บทที่ 1060 ยิ่งใหญ่แต่ไร้ประโยชน์
บนลานกว้างตำหนักวิชาเซียน สวี่ชิงที่นั่งอยู่ตรงนั้น ตอนนี้คิ้วขมวดเล็กน้อย สัมผัสทั่วทุกสารทิศ สุดท้ายสายตาจับไปบนเตาหลอมกระดูก
เสี้ยวพริบตาเมื่อครู่นั่น เขาไม่รู้ว่าทำไม ในใจมีความรู้สึกแปลกประหลาดผุดขึ้น เหมือนมีอะไรที่เป็นของตัวเองปรากฏขึ้น
แต่สัมผัสอย่างละเอียดก็เลือนรางนัก
และยากจะหาถึงต้นกำเนิด
“เกิดอะไรขึ้น” สวี่ชิงครุ่นคิด
คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาฝังเรื่องนี้ไว้ใต้ก้นบึ้งหัวใจ จ้องมองเตาหลอมต่อไป
“ศิษย์พี่ใหญ่ทางนั้นน่าจะใกล้สำเร็จแล้ว ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีอะไรไปย้อนทวนการหลอมของผู้อาวุโสใหญ่คนนั้น”
“เตาหลอมนี้น่าจะเป็นส่วนที่เป็นประเด็นสำคัญ”
“และเรื่องนี้หลังจากที่สิ้นสุด ห่างจากวันเวลาที่จักรพรรดินีจะเปิดสถานที่ที่มหาจักรพรรดิหมิงเหยียนปิดด่านก็ใกล้เข้ามาแล้ว”
สวี่ชิงในดวงตาประกายวาววามฉายวาบ
เขารู้ดีว่าระดับพลังบำเพ็ญของตัวเองตอนนี้ถูกกายเนื้อร่างนี้พันธนาการเอาไว้ เพื่อเรื่องนี้เขาเคยคิดวิธีมากมาย ตอนนี้วิธีที่ได้ผลมีเพียงแค่ 2 วิธีเท่านั้น
1 คือฝุ่นสีขาวที่เขาเตรียมและอาศัยหน้ากากอธิษฐาน
แต่นี้คือวิธีสำรอง
วิธีที่ 2 ก็คือวาสนาที่จะยกระดับพลังบำเพ็ญจากสถานที่ปิดด่านของมหาจักรพรรดิ
“หวังว่าสถานที่ที่มหาจักรรรดิปิดด่านจะมีสารอาหารที่ทำให้พลังบำเพ็ญของข้าทะลวงขั้นได้จริงๆ !”
“หากไม่ได้ เช่นนั้นหลังจากไปจากแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร ก็จะกลับไปปิดด่านที่ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณทันที ใช้หน้ากากอธิษฐานหลอมสร้างร่างแยกขึ้นมาร่างหนึ่ง แล้วค่อยใช้ฝุ่นสีขาวลบผลกรรมเวรไป”
ในลานกว้าง เหมือนกับสวี่ชิงเป๊ะ ทุกฝ่ายที่อยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นภูเขาเจ้าเหนือหัวหรือปรมาจารย์เซียนเหล่านั้น ล้วนแต่ใช้ความคิดที่แตกต่างกันไป จ้องมองเตาหลอม
ความร้อนรนค่อยๆ ผุดขึ้นมาในใจของปรมาจารย์เซียนทั้ง 2 ฝ่าย
มีคนหวังให้ผู้อาวุโสใหญ่สำเร็จ มีคนหวังให้เยวี่ยตงชนะ
และไม่ว่าสุดท้ายแล้วผู้ที่สำเร็จจะเป็นใคร ล้วนหมายถึง…ตำหนักวิชาเซียนปีกมารบูรพาเลือกมหาปรมาจารย์เซียนรุ่นนี้แล้ว
ส่วนในเตาหลอม ตอนนี้…ความร้อนรนรุนแรงยิ่งกว่าโลกภายนอกเสียอีก
ผู้อาวุโสใหญ่กำลังร้อนรน กำลังดิ้นรน กำลังคำราม การลงมือต่อเอ้อร์หนิวไม่มีหยุดยั้ง
ศีรษะของเอ้อร์หนิวแหลกเละครั้งแล้วครั้งเล่า หลอมรวมขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ร้อนรนเช่นกัน
เพียงแต่สิ่งที่ฉายออกมามากกว่าในความร้อนรนคือความบ้าคลั่ง
“ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายๆๆ !” เอ้อร์หนิวกัดฟัน
ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน วัตถุทั้ง 5 ที่เขาพ่นออกมากำลังหลอมรวม ขณะที่เพิ่มพลังการหลอม เตาหลอมทั้งใบภายใต้เจตจำนงของเขา ก็ลุกไหม้เดือดพล่านขึ้นมาอย่างรุนแรงข้างใน
พลังการหลอมน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
ภาพนี้สำหรับชายชราแล้วคือความเป็นความตาย
เขาค่อยๆ ยืนหยัดไม่ได้ขึ้นมานิดๆ แล้ว
โดยเฉพาะเอ้อร์หนิวทางนั้น ในระหว่างนี้ได้สำแดงวิชาเก่าแก่ต่างๆ ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่ ล้วนขนออกมาใช้ทั้งหมดแล้ว
คำสาปโบราณบางอย่าง ต่อให้เป็นผู้อาวุโสใหญ่ทางนี้แม้จะไม่รู้ว่าคืออะไรแต่ก็รู้สึกว่าร้ายกาจนัก ในใจหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง
ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ เขาตบอีกฝ่ายตายติดๆ กันหลายสิบครั้ง อีกทั้งยังแทบจะป่นกระดูกให้เป็นผงแล้วโปรย ป่นเลือดเนื้อแหลกละเอียด แต่เอ้อร์หนิวที่ก็ยังคงหลอมรวมกลับมาใหม่อีกครั้ง ปากส่งเสียงคำรามคลุ้มคลั่ง “มหาวิถีถือกำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จากความว่างเปล่าจนเกิดไร้ขอบเขตสิ้นสุด วิถีซ่อนอยู่ในสิ่งไร้รูปร่าง จากขอบเขตไร้สิ้นสุดจนก่อเกิดเป็นสวรรค์และปฐพี วิถีปรากฏขึ้นในสิ่งที่มีร่าง จึงมี…เจตจำนงแห่งวิถี ลงมาสู่กายข้า!”
ความอัศจรรย์แปลกประหลาด จากคำสาปโบราณของเอ้อร์หนิว ปรากฏขึ้นในเตาหลอมใบนี้ทันที
ผู้อาวุโสใหญ่ในใจสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวเพิ่งเกิดขึ้น แต่ความอัศจรรย์แปลกประหลาดนี้ก็หายไปในพริบตา เหมือนรู้สึกไปเอง
เหมือนว่าผู้ร่ายคำสาป ตัวเองไม่มีพลังที่จะสำแดงมันออกมา หรือไม่ก็…ร่ายผิด
“นี่ไม่ได้ผลอย่างนั้นหรือ ไม่เป็นไร ข้ายังมีอีก!”
เอ้อร์หนิวสีหน้าบิดเบี้ยว คำรามอีกครั้ง
“จากหยินหยางบังเกิดเป็นธาตุทั้ง 5 จากธาตุทั้ง 5 หล่อเลี้ยงเป็น 1 สภาวะ, 1 สภาวะก่อเกิด 1 วาสนา, 1 รูปร่างก่อเกิด 1 ฟ้าดิน จึงรู้ได้ว่า ร่างกายของมนุษย์ก็คือการหลอมรวมแห่งธาตุทั้ง 5 จงหลอม!”
เอ้อร์หนิวคำราม
เสี้ยวขณะต่อมา ความอัศจรรย์แปลกประหลาดที่แตกต่างออกไปอีกประเภทหนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง ผู้อาวุโสใหญ่ในใจมีสายฟ้าฟาดผ่าอีกครั้ง กระทั่งว่าในใจเกิดลางสังหรณ์เผชิญหน้ากับความตาย
แต่ไม่นาน ความอัศจรรย์แปลกประหลาดก็หายไป
ผู้อาวุโสใหญ่หน้าซีดขาว หวาดหวั่นอกสั่นขวัญแขวน สำหรับที่มาที่ไปของศัตรูข้างหน้าคนนี้ ความสงสัยของเขาลดลงไปมาก คิดว่ามีโอกาสสูงมากๆ ที่จะเป็นมหาบาปเก่าแก่โบราณท่านนั้นจริงๆ
และมีเพียงตัวตนนี้เท่านั้นถึงจะสามารถคำรามร่ายคำสาปเก่าแก่โบราณพลังน่าหวาดกลัวอยู่รางๆ ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นนี้ได้
“จะปล่อยเขาไปต่อไม่ได้!!”
ผู้อาวุโสกัดฟันกรอด ต้านทานการหลอมที่มาจากเตาหลอม พลางบินไปข้างบน โจมตีไปทางเอ้อร์หนิว
ท่ามกลางเสียงระเบิด เอ้อร์หนิวศีรษะระเบิด
ในขณะที่หลอมรวมใหม่อีกครั้ง ความอ่อนแรงของเขาก็ปรากฏออกมา
การฟื้นฟูหลังจากแตกสลายของเขาจะอย่างไรก็ไม่ใช่ไร้ขีดจำกัด ตอนนี้หลอมรวมมาได้ช้าลงเรื่อยๆ
แต่ความบ้าคลั่งกลับปะทุมากขึ้นจากเหตุนี้
“ข้าไม่เชื่อหรอก ไอ้แก่ ดูสิว่าข้าจะฆ่าเจ้าตายก่อน หรือข้าจะฆ่าเจ้าตายก่อน!”
เอ้อร์หนิวคำราม ในรอยแยกที่ความเป็นตายเฉียดผ่านกันครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงของเขาคำรามออกมาอย่างขาดๆ หายๆ
“รุ่งโรจน์สุกสว่าง ดวงตะวันขึ้นทางทิศตะวันออก ผู้ที่ได้ยินคำสาปนี้จงตาย ผู้ที่พบคำสาปนี้จงดับสูญ!”
แม้ว่าคำสาปจะร้ายกาจเพียงใด แต่กลับ…ไร้ผล
“1 ตัดเส้นทางโรคระบาดสวรรค์, 2 ตัดประตูนรกแห่งโรคระบาด, 3 ตัดเส้นทางมนุษย์, 4 ตัดเส้นทางผีไร้ประตู, 5 ตัด…”
“เช้าอัญเชิญดวงดาว ค่ำอัญเชิญเหล่าเทพ เต่าศักดิ์สิทธิ์ร่วมบารมี นำกองทัพวิญญาณนับพัน ซ้ายขวาล้วนพิทักษ์ ตั้งตระหง่านอยู่ ณ แท่นพิธี ตามข้าไปขับไล่ จงไป…มารดามันสิ ลืมแล้ว!”
“เวิ้งว้างลึกลับ ฟ้าดินร่วมกำเนิด เมื่อกระจัดกระจายกลับกลายเป็นพลัง เมื่อรวมกันย่อมก่อเป็นรูปร่าง บรรพชนแห่งธาตุทั้ง 5 แก่นแท้แห่ง 6 ขุนพลเทพ!”
จากความบ้าคลั่งของเอ้อร์หนิว ในเตาหลอมระเบิดก้องไม่หยุด ความอัศจรรย์ประเดี๋ยวปรากฏขึ้น ประเดี๋ยวหายไป พลังสังหารก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน พลังการหลอมก็เป็นแบบนี้
วิธีนี้สร้างความทุกข์ทรมานทางจิตใจให้กับผู้อาวุโสใหญ่จนถึงขีดสูงสุดแล้ว
เขากระทั่งสงสัยว่า เจ้าคนสมควรตายข้างหน้าคนนี้จงใจ
และการหลอมของเตาหลอมก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เผาร่างของเขา เผาวิญญาณของเขา เผาทุกสิ่งทุกอย่าง
“สมควรตาย เขาเจ้าเหนือหัวที่ 1 ทำไมยังไม่เปิดเตาหลอมอีก!” ผู้อาวุโสใหญ่ร้อนรน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดวงตาทั้ง 2 แดงก่ำ พุ่งไปหาเอ้อร์หนิวอีกครั้ง
เอ้อร์หนิวจ้องผู้อาวุโสใหญ่เขม็ง ส่งเสียงคำรามบ้าคลั่ง “วิชาทำลายล้างของเผ่าหายนะ สวรรค์ล่มสลาย สามห้าสำเร็จ ตะวันจันทราสิ้นสูญ มอดมลายไปพร้อมกัน!”
“โอ้ราตรีมืดมิดเอย ข้าขอเรียกผู้ส่งสารแห่งความตาย ให้มาสถิตในเตาหลอมนี้ กลืนกินเลือดเนื้อของศัตรูตรงหน้า!”
“วิชาเทพนภาคิมหันต์ ผู้เห็นข้าจงมืดบอด ผู้ฟังข้าจงหนวกใบ้!”
“ศาสตร์แห่งวิญญาณ อดีตนั้นยิ่งห่างไกลจากเทพ ยิ่งเข้าใกล้ภูตผี! บัดนี้จงจารึกนามแท้จริงของข้า ผู้ใดล่วงรู้, 1 รู้นามวิญญาณ ผีร้ายไม่กล้าเข้าใกล้, 2 เปล่งเสียงเรียก ภูตผีดับสูญ ผีบนฟ้า ผีใต้ดินร่วมสังหาร, 3 ประกาศนามวิญญาณ ภูตผีนับหมื่นจงฟังคำสั่งข้า!”
“วิชาเผ่าวิญญาณโบราณ ดิ่งสู่แดนนรก แผ่ลมหายใจไปทั่วเส้นทาง ผู้ใดกล้าอาฆาตคิดร้ายข้า จงรับเคราะห์กรรมย้อนคืน!”
“ข้าครอบครองแผ่นไม้แผ่นหนึ่ง ด้านหน้าเป็นบุญคุณ กลับอีกด้านเป็นความแค้น ฝ่ายหลังวิญญาณดับสูญ มอดม้วยสิ้นชีพโดยมิอาจหลีกหนี!”
……
เอ้อร์หนิวบ้าไปแล้ว
ในตอนที่ยากลำบากตอนนี้ ในช่วงวิกฤตอันตรายนี้ เขาร่ายคำสาปทั้งหมดที่ตัวเองนึกออกมาได้แล้ว ในนี้รวมไว้ด้วยวิชาเต๋า วิชาเทพ วิชาเซียน วิชาของต่างเผ่า กระทั่งว่ารวมถึงวิชาผีด้วย
ยิ่งมีวิชาที่เขาแอบบุกเบิกด้วย
ตอนนี้ปะทุออกมาทั้งหมด ความตื่นตะลึงและความทรมานที่นำมาให้ผู้อาวุโสใหญ่ตำหนักวิชาเซียนรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
ในเตาหลอมใบนี้ยิ่งหลอมต่อไปเสียงดังครืนครั่น ผู้อาวุโสใหญ่ลมหายใจหอบถี่ ในใจกระทั่งว่ามีเสี้ยวขณะหนึ่งเกิดความสับสนงุนงง
เพราะการต่อสู้ตลอดชั่วชีวิตของเขานี้ ไม่เคยเจอคู่ต่อสู้แบบนี้เลย…
วิชาเหล่านี้หากไม่มีผลก็ช่างเถิด แต่ในนั้นกลับมีบางวิชาที่ไม่มีผล แต่เมื่อยามที่เผลอไผล กลับมีวิชาหนึ่งที่มีผลขึ้นมา
ทำให้คนป้องกัน กันไม่หวาดไม่ไหว เหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง
และตอนนี้ เสียงของเอ้อร์หนิวก็ยังคงดังก้อง
“เขียวครามคือไม้แห่งบูรพา สีชาดคืออัคคีแห่งทักษิณ สีขาวคือทองแห่งประจิม ดำทมิฬคือวารีแห่งอุดร ทอง ไม้ น้ำ ไฟ กลับสู่วาโยแห่ง 4 ฤดู สร้างเป็นเตาหลอม เพิ่มดินไปในนั้น”
“หลอม! หลอม! หลอม!”
“ข้าจะหลอมเจ้า!!”
ไฟ 9 สีในเตาหลอมปะทุพวยพุ่งขึ้นทันที เพิ่มอัคคีแห่งนิรันดร์ของเอ้อร์หนิว กลายเป็น 10 สี มาด้วยพลังอันน่าหวาดหวั่นครั่นคร้าม ลุกโหมขึ้นมา
เปลวไฟพัดกวาด ศีรษะของเอ้อร์หนิวครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้ผู้อาวุโสใหญ่ลงมือ ตัวเองก็ลุกไหม้ขึ้นมา ส่วนผู้อาวุโใหญ่ปากส่งเสียงร้องโหยหวน กายเนื้อพังทลายต่อไป
ส่วนเอ้อร์หนิวกลับหัวเราะบ้าคลั่ง
“คิดจะหลอมท่านปู่ข้าคนนี้หรือ มาๆ ในชั่วชีวิตนี้ไม่เคยเห็นคนที่ไม่กลัวตายยิ่งกว่าข้าเสียอีกจริงๆ !”
……
หลังจากนั้น 5 ชั่วยาม
ในลานกว้าง นอกเตาหลอม ความร้อนรนของนายน้อยตระกูลอวิ๋นและปรมาจารย์เซียนทั้ง 2 ฝ่ายได้ปกคลุมไปทั้งจิตใจแล้ว กระทั่งว่าในขณะที่ความไม่สงบของจิตใจของแต่ละฝ่าย จิตสังหารจะปะทุขึ้นอีกครั้ง
เตาหลอมที่สั่นสะเทือนมาโดยตลอด จู่ๆ ก็ส่งเสียงระเบิดเลื่อนลั่นออกมา
ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น ทูตภูเขาเจ้าเหนือหัวที่หลับตานั่งสมาธิรอคอยทั้งหลาย ต่างลืมตาขึ้นมาทันที จ้องมองไป
สวี่ชิงก็อยู่ในนั้นเช่นกัน ดวงตาของเขามีความวาดหวังกลุ่มหนึ่ง ในพริบตาที่มองไป…เสียงระเบิดของเตาหลอมก็รุนแรงยิ่งกว่าเดิม
เสี้ยวขณะต่อมา ฝาเตาหลอมก็พลันพุ่งขึ้น
เปลวไฟ 10 สีพวยพุ่งมาจากในนั้น พุ่งตรงไปยังท้องฟ้าเหนือลานกว้าง หลอมรวมเป็นคลื่นวนเปลวเพลิงในนั้น แผ่ลามไปทั่วทุกสารทิศ
ในขณะเดียวกัน เงาร่างรางเลือนร่างหนึ่ง ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าจากในเตาหลอมที่เปิดออกอย่างเนิบช้า!
ทันทีที่ออกมาโดยสมบูรณ์ ความรางเลือนแปรเปลี่ยนเป็นความแจ่มชัด เป็นเยวี่ยตงที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีแดงทั้งร่าง!
ผมของนางปลิวพริ้ว หน้าตางามเลิศล้ำ เปลวไฟรอบๆ วนล้อมคล้ายว่าร่ายรำเพื่อนาง
ปรมาจารย์เซียนทั้งหมดรอบๆ จิตใจสั่นสะท้านเป็นอย่างยิ่ง เพราะหลังจากที่พวกเขาเห็นร่างของเยวี่ยตง ตอนนี้พลันมีร่างวัยกลางคน วัยหนุ่ม และวัยเด็กของผู้อาวุโสใหญ่ปรากฏออกมา
ส่วนตัวผู้อาวุโสใหญ่เองกลับหายไป
เหมือนว่าถูกเยวี่ยตงกลืนกิน เข้าแทนที่!
ส่วนดวงตาทั้ง 2 ของเยวี่ยตงตอนนี้ก็ลืมตาขึ้น
ทันทีที่นางลืมตา อารมณ์ของคนทั้งหลายก็เหมือนสายพิณ ถูกดีดขึ้นอย่างไร้รูปร่างไปในลานกว้างแห่งนี้
นั่นคือวิชาเซียน 6 รากราคะตัณหา!
จากการแผ่ออกไปของอารมณ์ เยวี่ยตงสีหน้าเย็นชา มือขวายกขึ้นสะบัด ทันใดนั้นเตาหลอมที่อยู่ข้างล่างส่งเสียงระเบิดบึ้มขึ้นแล้วลอยขึ้นฟ้า เล็กลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็กลายเป็นขนาดเท่ากำปั้น ลอยอยู่บนมือขวาของเยวี่ยตง หมุนช้าๆ
พลังอำนาจกดดันกำลังแผ่ซ่าน
ใจของสวี่ชิงสงบลง ขณะเดียวกันก็มั่นใจว่าในเตาหลอมน่าจะมีความเกี่ยวข้างบางอย่างกับชาติที่แล้วของศิษย์พี่ใหญ่ ตอนนี้กำลังจะดึงสายตากลับมา แต่เสี้ยวขณะต่อมา เขาก็พลันขมวดคิ้ว จ้องไปที่หว่างคิ้วของเยวี่ยตง
ตรงนั้นแม้ทุกอย่างจะปกติ แต่สวี่ชิงกลับรู้สึกอยู่ตลอดว่า ในนั้นเหมือนซ่อนวัตถุอะไรที่ทำให้ตนรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง
คล้ายว่าเป็นต้นกำเนิดเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น
และตอนนี้ นายน้อยตระกูลอวิ๋นสูดลมหายใจลึก ในดวงตาอ่อนโยน ฉายความลุ่มหลง โค้งคารวะ เอ่ยเสียงดังออกมาทันที
“คารวะมหาปรมาจารย์เซียน!”
ปรมาจารย์เซียนที่เดิมก็สนับสนุนเยวี่ยตงอยู่แล้วเหล่านั้นก็ต่างตั้งสติได้ทันที ต่างโค้งคารวะอย่างตื่นเต้น ความสำเร็จของเยวี่ยตงหมายถึงในอนาคตของพวกเขาเหล่านี้ จะกลายเป็นกระแสหลักของตำหนักวิชาเซียน
ส่วนปรมาจารย์เซียนที่อยู่ใต้บัญชาการของผู้อาวุโสใหญ่เหล่านั้นตอนนี้ขมขื่น และรู้ดีว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องเลือกที่จะก้มศีรษะ โค้งคารวะเช่นกัน
และตอนนี้ฝ่ายที่มีสิทธิ์ไม่คารวะมีเพียงเขาเจ้าเหนือหัวทั้ง 10 ฝ่ายเท่านั้น เพียงแต่ด้วยพื้นฐานจากความเคารพให้เกียรติมหาปรมาจารย์เซียนที่เพิ่งเลื่อนขั้นใหม่ ทุกฝ่ายต่างลุกขึ้น ก้มศีรษะให้เยวี่ยตงเล็กน้อย
เยวี่ยตงเอ่ยเนิบนาบ “ขอบคุณทุกท่านที่มาดูพิธี ตอนนี้พิธีเสร็จสิ้นแล้ว เชิญทุกท่านตามสบาย”
“แต่มีท่านหนึ่งอยู่ก่อนจะเป็นการดี”
สายตาของนางกวาดไป สุดท้ายจับจ้องไปยังร่างของสวี่ชิง ในดวงตามีความเย็นยะเยือก
“เสี่ยเฉินจื่อ เรื่องระหว่างเจ้ากับข้าก็ควรจะชำระสะสางให้ดีสักหน่อยแล้ว”
สวี่ชิงได้ยิน สีหน้าสงบนิ่ง มองไปที่หว่างคิ้วของเยวี่ยตง เอ่ยราบเรียบ “มีความคิดนี้อยู่พอดี”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



