บทที่ 1006 แดนศักดิ์สิทธิ์เปิดฉากสงคราม
สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวทางนี้ ในพริบตาแรกก็ควบคุมเรือเวททะยานจากไปไกล
ส่วนการเพิ่มพลังเทพของอวี้หลิวเฉินในระดับหนึ่งแล้วก็เกิดเป็นการป้องกัน ทำให้เรือเร็วยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้ไปไกลจากพื้นที่มหาสมุทรแถบนั้นแล้ว
เพียงแต่เศษพลังและเสียงเล่าเรื่องของอวี้หลิวเฉิน แม้จะห่างไปไกลขนาดนั้นแล้วก็ยังคงแผ่ระลอกพลังกระทบมาอยู่ดี
แปรเปลี่ยนเป็นวิกฤตความเป็นตายรุนแรง!
สวี่ชิงเคร่งเครียด ตอนนี้พลังบำเพ็ญทั่วทั้งร่างโคจร พลังต้นกำเนิดเทพปะทุขึ้นทุกด้าน เพิ่มพลังให้กับเรือเวท
เอ้อร์หนิวก็รู้เหมือนกันว่าในตอนนี้ยิ่งห่างไปจากข้างหลังมากเท่าไรก็จะยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น ดังนั้นก็ช่วยอย่างสุดพลังเช่นกัน
ในเมื่อนั่นคือเทพแท้จริงในอดีต ระดับขั้นเดียวกับเซียนคิมหันต์เชียวนะ!
ดังนั้น ภายใต้ความพยายามของทั้ง 2 ต่อให้ฟ้าดินที่มหาสมุทรนอกจะเหนียวข้น แต่ความเร็วของเรือเวทก็เกินไปกว่าขีดจำกัดสูงสุดแล้ว ราวกับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา ไกลออกไปเรื่อยๆ
และข้างหลังพวกเขา ในบริเวณที่อวี้หลิวเฉินอยู่ น้ำทะเลหนักอึ้งข้างล่าง ในเสี้ยวขณะนี้เหมือนเล็กจ้อยไร้ค่าที่จะพูดถึง พลันปะทุขึ้นมาจากระลอกคลื่นรุนแรงนี้
เงาร่างแปลกประหลาดราวภาพมายาราวปีศาจ ทะยานขึ้นมาจากใต้ทะเล
และทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวที่อยู่ที่ไกลต่างทั่วทั้งร่างสะท้านรุนแรง ต่างกระอักเลือดสดๆ ออกมา ท่ามกลางความหวาดกลัว ความเร็วในการหนีก็ยิ่งเร็วขึ้น
ขณะเดียวกัน ก็อาศัยวิชาของแต่ละคนจับตามองข้างหลัง
มองไปไกลๆ เห็นเพียงเงาร่างที่พุ่งทะยานขึ้นมาจากใต้ทะเลใหญ่โตมโหฬารนัก คล้ายว่าสูงทัดเทียมฟ้าดิน
รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนโครงกระดูกที่เน่าเปื่อยไปแล้วครึ่งหนึ่ง แผ่กลิ่นอายความตายเข้มข้นออกมา ทั่วทั้งร่างเป็นสีขาวเทา
ไม่มีรูปร่างอย่างมนุษย์!
เหมือนเป็นร่างผสมผสานระหว่างกิ้งก่ากับมนุษย์มากกว่า
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น สายฟ้าฟาดผ่าคำรามร้อง
ในยามที่ลมเมฆผันเปลี่ยน ระลอกคลื่นทำลายล้างน่าหวาดกลัวที่แผ่ออกมาจากเงาร่างแปลกประหลาดนี้ก็ทำให้ท้องฟ้าสั่นคลอน มหาสมุทรเกิดคลื่นยักษ์ไม่ขาดสาย
ที่ยิ่งแปลกประหลาดไปกว่านั้นคือศีรษะของเงาร่างนี้ไม่ได้อยู่ที่ตัว แต่กลับถูกมือขวาหิ้วเอาไว้!
ส่วนมืออีกข้างหนึ่งยกเทียนเล่มมหึมาสีดำเอาไว้สูง กำลังลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงสีดำ
ทั้งๆ ที่รูปลักษณ์โดยรวมแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่รู้ว่าทำไมกลับทำให้คนรู้สึกศักดิ์สิทธิ์
สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวไม่อาจมองต่อไปได้ เพียงแค่การจ้องมองเพียงเสี้ยวพริบตา ดวงตาทั้ง 2 ของพวกเขาก็ระเบิดทันที แม้จะต่างมีพลังในการฟื้นฟู แต่ภายใต้ผลกระทบในเสี้ยวขณะนี้ ก็เปลี่ยนมาเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะจากการที่สูญเสียดวงตาทั้ง 2 ข้างไปพร้อมกัน อีกทั้งประสาทสัมผัสรับรู้ก็เหมือนว่าถูกแย่งชิงเอาความรู้สึกไป
ดังนั้นทั้ง 2 คนไม่แม้แต่จะหันกลับไป ก็หลบหนีไปอย่างบ้าคลั่งตามการวิเคราะห์ทิศทางจากสัญชาตญาณ
มีเพียงอวี้หลิวเฉินที่ตอนนี้ยืนอยยู่บนท้องฟ้า อาภรณ์สีเลือดของเขาแผ่ออกมาปกคลุมไปยังบนมหาสมุทร หอบม้วนท้องฟ้า ทำให้ผืนฟ้าและมหาสมุทรกลายเป็นสีแดงฉานไปทั้งหมด
ในดวงตาของเขายิ่งฉายประกายแสงสีทองพร่างพรายออกมา พลังอำนาจเทพของตัวเองสำแดงออกมาทั้งหมดในเสี้ยวขณะนี้
เกินกว่าขั้นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติไปแล้ว ถึงระดับ…แท่นเทวะ !
แท่นเทวะ ควบคุมอำนาจเทพเพียงหนึ่งเดียว!
ตอนนี้ภายใต้การจ้องมองของเขา ท่ามกลางการปกคลุมของอำนาจเทพของเขา ภายในผลกรรมเวรจากเรื่องเล่าของเขา เทพแท้จริงนภาเจิดจรัสที่กลับมาองค์นั้น กลิ่นอายอ่อนแรงลงไปอย่างเห็นได้ชัด
ความอ่อนแรงนี้มาจากแก่นแท้ของเทพแท้จริง องค์ท่านระหว่างทางกลับมาผ่านอันตรายมากมาย แม้จะสามารถจัดการได้ทุกครั้ง แต่จะอย่างไรพลังดั้งเดิมก็ลดลง
จนกระทั่งเมื่อกลับมา องค์ท่านพลังอำนาจเทพอ่อนแอลง พลังเทพลดลง เดิมวางแผนว่าจะพักผ่อนฝึกบำเพ็ญ แต่กลับถูกดึงดูดอย่างไม่รู้ตัว มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สติการรับรู้ขององค์ท่านไม่ได้ฟื้นกลับมาโดยสมบูรณ์
องค์ท่านจะอย่างไรก็เคยแตกดับมาแล้ว!
ในระหว่างการฟื้นคืนกลับมาอวี้หลิวเฉินก็หมายตาเอาไว้ ทุกอย่างนี้ทำองค์ท่านลืมนามแท้จริงของตัวเองไปเกือบหมด
ดังนั้น ภายใต้การปะทุพลังทุกด้านของอวี้หลิวเฉิน ในแสงสีทองเจิดจ้าพร่างพรายในดวงตาของเขา เทพเจ้าที่กลับมาองค์นี้ก็เหมือนกับคำบอกเล่าในเรื่องราวเช่นนั้น ทั่วทั้งร่างส่งเสียงระเบิดสะท้านฟ้าสะเทือนดิน แล้วเริ่มพังทลาย
แต่เสี้ยวขณะต่อมา การพังทลายนี้แม้จะเกิดขึ้นต่อไป แต่ปากขององค์ท่านกลับส่งเสียงคำรามฉีกทึ้งท้องฟ้า ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี พลังอำนาจเทพเน่าเปื่อยขององค์ท่านจะฉายวาบออกมา
เพียงแต่ก็ยังคงอยู่ในเรื่องเล่า!
อวี้หลิวเฉินที่เตรียมตัวรอไว้ก่อนแล้ว นำแสงสีแดงที่อาบย้อมท้องฟ้าและมหาสมุทรมาจากทั่วทุกสารทิศ ราวปากมหึมาสีแดงหุ้มล้อมเทพเจ้าที่กลับคืนมาองค์นี้ เริ่มกลืนกิน
การกลืนนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องล้มเหลว
เพราะคำบรรยายในเรื่องเล่าก็เป็นเช่นนั้น
ดังนั้นหลังจากนั้นไม่นาน จากการดังออกมาของเสียงเยือกเย็นน่าขนลุก สีแดงก็แตกสลาย เทพเจ้าที่กลับคืนมาองค์นั้นฉีกทึ้งแสงสีแดง ทะยานไปยังส่วนลึกของทะเลต้องห้ามอย่างรวดเร็ว
สติรับรู้ขององค์ท่านยังคงไม่ฟื้นคืนเช่นเดิม สำหรับการลืมนามแท้จริงก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนการหนีในตอนนี้เป็นสัญชาตญาณขององค์ท่าน…และเป็นการบรรยายในเรื่องเล่าด้วยเช่นกัน
“ทุกอย่าง ล้วนอยู่ในเรื่องเล่า”
“เจ้าเป็นตัวละครหลักที่ข้าเลือกอยู่นาน สุดท้ายถึงจะกำหนดเชียวนะ”
“สำหรับเรื่องของเจ้าจะเป็นเรื่องราวที่งดงามที่สุดในช่วงครึ่งแรกของชีวิตข้า โดยมีปัจจุบันเป็นจุดเชื่อมต่อ”
บนท้องฟ้า อวี้หลิวเฉินเลียริมฝีปาก ทอดสายตามองเทพที่กลับคืนมาองค์นั้น ขณะก้าวฝีเท้า ก็พลันเคลื่อนไปข้างหน้า!
การไล่ล่านี้ องค์ท่านจะควบคุมให้อยู่ภายใน 137 วัน มากไป 1 วัน น้อยไป 1 วันไม่ได้ทั้งนั้น
องค์ท่านจะต้องกลืนกินเทพที่กลับคืนมาองค์นี้ในวันที่ 137 ได้รับและดูดซับนามแท้จริงที่อีกฝ่ายลืมเลือนไปท่ามการการหลอมละลายจากโครงกระดูก
ทำให้ถึงขั้น…ช่วงชิงแทนที่!
จากนั้น เรื่องเล่าขององค์ท่านก็จะจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ
เพราะองค์ท่านเล่าเรื่องนี้อีกทั้งยังทำเรื่องนี้ให้จบสมบูรณ์ ดังนั้น ในขณะที่องค์ท่านสามารถฟื้นฟูพลังบำเพ็ญให้ถึงระดับสูงสุดได้ อีกทั้งยังพัฒนาขึ้นอีกหนึ่งขั้น ได้รับความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จเทพแท้จริง
“เทพแท้จริง…”
แสงสีแดงที่แปลงมาจากอวี้หลิวเฉินหอบม้วนผืนฟ้ามหาสมุทร จากไปไกลทันที
……
“แม้ข้าจะสูญเสียประสาทสัมผัสรับรู้ไป แต่ข้ามีลางสังหรณ์อย่างหนึ่งว่าตาแก่อวี้อาจจะสำเร็จเป็นเทพแท้จริงองค์หนึ่ง อำนาจเทพของตาแก่นี่แปลกประหลาดเกินไป”
บนทะเล เบ้าตาดำสนิทของเอ้อร์หนิวมีเลือดเนื้อกำลังงอกขึ้นมา
“แต่ตาแก่อวี้งกเกินไปแล้ว ตลอดทางเอาพวกเรามาเป็นเหยื่อล่อ สุดท้ายตกปลาได้แต่กลับไม่ให้ของกำนัลอะไรมาเป็นของที่ระลึกกับพวกเราสักหน่อยเลย”
สวี่ชิงไม่ได้พูดอะไร ดวงตาเขาแม้จะบอดเช่นกัน แต่ความเร็วในการฟื้นฟูของเลือดเนื้อเร็วกว่าเอ้อร์หนิวเล็กน้อย ตอนนี้มองเห็นรอบๆ ได้รางๆ แล้ว ประสาทสัมผัสรับรู้ก็ฟื้นฟูแล้วเช่นกัน ดังนั้นจึงเร่งความเร็วเรือเวทสุดกำลัง
“อาชิงน้อยเจ้าว่าจริงไหม”
เอ้อร์หนิวเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถามสวี่ชิงมา
สวี่ชิงได้ยินก็ตอบรับไปว่า “ใช่ งกเกินไปแล้ว”
เอ้อร์หนิวเมินน้ำเสียงการตอบรับของสวี่ชิงไปด้วยความเคยชิน ขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจ “แต่ว่าจะว่าไปแล้ว ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้ข้าได้เรียนรู้วิธีล่อเหยื่อ วันหน้าถ้ามีโอกาสพวกเราก็หาคนมาเป็นเหยื่อล่อไปตกปลากัน!”
“ท่านเตรียมจะเอาใครไปเป็นเหยื่อล่อ จะตกปลาอะไร” สวี่ชิงควบคุมเรือเวทพลางถามไปตามปาก
บนใบหน้าเอ้อร์หนิวฉายแววได้ใจ
“เหยื่อล่อมีเยอะแยะ เจ้าว่าหนิงเหยียนนั่นเป็นอย่างไร เจี้ยนเจี้ยนน้อยก็เหมาะ ส่วนจะตกปลาอะไร…เรื่องนี้ให้ข้าคิดให้ดีก่อน อาชิงน้อยเจ้ามีความคิดเห็นอะไรไหม”
สวี่ชิงส่ายหน้า กำลังจะอ้าปาก แต่เสี้ยวขณะต่อมา เขาสีหน้าเปลี่ยนไป พลันเงนหน้ามองไปยังท้องฟ้าทางมหาสมุทรใน รูม่านตาทั้ง 2 หดเล็ก
ดวงตาของเอ้อร์หนิวยังไม่ฟื้นฟู มองไม่เห็นภาพพวกนี้ เห็นว่าสวี่ชิงไม่ตอบ เขาถามออกไปอย่างประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น รังแกที่ข้าตอนนี้มองไม่เห็นทั้งยังสูญเสียประสาทสัมผัสรับรู้ด้วยใช่ไหม”
“ศิษย์พี่ใหญ่…ท้องฟ้าของมหาสมุทรในกำลังลุกไหม้” เสียงสวี่ชิงต่ำทุ้ม เอ่ยขึ้นช้าเนิบ
ในม่านตาของเขาสะท้อนม่านฟ้าที่ไกลออกมา เป็นทะเลเพลิงไปทั้งแถบ
……
เผ่ามนุษย์ ปลายปีของศักราชหลีเซี่ย
ท้องฟ้ามีเพลิงเผาไหม้ลงมา แผ่ลามไปยังม่านฟ้าทางทิศเหนือ ใต้ ออก ตกของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ทุกหนแห่ง
เปลวเพลิงนี้มาจากห้วงดารา หอบม้วนฝุ่นดวงดาวเป็นลมพายุ ก่อเป็นลมพายุเปลวเพลิง จากแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับดำอันทรงพลังยิ่งใหญ่น่าตื่นตะลึงทั้ง 16 แดน ลงมาเยือนยังแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
แดนศักดิ์สิทธิ์ สร้างขึ้นหลังจากที่จักรพรรดิโบราณเสวียนโยวและจักรพรรดิทั้งหมดของเผ่าต่างๆ สร้างขึ้น
ทุกเผ่าล้วนมีแดนศักดิ์สิทธิ์แดนหนึ่ง
และในหลายหมื่นปีมานี้ ต่างโรยรา ต่างกลืนกินกัน จำนวนลดน้อยลงจากในตอนแรกไปอย่างมาก
อีกทั้งจากจักรพรรดิที่บุกเบิกแดนศักดิ์สิทธิ์แตกดับและหายไปด้วยเหตุการณ์ต่างๆ สุดท้ายแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยๆ แบ่งระดับกัน
นภา พสุธา ดำ เหลือง
แดนศักดิ์สิทธิ์ 4 ระดับนี้ ระหว่างขั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ในนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเหลืองไม่มีผู้บำเพ็ญระดับมหาจักรพรรดิ
แต่ระดับดำ…หมายถึงมีมหาจักรพรรดิองค์หนึ่ง!
หากเป็นระดับพสุธาหมายถึงว่ามีมหาจักรพรรดิไม่ใช่แค่องค์เดียว!
จะอย่างไร ยุคในอดีต จักรพรรดิโบราณเสวียนโยวแม้จะรวมแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ให้เป็นหนึ่งได้ แต่แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ไม่ได้มีเพียงเผ่ามนุษย์เท่านั้น
หมื่นเผ่ามากมาย
ต่อให้ไม่ใช่ทุกเผ่าจะมีมหาจักรพรรดิกันทั้งหมด แต่เผ่าพันธุ์ที่ติดตามจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวไปบุกเบิกแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ย่อมมีแน่นอนอยู่แล้ว
ตอนนี้ เผ่าต่างๆ ที่จากไปในตอนนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์ระดับดำทั้ง 16 แดนของพวกเขา หลังจากที่แดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเหลืองลงมาเยือน สุดท้ายก็มาปรากฏในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
เหนือ ใต้ ออก ตก ของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ต่างมี 4 แดน!
ในนั้น ทางด้านทิศตะวันออกของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ เหนือเผ่านภาคิมหันต์ก็มี 3 แดน
ส่วนแดนศักดิ์สิทธิ์แดนที่ 4 ก็…ลงมาเยือนยังดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ นอกเมืองหลวง!
ไม่เหมือนกับแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเหลืองที่ลงมาก่อนหน้านี้ แดนศักดิ์สิทธิ์ระดับดำทั้ง 16 แดนที่ที่ลงมาเยือนทั้ง 4 ทิศในครั้งนี้ เรื่องแรกที่พวกเขาลงมือเมื่อมาเยือน…ก็คือสงคราม!
ส่วนระดับเหลืองทั้งหมดไม่ปกปิดอีกต่อไป ร่วมมือปะทุสงคราม
สงคราม ในยามปลายปีศักราชจักรพรรดิมนุษย์หลีเซี่ยแห่งเผ่ามนุนษย์ก็เปิดฉากขึ้น ณ บัดนี้
เรื่องนี้ไม่อยู่นอกการคาดเดาของเผ่าทั้งหลายในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ และแต่ละเผ่าล้วนมีการเตรียมตัว โดยเฉพาะทางตะวันออกทางนี้ ก่อนหน้านี้ใช้การตามหาสวี่ชิงเป็นฉากหน้า วางแผนทุกอย่างไว้แล้ว
เมื่อรวมกับแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเหลืองทั้งหมดในภาคตะวันออกถูกขับไล่ ดังนั้นสงครามที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน เผ่านภาคิมหันต์และเผ่ามนุษย์ภาคตะวันออก ในด้านการรับมือแล้วไม่ยุ่งวุ่นวายเลย ทุกอย่างล้วนเป็นระเบียบ
ยิ่งผนึกกำลังแดนตะวันออก แบ่งแยกฟ้าดินในทันที สกัดกั้นเพลิงสงครามไว้ข้างนอก ไม่ลุกลามเป็นบริเวณกว้าง
ในขณะเดียวกัน บนห้วงสมุทรบรรพกาล เรือที่สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวอยู่ใกล้มหาสมุทรในเข้ามาเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกัน นอกดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ ในพื้นที่เขตปกครองพิสดารบันลือ มีเงาร่างหนึ่งกำลังทะยานมาอย่างสุดชีวิตมายังเผ่ามนุษย์ทางนี้
คนคนนี้ทั่วทั้งร่างสะบักสะบอม กลิ่นอายไม่เสถียร ภายนอก ภายในร่างกายล้วนมีบาดแผลมากมาย แต่ที่เอวมีศีรษะผูกเอาไว้เจ็ดแปดศีรษะ
“หลันเหยากับเยวี่ยตงนังหญิงแพศยา 2 คนนั้นไล่ฆ่าไม่หยุดหย่อน!”
เงาร่างนี้สีหน้าแฝงด้วยความอ่อนล้าและร้อนรน เพียงแต่ในความร้อนรนกลับยังคงมีความเหี้ยมโหดราวอสรพิษร้ายแผ่ปกคลุมในดวงตา
“ส่วนแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ลงมาเยือนเผ่ามนุษย์ทางนี้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร!”
“ในแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร ขั้วอำนาจตระกูลของหลันเหยายิ่งใหญ่ สามีของนางยิ่งเป็นลูกศิษย์ของมหาจักรพรรดิ การมาเยือนของแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ สำหรับข้าแล้วเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีทางรอด เป็นหนทางสู่ความตายโดยแท้”
“เช่นนั้น…ตอนนี้คุณค่าของข้าความจริงแล้วยิ่งเพิ่มขึ้น ในเมื่อความลับมากมายของแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารข้าล้วนรู้ทั้งหมด ส่วนพวกเจ้าในเมื่ออยากให้ข้าตายขนาดนี้ เช่นนั้นข้าก็จะมุ่งหน้าไปเผ่ามนุษย์ ขายแดนศักดิ์สิทธิ์ แลกเอาการคุ้มครองมา!”
เฟิงหลินเทาในดวงตาฉายแววเย็นเยือก ความเร็วเร็วยิ่งกว่าเดิม
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



