บทที่ 1020 เปลี่ยนจุดแข็งเป็นจุดอ่อน
เฟิงหลินเทาฉลาดหลักแลม ที่หลอกใช้เผ่ามนุษย์และแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อแกล้งตายและหลบหนี
อีกทั้งยังระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง เขาแกล้งตายครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อตัดขาดร่องรอยทั้งหมดทิ้งไป
แต่เขา…น่าเวทนาอย่างยิ่ง
ทั้งเป็นเหยื่อล่อของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว ทั้งยังเป็นปลาที่เยวี่ยตงต้องการที่จะตกให้ได้
การมีสถานะทั้งเหยื่อล่อปลาและปลาในเวลาเดียวกัน กล่าวได้ว่านี่คือชะตากรรมของเฟิงหลินเทาแล้ว
และในยามนี้เอง เขาที่มีสถานะ 2 อย่าง กำลังเร่งรีบเดินทางอยู่ในแดนใหญ่ธุลีสมุทร จุดหมายคือทิศอุดรของดินแดนต้องประสงค์
เขาต้องการที่จะฉวยโอกาสในช่วงเวลาที่ดินแดนต้องประสงค์และแดนศักดิ์สิทธิ์เปิดฉากสงคราม เดินทางรุดหน้าอย่างเงียบเชียบ ในน้ำขุ่นนี้ เพื่อที่จะเข้าไปในที่ราบน้ำแข็งนิรันดร์แห่งทิศอุดรดินแดนต้องประสงค์ และฝึกบำเพ็ญวิชาสืบทอดจากจักรพรรดิพิสดารบันลือภายใต้ความหนาวเหน็บอันไร้สิ้นสุดนั้น
เฟิงหลินเทาเชื่อมั่นว่า ด้วยพรสวรรค์ ผนวกกับการเตรียมการของตนเอง ความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จนั้นมีสูงมาก
“น่าเสียดายตรงที่ข้าได้รับวารีศักดิ์สิทธิ์พิศดารบันลือในตอนนั้นน้อยเกินไป มิฉะนั้น อัตราประสบความสำเร็จจะสูงถึง 7 ส่วนขึ้นไป!”
เฟิงหลินเทาสูดลมหายใจเข้าลึก เพิ่มความเร็วเต็มที่ มุ่งหน้าไปยังที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว
หลายวันต่อมา เขาเดินทางเลี่ยงขอบเขตของแดนใหญ่ธุลีสมุทร อ้อมเขตเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ เตรียมที่จะเดินทางผ่านนภาคิมหันต์แห่งนี้ ออกจากแดนบูรพา
แม้ว่าเกิดสงครามและความตื่นตระหนกไปตลอดเส้นทาง และยังต้องเผชิญกับอสูรกลายพันธุ์อยู่บ้าง แต่ด้วยการรับมืออย่างระมัดระวังของเฟิงหลินเทา เขาก็สามารถคลี่คลายปัญหาไปได้ทีละอย่าง ในที่สุดก็เดินทางไปถึงอย่างปลอดภัย
เขาใส่ใจกับกายเนื้อปัจจุบันนี้มาก ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อแน่ใจว่ายามนี้ตนเองปลอดภัยแล้ว เขาจึงไม่ได้ใช้วิธีเสี่ยงตายในการหยั่งเชิงเช่นแต่ก่อนอีกต่อไป
พฤติกรรมเช่นนี้ เมื่อตกอยู่ในสายตาของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวที่ซ่อนกายอยู่บนท้องฟ้า ในที่สุดทั้ง 2 ก็รู้สึกว่าเรื่องราวเริ่มจะราบรื่นขึ้นแล้ว
ก่อนหน้านี้หลังจากที่เฟิงหลินเทาแกล้งตายเป็นครั้งที่ 2 พวกเขาก็กลับมาจับตำแหน่งได้อีกครั้ง และเร่งความเร็วตามมา ใยามนี้เมื่อเห็นเฟิงหลินเทาเริ่มที่จะทะนุถนอมตนเอง เอ้อร์หนิวก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา
“เจ้าเด็กเฟิงคนนี้ ในที่สุดก็ทำให้คนวางใจได้เสียที”
“เป็นเหยื่อล่อปลาดีๆ มันยากตรงไหนกัน ถึงต้องดิ้นรนไปมาขนาดนี้ เขาไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคนตกปลาอย่างพวกเราบ้างหรือไร!”
“ถึงได้บอกอย่างไรเล่า เจ้าเฟิงหลินเทาคนนี้ แย่กว่าพวกเรา 2 คนเสียอีก ตอนที่พวกเรา 2 คนเป็นเหยื่อล่อปลา ง่ายกว่าง่ายเสียไม่มี!”
เอ้อร์หนิวมองเฟิงหลินเทาที่กำลังบุกทะลวงป่าดงเบื้องล่าง แล้วกล่าวกับสวี่ชิง
สวี่ชิงเหลือบมองเอ้อร์หนิวผาดหนึ่ง นึกถึงตอนอยู่ในทะเลนอกที่เอ้อร์หนิวพูดอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขารู้สึกว่าที่จริงแล้วเฟิงหลินเทายังดีเสียกว่า อย่างน้อยที่สุด…ก็ไม่อาจดึงดูดเทพเจ้าน่ากลัวและสัตว์ร้ายยักษ์ที่กลืนกินทั้ง 2 คนมาได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาว่าศิษย์พี่ใหญ่กำลังมีอารมณ์สนุกสนานอย่างมาก สวี่ชิงก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร คนทั้ง 2 ซ่อนเร้นในความเงียบงัน ติดตามไปห่างๆ รอคอยการปรากฏตัวของปลา
แล้วเวลาก็ล่วงเลยไปอีก 5 วัน
เรื่องราวของเฟิงหลินเทา เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ฝ่ายแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร นำประกาศจับที่ถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้เนื่องจากลอบสังหารเฟิงหลินเทาสำเร็จ กลับมาปิดประกาศอีกครั้ง!
นอกจากหมายจับที่เผยแพร่ออกมาแล้ว ยังมีพระราชโองการของฝ่ายแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร!
พวกเขาประกาศต่อสาธารณชนว่า อ๋องชาอวี่แห่งเผ่ามนุษย์ ผู้เป็นไส้ศึกของแดนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้ตายไปจริงๆ แต่เป็นการแสร้งตายเพื่อหลบหนี!
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ก็สั่นสะเทือนไปทั่วแดนบูรพาดินแดนต้องประสงค์ในทันที
เพราะชื่อเสียงของเฟิงหลินเทาก่อนหน้านี้ โด่งดังกระฉ่อนไปทั่วด้วยการผลักดันของเผ่ามนุษย์ การตายของเขา ยิ่งกระตุ้นความโกรธเกรี้ยวของเผ่ามนุษย์
ทว่าตอนนี้…แดนศักดิ์สิทธิ์กลับประกาศว่าเฟิงหลินเทาแกล้งตาย!
เรื่องนี้มีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล
โลกภายนอกแยกแยะไม่ออกว่าเรื่องจริงเท็จเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เมื่อประกาศจับถูกเผยแพร่ออกมา รางวัลที่ระบุไว้ภายในนั้น เพียงพอที่จะสั่นคลอนจิตใจของผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วน
รางวัลมากมาย รวมถึงโอกาสเป็นเจ้าเหนือหัว!
ซ้ำยังไม่แบ่งแยกว่าจะเป็นดินแดนต้องประสงค์หรือแดนศักดิ์สิทธิ์ เผ่าพันธุ์ใดก็ตาม หากสามารถสังหารเฟิงหลินเทาได้ ก็จะได้รับรางวัลนี้ไป
ดังนั้น สายลับของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ซุ่มซ่อนอยู่ในดินแดนต้องประสงค์ ต่างก็เคลื่อนไหว ออกสืบเสาะค้นหาเฟิงหลินเทา
ส่วนฝ่ายดินแดนต้องประสงค์ ความคิดในใจของแต่ละฝ่ายปั่นป่วนแตกต่างกันไป แต่ภายนอกยังคงแสดงท่าทีขุ่นเคืองใจเช่นกัน ต่างก็ส่งคนต่างเสนอตัวคล้ายจะอยากป้องกันโศกนาฏกรรมนี้
แต่ในเงามืดเป็นอย่างไร มีเพียงพวกเขาเองเท่านั้นที่ล่วงรู้
ส่วนเผ่ามนุษย์ ก็แสดงออกถึงความขุ่นเคืองใจเช่นกัน เริ่มต้นการสอบสวนเรื่องนี้
เป็นเช่นนี้ เมื่อประกาศของแดนศักดิ์สิทธิ์แพร่สะพัดออกไป สงครามภายนอกค่ายกลยังคงปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง การค้นหาเฟิงหลินเทาโดยทุกฝ่ายภายในค่ายกลก็เกิดขึ้นบ่อยพอๆ กัน
คนที่ขมขื่นที่สุด ย่อมเป็นตัวต้นเรื่องเอง
ในใจของเฟิงหลินเทาหวาดหวั่นสั่นสะท้าน เขารู้สึกถึงความกระวนกระวายใจอย่างรุนแรง การเดินทางครั้งนี้ยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น
หลังจากได้ยินข่าวนี้สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวต่างก็มีความคิดอยู่ในใจ สุดท้ายก็สบสายตากัน
“ปลา เริ่มตอดเบ็ดแล้ว!” สวี่ชิงกล่าวเนิบๆ
เอ้อร์หนิวแลบเลียริมฝีปาก แววตาเผยให้เห็นประกายแสงสีน้ำเงิน
“น่าสนใจ แดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารประกาศเรื่องนี้ในเวลานี้ แสดงว่าต้องมีเจตนาแอบแฝง…เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นความสามารถของหลานเหยา หรือเป็นการตัดสินใจของแดนศักดิ์สิทธิ์เองกันแน่”
“ต้องการสังหารเฟิงหลินเทาจริงๆ หรือว่า…จงใจแหวกหญ้าให้งูตื่น”
สวี่ชิงก้มศีรษะลง ทอดสายตามองเฟิงหลินเทาที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าตามแนวเขาเบื้องล่างอย่างหลบๆ ซ่อนๆ หรี่ตาลง กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา “ตอนเด็กๆ เวลาจับงู ข้าก็จะตีพุ่มไม้ เพราะงูที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้จับยาก มีแต่ต้องตีพุ่มไม้ให้งูตื่น มันถึงจะเลื้อยออกมา ข้าถึงจะจับได้”
เอ้อร์หนิวพยักหน้าเห็นด้วย “แต่ข้ายังมีข้อสงสัยอยู่ประการหนึ่ง แดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร สามารถดำเนินการเรื่องนี้อย่างลับๆ ได้ ไยต้องทำให้เกิดคลื่นลมใหญ่โตเช่นนี้ด้วย…”
“อาชิงน้อย พวกเราวิเคราะห์กันหน่อยดีกว่า ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล”
เอ้อร์หนิวขมวดคิ้ว
เมื่อได้ยินดังนั้น สวี่ชิงก็ครุ่นคิดเล็กน้อย มองไปยังเอ้อร์หนิว “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าจะสวมบทบาทเป็นเฟิงหลินเทา คิดไตร่ตรองเรื่องนี้ หากข้าเป็นเฟิงหลินเทา เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ข้าจะทำเช่นไร…”
“ข้าจะกังวลว่าจะมีปัญหาอื่นแอบแฝงอยู่ แทนที่จะถูกค้นหาเช่นนี้ สู้เลือกโอกาสเหมาะๆ แกล้งตายอีกครั้งให้เห็นต่อหน้าทุกคนดีกว่า แม้ว่าวิธีนี้จะถูกใช้มาหลายครั้ง แต่การตรวจสอบต้องใช้เวลา และสิ่งที่ข้าต้องการ ก็คือเวลา”
เมื่อเอ้อร์หนิวได้ยินคำพูดของสวี่ชิง ดวงตาก็เป็นประกาย เผยความกระจ่างใจ
“มีเหตุผล เช่นนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่า แดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารต้องการให้เฟิงหลินเทาตัดสินใจเช่นนี้ ด้วยนิสัยขี้ระแวงของเฟิงหลินเทา ย่อมจะต้องตอบสนองเมื่อถูกแหวกหญ้าให้งูตื่น!”
“หากวิเคราะห์เช่นนี้ เช่นนั้นจุดประสงค์หลักที่แดนศักดิ์สิทธิ์ต้องการให้เฟิงหลินเทาแกล้งตาย คืออะไร…”
เอ้อร์หนิวยังกล่าวไม่ทันจบ พลันทอดสายตามองสวี่ชิง คนทั้ง 2 สบสายตากัน ในใจก็ได้คำตอบแล้ว
“เฟิงหลินเทา ยังมีร่างอวตารที่ 3! และมีความเป็นไปได้สูงว่าร่างอวตารที่ 3 นี้ จะถูกแดนศักดิ์สิทธิ์ เยวี่ยตง หรือหลานเหยาค้นพบแล้ว”
สวี่ชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ถูกต้อง ดังนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์ หลานเหยา หรือเยวี่ยตง ต้องการให้เฟิงหลินเทาตายลง เมื่อเขาตาย ร่างอวตารที่ 3 ฟื้นคืนชีพ และตกอยู่ในการควบคุมของพวกเขาในทันที!”
“นี่เป็นการใช้ประโยชน์จากความขี้ระแวงของเฟิงหลินเทา!”
“เขายิ่งระแวงมากเท่าไร ก็ยิ่งยากที่จะมองทะลุหมากที่วางเพื่อเล่นงานเขา!”
“ในใจของเขาจะปรากฏข้อสงสัยนับไม่ถ้วน และไม่อยากปล่อยให้สถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้เช่นนี้เกิดขึ้นต่อไป เขาจะต้องคิดหาวิธีกแก้ไขล่วงหน้าอย่างแน่นอน ดังนั้นข้าจึงคิดว่าเขาน่าจะปรากฏตัวออกมา ไม่หลบซ่อนตัวอีกต่อไป”
“เพราะเขาไม่วางใจ!”
ในใจของคนทั้ง 2 กระจ่างแจ้ง เตรียมการขั้นต่อไปล่วงหน้า
ส่วนเฟิงหลินเทา ความขี้ระแวงของเขาฝังลึกอยู่ในกระดูก ในช่วงวันต่อๆ มา ร่องรอยการเดินทางของเขายิ่งถูกอำพรางมากขึ้น และความเร็วก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าความขี้ระแวงของเขาเริ่มทำหน้าที่แล้ว ข้อสงสัยใดๆ ที่เขามี จะถูกขยายใหญ่ขึ้น และถูกตรวจสอบทีละอย่าง
และยิ่งตรวจสอบมากเท่าไร ข้อสงสัยก็ยิ่งมากขึ้น ร้อยรัดพันเกี่ยว…
ในท้ายที่สุด ในวันที่ 6 ภายใต้การเฝ้ามองของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว เฟิงหลินเทาดูเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ ทั้งที่เลือกจะซ่อนตัวต่อไปก็ย่อมได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการค้นหาเป็นวงกว้างที่ขยายขอบเขตขึ้นเรื่อยๆ จากทุกฝ่าย เขาก็เลือกที่จะเปิดเผยร่องรอยการเดินทางของตน!
แน่นอนว่าวิธีการเปิดเผยนั้นแยบยลมาก ท่าทีราวกับถูกคนวางแผนเล่นงาน
ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่ถูกพบเจอ เขาก็หลบหนีอย่างบ้าคลั่ง พยายามซ่อนร่องรอยอีกหลายครั้ง แต่เห็นได้ชัดว่าสายเกินไปแล้ว ร่องรอยการเดินทางของเขาถูกระจายไปทั่วทันที ทำให้เรื่องการตามล่าในเขตแดนเผ่านภาคิมหันต์ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งการตามล่าครั้งนี้ ดำเนินไปเป็นเวลา 11 วัน… ระหว่างทางหลบหนีไปยังแดนทิศทักษิณของดินแดนต้องประสงค์บริเวณเผ่านภาคิมหันต์ เฟิงหลินเทาก็ถูกสกัดในที่สุด
เฟิงหลินเทาตกอยู่ในความคลุ้มคลั่ง ราวกับหมดหนทางสิ้นปัญญา ถูกครอบงำด้วยอารมณ์สิ้นหวัง ดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะหลบหนี แต่ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
แม้ว่าเขาจะสังหารผู้ตามล่าไปได้ไม่น้อย แต่ในท้ายที่สุดก็ยังคงถูกสายลับของแดนศักดิ์สิทธิ์ สังหารจนได้!
เฟิงหลินเทาตายอีกครั้ง!
……
แทบจะในทันทีที่เขาสิ้นลม ร่างอวตารที่ 3 ที่เฟิงหลินเทาซ่อนไว้ในถ้ำในเขตปกครองพิศดารบันลือ แสงสีแดงที่กึ่งกลางหว่างคิ้วของร่างอวตารนั้น ใกล้จะดับมอดลงอย่างสมบูรณ์
แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา แสงสีแดงก็เจิดจ้า ส่องประกายขึ้นมาอย่างรุนแรง
จากนั้น กายเนื้อที่ 3 ของเฟิงหลินเทา ก็เบิกตาขึ้น
แต่ในขณะที่ดวงตาทั้ง 2 ข้างเปิดขึ้น เขาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ร่างกายเอนไปด้านหลัง กำลังจะหลบหนี ทว่าผู้บำเพ็ญวัยกลางคนผู้นั้นที่รอคอยอยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน ก็ยกมือขึ้นคว้าไปในความว่างเปล่าพร้อมกับเสียงหัวเราะเย็นเยียบ
ทันใดนั้นถ้ำก็ส่งเสียงครืนครั่น กับดักปิดกั้นการรับรู้และป้องกันการหลบหนีด้วยการตายเริ่มทำงานขึ้น ขณะเดียวกัน พลังมหาศาลก็ปะทุขึ้นรอบกายเฟิงหลินเทาที่เพิ่งฟื้นคืนชีพ รวบรวมเข้าหากันในชั่วพริบตา จากนั้นก็พันธนาการเขาโดยตรง
อีกทั้งยังมีแรงดึงดูดแผ่ซ่านออกมา ทำให้กายเนื้อของเฟิงหลินเทาที่ถูกจับตัวไว้ พุ่งตรงไปหาผู้บำเพ็ญวัยกลางคนผู้นั้น
ในชั่วพริบตาก็ถูกผู้บำเพ็ญวัยกลางคนคว้าลำคอไว้ในมือเดียว ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชัง “สหายเต๋าเฟิง ในที่สุดเจ้าก็มา”
สีหน้าของเฟิงหลินเทาซีดเผือด จ้องเขม็งไปยังชายวัยกลางคนแปลกหน้าตรงหน้า เขาแน่ใจว่าไม่เคยพบพานอีกฝ่ายมาก่อน แต่จากร่างของคนผู้นี้ เขากลับสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคย
นั่นคือสายตาที่เคียดแค้นชิงชังตนเองเช่นเดียวกับหลานเหยา และน้ำเสียงที่คล้ายคลึงกับเยวี่ยตง!
เขาต้องการที่จะเอ่ยปาก แต่ฝ่ามือที่ลำคอราวกับคีมเหล็ก ทำให้เขาไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้ พลังบำเพ็ญในกายถูกผนึกอย่างสมบูรณ์ เวลานี้มีเพียงความตายเท่านั้นที่ครอบงำจิตใจ
เขาเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างในทันที รับรู้ว่าเหตุใดแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมารจึงประกาศว่าตนเองยังไม่ตาย และรับรู้ว่าท้ายที่สุดตนเองก็ยังคงคำนวณพลาดไปอีกครั้ง!
“ความขี้ระแวงเป็นข้อดีของเจ้า แต่ก็เป็นจุดอ่อนของเจ้าเช่นกัน” ผู้บำเพ็ญวัยกลางคนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ลากคอเฟิงหลินเทา หันกายวูบหนึ่ง ในชั่วพริบตาก็จากที่แห่งนี้ไป ปรากฏกายอีกครั้งที่ภายนอก พุ่งตรงไปยังที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้เป็นยามสนธยา แสงตะวันอัสดงสาดส่องลงมาในอดีตเขตปกครองพิศดารบันลือ เงียบสงัดไปทุกหนแห่ง
มีเพียงเงาร่างของผู้บำเพ็ญวัยกลางคนเท่านั้น ที่ลับเลือนหายไปในแสงตะวันยามอัสดง
แต่หารู้ไม่ว่า เฟิงหลินเทาในมือของเขา กำลังแผ่เส้นใยที่มองไม่เห็นทีละเส้น เส้นใยเหล่านี้เป็นตัวแทนของเคราะห์กรรม เป็นตัวแทนของพลังรากฐาน และยังเป็นตัวแทนของโชคชะตา
พวกมันชี้นำทิศทาง ล่องลอยไปแสนไกล ร่วงหล่นลงตรงหน้าสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวที่กำลังเร่งฝีเท้าตามไป
ถูกเอ้อร์หนิวอาศัย 5 โคสืบย้อนพลังต้นกำเนิดคว้าจับไว้ด้วยมือเดียว ดวงตาฉายแววประหลาดใจ
“ในที่สุดปลาก็ติดเบ็ดแล้ว!”
ดวงตาขวาของสวี่ชิงเปล่งประกายแสงแห่งอำนาจ จ้องมองเส้นใยเหล่านี้ จากนั้นก็มองไปยังที่ห่างไกล กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา
“อีกฝ่ายเองก็ระมัดระวังตัวมากเช่นกัน เป็นแค่ปลาตัวเล็กๆ”
“แต่หากตามรอยปลาตัวนี้ ย่อมพบตัวการใหญ่ได้แน่นอน”
เมื่อได้ยินดังนั้น เอ้อร์หนิวก็ยิ้ม หลังจากเพิ่มสัมผัสรับรู้เส้นใยพลังรากฐานขึ้น เขาก็เอ่ยปากพูด
“อาชิงน้อย เจ้าว่าหลานเหยาและเยวี่ยตง ไยต้องทุ่มเทถึงขั้นนี้เพื่อจัดการกับเฟิงหลินเทา เป็นไปได้หรือไม่ว่าในร่างของเจ้านี่ จะมีสมบัติบางอย่างที่เราไม่รู้?”
เอ้อร์หนิวหรี่ตาลง แลบเลียริมฝีปาก
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



