Skip to content

Outside Of Time 1021

Outside of Time
BC

บทที่ 1021 เป็นเด็กดีขนาดนี้เชียว

ดวงตาขวาสวี่ชิงรอยเต๋าฉายวาบ จ้องมองไปที่ไกล เอ่ยราบเรียบ “ในตัวเฟิงหลินเทาจะมีของวิเศษหรือความลับถามดูเอาก็รู้แล้ว หากเขาไม่พูด ค่อยถามหลันเหยาและเยวี่ยตงทางนั้นก็ได้แล้ว”

C

เอ้อร์หนิวหัวเราะฮี่ๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง เร่งความเร็วไปกับสวี่ชิง คงการซ่อนอำพรางตัวอยู่บนท้องฟ้า ทะยานไปอย่างรวดเร็วต่อไป

เช่นนี้เอง ผ่านไปอีกหลายวัน

ในช่วงนี้ ผู้บำเพ็ญวัยกลางคนที่จับเป็นเฟิงหลินเทาเอาไว้ ตลอดทางมาระวัดระวังรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง เปลี่ยนทิศทางตลอดเวลาระมัดระวังภัยรอบๆ

สุดท้ายที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง ก็ทำการมอบตัวเฟิงหลินเทาให้กับชายชราหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่ง

จากนั้นก็ต่างจากไป ใบหน้าของเยวี่ยตงที่ถักทออยู่ในเส้นไหมแห่งชะตาของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ชะตาของเขาฟื้นฟูเช่นเดิม อีกทั้งยังเสียความทรงจำช่วงนี้ไปตลอดกาล

ส่วนชายชราคนนั้นก็เหมือนส่งไม้ผลัด ไปจากเมืองเล็กๆ นี้อีกทิศทางหนึ่ง เดินทางต่อไป

เรื่องเช่นนี้ ในเวลาครึ่งเดือนหลังจากนั้นเกิดขึ้น 5 ครั้ง

การส่งผลัดเปลี่ยนเช่นนี้ ล้วนเป็นคนละคน ล้วนแต่ฝ่ายแรกเดินทางจากไป ฝ่ายหลังดำเนินต่อไป

อีกทั้งเผ่าพันธุ์ทั้ง 2 ฝ่ายต่างไม่เหมือนกัน มีเผ่ามนุษย์ และมีเผ่านภาคิมหันต์

ใช้วิธีนี้ ตัดร่องรอยทุกอย่าง

ทำให้ผู้ไล่โจมตีที่อาจจะมีตัดขาดซึ่งร่องรอยความเชื่อมโยง

เพียงแต่ 5 โคสืบย้อนพลังต้นกำเนิดของเอ้อร์หนิว เป็นวิชาที่เขาสร้างขึ้นเพื่อวางแผนเทพเจ้า แม้แต่เจ้าเหนือหัวยังสามารถจับเป้าหมายได้ คุณสมบัติสายเลือดสูงยิ่งนัก ดังนั้นไม่ว่าอาศัยคนของเยวี่ยตงผลัดเปลี่ยนอย่างไร เส้นไหมบนร่างของเฟิงหลินเทา เขาคอยควบคุมมันอยู่ตลอด

ไม่ได้ถูกเยวี่ยตงแทรกแซง ถูกจับเป้ามหมายมาโดยตลอด

ในเหตุการณ์ระหว่างนี้ สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวในที่สุดก็ไล่ตามเฟิงหลินเทาทัน และเห็นการผลัดเปลี่ยนที่แปลกประหลาดเช่นนี้ เอ้อร์หนิวดวงตาทั้ง 2 หดเล็กลงเล็กน้อย ส่วนสวี่ชิงหรี่ตาทั้ง 2 ลง

“อาชิงน้อย คนพวกนี้…ไม่ชอบมาพากล คงไม่ใช่สายลับของเผ่าปีกมารกระมัง”

เอ้อร์หนิวพลันเอ่ยปาก เขาไม่มีอำนาจ แม้จะอาศัย 5 โคสืบย้อนพลังต้นกำเนิดสัมผัสถึงเส้นไหมแห่งชะตาของเฟิงหลินเทาได้ แต่สำหรับคนที่ถูกเยวี่ยตงควบคุมอารมณ์ เขาไม่อาจมองเห็นชะตาได้

ในดวงตาสวี่ชิงกลับยิ่งชัดเจน

รอยเต๋าในดวงตาขวาของเขาหลังจากที่จ้องเพ่งแล้ว สีหน้าก็ฉายความเคร่งขรึม มองเห็นต้นเหตุ

“ศิษย์พี่ใหญ่ ในเส้นไหมผลกรรมเวรของคนเหล่านี้ ถักทอเป็นหน้าของเยวี่ยตง…”

เอ้อร์หนิวได้ยิน ดวงตาฉายประกายแปลกประหลาด

“ใช้เส้นไหมแห่งชะตาทักถอเป็นใบหน้า…นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นวิชาบางอย่างแปลงเป็นหุ่นเชิด หรือว่า ระหว่างหลันเหยาและเยวี่ยตง เยวี่ยตงถึงจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง”

สวี่ชิงนึกย้อนถึงภาพแต่ละฉากๆ ในถ้ำหนูทองที่หลันเหยาและเยวี่ยตงอยู่ในตอนนั้น ในใจก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าใด จำได้เพียงว่าความเจ็บแค้นเกลียดชังของหลันเหยาที่มีต่อเฟิงหลินเทารุนแรงยิ่งนัก

“รอเมื่อปลากินเบ็ดแล้ว ดูว่าในชะตาของหลันเหยามีใบหน้าคล้ายๆ กันหรือไม่ก็รู้แล้ว”

สวี่ชิงพูดพลางก้าวเท้าไปข้างหน้าบนท้องฟ้า ตามผู้บำเพ็ญที่จับเป็นเฟิงหลินเทาอยู่ห่างๆ

ท้องฟ้าเกิดเกล็ดหิมะโปรยปราย

กระทั่งว่าบนพื้นเมื่อมองไป แผ่นดินสีดำถูกหิมะขาวสะอาดปกคลุม ยิ่งขึ้นหน้าไปทางเหนือ หิมะเย็นเยียบก็ยิ่งหนา ยิ่งแรง

ตอนนี้คนที่จับเฟิงหลินเทาเป็นหญิงกลางคนคนหนึ่ง คนคนนี้เห็นได้ชัดว่าในละแวกนี้พอจะมีตำแหน่งอยู่บ้าง ดังนั้นตลอดทางมานางจึงยิ่งเดินทางได้ราบรื่น

ส่วนพื้นที่บริเวณนี้ แม้จะเป็นของเผ่านภาคิมหันต์ แต่ก็ใกล้ชายแดนของโลกแดนตะวันออกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มาก

อาณาเขตของขั้วอำนาจเผ่านภาคิมหันต์มีลักษณะเป็นแนวยาว บริเวณชายแดนติดกับทางเหนือ ข้างล่างติดกับเขตปกครองพิสดารบันลือ

ดังนั้น จากตำแหน่งนี้มุ่งหน้าไปทางเหนือ ไม่จำเป็นต้องใช้ค่ายกล

อีกทั้งจากการเดินทางไปข้างหน้า ความเร็วของหญิงกลางคนคนนั้นก็เร็วขึ้นอีกหลายส่วน อีกทั้งเหมือนเป้าหมายจะชัดเจน คล้ายว่าการล่อเหยื่อครั้งนี้ก็ใกล้จะสิ้นสุดแล้วเช่นกัน

ความจริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

3 วันหลังจากนั้น บนภูเขาหิมะลูกหนึ่ง เงาร่างของหญิงกลางคนที่เดินทางอย่างลำบากเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทาง ก็หยุดลงทันที

ที่ยอดเขา นางคุกเข่าลง ก้มศีรษะ ไม่พูดอะไร

เฟิงหลินเทายิ่งดวงตาปิดสนิท ตลอดทางยิ่งถูกหิ้วไว้เหมือนกับศพ ตอนนี้แม้หญิงกลางคนจะคุกเข่าคำนับ วางเขาไว้ข้างตัว ก็ยังคงสลบไสลไม่ได้สติ

รอบๆ ค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงกรีดหวีดหวิวของสายลม พัดมาจากขอบฟ้า หอบม้วนหิมะขาวเป็นระลอกๆ ผสานกับหิมะใหม่ที่พัดมาจากท้องฟ้า กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง…ในสายลมหิมะ มีเงาร่างรางเลือนร่างหนึ่งปรากฏขึ้น

นั่นเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง

ร่างอรชรอ้อนแอ้น สวมกระโปรงยาวแต่งแต้มด้วยห้วงดาราพร่างพราย ใบหน้างดงามราวดอกบัว ผมยาวดำขลับนิ่มสลวยราวสายน้ำ จากการเดินมา ก็ลอยพริ้วข้างหลัง สอดผสานไปกับหิมะที่โปรยปราย

และบริเวณที่ดึงดูดคนที่สุดคือเอวของนาง อรชรอ้อนแอ้น คล้ายกิ่งหลิวบางๆ ชดช้อยและมีชีวิตชีวา

ทั้งยังมีขาเรียวงามทั้ง 2 ที่ปรากฏวับแวมใต้กระโปรงดารา ยิ่งเพิ่มเสน่ห์เย้ายวนขึ้นอีกหลายส่วน

เป็นหลันเหยานั่นเอง!

บนร่างหลันเหยามีทั้งเอวอรชรของเด็กสาว ทั้งมีเสน่ห์ของหญิงสาวผสมผสานเข้าด้วยกัน ทำให้คนคนนี้มีแรงดึงดูดสะกดจิตใจผู้คน

โดยเฉพาะปีกสีขาวสะอาดข้างหลังนาง ทำให้หลันเหยานอกเสียจากมีความบอบบางอย่างสาวน้อยและเสน่ห์เย้ายวนแล้ว ยังมีความสะอาดบริสุทธิ์อีกเล็กน้อยด้วย

ตอนนี้ นางเดินมาจากในสายลมหิมะมาถึงยังภูเขาหิมะ มาถึงยังเบื้องหน้าของหญิงงามวัยกลางคน

“คารวะสหายหลัน ไม่ทำให้สหายและแม่นางเยวี่ยตงต้องผิดหวัง ข้าได้นำตัวเฟิงหลินเทาผู้สมควรถูกสับเป็นพันชิ้นมาเรียบร้อยแล้ว”

หญิงงามวัยกลางคนสูดลมหายใจลึก เอ่ยอย่างเคารพนอบน้อม

หลันเหยาพยักหน้า สายตาจับจ้องไปยังร่างของเฟิงหลินเทาที่สลบไสล ดวงตางามฉายความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง มืองามยกขึ้น ชี้ออกไป

เสี้ยวขณะต่อมา เฟิงหลินเทาร่างสะท้านเฮือก ดวงตาทั้ง 2 เบิกกว้าง ฉายแววสับสนงุนงง

เหมือนว่าทุกอย่างข้างหน้าเหมือนเป็นภาพมายาที่เพิ่งตื่นจากฝัน แต่ความจริงในใจของเขากำลังขบคิดไม่หยุด วิเคราะห์วิธีที่จะเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้วิธีแล้ววิธีเล่า

ความงุนงงเป็นสิ่งที่แสดงออกมาเท่านั้น

แต่เห็นได้ชัดว่าความเข้าใจของหลันเหยาที่มีต่อเขา ไม่รอให้เฟิงหลินเอ่ยปาก มืองามของนางก็สะบัดไปแแล้ว ทันใดนั้น ใบหน้าของเฟิงหลินเทาก็บิดเบี้ยว ปากส่งเสียงร้องครวญครางโหยหวนออกมาไม่หยุด

ใบหน้าของเขาเส้นเลือดปูดโปน ร่างสั่นสะท้านรุนแรง คล้ายว่าวิญญาณ…กำลังถูกกระชากออกมา

“หลันเหยา เจ้ามีสติหน่อย!!”

“เจ้าไม่สังเกตเลยหรือว่าเจ้ากับตอนที่รู้จักกับข้าในตอนแรก นิสัยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแล้ว!”

“ช่วงนี้ ข้าถูกเจ้าและเยวี่ยตงไล่ฆ่า ทบทวนหลายต่อหลายครั้ง นึกย้อนอดีตหลายหน ข้าพบว่า…เยวี่ยตงผิดปกติ!”

“หลันเหยา…เจ้า…”

เฟิงหลินเทาคำรามพลางร้องเสียงแหลม พยายามลองเรียกสติหลันเหยา

แต่หลันเหยาไม่ไหวติง มือขวาที่ยกขึ้นยังทำการดูดวิญญาณต่อไป

ไม่นานนัก ในดวงตาเฟิงหลินเทาฉายความสิ้นหวัง ร่างของเขาเกิดเงาทับซ้อน วิญญาณเหมือนถูกกระชากออกไปทั้งเป็น

ในช่วงวิกฤตอันตราย เฟิงหลินเทาให้พลังเฮือกสุดท้าย ส่งเสียงร้องของความช่วยเหลืออย่างน่าอเนจอนาถไปยังท้องฟ้า

“ฝ่าบาท ช่วยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

“ฝ่าบาท กระหม่อมเดาว่าการลอบสังหารที่เกิดขึ้นในเผ่ามนุษย์ จะต้องเป็นเรื่องที่ฝ่าบาทอนุญาตแน่นอน เป้าหมายมีความเป็นไปได้สูงว่าใช้ข้าล่อเหยื่อ…ฝ่าบาท หลันเหยาและเยวี่ยตงเกลียดกระหม่อมเข้ากระดูกดำ ช่วยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

หลันเหยาส่ายหน้า มองรอบๆ

ท้องฟ้าเป็นปกติ สายลมหิมะก็เป็นปกติ ทุกอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

เห็นเช่นนี้ ความสิ้นหวังในใจเฟิงหลินเทายิ่งรุนแรง เขาความจริงแล้วก็ไม่ได้แน่ใจนักว่าจักรพรรดินีอยู่หรือไม่ แต่ตอนนี้เพิ่งจะตระหนักได้ นึกย้อนถึงตลอดทางมานี้มีลางสังหรณ์รางๆ ตัวเอง…เหมือนถูกคนใช้เป็นเหยื่อล่อปลาเสียแล้ว

ดังนั้นหลังจากที่วิญญาณถูกกระชากมาครึ่งหนึ่ง เฟิงหลินเทาก็ทุ่มสุดตัวแล้ว ร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง

“ในตัวข้ามีมรดกของบรรพจารย์ศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือ!! นั่นเป็นมรดกของมหาจักรพรรดิเตรียมเซียน และบรรพจารย์ศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือตนนั้นห่างจากระดับเซียนคิมหันต์เพียงแค่เส้นบางๆ เท่านั้น!”

“ฝ่าบาท มรดกของข้า เป็นสิ่งที่หลันเหยาและเยวี่ยตงหมายปอง ข้ายินดีมอบให้แก่เผ่ามนุษย์ มรดกนี้เป็นประโยชน์ต่อเผ่ามนุษย์นัก!!”

แต่รอบๆ ก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีเพียงลมหิมะที่แรงขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อย

ท่ามกลางเสียงหวีดหวิว วิญญาณของเฟิงหลินเทาในที่สุดก็ถูกหลันเหยากระชากออกมา

จากการที่วิญญาณถูกนางคว้าเอาไว้ในมือ กายเนื้อของเฟิงหลินเทาก็กลายเป็นเถ้าธุลี ถูกลมพัดสลายไป

“หลันเหยา เจ้าได้สติหน่อย เจ้าถูกเยวี่ยตงควบคุมแล้ว!”

“หลันเหยา!!!”

วิญญาณของเฟิงหลินเทาสั่นสะท้าน ทันทีที่หลันเหยาคว้าเอาไว้ในมือ เขาเปล่งเสียงสุดท้ายออกมาพร้อมด้วยความสิ้นหวัง

เพียงแต่ท่ามกลางเสียงร้องเรียก เขาแอบดิ้นรนสุดชีวิตด้วยการผลาญวิญญาณ สำแดงเคล็ดวิชาลับสร้างหนามวิญญาณขึ้นมา

แล้วพลันปะทุขึ้น แทงไปในหว่างคิ้วของหลันเหยา

หนามวิญญาณนี้มีชื่อเต็มว่าวิชาพิสดารบันลือกระตุ้นวิญญาณ!

ทันทีที่สำแดงก็จะสามารถทำให้วิญญาณของเป้าหมายเกิดความปั่นป่วน ทำให้สูญเสียการควบคุม

ดังนั้นเพียงพริบตา ร่างหลันเหยาก็สะท้านเฮือก ในดวงตาฉายแววสับสนงุนงง มือที่จับเฟิงหลินเทาเอาไว้ คลายลงเล็กน้อย

วิญญาณของเฟิงหลินเทาถอยหลังไปทันที

ความจริงสำหรับเฟิงหลินเทาแล้ว ร้องเรียงเผ่ามนุษย์ หากสำเร็จเป็นดีที่สุด หากล้มเหลว เขาก็ใช้การกระทำนี้เป็นภาพการดิ้นรนก่อนตายของตัวเอง

ทำการซ่อนหนามวิญญาณกระบวนท่าโจมตีนี้ของตัวเองจากการนี้

จวบจนกระทั่งตอนนี้เกิดการปะทุที่ไม่คาดฝันขึ้น

แต่ในเสี้ยวพริบตาที่วิญญาณของเฟิงหลินเทาพุ่งทะยานไปที่ไกล หลันเหยาทางนั้นในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด พลันเงยหน้าต้องไปยังที่ไกลๆ เขม็ง ปากพูดออกมาเป็นประโยคแรกหลังจากที่มาถึงที่นี่!

“หาที่ตาย!”

หลังจากประโยคนี้พูดออกมา ในใจของนางเกิดความรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที เพราะก่อนที่จะลงมาเยือน นางได้รับการบอกกล่าวจากเยวี่ยตง ให้นางเมื่อมาถึงแล้วแม้เพียงประโยคเดียวก็ห้ามพูด

แอะเดียวก็ไม่ได้

และแต่เดิม นางก็ทำตามโดยสมบูรณ์แบบ แต่หนามวิญญาณของเฟิงหลินเทาจะอย่างไรก็มีประโยชน์ ทำให้วิญญาณของนางสั่นสะท้าน เส้นไหมวิญญาณรางเลือนไปเสี้ยวพริบตาหนึ่ง

3 คำจากปากของนาง ในยามที่ผ่อนคลายเสี้ยวพริบตานั้น ส่งงเสียงดังออกมา

แต่ในเสี้ยวขณะนี้ นางไม่สนใจอะไรมากมายแล้ว ยกมือจะคว้าไปทางเฟิงหลินเทา

แต่ในตอนนี้เอง เสียงสงบนิ่งเสียงหนึ่งดังสะท้อนก้องมาจากปลายขอบฟ้า

“เจ้า ในที่สุดก็พูดแล้ว”

ประโยคนี้ดังฟาดผ่าไปทั่วทุกสารทิศ เหนี่ยวนำเสียงกรีดหวีดหวิวสายลมหิมะที่นี่ก่อเป็นลมพายุลูกหนึ่งปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ปกคลุมเงาร่างของหลันเหยาเอาไว้ในพริบตา

หลันเหยาหน้าเปลี่ยนสี จากนั้นนางก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง เดินออกมาจากพายุ

สวมชุดคลุมยาวทั้งร่าง ผมยาวทั้งศีรษะ ใบหน้างดงามเลิศล้ำ ลมหิมะกลายเป็นสิ่งขับเน้น

เป็นสวี่ชิงนั่นเอง

ทันทีที่เห็นสวี่ชิง การกระทำของหลันเหยาทางนั้นเด็ดขาดเป็นอย่างยิ่ง นางหลับตาลงทันที จากนั้นกายเนื้อของนางก็แห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว เพียงแค่เสี้ยวพริบตา กายเนื้อของนางก็กลายเป็นเถ้าธุลีทันที

การมาเยือนของนางเป็นเพียงแค่ร่างแยกของนางร่างหนึ่งเท่านั้น!

ตอนนี้จากการดับสลายเองของร่างแยก ลมพายุก็พัดกวาดมา

แต่สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ เมื่อครู่เขาสังเกตว่าหลังจากที่อีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นก็ไม่พูดอะไรเลย ก็สัมผัสได้ว่าไม่ชอบมาพากล ท่าทางน่าจะเกี่ยวกับตัวตนของนางถูกคนกุมเอาไว้

รู้ว่าไม่สามารถส่งเสียงใดๆ ออกมา

ดังนั้นเขาจึงไม่ปรากฏตัวออกมา

จวบจนเมื่อหลันเหยาพูด 3 คำนั้นออกมา สวี่ชิงถึงได้เดินออกมา

และตอนนี้ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่ร่างแยก อีกทั้งยังสลายไปเอง แต่สำหรับสวี่ชิง ขอเพียงได้ยินเสียงนาง เช่นนั้นร่างจริงของนาง…ก็หนีไม่พ้น

สวี่ชิงเงยหน้า ความรอบรู้แห่งเทพแผ่ออก พลังอำนาจเทพแห่งเสียงพลันปะทุ

ไล่ตามคำพูดของอีกฝ่าย อาศัยลม อาศัยสรรพสิ่งทั้งหลาย อาศัยเสียงทุกอย่าง…เริ่มทำการสืบค้นอย่างลับๆ!

ส่วนทางท้องฟ้า เฟิงหลินเทาที่กำลังหนีสุดกำลัง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล จากนั้นก็รีบฉายแววประจบประแจง เอ่ยขึ้นไปทางข้างกายตนอย่างรวดเร็ว

“เป็นสหายเอ้อร์หนิวที่อยู่ข้างหายข้าหรือไม่ ทีแรกข้าเดาว่าพวกเจ้าจะล่อเหยื่อ ดังนั้นข้าจึงร่วมมืออย่างสุดกำลัง ไม่เสียดายค่าตอบแทน ยอมตายหลายครั้ง ใช้วิธีทั้งหมดที่มี ในที่สุดก็ล่อปลาตัวนี้มาให้พวกท่านได้”

ระหว่างคำพูดของเฟิงหลินเทา เงาร่างของเอ้อร์หนิวก็เดินออกมาจากความบิดเบี้ยวของมิติ ยืนอยู่ข้างหน้าเฟิงหลินเทา คล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม

“เป็นเด็กดีขนาดนี้เชียว”

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!