บทที่ 1067 จงตื่นขึ้นเถิด นักรบของข้า
เสี้ยวขณะนี้ ในโลกนับไม่ถ้วนที่แปรเปลี่ยนมาจากเศษเสี้ยวความทรงจำของมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนล้วนฝนตกทั้งนั้น
ตกลงมายังร่างของผู้ที่ก้าวเข้าสู่โลกเหล่านั้นทุกคน
หลินคุนก็ดี หรือจะเป็นผู้บำเพ็ญเผ่าปีกมารฝั่งประจิมทั้งหลายนั้นก็ดี ไม่มีใครหลบหลีกได้
จนกระทั่งเวลาไหลไป จากฝนที่ค่อยๆ แรงขึ้น เทกระหน่ำลงมา ทำให้พื้นดินของโลกทุกใบกลายเป็นทะเลน้ำฝน ฟ้าดินกลายเป็นโลกแห่งฝน
ในม่านที่เกิดจากน้ำฝนเหล่านี้ แดนสุสานที่แผ่ความมืดสลัว แฝงไว้ด้วยความตายก็ปรากฏขึ้นในโลกทุกใบ
จนกระทั่งแทนที่ทุกสิ่ง
เหมือนกลืนกิน
ทำให้โลกความทรงจำทุกใบ แปรเปลี่ยนเป็น…หลุมศพหลุมแล้วหลุมเล่า!
……
ในตอนที่สวี่ชิงลืมตา ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เขานอนอยู่ตรงนั้น ข้างหน้ามืดสนิท ในขณะที่ความชื้นปกคลุมไปรอบด้าน พลังบำเพ็ญ ประสาทสัมผัสการรับรู้ของเขาก็เหมือนหายไป
ทำได้เพียงใช้การสัมผัสจากมือไปทำการวิเคราะห์
คลำไปข้างบน เป็นไม้เย็นเยียบ
รอบๆ ก็เป็นเช่นนี้ ข้างล่างก็เช่นกัน
แคบ ยาว อีกทั้งไม่อาจลุกขึ้นมาได้
“นี่มันโลงนี่นา!”
สวี่ชิงในใจเคร่งเครียด
“ก่อนหน้านี้ดาวรกร้างที่ศิษย์พี่ใหญ่อยู่เกิดฝนตกหนัก น้ำฝนนั่นแปลกประหลาดนัก หลังจากที่เป็นม่านฝนในนั้นก็มีโลกมืดมิดใบหนึ่งปรากฏขึ้น”
“เช่นนั้นตอนนี้ ข้าอยู่ในหลุมศพหนึ่งในนั้นใช่หรือไม่”
“ส่วนความสามารถในการสัมผัสรับรู้พลังบำเพ็ญคล้ายถูกผนึก…แม้แต่พลังบำเพ็ญก็ถูกควบคุมด้วยเช่นกัน”
“เช่นนั้นรูปลักษณ์หน้าตาของข้าตอนนี้คือมหาจักรพรรดิหมิงเหยียนใช่หรือไม่”
สวี่ชิงชิงยกมือขวาขึ้นงอไว้ข้างหน้าแล้วแตะที่หน้าของตัวเอง หลังจากลูบไล้ รูม่านตาของเขาก็พลันหดเล็กลง
ไม่ใช่หมิงเหยียน และไม่ใช่เสี่ยเฉินจื่อด้วยเช่นกัน
สิ่งที่เขาคลำเจอคือใบหน้าที่เป็นของตัวเองดวงนั้น!
“โลกใบนี้แปลกประหลาดนัก”
สวี่ชิงพึมพำ มือขวาพลันกำเป็นหมัด ชกไปยังฝาโลงข้างบนอย่างเต็มแรง
หมัดนี้ซัดลงไป โลงที่เขาอยู่สะเทือน แตกออกเป็นรอยแยกทางหนึ่ง
เพียงแต่ ทันทีที่รอยแยกนี้ปรากฏขึ้น ก็มีพลังผนึกกลุ่มหนึ่งรวมอยู่ข้างบน ทำให้รอยแยกนี้ผสานกันในทันที
สวี่ชิงใช้ประสาทสัมผัสจากนิ้ว หลังจากรับรู้ถึงภาพนี้ เขาก็ขี้เกียจจะเปลืองพลังกาย ทะเลความรู้สึกในร่าง อำนาจเทพแห่งชะตาวาสนากะพริบวาบ แปรเปลี่ยนเป็นมีดสลัก พุ่งออกไปจากร่างของเขา แล้วฟันไปข้างบนโลงทันที
ภายใต้การฟันนี้ เหมือนมีเสียงกระจกแตกดังก้องมา
จากนั้นความรู้สึกเหมือนถูกผนึกแบบนั้นก็หายไปกว่าครึ่งทันใด ส่วนประสาทสัมผัสรับรู้และพลังบำเพ็ญที่ได้รับผลกระทบของสวี่ชิง ตอนนี้ก็ฟื้นกลับคืนมาไม่น้อย
สำหรับมีดสลักแห่งชะตาวาสนา ด้วยตำแหน่งแห่งพลังอำนาจเทพสูงสุด แทบไม่มีผนึกอะไรในโลกนี้ที่มันไม่อาจส่งอิทธิพลเข้าไปได้
ตอนนี้หลังจากฟันไปหนึ่งที มือขวาของสวี่ชิงก็ชกไปอีกครั้ง
เสียงทุ้มหนักดังออกมาทันที
ดังสะท้อนก้องอยู่ในโลง และดังส่งออกไป สะท้อนก้องไปยังโลกภายนอก
……
ตูม!
ตูม!
ใต้ม่านอันดำมืด สายฝนโปรยปราย รวมกับเสียงทุ้มแน่นที่ส่งออกมาจากแผ่นดิน กลายเป็นเพียง 2 เสียงในดินแดนแห่งชีวิตที่เดิมเงียบงันแห่งนี้
แผ่นดินมืดสนิท ความว่างเปล่าระหว่างฟ้าดินก็เป็นสีดำมืดอย่างไร้จุดสิ้นสุดเช่นกัน
มองได้เห็นเพียงรางๆ ว่าบนพื้นดินมีหลุมศพเรียงรายสุดลูกหูลูกตา ทอดยาวไปไม่สิ้นสุด
ที่นี่คือสุสานแห่งหนึ่ง
ความเย็นเยือกแผ่ซ่าน ความรู้สึกเย็นเยียบน่าขนลุกปกคลุม
จวบจนหลังจากที่ในหลุมศพหนึ่งในนั้นเสียงทุ้มแน่นที่ดังออกมาระเบิดก้องรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นหลุมศพแห่งนั้นก็พลันสั่นสะเทือนแล้วยุบตัวลงไป
จากนั้น ในดินโคลนหลุมศพที่ฝนตกลงมาจนเปียกชุ่มก็มีมือข้างหนึ่งพลันทะลวงโผล่ออกมา!
ภาพนี้หากอยู่ที่โลกภายนอก คนธรรมดาทั่วไปที่ใจเสาะเห็นเข้าจะต้องอกสั่นขวัญแขวน ตกใจกลัวแทบสิ้นสติอย่างแน่นอน แต่ในโลกผู้บำเพ็ญ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะปกติไปแล้ว
ไม่นานนัก สวี่ชิงก็คลานออกมาจากโคลนหลุมศพ
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น ในใจสวี่ชิงเกิดความระแวดระวังอย่างมหาศาลขึ้นมา ทอดสายตามองไปรอบๆ สุสานท่ามกลางสายฝนนี้
สิ่งที่ได้เห็นล้วนเป็นความมืดมิด ล้วนเป็นหลุมฝังศพ
ความมืดมิดที่นี่แฝงไว้ด้วยความแปลกประหลาด แม้แต่ประสาทสัมผัสเทพก็ไม่อาจแทรกซึมไปได้ไกลนัก มองเห็นเพียงรอบๆ ในระยะร้อยจั้งเท่านั้น
หลุมศพแต่ละหลุม…แต่ละหลุม เหล่านั้นก็เหมือนผีร้าย แผ่ความอัปมงคลออกมา
ทุกอย่างนี้ล้วนทำให้ความระแวดระวังของสวี่ชิงพุ่งถึงขีดสูงสุด
และในขณะที่เขาสังเกตรอบๆ อย่างละเอียดตรงนี้ ที่ไกลๆ ก็มีเสียงระเบิดแน่นหนักดังก้องมา
สองตาของสวี่ชิงจ้องเพ่ง เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เข้าไปใกล้ยังบริเวณที่เสียงดังมา จวบจนถึงขอบของขอบเขตประสาทสัมผัสเทพ ฝีเท้าของเขาจึงหยุดลง มองอย่างละเอียด
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ท่ามกลางการจับตามองของเขา หลุมศพที่มีเสียงดังมาส่งเสียงดังสะท้อนก้องยิ่งกว่าเดิม จากนั้นดินบนหลุมศพก็ยุบลงไป ลำแสงสีทองทางหนึ่งพุ่งออกมาจากภายในทันที
ในลำแสงสีทองมีหนูสีทองตัวน้อยตัวหนึ่ง!
แต่กลับไม่ใช่ตัวของสวี่ชิงตัวนั้น ท่าทางเหมือนเพิ่งเกิด กำลังลองแทะมิติที่นี่
แต่เห็นได้ชัดว่ามิติที่นี่ยากที่มันในสภาวะเพิ่งเกิดจะแทะได้ ดังนั้นหลังจากที่แทะไป 3-4 ที หนูสีทองน้อยตัวนี้ก็ร้อนรน
ทันทีที่เห็นหนูตัวนี้ สวี่ชิงโล่งอก ร่างเพียงไหววูบก็พุ่งตรงไปยังหลุมศพที่ยุบตัวลงไปหลุมนั้น
ในตอนที่เข้าไปใกล้ เงาร่างที่ดิ้นรนคลานออกมาของเอ้อร์หนิว ก็ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของสวี่ชิง
“นี่มันสถานที่บ้าบออะไรกัน”
เอ้อร์หนิวคลานไปพลางถ่มดินโคลนออกมา เขาที่รูปร่างหน้าตาที่แท้จริงฟื้นฟูกลับมา ตอนนี้ก็ยังคงสะบักสะบอมน่าสังเวช ในใจยิ่งอัดอั้นเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับเอ้อร์หนิวแล้ว ตัวเองก่อนหน้านี้อุตส่าห์สยบดาวดวงนั้นได้ ได้รับมรดกแห่งความตาย แต่ในตอนที่ที่ตัวเองหัวเราะอย่างหยิ่งผยองนั้นเอง ก็ดันถูกสายฝนกลืนกินเสียได้
ที่ผ่านมาล้วนเป็นเขาที่กลืนกินคนอื่นๆ จำนวนครั้งที่ถูกกลืนกินมีไม่มาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าถูกฝน…
นี่ทำให้ในใจของเอ้อร์หนิวไม่สบอารมณ์สุดๆ ตอนนี้ขณะที่คลานออกมา สังเกตเห็นการเข้ามาใกล้ของสวี่ชิง ดังนั้นแล้วความเร็วในการคลานออกมาของเขาก็ยิ่งเร่งเร็วขึ้น
ก่อนที่สวี่ชิงจะเข้ามาใกล้ เขาก็คลานออกมาพ้นแล้ว จัดทรงผมเล็กน้อย เขาเชิดหน้า กำลังจะเอ่ยปากขึ้น
แต่ในตอนนี้เอง…สีหน้าของเอ้อร์หนิวพลันเปลี่ยนไป
สวี่ชิงที่ทะยานมาอย่างเร็วรี่ก็ฝีเท้าหยุดชะงักไปเช่นกัน สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเหมือนกัน พลันเงยหน้าขึ้นไปเหมือนเอ้อร์หนิว
พลังกดดันน่าหวาดกลัวกลุ่มหนึ่ง กำลังลงมาเยือนในเสี้ยวขณะนี้อย่างไร้สุ้มเสียงและกะทันหันเป็นอย่างยิ่ง
จากการกดอัดลงมาของพลังกดดัน หลุมศพรอบๆ ระเบิดทั้งหมด แต่ละหลุมคล้ายถูกบดอัด แม้แต่สายฝนก็ราวกับไม่อาจตกลงมาได้ ราวกับถูกขัดขวางไว้
จิตใจของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวเกิดคลื่นยักษ์ซัดโหม
เพราะระดับความแข็งแกร่งของพลังกดดันกลุ่มนี้อยู่เหนือยิ่งกว่าขั้นเตรียมสู่เทวะ ถึงระดับเจ้าเหนือหัวแล้ว
อีกทั้งยังไม่ใช่เจ้าเหนือหัวทั่วๆ ไปด้วย
ดังนั้นภายใต้พลังกดดันนี้ สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวลมหายใจหอบถี่ เหมือนถูกตรึงไว้กับที่
และที่เหนือศีรษะของพวกเขามีวัตถุชิ้นหนึ่งลอยอยู่
นั่นเป็นศีรษะน่าครั่นคร้ามที่มีขนาดถึง 1 หมื่นจั้ง ศีรษะหนึ่ง!
ดูจากหน้าตาแล้วคล้ายกับเผ่ามนุษย์ แต่ผิวกลับเป็นสีเทา ในดวงตาทั้ง 2 ที่ลืมตื่นขึ้นฉายความเย็นชา
ตอนนี้มันลอยอยู่เหนือศีรษะของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว บดบังสายฝน กำลังจ้องมองพวกเขา
เทียบกับมันแล้ว ร่างของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวเล็กมากเหลือเกิน ราวกับมดปลวก ดังนั้นไม่นานนัก ศีรษะที่แปลกประหลาดทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวก็ดึงสายตากลับไป มองไปยังสุสานแห่งนี้
แต่ภาพที่ทำให้สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวหนังศีรษะชาวาบก็เกิดขึ้นแล้ว
ศีรษะนี้อยู่กลางอากาศ พลันอ้าปากไปทางพื้นดิน…แล้วสูดไปทันที
ภายใต้การสูดนี้ พลังดูดน่ากลัวอันยากบรรยายก็พลันส่งมา ปกคลุมไปทั่วทุกบริเวณ
ดินโคลนนับไม่ถ้วนลอยขึ้น น้ำฝนมหาศาลลอยขึ้นฟ้า พุ่งตรงไปที่ปากมหึมาของศีรษะนี้
เหมือนมันกำลังกินอาหาร
และจากการลอยขึ้นฟ้าของดินโคลน โลงจำนวนหนึ่งปรากฏออกมา ลอยไปในปากมหึมาเช่นกัน ศีรษะแปลกประหลาดเคี้ยวมันแหลกละเอียดแล้วกลืนลงไป
แม้จะเป็นเพียงแค่ศีรษะ แต่จากการกลืนกินลงไปก็ไม่มีอะไรไหลออกมาแม้แต่น้อย เหมือนว่าในศีรษะนั้นซ่อนถ้ำไร้ก้นบึ้งเอาไว้
ส่วนสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวทางนี้ตอนนี้ก็อกสั่นขวัญแขวน ภายใต้แรงดูดมหาศาลนี้ พวกเขาทำได้เพียงแค่ต่างคนต่างลองพยายามต้านทานอย่างสุดกำลัง ทำให้ร่างของตัวเองยืนหยัดมั่นคงภายใต้แรงดูดนี้
แต่พวกเขาก็ค่อยๆ ทนต่อไปไม่ไหว
ช่วงเวลาวิกฤตอันตราย สวี่ชิงหันไปมองเอ้อร์หนิว เอ้อร์หนิวทางนั้นก็เข้าใจความคิดของสวี่ชิง ตะโกนขึ้นมาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“จงตื่นขึ้นเถิด นักรบของข้า!”
ทันทีที่เสียงของเขาดังขึ้น หมอกสีเทาก็ปะทุออกมาจากร่างของเอ้อร์หนิว พลังความตายลงมาเยือนอย่างไร้รูปร่าง
เสี้ยวขณะต่อมา หลุมศพกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบท่ามกลางแรงดูดเหล่านั้นก็พลันส่งเสียงระเบิดขึ้น ซากศพแต่ละร่างๆ ทะลวงโลงศพที่อยู่ คลานออกมาจากในนั้น
จำนวนมากมายมหาศาลนัก
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น ภายใต้แรงดูดนี้ ซากศพเหล่านี้ยังไม่ทันจะทำโค้งคารวะทำความเคารพเอ้อร์หนิว ก็ถูกแรงดูดดูดขึ้นฟ้า พุ่งตรงไปยังปากมหึมา
เพียงในระยะเวลาสั้นๆ ก็ถูกมันกลืนกินไปมากถึงหมื่นกว่าศพ
เหมือนว่าจำนวนเหล่านี้ทำให้ศีรษะนั่นกินอิ่มแล้ว ดังนั้นไม่นานนัก ท่ามกลางเสียงเคี้ยวนี้ แรงดูดก็สลายไป ส่วนศีรษะก็รางเลือน ค่อยๆ หายไป
สวี่ชิงถอนหายใจโล่งอก มองไปทางเอ้อร์หนิว
ในดวงตาเอ้อร์หนิวยังมีความหวาดกลัวหลงเหลืออยู่ มองไปทางสวี่ชิง
ทั้ง 2 คนมองหน้ากันต่างเห็นความหวาดหวั่นสั่นสะท้านซึ่งกันและกัน
เสี้ยวพริบตาเมื่อครู่ช่างอันตรายจริงๆ
และเพิ่งเข้ามาในโลกใบนี้ก็เจอกับตัวตนที่ทั้งแปลกประหลาดทั้งน่ากลัว นี่มากพอจะบอกแล้วว่าในโลกสายฝนที่เต็มไปด้วยหลุมศพแห่งนี้แฝงไว้ด้วยอันตรายอย่างสุดซึ้ง
“แม้สถานที่ที่ยิ่งอันตรายก็จะยิ่งมีของวิเศษมากมาย แต่…อาชิงน้อย ข้ารู้สึกว่าพวกเราหาจักรพรรดินีให้เจอให้เร็วที่สุดจะเป็นการดี”
บ้าคลั่งอย่างศิษย์พี่ใหญ่ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเช่นนี้
สวี่ชิงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่พยักหน้า ทั้ง 2 คนก็กำลังจะไปจากที่นี่
แต่ในตอนนี้เอง พลังกดดันน่าหวาดกลัวนั่นก็พลันลงมาเยือนอีกครา
ศีรษะกลับมา
ลอยอยู่เหนือศีรษะของทั้ง 2 คน
ครั้งนี้ใกล้เข้ามากว่าครั้งที่แล้ว
จ้องพวกเขาทั้ง 2 คน
ไม่รอให้สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวได้ตั้งตัว ศีรษะนั่นก็พลันดูด อีกทั้งครั้งนี้แรงดูดไม่ได้แผ่ออกเป็นบริเวณกว้าง แต่ส่งผลทั้งหมดมาที่ร่างของพวกเขาทั้ง 2 คน
ดังนั้นเพียงพริบตา สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวก็ไม่มีพลังต้านทานใดๆ ถูกดูดเข้าไปทันที
แต่ศีรษะนี้ไม่ได้กลืนกินลงไป ทว่าพันธนาการสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวไว้ข้างหน้า หลังจากทำให้พวกเขาไม่สามารถขยับได้แล้ว ท่ามกลางความหวาดกลัวอกสั่นขวัญหายของทั้ง 2 คน มันถึงได้ค่อยๆ จากไปไกลอย่างเนิบนาบ
ทะยานไปอย่างรวดเร็วบนพื้น ทุกที่ที่ผ่าน น้ำฝนที่โปรยปรายมาเหนือศีรษะมัน มันก็เมินไปโดยสิ้นเชิง
ส่วนสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวตอนนี้ไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย มีเพียงสายตาเท่านั้นที่มองหน้ากัน รูม่านตาต่างหดเล็ก ในใจมีแผนหลบหนีผุดขึ้นมานับไม่ถ้วน
แต่ภายใต้พลังอันแข็งแกร่งของศีรษะนั่น วิธีของพวกเขาไม่มีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จเลย
ในยามที่ในใจของทั้ง 2 คนยิ่งร้อนรน ศีรษะที่พาพวกเขาทะยานมาตลอดทางก็มาถึงยังสุสานอีกแห่ง หยุดลงที่นี่จากนั้นก็สำรอกออกมา
ร่างของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวถูกแรงมหาศาลกลุ่มหนึ่งผลักออก ถูกโยนมาไว้ในสุสาน
จากนั้นศีรษะนั่นก็อ้าปากมหึมาขึ้น แผ่แรงดูดขอบเขตกว้างแผ่แรงดูดออกไปทั่วทุกทิศทาง ดวงตาเย็นชาทั้ง 2 ข้างจ้องมองมายังทั้ง 2
ราวกับกำลังเตือนว่า ได้เวลาอาหารแล้ว
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



