ายต้องมีพลังมากขนาดไหนกัน?

แล้วทำไปเพื่ออะไร?

หรือชะตาของตนกำลังถูกบิดเบือนจากพลังสมุดบันทึกอันทีโกนัส?

แน่นอน ไคลน์หวาดผวาจากก้นบึ้งหัวใจ คล้ายกับว่า ผลลัพธ์ทำนายทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป

มันสูญเสียความเยือกเย็นทันที โซ่เงินในมือซ้ายกำลังหมุนทิศทางทวนเข็มนาฬิกาอย่างบ้าคลั่งราวกับตอกย้ำ

มันตัดสินใจวางจี้บุษราคัมลงมือทั้งสองข้างเลื่อนขึ้นมานวดคลึงหน้าผากเพื่อบรรเทาอาการหดหู่

สีหน้าปัจจุบันกำลังดำมืดคล้ายกับซากศพ

หลังจากไตร่ตรองด้วยหัวใจที่ยังเต้นโครมคราม ไคลน์ตัดสินใจไม่ทำนายอีกสองคดีที่เหลือ กลับกัน มันเลือกเขียนข้อความบางอย่างลงไปแทน

“เหตุผลที่แท้จริงของคดีลักพาตัวคุณหนูเอลเลียต”

เพื่อจะเห็นภาพ ไคลน์ต้องทำนายด้วยความฝัน มันกำกระดาษหนังไว้ในมือแน่นพร้อมกับเอนหลังพิงเก้าอี้ ก่อนจะเข้าฌานสะกดจิตตัวเองให้หลับใหล

เพียงพริบตา สายหมอกสีเทารอบตัวที่เคยเข้มข้นเลือนหายไป ในความฝันปรากฏทุ่งดอกไม้แสนกว้างใหญ่ ผืนหญ้าเขียวขจีล้อมรอบประกอบฉากหลัง

ห้วงมิติเหนือทุ่งดอกไม้เกิดการบิดเบี้ยวรุนแรงตลอดเวลา อากาศอันว่างเปล่าสั่นไหววูบวาบสลับยุบพอง ราวกับเป็นสัตว์ประหลาดที่มีชีวิตและความนึกคิด

ไคลน์พยายามเก็บรายละเอียดสิ่งที่เห็นให้มากที่สุด แต่วัตถุเดียวที่ปรากฏเพิ่มในฝันคือปล่องไฟสีแดงเข้ม

มาถึงจุดนี้ ภาพความฝันแตกละเอียดเป็นเศษเล็กเศษน้อยคล้ายกระจก มันได้สติกลับมาอีกครั้งบนมิติสายหมอก หัวใจเต้นระรัวผิดจังหวะยิ่งกว่าเมื่อครู่ แผ่นหลังตั้งตรงกระแทกพนักพิงรุนแรง

ฟู่ว! เมื่อครู่ คล้ายกับตนพยายามจ้องมองเข้าไปในสิ่งต้องห้าม

แฮ่ก แฮ่ก

ไคลน์สูดลมหายใจยาวสองครั้ง หวังระงับความฟุ้งซ่านและบ้าคลั่งของห้วงอารมณ์ปัจจุบัน

ปล่องไฟแดง ทุ่งดอกไม้ ผืนหญ้าเขียวขจี

คำบอกใบ้ถึงตัวตนอีกฝ่าย?

แต่มันไม่สามารถตีความให้แคบลงได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเจตนาหรือเบาะแสให้สาวไปถึงบุคคลดังกล่าว

ขณะกำลังก้มหน้าไตร่ตรอง ไคลน์ฉุกคิดถึงบางสิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่า

ทั้งตัวมัน หัวหน้า ฟราย และเหยี่ยวราตรีที่เหลือ พวกตนกำลังเต้นรำบนฝ่ามือของใครบางคนมาตลอดเลยหรือ?

ถูกเชิดราวกับหุ่นกระบอก

และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ การเข้าใจว่าตัวเองเจ๋งที่สุดแล้วในเหล่าผู้วิเศษเมืองทิงเก็น

บ้าจริง! แล้วจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับหัวหน้ายังไง? หากเป็นโลกปรกติ ผลคำทำนายของลุงนีลล์และตนคงไม่ต่างกันนัก แถมยังแสดงให้ประจักษ์ไม่ได้ ถ้าหัวหน้าถามหาหลักฐานยืนยันข้อกล่าวอ้าง

ไม่มีทางพิสูจน์ได้เลย และการเปิดเผยข้อมูลมิติสายหมอกนั้นเสี่ยงเกินไป

ไคลน์ใช้นิ้วกดขมับเพื่อบรรเทาอาการล้าหลังจากฝืนทำนายหลายครั้งติดต่อกัน

มันนั่งสงบจิตใจราวยี่สิบวินาที ก่อนจะเริ่มทำนายเกี่ยวกับเหตุการณ์ค้นหารีเอล·บีเบอร์ภายในทิงเก็น ด้วยเทคนิคลูกตุ้มวิญญาณ

ผลลัพธ์ผิดจากที่คาด จี้บุษราคัมแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน มิได้ยืนยันหรือปฏิเสธประโยคบอกเล่าบนกระดาษ

“แปลกมาก”

มันพึมพำในสิ่งที่คิด

“หรืออีกฝ่ายจะรู้ตัวแล้ว ว่าเราสามารถทำนายหาความจริงได้ จึงใช้วิธีใหม่ในการแทรกแซงผลลัพธ์?”

หลังจากนั้น ไคลน์พยายามใช้เทคนิคทำนายฝันเพื่อให้มองเห็นภาพ แต่สิ่งที่ปรากฏมีเพียงฉากหมอกหนาทึบปกคลุม ไม่ได้รับเบาะแสใดเพิ่มเติม

ผลทำนายอุบัติเหตุของเซเลน่าก็ไม่ต่าง

เมื่อยืนยันว่าการสืบสวนมาถึงทางตัน ชายหนุ่มล้มเลิกความคิดที่จะรายงานความจริงกับหัวหน้า ควรรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมก่อน

ปัจจุบัน ไคลน์ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะยกระดับพลังวิญญาณของตนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

“เราต้องหมั่นไปที่สโมสรพยากรณ์เพื่อสวมบทบาทและรีบย่อยพลังโอสถ จากนั้น ต้องยืนยันให้ได้ว่าโอสถตัวตลกคือลำดับถัดจากนักทำนายจริง ก่อนจะสืบหาเบาะแสของส่วนผสม ต้องหาโอกาสนัดพบมิสเตอร์อะซิกให้มากขึ้น สืบทราบให้ได้ว่า เขาถือครองความลับไว้มากแค่ไหน”

ฝ่ามือขวาจับหน้าผาก มือซ้ายเคาะที่เท้าแขนพลางสรุปวางแผนชีวิตในอนาคตอันใกล้ เพื่อจะได้เห็นเป้าหมายได้ชัดเจนและพุ่งตรงไปหาอย่างไม่อ้อมค้อม

หลังจากทบทวนตัวเองเงียบงัน มันเริ่มเขียนประโยคใหม่ลงบนกระดาษหนัง

“โอสถลำดับถัดจากนักทำนายคือตัวตลก”

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด ไคลน์มั่นใจว่าพลังทำนายบนมิติสายหมอกจะได้ผลแม่นยำและขอบเขตกว้างกว่าโลกจริง

“เหมือนกับตอนที่หนีเข้ามิติสายหมอกขณะถูก 2-049 เล่นงาน ผลการทำนายในครั้งนั้นแม่นยำจนนำพาไปสู่ชัยชนะ โชคดีเหมือนกันนะเรา”

มันพึมพำพร้อมกับค่อยๆ ปรับระดับจี้บุษราคัมด้วยมือซ้าย

ไม่กี่วินาทีต่อมา ไคลน์ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

โอสถตัวตลกคือลำดับถัดจากนักทำนาย!

มันรีบเขียนประโยคใหม่

“ลำดับ 8 7 6 และ 5 ของเส้นทางนักทำนาย จะมอบพลังใหม่หนึ่งชนิดที่ไม่สอดคล้องกันเสมอ”

ไคลน์ถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าค่อนข้างอ่อนเพลีย ก่อนจะลงมือทำนายด้วยลูกตุ้มวิญญาณอีกครั้ง

ทว่า ครั้งนี้จี้บุษราคัมหยุดนิ่ง

“มีข้อมูลไม่พอที่จะรับคำทำนายจากโลกวิญญาณสินะ”

มันพึมพำพร้อมกับเอนหลังพิงเก้าอี้ สีหน้ากำลังครุ่นคิดหาเหตุผลที่การทำนายล้มเหลว

เฉกเช่นทุกครั้ง มันวางสร้อยเงินลงและเริ่มใช้เทคนิคทำนายด้วยความฝัน หัวสมองครุ่นคิดหา ‘ประโยค’ เขียนทำนายเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ

ตนไม่สามารถทำนายอย่างเดาสุ่มให้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณโดยเปล่าประโยชน์ได้อีก

ผ่านไปราวยี่สิบวินาที มันหยิบปากกาหมึกซึมเขียนข้อความลงบนกระดาษ

“เบาะแสของโอสถตัวตลก”

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!