บทที่ 1059 สวี่ชิง : อะไรท่านก็ขโมยอย่างนั้นหรือ
ตำหนักวิชาเซียนปีกมารบูรพา ภาพในเตาหลอมกระดูก เนื่องจากความพิเศษของเตาหลอมนี้ จึงทำให้โลกภายนอกไม่มีใครสังเกต มองเห็นเพียงเตาหลอมใบนี้ตอนนี้กำลังสั่นคลอน
ไฟ 9 สีลุกไหม้ การหลอมของมันเริ่มขึ้นแล้ว
ดังนั้น ปรมาจารย์เซียนฝั่งผู้อาวุโสที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ละคนในใจร้อนรน มองไปทางเจ้าเหนือหัวอันดับ 1
ส่วนนายน้อยตระกูลอวิ๋น ชายกลางคนชุดหรูหราคนนี้ อยู่ในความวิตกกังวลไม่หยุด เขารู้ถึงความขัดแย้งระหว่างเสี่ยเฉินจื่อและเยวี่ยตง รู้ดีถึงการคัดค้านของอีกฝ่ายเป็นไปได้ว่าแฝงไว้ด้วยซึ่งจิตสังหารที่รุนแรงยิ่งกว่า
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างน้อยคำพูดของอีกฝ่าย มีประโยชน์ต่อเยวี่ยตง
ดังนั้นเขาทำได้เพียงแค่ฝากความหวังไว้ที่เสี่ยเฉินจื่อ
ภูเขาเจ้าเหนือหัวลูกอื่นๆ ต่างนิ่งเงียบ เฝ้าสังเกตสวี่ชิงกับชายชราภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1
ทั้ง 2 คนนี้ คนหนึ่งช่วงนี้เพิ่งผงาดขึ้นชื่อเสียงกำลังโด่งดัง คนหนึ่งเป็นผู้มีคุณวุฒิสูงมีชื่อเสียงมายาวนาน
เจ้าเหนือหัวที่ 10 กับเจ้าเหนือหัวที่ 1 ที่อยู่ข้างหลังก็เช่นกัน
ดังนั้น การประจันหน้าของทั้ง 2 กลายเป็นจุดสำคัญที่ตัดสินทุกอย่างในตอนนี้
ภายใต้การจับตามองจากสายตาของคนทั้งหลาย ชายชราภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 เอ่ยราบเรียบ “เจ้าหนุ่ม สิ่งที่เจ้าได้ทำไว้ที่เผ่าปีกมารประจิม ข้านั้นชื่นชม แต่การนำเอาบารมีนั้นมาข่มที่เผ่าปีกมารบูรพา เจ้าจะกำเริบเสิบสานเกินไปหน่อยแล้ว”
แต่ในใจเขากลับลอบถอนหายใจ เขาก็ไม่อยากลงมือเช่นกัน แต่เป็นตัวแทนของเจ้าเหนือหัว จากเลิกราไปเช่นนี้ ย่อมไม่เหมาะสม
ตอนนี้ขี่อยู่บนหลังเสือแล้วลงยาก ดังนั้นจึงลุกขึ้นมาจากเก้าอี้อย่างช้าเนิบ
จากการลุกยืนขึ้น ระลอกคลื่นระดับเตรียมสู่เทวะโลก 9 ใบบริบูรณ์มาพร้อมด้วยเงาโลกแต่ละใบๆ ลอยทับซ้อนขึ้นจากร่างของเขา ก่อเป็นพลังแข็งแกร่งดุจถล่มภูเขาล่มมหาสมุทร ระเบิดก้องทั่วสารทิศ
ยิ่งก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง เหยียบย่างไปทันที
ก้าวนี้เหยียบย่างลงมา ตำหนักวิชาเซียนส่งเสียงระเบิดกึกก้อง โลกภายนอกยิ่งฟ้าดินเปลี่ยนสี พลังกดดันรุนแรง
เผชิญหน้ากับพลังนี้ สีหน้าสวี่ชิงไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย แม้จะสู้กับระดับเตรียมสู่เทวะ 9 โลก เขาจะไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะ นอกเสียจากอีกฝ่ายจะเหมือนกับซีหมัวจื่อ ตัวเองมีภัยแอบแฝงที่รุนแรง
แต่ครั้งนี้ สวี่ชิงรู้ดี สิ่งที่ตนต้องการไม่ใช่สู้ชนะ ขอเพียงแค่ถ่วงเวลาสักหน่อยก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้น เขาลุกขึ้นเช่นกัน ผมยาวทั้งศีรษะสะบัดพริ้ว เสื้อคลุมสีเลือดทั้งร่างสะบัดปลิว หมอกเลือดเข้มข้นแผ่มาจากร่าง แปรเปลี่ยนเป็นมังกรโลหิตมากมาย ขณะส่งเสียงคำรามก็วนล้อมอยู่รอบกายสวี่ชิง
ขณะเดียวกัน อำนาจเทพแห่งเสียง ก็กะพริบวูบวาบในร่างของเขาเช่นกัน มีดสลักที่แปลงจากอำนาจเทพแห่งชะตาแผ่ความเย็นเยือกออกมา
ยิ่งมีดอกบัวสีดำเป็นดอกๆ ปรากฏขึ้นรอบกายสวี่ชิง ก่อเป็นการป้องกันในระดับสูงสุด
ทุกอย่างนี้ทำให้ทุกฝ่ายต่างหวั่นไหว ในสมองมีเรื่องของเสี่ยเฉินจื่อที่อยู่ที่เผ่าปีกมารประจิมผุดขึ้นมา
“เคล็ดวิชาลับมหาจักรพรรดิหมิงเหยียน”
“เกราะป้องกันของตัวเองสามารถสั่นคลอนระดับเตรียมสู่เทวะ 9 โลกได้ ระดับเจ้าเหนือหัวลงไปยากจะทำร้ายกายเนื้อของเขาได้!”
“ทั้งยังมีความตายของซีหมัวจื่อ แม้จะไม่รู้ถึงสาเหตุโดยละเอียด แต่เห็นได้ชัดว่าเสี่ยเฉินจื่อคนนี้ซ่อนไพ่ตายอันน่าตื่นตะลึงเอาไว้”
แทบจะในพริบตาที่ความคิดผุดขึ้นมาในใจคนทั้งหลาย ชายชราภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 ร่างหายไปทันที พลันมาปรากฏยังท้องฟ้า
ส่วนสวี่ชิงทางนั้นร่างรางเลือนไปเช่นกัน หลอมรวมกลางท้องฟ้า ใกล้จะสู้กันแล้วเต็มที
แต่ในตอนนี้เองมีเสียงหัวเราะดังสะท้อนก้องมาระหว่างทั้ง 2 คน
หลินคุนบุตรแห่งเจ้าเหนือหัวที่ 5 คนนั้นที่ได้พบกับสวี่ชิงข้างนอกก่อนหน้านี้ เงาร่างของเขาปรากฏระหว่างสวี่ชิงและชายชรา กลิ่นอายโลก 9 ใบบนร่างปะทุ ก่อเป็นการสกัดกั้น
“ทั้ง 2 ฟังคำข้าสักหน่อยดีหรือไม่”
“เรื่องภายในของตำหนักวิชาเซียน ตามคำสัญญาโบราณ เขาเจ้าเหนือหัวแม้มีอำนาจแทรกแซง มีอำนาจในการตัดสินสุดท้าย แต่จากโบราณจนถึงวันนี้ เขาเจ้าเหนือหัวฝ่ายต่างๆ ไม่เคยใช้อำนาจนี้”
“สหายจาง ท่านแน่ใจว่าในช่วงสงครามตอนนี้ อีกทั้งในช่วงที่บริเวณที่มหาจักรพรรดิหมิงเหยียนปิดด่านกำลังจะเปิดออก ภายใต้สถานการณ์ที่เสี่ยเฉินจื่อ ทูตแห่งเจ้าเหนือหัวที่ 10 แสดงความคัดค้าน ก็ยังคงจะเป็นตัวแทนของภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 ฝืนแทรกแซงตำหนักวิชาเซียนเช่นนั้นหรือ”
หลินคุนจ้องมองชายชราเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 สายตาฉายแววล้ำลึก
“สหายจาง เรื่องนี้ผลภายหลังหนักหนานัก อีกทั้งก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ บิดาได้มีคำสั่ง ให้ข้าสนับสนุนการตัดสินใจของภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 10”
“ดังนั้น ข้าขอให้ท่านคิดทบทวนอีกครั้ง”
ชายชราเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 ได้ยินสีหน้าก็เคร่งขรึม มองๆ หลินคุนที่อยู่ข้างหน้า แล้วมองๆ สวี่ชิง หลังจากเงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็แค่นเสียงขึ้นจมูกออกมา “ในเมื่อสหายหลินพูดเช่นนี้ เรื่องนี้ก็ช่างเถิด”
พูดจบ เขาหันหลังกลับไปยังที่นั่ง หลับตานั่งสมาธิ
ข้อพิพาทครั้งนี้ จากการเลิกราของเขาก็ปิดฉากลง
สวี่ชิงไม่สนใจเรื่องนี้ และมองออกว่าชายชราภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 คนนั้นภายนอกจะดูดุดันทรงพลัง แต่แท้จริงแล้วกลับไม่มีเจตนาจะต่อสู้
ดังนั้นไม่สู้กันก็ดีเหมือนกัน
ดังนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ ให้กับหลินคุนที่คลี่คลายเรื่องนี้
หลินคุนยิ้ม การกระทำของเขาครั้งนี้มีนัยยะแฝงอยู่เช่นกัน
ด้านหนึ่งคือรู้ว่าชายชราภูเขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 ต้องการบันไดลง ดังนั้นเขาส่งบันไดนี้ให้ ย่อมมีประโยชน์กับตัวเอง
อีกด้านหนึ่งก็ใช้โอกาสนี้แสดงความเป็นมิตรกับเสี่ยเฉินจื่อ
การเคลื่อนไหวครั้งหนึ่ง ได้ผลประโยชน์ 2 อย่าง
พร้อมกันนั้น ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเจ้าเหนือหัวที่ 5 ในการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการคัดเลือกปรมาจารย์เซียนตำหนักวิชาเซียนอย่างแยบยล
พูดได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว
ดังนั้นขณะที่ยิ้ม ก็ต่างเดินทางกลับไปร่วมกับสวี่ชิง
แต่ภาพนี้กลับทำให้ปรมาจารย์เซียนใต้บัญชาการของผู้อาวุโสใหญ่ข้างล่างแต่ละคนสีหน้าซีดเผือด ในใจเกิดความเจ็บใจ แต่ภูเขาเจ้าเหนือหัวทั้ง 10 ต่างมีความเห็นพ้องต้องกัน พวกเขาก็จนปัญญา
ทำได้แค่เพียงยอมรับเท่านั้น
นายน้อยตระกูลอวิ๋นในใจถอนหายใจโล่งอก หันไปมองเตาหลอมที่เริ่มหลอม ณ ใจกลางลานเตานั้น
และในเตาหลอมตอนนี้ ดุเดือดกว่าข้างนอกมากนัก
เผชิญหน้ากับเตาหลอมงอกเนื้อพันรัดสังหาร ตลอดจนคำพูดของศีรษะเยวี่ยตงที่พูดออกมา ผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักวิชาเซียน ในใจและในสมองต่างมีเสียงระเบิดดังท่วมฟ้าขึ้นมา
ในใจเขาเกิดความไม่อยากเชื่อ
เพราะคำพูดของเยวี่ยตงอยู่เหนือกว่าจินตนาการของเขา
“เจ้า…เตาหลอมนี้ใช้กระดูกของเจ้าหลอมขึ้นมาอย่างนั้นหรือ เจ้าคือมหาบาปท่านนั้น…ที่มหาจักรพรรดิวิชาเซียนสังหารในตอนนั้นอย่างนั้นหรือ”
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!”
ผู้อาวุโสตำหนักวิชาเซียนลมหายใจหอบถี่ ปฏิกิริยาแรกของเขาย่อมไม่เชื่อ แต่การหายไปของอำนาจเตาหลอมของตัวเอง ตลอดจนเตาหลอมด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวของอีกฝ่ายก็เกิดเหตุการณ์ที่เลือดเนื้องอกพันรัดสังหารออกมาจริงๆ
ทุกอย่างนี้ทำให้เขาต้องเชื่อ
“ไม่ว่าสิ่งที่เจ้าพูดจะจริงหรือเท็จ นี่ล้วนไม่สำคัญ พลังของเจ้าไม่พอนี่ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ หากเจ้ามีพลังสะกดควบคุมจริงๆ ไยจึงต้องใช้วิธีนี้”
ผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักวิชาเซียนประกายเย็นเยือกในดวงตาฉายวาบ เขารู้ว่าตอนนี้ความจริงอะไรเหล่านั้นไม่สำคัญแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ…ที่นี่ตัวเองจะคว้าชัยชนะสุดท้ายไปได้อย่างไร
ดังนั้น จิตสังหารในใจเขาและประกายแสงในตาหลอมรวม จิตสังหารท่วมฟ้า
“ฆ่าเจ้าให้ตายก็จะแก้ไขทุกอย่างได้!”
ผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักวิชาเซียนร่างเพียงไหววูบ ก็พุ่งตรงไปยังเหนือศีรษะของเยวี่ยตงที่ระมัดระวังรอบคอบไปในเตาหลอมใบนี้
ด้วยพลังบำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะ 9 โลกร่วมกับวิชาเซียนแปลกประหลาดทั้งร่างนั่น ทำให้ความเร็วของเขาน่าตื่นตะลึง เพียงพริบตาก็มาถึงข้างศีรษะเยวี่ยตง
ไม่ว่าศีรษะจะลอยถอยหลังอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จากมือขวาของผู้อาวุโสที่ยกขึ้น ก็ตบลงมาเต็มแรง
เสียงบึ้มดังขึ้น ศีรษะของเยวี่ยตงแหลกละเอียดแตกสลายไป
แต่สีหน้าของผู้อาวุโสใหญ่วิชาเซียนกลับอึมครึมกว่าเดิม
เพราะว่า…หลังจากศีรษะของเยวี่ยตงแหลกสลาย เลือดเนื้อที่กระจายรอบๆ ก็รวมเข้าด้วยกันใหม่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว ศีรษะ…ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เพียงแต่หน้าตาไม่ใช่เยวี่ยตงอีกต่อไป แต่เป็นเอ้อร์หนิว
“ตาแก่ คิดจะฆ่าข้า ชาตินี้เจ้าอย่าได้หวัง!”
ผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักวิชาเซียนลงมืออีกครั้ง ครั้งนี้เขาใช้วิชาเซียน
เห็นเพียงมือใหญ่สีเทาแปลกประหลาดข้างหนึ่งปรากฏข้างหน้าเอ้อร์หนิว พลันยื่นเข้ามา ทะลุผ่านร่าง คล้ายจะพรากวิญญาณของเขาไป
ส่วนเลือดเนื้อที่เหลือก็เน่าเปื่อยในพริบตา กลายเป็นน้ำสีดำร่วงหล่น
แต่…เพียงพริบตา ในน้ำสีดำก็มีหนอนสีฟ้าตัวหนึ่งพุ่งออกมา ระเบิดที่กลางอากาศ แปรเปลี่ยนเป็นหมอกเลือด หลังจากที่รวมตัวกันใหม่อีกครั้ง ศีรษะของเอ้อร์หนิวก็ปรากฏขึ้นมาอีก
เพียงแต่หน้าของเขาขาวซีดอย่างเห็นได้ชัด
แต่เสียงคำรามต่ำจากปากกลับยิ่งกำเริบเหิมเกริม “มารดาเจ้าสิ มาๆๆ ดูซิว่าเจ้าจะฆ่าข้าตายก่อน หรือข้าจะฆ่าเจ้าตายก่อน!”
“พวกเรามาสู้กัน ดูสิว่าดวงใครจะแข็งกว่า!”
“เจ้าอยากจะได้วิชาเซียนของข้า ข้าจะบอกเจ้าให้ วิชาเซียนของเจ้า ท่านปู่คนนี้จะเอาแน่แล้ว!”
“วิชาเซียนของพรรค์นี้ ข้าไม่มีทางไปเรียนทีละนิดๆ แน่ ข้าจะหลอมเจ้าซะ กินวิชาเซียนของเจ้าในคำเดียว”
เอ้อร์หนิวคำรามบ้าคลั่ง
ผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักวิชาเซียน ความร้อนรนในใจตอนนี้ยิ่งรุนแรง เพราะการหลอมในเตาหลอมใบนี้ ตอนนี้ส่งผลกับเขาแล้ว
ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยกมือขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่ทำศีรษะเอ้อร์หนิวเลือดเนื้อแหลกเละ อีกฝ่ายก็หลอมรวมขึ้นมาใหม่อีกครั้งอย่างแปลกประหลาด ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร ขอเพียงแค่ศีรษะของเอ้อร์หนิวเป็นรูปร่างขึ้น สีหน้าก็แค่ขาวซีดกว่าเดิมก็เท่านั้น
อีกฝ่ายเป็นเหมือนตัวประหลาด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ฆ่าให้ตายจริงๆ ไม่ได้
อีกทั้งในช่องนี้ ไพ่ตายของเอ้อร์หนิวก็สำแดงออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“เจ้าใช้ลม ฝน สายฟ้า ไฟ ข้าใช้ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน!”
“ชิงร่างชาติที่แล้วยามอดีตกาล ชั่วกาลนานจมอยู่ใต้วารียะเยือก!”
เอ้อร์หนิวคำราม อ้าปากพ่นน้ำแข็งสีฟ้าออกมาไปในเตาหลอม ทำให้การหลอมของเตาหลอมใบนี้รุนแรงยิ่งขึ้น
ผู้อาวุโสใหญ่สูดลมหายใจ สีหน้าฉายแววร้อนรนรุนแรง ลองโจมตีสังหารอีกครั้ง
ท่ามกลางเสียงระเบิด เอ้อร์หนิวฟื้นคืนชีพ ปากคำรามลั่น
“ชิงร่างปัจจุบันชาติพบนี้ เปลวอัคคีผลาญชีวีอมตะ!”
เสียงบึ้มดังขึ้น เอ้อร์หนิวแหลกละเอียดอีกครั้ง จากนั้นก็หลอมรวม คำรามออกมา
“ชิงจักรพรรดิเหนือ ไม้โลงซ่อนศพ!”
“ชิงโลกเซียน ดินฝังกลบจักรพรรดิเหนือ!”
ทุกครั้งที่เขาเอ่ยขึ้น ล้วนพ่นของชิ้นหนึ่งออกมา และจากการพ่นลงมาของไฟชีวิต ไม้ซ่อนศพและดินฝังกลบจักรพรรดิก็ทำให้พลังของการหลอมจากเตาหลอมใบนี้เรียกได้ว่าน่าหวาดกลัว
ในเมื่อของ 4 ชิ้นนี้ แต่ละชิ้นล้วนไม่ธรรมดา รวมไว้ซึ่งชาติที่และชาตินี้ ส่วนด้านคุณสมบัติสายเลือดใช้โลงกับดินจักรพรรดิเหนือมาเพิ่มพลังการหลอม ทำให้พลังของมันทรงพลังสั่นสะท้านฟ้าดิน
แข็งแกร่งอย่างผู้อาวุโสใหญ่กายเนื้อยังเริ่มลุกไหม้ วิญญาณกำลังทุกข์ทรมาน ช่วงเวลาสำคัญของวิกฤตเป็นตาย จิตสังหารในเสี้ยวขณะนี้ถึงขีดจำกัดสูงสุด โจมตีไปทางเอ้อร์หนิวอีกครั้ง
เอ้อร์หนิวแตกสลาย หลังจากที่หลอมรวมมาใหม่ ความบ้าคลั่งในตาของเขาก็ถึงจุดสูงสุดของชีวิต ส่งเสียงคำรามคลุ้มคลั่ง
“สุดท้าย น้ำ ไฟ ดิน ไม้ครบ ขาดเพียงทอง!”
“ชิงกระดูกทองที่หล่อหลอมมหาผลกรรมเวร อาศัยพลังผลกรรมเวรไร้สิ้นสุด ทำลายคมดาบวิชาเซียนเจ้า!”
เอ้อร์หนิวส่งเสียงคำรามเลื่อนลั่น พ่นกระดูกขนาดเท่าเล็บออกมา กระดูกชิ้นนี้เป็นสีทอง ทันทีที่ปรากฏขึ้น แสงสีทองกะพริบวูบวาบ พลังผลกรรมเวรในนั้นเข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง ปะทุทุกด้าน
ผู้อาวุโสใหญ่หน้าเปลี่ยนสี
ส่วนเอ้อร์หนิวทางนั้น ตอนนี้นอกจากบ้าคลั่งและอ่อนแรงแล้ว ยังมีความได้ใจ
“นี่เป็นทองวิเศษที่ศิษย์น้องของข้าตอนนั้นระเบิดตัวเองที่เมืองหลวงเผ่ามนุษย์ พลังวิญญาณแผดเผา ใช้เลือดเนื้อหล่อเลี้ยง สุดท้ายกระดูกทั่วทั้งร่างหลอมแข็งตัวออกมาเชียวนะ!”
“วันนั้นข้าแอบเอามา วันนี้…จัดการเจ้า!”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



