บทที่ 1018 ทำตัวเองให้เป็นเหยื่อล่อ
เฟิงหลินเทาได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ในเผ่ามนุษย์!
เรื่องนี้สร้างระลอกคลื่นไม่เล็กเลย เพราะเรื่องการศึกสงครามมากมายกับแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารในช่วงนี้ จำนวนครั้งที่เผ่ามนุษย์ได้รับชัยชนะค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ระหว่างนั้นมีชัยชนะบางครั้งที่เหมือนว่าเกิดจากการรั่วไหลของรายงานข่าว
นอกจากนี้สำหรับข่าวผู้แข็งแกร่งในแดนศัดิ์สิทธิ์ปีกมาร เผ่ามนุษย์ทางนี้ก็เหมือนว่ารู้กระจ่างเป็นอย่างดี กระทั่งว่าความสัมพันธ์เส้นสายภายในก็รู้กระจ่างนัก
ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารได้รับความกดดัน
ทั้งยังมีการวางแผนกลยุทธ์สงครามครั้งนี้
เรื่องนี้ฝ่ายมนุษย์ก็เป็นฝ่ายควบคุมเช่นกัน
และสิ่งที่ทำให้ฝ่ายแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารปวดหัวที่สุดคือการถอนรากถอนโคนหาตัวสายลับ!
ทั้ง 2 ฝ่ายนับแต่ทำสงครามมา สำหรับการทำลายค่ายกลไร้เทียมทานนั่น แดนศักดิ์สิทธิ์ได้แอบส่งสายลับเข้าไปในหลายๆ พื้นที่ บางคนออกแนวไปทางนักรบพลีชีพ เลือกที่จะลงมือโดยตรง
บางคนเลือกที่จะหลบซ่อน
แต่เป้าหมายทั้งหมดก็เพื่อที่จะทำลายค่ายกลไร้เทียมทานนั่น
เรื่องนี้ใหญ่มาก ดังนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารเพื่อการนี้ได้เตรียมแผนการและขั้นตอนอย่างละเอียด
แต่ช่วงนี้ สายลับเปิดเผยตัวตนมากมาย
เรื่องนี้…ล้วนเกิดขึ้นในช่วงเฟิงหลินเทาได้รับการแต่งตั้งโหว อีกทั้งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จวบจนแต่งตั้งเป็นอ๋องในวันนี้ก็มาถึงขั้นสูงสุด
แต่หากเป็นเพียงแค่นี้ ความจริงก็ไม่อาจพิสูจน์ประโยชน์และคุณค่าของเฟิงหลินเทาได้ ในเมื่อในนี้มีหลายเรื่องที่ฝ่ายแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารรู้ดีว่าด้วยฐานะของเฟิงหลินเทาในอดีต เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะล่วงรู้
เพียงแต่…ในยามแต่งตั้งอ๋อง ใช้เลือดเชลยแดนศักดิ์สิทธิ์หลายหมื่นเป็นการอวยพร เรื่องนี้สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารแล้ว ใหญ่โตเป็นอย่างยิ่ง
เชลยศึกนับหมื่นเหล่านี้ต่างมีครอบครัว มีคู่ฝึกเต๋า มีผู้ร่วมสำนักเดียวกันและสหาย เมื่อขยายออกไป ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจทวีคูณขึ้นหลายสิบหรือหลายร้อยเท่า
หากพวกเขาตายในสนามรบก็ช่างเถิด สมาชิกเผ่าแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารแม้จะโศกเศร้า แต่ก็จะไม่เกิดความโกรธแค้นรุนแรงสาหัส ทว่าหากพวกเขาถูกสังเวยเลือดต่อหน้าสาธารณชน…
นี่กระตุ้นความโกรธความแค้นของสมาชิกเผ่าทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารทันที!
แต่การมีอยู่ของค่ายกลทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารทางนั้น มีเชลยเผ่ามนุษย์น้อยมาก ดังนั้นหากคิดอยากจะเอาคืนด้วยวิธีเดียวกัน ก็เหมือนชกหมัดไปบนนุ่น เต็มไปด้วยความไร้พลัง
ด้วยเหตุนี้ สังเวยเลือดต่อหน้าคนทั้งหลาย ก็ยิ่งกลายเป็นเพิ่มความโกรธแค้นของสมาชิกแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร
ส่วนเฟิงหลินเทาในฐานะที่เป็นผู้ลงมือและใช้เรื่องนี้เป็นการอวยพรการแต่งตั้งอ๋อง ก็กลายเป็นเป้าความโกรธแค้นของสมาชิกเผ่าทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร
ดังนั้น ในยามที่จักรพรรดินีเอ่ยออกมา ในทันทีที่เฟิงหลินเทาตื่นเต้นเอ่ยขอบพระทัย นอกค่ายกลไร้เทียมทานบนท้องฟ้า แดนศักดิ์สิทธิ์คำรามกึกก้อง จิตเทพมากมายปะทุจากในนั้น จับเป้าหมายมายังบริเวณค่ายกลนี้
เพลิงพิโรธในนั้นท่วมฟ้า จิตสังหารรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน!
ไม่ว่าจะฉลาดหรือไม่ ไม่ว่าจะเลือกอย่างไร เรื่องนี้…ล้วนไม่อาจแก้ไขได้
เพราะนี่คือสิ่งที่ถูกกำหนดโดยความต้องการ นี่คือแผนการที่เปิดเผย!
ประดุจเปลวเพลิงร้อนแรงกวาดไปในฟ้าดิน
ทำให้เฟิงหลินเทาทางนี้ความคิดผุดขึ้นพรั่งพรูรุนแรง
เขาที่นิสัยเจ้าเล่ห์ตลบแตลงย่อมไม่ใช่คนโง่ เรื่องราวในช่วงนี้ทำให้เขาร้อนรนกระวนกระวายนานแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้…แม้ภายนอกเขาจะซาบซึ้ง แต่ในใจว้าวุ่นทำอะไรไม่ถูกสุดขีด
นี่เดิมก็ไม่ใช่แผนการกลอุบายอะไรอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ถึงความหมายของเรื่องนี้เป็นอย่างดี
“นี่คือจะบีบให้ข้าไม่เหลือเส้นทางถอยใดๆ!”
“ทำให้ข้าผูกติดกับเผ่ามนุษย์โดยสมบูรณ์…”
“และนี่เป็นเพียงแค่ข้อหนึ่งเท่านั้น จักรพรรดินีคนนั้นยังมีเป้าหมายข้อที่ 2…”
“เห็นได้ชัดว่าองค์ท่านจะเพิ่มคุณค่าของข้าไปอย่างไร้ขีดจำกัด เลี้ยงให้อ้วนเรื่อยๆ อย่างน้อยก็ต้องให้คนส่วนมากของแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารเกลียดข้าเข้ากระดูกดำ”
“เช่นนี้แล้ว ต่อให้ระดับสูงของแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารรู้ว่าข้านั้นถูกใส่ร้าย และมองส่วนที่เป็นปัญหาออก ในเมื่อรายงานข่าวมากมายข้าไม่รู้เรื่องเลย!!”
“แต่ว่า…หากสมาชิกส่วนมากในแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารล้วนเกลียดข้าเข้ากระดูกดำ เช่นนั้นเรื่องนี้ความจริงแล้ว จะถูกใส่ร้ายหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว”
“ข้ากลายเป็นเป้าล่อ…สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็จะผลักความรับผิดชอบที่สูญเสียผลประโยชน์มาให้ข้า ยิ่งกระตุ้นความบ้าคลั่งและจิตต่อสู้ของสมาชิกเผ่า มีประโยชน์ในด้านสงครามของแดนศักดิ์สิทธิ์”
“สำหรับเผ่ามนุษย์ก็เช่นกัน เพราะหากข้าดึงความเกลียดชังอันไร้สิ้นสุดจากฝ่ายแดนศักดิ์สิทธิ์มา เช่นนั้นข้าก็จะกลายเป็นหมากของเผ่ามนุษย์ไปโดยปริยาย”
“ทันทีที่เผ่ามนุษย์เสียประโยชน์ในสงคราม ขอเพียงส่งตัวข้าออกไป ก็จะได้ผลประโยชน์สงครามด้านอื่นๆ!”
“ในเมื่อเผ่ามนุษย์ผลักข้าไปถึงระดับสูงสุดแล้ว จิตสังหารของคนแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีต่อข้ายิ่งเกินกว่าสิ่งใดทั้งปวง”
“ต่อให้ผู้นำระดับสูงของแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารรู้เป็นอย่างดี และไม่เต็มใจ แต่จำนนด้วยจิตใจและคำครหาของคนในเผ่า สุดท้ายก็จะต้องผลักเรือไปตามกระแสน้ำ ยอมรับเรื่องนี้”
“โหดเหี้ยมยิ่งนัก!”
“จะเผ่ามนุษย์หรือแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ล้วนแต่เป็นพวกเจ้าเล่ห์ทั้งนั้น!”
ขณะที่ความคิดผุดขึ้น เฟิงหลินเทารักษาความซาบซึ้งบนใบหน้าเอาไว้ ทอดสายตามองแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่นอกค่ายกล แล้วมองไปทางวังหลวงเผ่ามนุษย์ สุดท้ายในใจก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ยกมือไปทางเผ่าปีกมารที่อยู่ข้างล่างแล้วพลันกดลงไป
พลังบำเพ็ญปะทุ!
ฟ้าดินคำรามลั่น ในค่ายกล ผู้บำเพ็ญเผ่าปีกมารถูกกดอัด เลือดเนื้อระเบิดแหลก กายและจิตดับสูญ!
นอกค่ายกล ฝ่ายแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารเห็นเช่นนั้นก็ต่างส่งเสียงคำรามโกรธแค้นออกมา
เฟิงหลินเทาดวงตาทั้ง 2 แดงก่ำ ทำท่าเหมือนกระหายเลือด ท่ามกลางการจับจ้องจากเผ่ามนุษย์ ก็เดินไปข้างหน้า การสังหาร…สำแดงขึ้นอีกครั้ง
จากความตายของเชลย จากความงุนงงสับสนในกลิ่นคาวเลือด เฟิงหลินเทาดูเหมือนจะเพลิดเพลินนัก ทำเอาผู้บำเพ็ญแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่อยู่นอกค่ายกล ต่างหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ
พวกเขามองความตายของสมาชิกเผ่าตาปริบๆ ในนั้นมีผู้อาวุโสของพวกเขา มีสหายร่วมสำนัก มีลูกหลาน…และความตายเช่นนี้ เป็นความตายที่ไร้เกียรติ และโหดเหี้ยมนัก
แต่นี่คือสงคราม ไม่เกี่ยวกับถูกผิด
นับจากที่แดนศักดิ์สิทธิ์ลงมาเยือน ในพริบตาที่เปิดสงครามรุกรานก็ตัดสินจุดยืนของทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว
ไม่ใช่เจ้าตายก็เป็นข้าที่ดับดิ้น!
ดังนั้นเผ่ามนุษย์จ้องมองอย่างเย็นชา เผ่าต่างๆ ก็เช่นกัน สวี่ชิงไม่ขัดขวาง เอ้อร์หนิวนั้นเลียริมฝีปาก
ส่วนการสังหารของเฟิงหลินเทาก็ยิ่งบ้าคลั่ง
สำหรับเขาแล้ว สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงแค่ผลประโยชน์ส่วนตัว สิ่งที่สนใจคือผลภายหลังจากการสังหาร ไม่ใช่กระบวนการ
สุดท้าย หลังจากนั้น 1 ก้านธูป ในยามที่เฟิงหลินเทาซัดเชลยคนสุดท้ายตายในฝ่ามือเดียว ทั่วทั้งร่างของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด สีหน้าเหี้ยมเกรียม ทอดสายตาไปยังฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ หัวเราะเย็นชาออกมา
จากนั้นก็โค้งคารวะไปทางวังหลวงเผ่ามนุษย์ “ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
ดูจากความโหดเหี้ยมในการลงมือและคำพูด ตลอดจนการกระทำและท่าที ในตัวเฟิงหลินเทาหาส่วนที่เป็นปัญหาไม่ได้เลย เขาร่วมมือกับเผ่ามนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ สร้างเป้าดึงดูดความความเกลียดชังของแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารอันใหญ่ขึ้นมา
สวี่ชิงมองภาพนี้ ในดวงตาฉายประกายเย็นเยือก
เอ้อร์หนิวที่อยู่ข้างๆ กลับหัวเราะ “เจ้าหนูเฟิงคนนี้มีท่วงท่าทะเยอทะยานเจ้าแผนการอยู่บ้างจริงๆ น่าจะไม่จำเป็นต้องให้พวกเราไปบีบแล้ว เกรงว่าเขาก่อนที่จะมาเผ่ามนุษย์ก็คงมีแผนการในภายหลังเอาไว้แล้ว…”
“ดังนั้น เพื่อรับประกันว่าล่อเหยื่อสำเร็จ อาชิงน้อย หลายวันหลังจากนี้พวกเราต้องหาโอกาสเอาเนื้อชุ่มเลือดของเขามา 5 ชิ้น เพื่อสำแดง 5 โคสืบย้อนพลังต้นกำเนิดของพวกเรา!”
สวี่ชิงมีความคิดเช่นนี้เช่นกัน เมื่อได้ยินก็พยักหน้า
และหลังจากนั้นทั้ง 2 ก็ซ่อนอำพรางไปในกลุ่มคน หายลับไป
เวลาผ่านไปช้าๆ ครึ่งเดือนผ่านไป
ในครึ่งเดือนนี้ สงครามระหว่างเผ่ามนุษย์และแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารถี่ขึ้น โดยเฉพาะสายลับที่ฝ่ายแดนศักดิ์สิทธิ์ส่งมามากกว่าแต่ก่อนมาก
อีกทั้งสายลับทุกคนนอกจากจะได้รับคำสั่งให้ทำลายค่ายกลแล้ว ต่างมีภารกิจเพิ่มมาอีก 1 ภารกิจ
สังหารเฟิงหลินเทา!
ในครึ่งเดือนนี้ เรื่องการสังหารเชลยศึกเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งคุณงามความชอบมากมายในสงคราม ฝ่ายเผ่ามนุษย์ก็ยกมันให้กับเฟิงหลินเทา
ทุกอย่างนี้ทำให้ชื่อของเฟิงหลินเทา ในขณะเดียวกับที่เลื่องลือไปทั่วโลกแดนบูรพาแห่งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์แล้ว ก็กลายเป็นความแค้นอันดับหนึ่งที่ยอมรับโดยทั่วกันในแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารเช่นกัน!
สมาชิกเผ่าปีกมารนับไม่ถ้วนอยากจะกลืนกินเขาทั้งเป็นๆ นัก
ดังนั้นการลอบสังหารย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ
เพื่อคุ้มกันขุนนางผู้สร้างคุณงามความชอบคนนี้ ฝ่ายเผ่ามนุษย์ก็เพิ่มองครักษ์คุ้มกันข้างกายเฟิงหลินเทา
ส่วนเฟิงหลินเทาทางนี้ก็เหมือนว่าจากใจจนถึงกายล้วนกลายเป็นเผ่ามนุษย์แล้วโดยสมบูรณ์ กระทั่งว่าหลายครั้งยังเป็นฝ่ายขออาสาออกไปสังหารศัตรู เหมือนว่าเกลียดชังเผ่าปีกมารยิ่งกว่าเผ่ามนุษย์เสียอีก
แต่ภายใต้พระมหากรุณาธิคุณของจักรพรรดิมนุษย์ก็ไม่ได้อนุญาตให้ออกไปนอกค่ายกล อนุญาตให้เขาสืบหาสายลับภายในเขตเมืองหลวงเผ่ามนุษย์เท่านั้น นี่ทำให้เฟิงหลินเทาเสียดายมาก แต่ว่าสำหรับราชโองการของจักรพรรดินี เขาทำตามโดยดุษฎี การสังหารสายลับหลังจากนั้นเหี้ยมโหดเป็นอย่างยิ่ง ตัวเองได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ก็เป็นเพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
จวบจน…ผ่านไปอีก 7 วัน
เผ่ามนุษย์และฝ่ายแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร เนื่องจากการปรากฏตัวขึ้นของมหาจักรพรรดิปีกมาร สงครามขนาดเล็กยกระดับขึ้น เปิดสงครามขนาดใหญ่ เจ้าเหนือหัวหลายคนลงมาเยือน ระดับเตรียมสู่เทวะหลายคนเดินออกมา
ฝ่ายเผ่ามนุษย์ทางนี้ จักรพรรดินีมาเยือนยังสนามศึกด้วยตัวเอง เทพอสุภจักรพรรดิมนุษย์ทุกยุคต่างลงมาเยือนสนามศึกด้วยเช่นกัน
อ๋องสวรรค์เผ่าต่างๆ ก็เช่นกัน ต่างปะทุสงครามอันเจิดจ้าฟ้าดินขึ้นมา
และในช่วงเวลาสำคัญของศึกใหญ่ครั้งนี้ ในยามที่พลังของเมืองหลวงเผ่ามนุษย์แห้งเหือด การลอบสังหารฉากหนึ่ง ก็สำแดงขึ้นที่ชนบทนอกเมืองหลวงเผ่ามนุษย์!
ผู้ที่ปฏิบัติภารกิจลอบสังหารเป็นผู้บำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะ 7 โลก 2 คนของแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร!
พวกเขาซ่อนตัวนานมาก ไม่เปิดเผยตัวตนเลย ตอนนี้ก็ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น สำแดงการโจมตีอย่างรวดเร็วทรงพลังออกมา
เป้าหมายในการลอบสังหารก็คือเฟิงหลินเทาที่พาองครักษ์ส่วนตัวกลับมาจากการจับตัวสายลับนั่นเอง!
การลอบสังหารครั้งนี้ฉวยช่วงจังหวะโอกาสที่พอเหมาะพอดีเป็นอย่างยิ่ง เหตุการณ์ดุเดือดรุนแรงยิ่งนัก
องครักษ์ข้างกายของเฟิงหลินเทารบตายทั้งหมด ส่วนตัวเขาก็ไม่อาจหลบหนีได้ กายเนื้อระเบิด วิญญาณแหลกสลาย ศีรษะถูกตัดเอาไป
แม้อ๋องเจิ้นเหยียนจะใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดตามมา แต่ก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง จับผู้ลอบสังหารแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารเอาไว้ได้คนหนึ่ง แต่ไม่อาจขวางอีกคนที่นำศีรษะของเฟิงหลินเทาไปได้
เขาทำได้เพียงนำซากร่างขององครักษ์ที่สาบานจะคุ้มครองจนตัวตายข้างกายเฟิงหลินเทาเหล่านั้นกลับไปทั้งหมด
เรื่องนี้หลังจากแพร่ออกไป ฝ่ายแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารนอกค่ายกลก็ส่งเสียงโห่ร้องยินดีฮึกเหิมออกมาทันที ส่วนจักรพรรดินีทางนั้นสีหน้าเคร่งขรึม แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีจิตใจมาขบคิดเรื่องนี้ สงคราม…ดำเนินต่อไป
เพียงแต่ไม่มีใครสังเกตว่าอ๋องเจิ้นเหยียนที่นำซากร่างองครักษ์ของเฟิงหลินเทากลับมา หลังจากที่ถึงจวนในเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ ซากร่างองครักษ์ที่รบตายเหล่านั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นภาพมายา กลายเป็นแสงผลึกแก้วมากมาย หลอรวมเป็นเงาร่างจักรพรรดิมนุษย์ตงเซิ่ง
องครักษ์เหล่านั้นเป็นตัวปลอม
อ๋องเจิ้นเหยียนไม่แปลกประหลาดใจใดๆ เพียงแค่ก้มศีรษะต่ำ จากนั้นก็ทอดสายตามองไปที่ไกล มุมปากเผยรอยยิ้มความหมายลึกซึ้ง
ขณะเดียวกัน นอกเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ในบริเวณชายแดนแผ่นดินใหญ่ธุลีสมุทร ในภูเขารกชัฏแห่งหนึ่ง ซ่อนถ้ำใต้ดินเอาไว้ถ้ำหนึ่ง
ถ้ำใต้ดินนี้ลับตา ที่นี่ยังรกร้าง ดังนั้นยากที่จะจับได้
และตอนนี้ ในถ้ำใต้ดิน มีเงาร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่
ร่างนี้ผสานไปในความมืด ดูแล้วค่อนข้างรางเลือน
จวบจนกระทั่งครู่หนึ่ง ดวงตาทั้ง 2 ของเงาร่างนี้ก็พลันลืมตื่นขึ้น ฉายประกายเฉียบคม แสงทั่วทั้งร่างฉายประกายเจิดจ้า ทำให้ถ้ำใต้ดินมืดมิดมีแสงสว่างกลุ่มหนึ่งขึ้นมา
อาศัยแสงสว่างกลุ่มนี้ จะเห็นว่าเงาร่างนี้เป็นชายหนุ่ม รูปร่างคล้ายมนุษย์ มีเพียงที่หว่างคิ้วมีรอยเส้นสีแดงที่รวมกลุ่มจากอักขระบางละเอียดมากมายเส้นหนึ่ง
นั่นคือสัญลักษณ์ของเผ่าพิสดารบันลือ อีกทั้งไม่นานก็ซ่อนอำพรางลงไป
“จักรพรรดินีก็ดี แดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารก็ดี จะทำอะไรข้าได้!”
ชายหนุ่มพึมพำ
“ข้าไปเผ่ามนุษย์ เป้าหมายย่อมไม่ใช่เข้าร่วมด้วยในระยะยาวอยู่แล้ว แผนการที่เปิดเผยของจักรพรรดินีแม้จะทำให้ข้าเสียเปรียบไปบ้าง แต่โดยรวมแล้ว…ก็ไม่ได้หลุดไปจากแผนการของข้า!”
“ในที่สุดก็แกล้งตายสำเร็จ!”
“จากนี้ โลกภายนอกก็จะคิดว่าตายไปแล้ว เช่นนั้นร่างพิสดารบันลือของข้าร่างนี้ก็นับว่าหลุดพ้นจากผลกรรมเวรโดยแท้จริงแล้ว!”
คนคนนี้ก็คือเฟิงหลินเทานั่นเอง!
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



