บทที่ 1102 ดวงดาวปรากฏกลางนภาสีเลือด
“ค่าข้ามฟากใช้วิธีเช่นนี้หรือ…”
“แพงขนาดนี้ หากเป็นเพียงแค่การข้ามแม่น้ำ ก็ไม่มีความหมายเท่าใด”
“เช่นนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าในนั้นมีเบาะแสอื่นซ่อนอยู่”
สวี่ชิงตรวจสอบข้อมูลที่บันทึกอยู่ในหยกแผนที่ต่อไป ไม่นานนักเขาก็ยืนยันการวิเคราะห์ของตนเอง
“แม่น้ำโลหิตเทพเจ้า ไม่ได้มีอยู่แค่ระหว่างทางตะวันตกและทางใต้เท่านั้น แต่พื้นที่ติดต่อของอีก 2 แดนที่เหลือก็มีเช่นกัน”
“และในระหว่างการข้ามแม่น้ำ ก็อยู่ในสภาวะปลอดภัยอย่างสมบูรณ์!”
ดวงตาของสวี่ชิงจ้องมอง
“ขอเพียงก้าวขึ้นสู่เรือของคนพายเรือข้ามฟาก เช่นนั้นการเดินทาง 6 วันนั้น คนพายเรือข้ามฟากจะรับผิดชอบความปลอดภัยของผู้เดินทาง ไม่อนุญาตให้ภายนอกเข้ามาแทรกแซงเด็ดขาด”
“และพลังของคนพายเรือข้ามฟากก็ลึกซึ้งเกินหยั่ง อย่างไรเสียพวกเขาก็ล้วนมาจากเมืองเซียนกันทุกคน เป็นนักโทษของเมืองเซียน ถูกลงโทษให้มาที่นี่”
สวี่ชิงครุ่นคิด เขาคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
“ตามความเข้าใจในการทดสอบมหกรรมล่าเหยื่อเมืองเซียนก่อนหน้านี้ของข้า ผู้ที่ได้รับป้ายทุกคน ต่างก็เหมือนกู่ ฆ่าฟันแย่งชิงกันเอง เช่นนั้นการข้ามฟากที่ว่านี้…”
“จะให้การคุ้มครองและโอกาสได้พักหายใจ 2 ครั้งแก่ผู้ถือครองป้ายทุกคน!”
“ไม่ว่าพวกเขาจะเผชิญกับวิกฤตแบบใด ขอเพียงก้าวขึ้นสู่เรือของคนพายเรือข้ามฟากในยามวิกฤต เช่นนั้น พวกเขาก็จะได้พักผ่อนเป็นเวลา 6 วัน”
“และการฆ่าฟันระหว่างผู้แข็งแกร่ง หากให้อีกฝ่ายได้พักฟื้นและเตรียมตัว 6 วัน ผลลัพธ์สุดท้ายก็จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน”
สวี่ชิงดวงตาฉายประกายวาบ
และเมื่อมองเช่นนี้ โอกาสในการข้ามแม่น้ำก็มีมูลค่ามหาศาล
“ประเด็นคือจะใช้เมื่อใด อีกทั้งข้าสามารถมองเห็นประโยชน์นี้ได้ เชื่อว่าผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ในระบบดาวที่ 5 ส่วนใหญ่ก็น่าจะเข้าใจเรื่องนี้”
“การทดสอบมหกรรมล่าเหยื่อเมืองเซียนของระบบดาวที่ 5 แห่งนี้ น่าสนใจเลยทีเดียว”
สวี่ชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง วิเคราะห์และทำความเข้าใจเนื้อหาเหล่านี้ทีละอย่าง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อสงสัยใดๆ เขาเดินอยู่ในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองแห่งนี้ เริ่มตรวจสอบข้อมูลอัจฉริยะฝ่ายต่างๆ ที่บันทึกอยู่ในแผ่นหยกแผนที่
อัจฉริยะที่บันทึกไว้ในนั้นมีจำนวนไม่น้อย
ตะวันออก ตะวันตก ใต้ และเหนือแดนดาราทั้ง 4 แดนนี้ แต่ละแห่งมีประมาณร้อยกว่าคน
บางคนมาจากสำนัก บางคนมาจากตระกูล บางคนมาจากขั้วอำนาจผู้บำเพ็ญไร้สังกัด และบางคนก็เป็นผู้โดดเดี่ยว
ทุกคนล้วนมีพลังที่ไม่ธรรมดา อีกทั้งผู้ที่ได้รับการบันทึกในข้อมูลแผนที่ของตำหนักสมบัติเซียนย่อมเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง
ดังนั้นในสายตาสวี่ชิง ในระดับหนึ่งแล้วข้อมูลอัจฉริยะของระบบดาวที่ 5 ในแผนที่นี้ ก็สามารถมองเป็นตารางจัดอันดับได้เช่นกัน
และในนั้นมี 8 คนที่ข้อมูลในแผนที่เน้นย้ำเป็นพิเศษ
พวกเขา ในบรรดาอัจฉริยะหลายร้อยคนทั่วทั้งระบบดาวที่ 5 ถือเป็นดวงดาวที่เปล่งประกายที่สุด ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างแหงนหน้ามอง
อันดับแรกที่สวี่ชิงให้ความสนใจคือแดนดาราทิศใต้ที่เขาอยู่
ในบรรดาดวงดาวทั้ง 8 มี 2 คนอยู่ในแดนดาราทิศใต้
คนแรกมาจากสายหลักเขามหาเซียน เป็นศิษย์ของมหาจักรพรรดิเตรียมเซียนนามว่าหลันอวิ๋นในเขามหาเซียน
กึ่งเซียนหลันอวิ๋นคนนี้ เล่ากันว่ามีอาวุโสสูงมาก เป็นศิษย์น้องของผู้ตรวจตราแห่งเขามหาเซียนคนนั้น
เล่ากันว่าเดิมทีสามารถเปิดประตูเซียนได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แต่เนื่องจากอุบัติเหตุบางอย่าง ทำให้ล่าช้าลงไป ตอนนี้ห่างจากทะลวงเปิดประตูเซียนก็เหลืออีกเพียงไม่ถึงครึ่งก้าวแล้ว
ศิษย์ของบุคคลเช่นนี้ ย่อมไม่ธรรมดาเช่นกัน
ศิษย์ของเขาชื่อเจียงฝาน ฝึกบำเพ็ญไม่ถึง 500 ปีก็มีพลังบำเพ็ญถึงระดับเจ้าเหนือหัวช่วงต้น และควบคุมพลังอำนาจได้ 7 อย่าง เคยมีศึกที่ใช้ค่าตอบแทนด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสสังหารเจ้าเหนือหัวสุดยอดได้
ศึกนั้นเกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อน สั่นคลอนไปทั่วทั้งแดนดาราทิศใต้ แม้แต่อัจฉริยะจากแดนดาราอื่นๆ ก็ได้ยินเรื่องนี้ผ่านช่องทางต่างๆ ของตนเอง
และด้วยเหตุนี้เอง จึงปูพื้นฐานให้เจียงฝานได้รับสมญาว่าอัจฉริยะอันดับ 1 แห่งแดนดาราทิศใต้ในยุคนี้
แดนดาราทิศใต้นอกจากบุคคลนี้แล้ว ผู้ที่ติดอันดับในดวงดาวทั้ง 8 อีกคนหนึ่ง ไม่ได้มาจากสำนัก แต่เป็นผู้บำเพ็ญจากตระกูลหย่วนซานที่จัดอยู่ใน 3 อันดับแรกของตระกูลทั้งหลายในทิศใต้
คนคนนี้ชื่อหย่วนซานซู่ เป็นผู้บำเพ็ญหญิง เนื่องจากชอบสวมชุดคลุมสีเขียวคราม จึงถูกเรียกขานว่าเซียนชิงซู่
พลังบำเพ็ญของนางลึกซึ้งกว่าเจียงฝานเล็กน้อย ถึงระดับเจ้าเหนือหัวช่วงกลาง แต่อำนาจไม่ได้มีมากขนาดเจียงฝานนางมีเพียง 4 อย่างเท่านั้น
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็เคยมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือสุดยอดเช่นกัน แม้จะพ่ายแพ้ แต่นางก็หนีรอดมาได้สำเร็จ
มองดูข้อมูลอัจฉริยะทางใต้ ในดวงตาของสวี่ชิงฉายประกายแสงคมกริบ
“คนหนึ่งช่วงต้น คนหนึ่งช่วงกลาง…”
“คนแรกมีอำนาจ 7 อย่าง สังหารเจ้าเหนือหัวสุดยอดได้ คนหลังมีพลังอำนาจ 4 อย่าง รอดจากการโจมตีของเจ้าเหนือสุดยอดได้”
“คู่ควรอย่างยิ่งที่จะเรียกว่าอัจฉริยะไร้เทียมทานจริงๆ”
ในขณะที่ความคิดผุดขึ้นในใจ สวี่ชิงก็ตรวจสอบข้อมูลดวงดาวในแดนดาราที่เหลือ 3 แดนต่อไป
“แดนดาราทิศเหนือ ดวงดาวทั้ง 2 ต่างมาจากสำนักเซียนกระบี่สายหลักจากแดนของพวกเขา!”
“2 คนนี้เป็นพี่น้องฝาแฝด เล่ากันว่าในยามเกิดก็มาพร้อมกับปรากฏการณ์พิสดารแห่งฟ้าดิน ต่างเกิดมาพร้อมกับกระบี่ ถือเป็นกายกระบี่โดยกำเนิด ผู้ตรวจตราแห่งสำนักเซียนกระบี่รุ่นนี้รับเป็นศิษย์ด้วยตนเอง!”
“มอบชื่อให้ว่า เชียนจุนและปี้อี้”
“นับตั้งแต่ฝึกบำเพ็ญมา พวกเขาก็สยบคนรุ่นเดียวกันมาตลอด ชื่อเสียงโด่งดังไร้ขีดจำกัด เป็นที่จับตามองในแดนดาราทิศเหนือ”
“ในตอนนี้ต่างเป็นเจ้าเหนือหัวช่วงต้น แต่ละคนมีอำนาจ 4 อย่างที่สอดคล้องกัน ต่อสู้ลำพังสามารถสู้กับเจ้าเหนือหัวช่วงปลาย หากร่วมมือกันก็สามารถต่อสู้กับมหาจักรพรรดิเตรียมเซียนได้!”
“ด้วยผลงานการต่อสู้ที่โดดเด่น จึงถูกจัดให้เป็น 2 ใน 8 ดวงดาวของระบบดาวที่ 5 รุ่นนี้”
สวี่ชิงมองดูข้อมูลเหล่านี้ ในใจเกิดความความปรารถนาขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็มองไปยังการแนะนำดวงดาวของทิศตะวันออก
อัจฉริยะดวงดาวของทิศตะวันออกทำให้รูม่านตาของสวี่ชิงหดเล็ก
ทิศตะวันออกในบรรดา 4 แดนดาราของระบบดาวที่ 5 ถือเป็นอันดับแรก
ไม่ใช่แค่เพราะใน 8 ดวงดาว มี 3 คนแล้วที่อยู่ในทิศตะวันออกเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะจำนวนอัจฉริยะโดยรวมของทิศตะวันออกมากกว่าอีก 3 แดนที่เหลือมากนัก
ดวงดาวทั้ง 3 คนของทิศตะวันออก คนหนึ่งมาจากขั้วอำนาจผู้บำเพ็ญไร้สังกัด คนหนึ่งมาจากตระกูล และอีกคนมาจากหอคอยวงแหวนดาราสายหลัก
ในนั้นอัจฉริยะไร้สังกัดคนนั้นมีนามว่าเสียหลิงจื่อ ผงาดขึ้นจากการต่อสู้แห่งชีวิตเป็นตาย ใช้วิชากลืนกิน สังหารผู้คนนับไม่ถ้วน วิชาที่ฝึกบำเพ็ญก็คือวิถีมาร
เมื่อยามที่เขายังเล็กจ้อยไร้ค่า เคยฝากตัวเป็นศิษย์ในสำนักแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ทรยศสำนัก ถูกตามล่าเป็นเวลา 60 ปีแต่ไร้ซึ่งผลลัพธ์ บุคคลคนนี้ก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
หลายปีต่อมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ฝากตัวเป็นศิษย์ในอีกสำนักหนึ่ง จากนั้นก็ทรยศสำนักและถูกตามล่าอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม คือไม่สำเร็จ
ในช่วงเวลาต่อมา เหตุการณ์ที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นทั้งหมด 7 ครั้ง
เขาฝากตัวเป็นศิษย์ 7 ครั้ง ทรยศสำนัก 7 ครั้ง สุดท้ายภายใต้การตามล่าไม่สิ้นสุด เขาก็ผงาดขึ้น เมื่อสำเร็จเป็นเจ้าเหนือหัว เขาก็สังหารทุกคนในสำนักที่เคยฝากตัวเป็นศิษย์ทั้งหมด
สร้างวิถีสังหารของตนเองขึ้นมาจากภูเขาศพทะเลเลือด
จากนั้นก็ต่อสู้กับดวงดาวคนนั้นที่มาจากตระกูลในทิศตะวันออก ไม่มีใครรองใคร
ดังนั้นจึงถูกจัดให้เป็นดวงดาว
ส่วนอัจฉริยะดวงดาวที่มาจากตระกูลก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน มีพลังบำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวช่วงกลาง มีอำนาจ 5 อย่าง เคยมีผลงานการต่อสู้ที่เอาชนะผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวช่วงปลายได้
ชื่อของเขาคือโจวเจิ้งลี่ ตระกูลของเขายิ่งเป็นตระกูลอันดับ 1 ของทิศตะวันออก ชื่อเสียงของเขาก็เหมือนชื่อของเขา รักความถูกต้องผดุงยุติธรรม ชอบทำความดี มีเมตตา เป็นที่เคารพนับถือของผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วนในทิศตะวันออก
พูดได้ว่าเขาและเสียหลิงจื่อเป็นขั้วตรงข้ามกัน ดังนั้นต่างฝ่ายต่างก็ต้องการสังหารอีกฝ่าย
ส่วนคนที่ 3 เป็นดวงดาวจากหอคอยวงแหวนดารา ซึ่งเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของทั้งทิศตะวันออก
คนคนนี้ได้รับประทานนามว่าซิงหวน เป็นบุตรแห่งหอคอยวงแหวนดารารุ่นนี้ พลังบำเพ็ญถึงระดับเจ้าเหนือหัวช่วงปลายแล้ว มีอำนาจ 9 อย่าง พลังลึกลับยากหยั่งถึง น้อยครั้งที่จะลงมือ
มีเพียงครั้งเดียวที่ต่อสู้อย่างเปิดเผย คือการท้าประลองมหาจักรพรรดิเตรียมเซียน
ชนะในศึกเดียว
ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วหล้า
ทั้ง 7 คนนี้ ไม่ว่าใครก็ล้วนเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานทั้งสิ้น
ส่วนคนสุดท้าย อยู่ที่ทิศตะวันตก
และแดนดาราทิศตะวันตกก็เป็นแดนดาราที่ค่อนข้างอ่อนแอที่สุดในบรรดา 4 แดนดาราของระบบดาวที่ 5 ไม่ใช่แค่มีดวงดาวเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่สำนักเซียนมรรคาซึ่งเป็นสายหลัก ก็ยังค่อนข้างตกต่ำด้วย
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ตรวจตราของทิศตะวันตก สูงส่งเหนือโลกีย์ ไม่ค่อยสนใจการพัฒนาสำนัก ทำให้สำนักมีคนน้อย และคนส่วนใหญ่ในสำนักก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้
อีกส่วนหนึ่งคือ ขั้วอำนาจตระกูลในทิศตะวันตก มีมากกว่าอีก 3 แดนที่เหลือ เมื่อสังเกตเห็นทัศนคติของสำนักเซียนมรรคา พวกเขาก็เลือกที่จะต่อสู้แย่งชิง ครอบงำ และขยายอำนาจทวีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
ต่อให้เป็นดวงดาวคนนั้นของทิศตะวันตกก็ยังมาจากตระกูล แต่ว่าเนื่องจากความพยายามของตัวเองและพลังรากฐานของตระกูล สุดท้ายก็ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ในสำนักเซียนมรรคา และฝากตัวเป็นศิษย์ของผู้ตวจตราแห่งสำนักเซียนมรรคา
คนคนนี้ชื่อ หลี่เมิ่งถู่
และตระกูลของเขามีลักษณะพิเศษคือ สมาชิกสายเลือดสายตรงทุกคนในชื่อจะมีคำว่าถู่อยู่ด้วย
ส่วนพลังบำเพ็ญของเขา เป็นเพียงแค่เจ้าเหนือหัวช่วงต้น มีอำนาจ 4 อย่าง แต่กำลังรบของเขารวมกับวิชาแปลกประหลาดที่สืบทอดมาจากตระกูล และการบ่มเพาะจากอาจารย์ของเขา เคยมีผลงานการสังหารเจ้าเหนือหัวช่วงกลาง
และด้วยเหตุนี้เอง จึงพอจะกล้อมแกล้มจัดให้เป็นดวงดาวได้
ไม่เช่นนั้นแล้ว ทั้งทิศตะวันตก ก็จะไม่มีผู้เหมาะสมคนอื่นอีกแล้ว
ในเมื่อมาตรฐานของดวงดาวคือผู้ที่ฝึกบำเพ็ญไม่ถึง 1,000 ปี
หลังจากดูข้อมูลเหล่านี้ สำหรับความรุ่งเรืองของระบบดาวที่ 5 จากดวงดาวทั้ง 8 นี้ สวี่ชิงก็เห็นได้ไม่น้อย
ในใจอดไม่ได้ที่จะเกิดจิตต่อสู้ขึ้นอย่างแรงกล้า
“ข้าอยู่ที่นี่ ก็จะต้องพยายามไปให้สูงถึงระดับนี้เช่นกัน!”
สวี่ชิงสูดหายใจลึก ค้นหาร้านค้าที่จะไปต่อท่ามกลางฝูงชน
การเข้าเมืองครั้งนี้ นอกจากแผนที่ที่จะต้องซื้อแล้ว เขายังเตรียมที่จะซื้อลูกกลอนและของวิเศษเวทที่เหมาะสมกับตัวเองจำนวนหนึ่งด้วย
เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ดังนั้นในช่วงเวลาต่อมา สวี่ชิงไม่ได้ซื้อของจากร้านค้าเดียวกัน แต่กระจายไปซื้อจากร้านค้าต่างๆ ซื้อทุกสิ่งที่ต้องการ
สุดท้ายเมื่อคลื่นวนแสงเรืองรองแห่งขั้วโลกลูกเล็กลูกใหม่กำลังจะปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เขาก็เริ่มเดินออกจากเมือง
“ออกจากที่นี่ หาภูเขาร้างแห่งหนึ่ง แล้วปิดด่านที่นั่น”
“จะต้องรีบสัมผัสรับรู้วิชาเวลาและมิติให้เร็วที่สุด พยายามบรรลุขั้น 8 วิถีสูงสุดในเร็ววัน…”
“ทะลวงพลังบำเพ็ญให้เป็นระดับเตรียมสู่เทวะ 8 โลก”
ข้อมูลจากแผนที่ทำให้สวี่ชิงรู้สึกถึงวิกฤตที่รุนแรงมากเกี่ยวกับพลังของตนเอง
เป็นเช่นนี้ เวลาผ่านไป
เมื่อสวี่ชิงอยู่ไม่ไกลจากประตูเมือง ในแสงเรืองรองแห่งขั้วโลกบนท้องฟ้ามีคลื่นวนลูกเล็กลูกใหม่ปรากฏขึ้น
นี่หมายถึงวันใหม่ได้มาถึงแล้ว
และในชั่วขณะที่คลื่นวนลูกเล็กนี้ปรากฏขึ้น ท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
สีแดงเลือดภายในแสงเรืองรองแห่งขั้วโลก พลันปะทุขึ้น ประกายแสงปกคลุมไปทั้งม่านฟ้าของแดนดาราทิศใต้ ครอบคลุมทั่วทั้งผืนฟ้าของแดนดาราทิศใต้
ในแสงสีเลือด มีดวงดาวปรากฏขึ้น!
จำนวนดวงดาวเหล่านี้มีประมาณ 1,000-2,000 ดวง แผ่กระจายไปทั่วม่านฟ้า บางดวงอยู่ใกล้กันมาก บางดวงอยู่ห่างกันมาก บางดวงส่องประกาย บางดวงหม่นหมอง
ในชั่วพริบตาที่ปรากฏขึ้น ผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนในแดนดาราทิศใต้ต่างเงยหน้าขึ้นไปตามสัญชาตญาณ
ส่วนสวี่ชิงขมวดคิ้ว
เขาพบว่าป้ายอนุมัติเมืองเซียนในมิติถุงเก็บของของเขากำลังสั่น ปลดปล่อยพลังที่แม้แต่มิติถุงเก็บของก็ไม่อาจขวางกั้นออกมาเชื่อมต่อกับดวงดาวดวงหนึ่งบนท้องฟ้า
ดาวดวงนั้นหม่นหมอง
และข้างดาวดวงนั้น ยังมีดวงดาวอีกดวงหนึ่งกำลังส่องประกาย
เพียงชั่วพริบตา ภาพบนท้องฟ้าก็สลายไป และเสียงฮือฮารอบๆ ก็ดังขึ้นทันที
“มหกรรมล่าเหยื่อเมืองเซียน เข้าสู่ขั้นที่ 2 แล้ว!”
“ป้ายทั้งหมดปรากฏออกมาแล้ว…อีกทั้งยังสามารถรับรู้ถึงอีกฝ่ายได้”
“ไม่รู้ว่าแดนดาราที่เหลือจะเป็นอย่างไร แต่จากนี้ไปแดนดาราทิศใต้…จะต้องนองเลือดอย่างแน่นอน”
ในยามที่เสียงในฝูงชนดังเข้าหูสวี่ชิง ภาพที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้าก็ปรากฏขึ้นในสมอง ภาพฉากที่ใกล้ดวงดาวของเขาเอง และยังมีดวงดาวอื่นอยู่ใกล้เคียงอีกด้วยฉากนั้น
“เหตุที่ข้าไม่กระตุ้นป้าย ก็เพราะคำนึงถึงสถานการณ์เช่นนี้”
“แต่ในตอนนี้เมื่อดูแล้ว แม้จะไม่ได้กระตุ้นป้าย แต่ในระยะที่ 2 ที่ว่านี้ ป้ายที่ไม่ได้กระตุ้นก็ยังคงปรากฏบนท้องฟ้า”
“แต่ไม่แน่ใจว่า หากไม่ได้กระตุ้นป้าย จะถูกผู้ครอบครองคนอื่นจับเป้าหมายได้อย่างแม่นยำหรือไม่”
สวี่ชิงพึมพำในใจ สีหน้ากลับมาเป็นปกติ ไม่แสดงท่าทีพิเศษใดๆ ในฝูงชนรอบข้าง และไม่ได้เร่งความเร็วทันที แต่ยังคงรักษาความเร็วเท่าเดิม เดินไปยังประตูเมือง
ในขณะเดียวกัน ที่เหมืองวิญญาณที่สวี่ชิงเคยปรากฏตัวเมื่อ 30 กว่าวันคลื่นวนก่อน ตอนนี้มีชายหนุ่มผมแดงคนหนึ่งที่ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยภาพสัญลักษณ์คลื่นวนนับสิบ กำลังยืนอยู่ตรงนั้น จ้องมองท้องฟ้า
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ดึงสายตาที่มองม่านฟ้ากลับมา มองไปยังโลกใบเล็กฟองอากาศที่เสียหายรอบๆ รับรู้ถึงพลังวิญญาณที่เจือจางในที่แห่งนี้
สีหน้าของเขาเคร่งขรึม
“หลิงเฟิงเคยบอกว่าจะมอบป้ายอนุมัติเมืองเซียนให้ข้าเป็นของกำนัล”
“ตอนนี้…เขาแตกดับ ป้ายก็หายไป”
“และการพังทลายของที่นี่ก็ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อการต่อสู้ของข้าด้วย…”
“รนหาที่ตาย!
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



