บทที่ 1108 ทิ้งหนัง
เขตเชื่อมต่อทางตะวันตกกับทางใต้ของวงแหวนที่ 5
ใต้แสงเหนือแดงชาดบนเวิ้งฟ้า ฝนหนืดหลั่งริน ปกคลุมทั่วทิศ
ทั้งมีลมแรงแทรกผ่าน พัดอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ฝนหนืดที่นี่แห้งอย่างรวดเร็ว กลายสภาพเป็นกาว ก่อเกิดเป็นพลังผนึก
ถึงขั้นว่าเขตแดนยังเป็นกาว
แม้แต่ทางอากาศยังยากหลบหนี คล้ายว่าห้วงมิตินี้เป็นหนึ่งเดียวกับกาว
อานุภาพชวนตะลึง พลังทำลายล้างแปลกประหลาดชวนประหวั่น
สวี่ชิงอยู่ตรงรัศมีนี้ด้วย
ทั้งตัวเปี่ยมฝนหนืด เชื่อมกับฟ้าดิน อากาศ ทั่วสารทิศอย่างรวดเร็ว
ติดผิวหนังบนตัวเขาแน่น
กาวรอบตัวยังทบทวี เพิ่มจำนวนและหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าเขาไม่อาจหลุดพ้นในเวลาอันสั้น เมื่อลมพัดจนแห้ง เขาจะกลายเป็นสิ่งของกลางอำพัน
ไม่อาจสลัดพ้นอีก
แต่ท่าทางสวี่ชิงไม่ร้อนรน
เขามีวิธีทำลายกาวนี้
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่เขาวิเคราะห์ตอนนี้ไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นปัจจัยนอกเหนือวิธีการต่อสู้กับจิตใจของชายหนุ่มตรงหน้า
ดูเหมือนไม่เกี่ยวกับการต่อสู้ แต่ความจริงเป็นแก่นสำคัญของศึกนี้
ด้วยตามปกติอีกฝ่ายไม่ควรแน่วแน่ตั้งแต่ช่วงต้นรอบ 2 ของการทดสอบล่าสัตว์นครเซียน
ถึงอย่างไรทำเช่นนี้ก็ได้ไม่คุ้มเสีย
ถ้าตัวเองบาดเจ็บ รอบ 2 ของการทดสอบล่าสัตว์นครเซียนย่อมอันตรายนัก
โดยเฉพาะป้ายสวี่ชิงเพิ่งขึ้นขั้น 2 เท่านั้น ไม่น่าทำให้คนอื่นยึดติดเช่นนี้
ด้วยพลังต่อสู้ของอีกฝ่าย น่าจะมีป้ายที่คว้ามาได้ง่ายกว่า
ไม่จำเป็นต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้
ไม่ใช่การกระทำของคนฉลาด
‘แบบนี้ยิ่งผิดปกตินัก’
ความคิดพวกนี้แล่นผ่านสมองสวี่ชิงชั่วพริบตา เขามองขอบฟ้าที่ห่างออกไป
การคาดเดาในใจชัดเจนกว่าเดิม
ความเด็ดเดี่ยวเพิ่มขึ้นมา
ฝนหนืดรอบตัวโดนลมแรงพัดจนแห้งอย่างรวดเร็วกลายเป็นกาวแล้ว ผนึกสรรพสิ่งทั่วสารทิศ
‘มัวคิดมากไม่ได้แล้ว ต่อให้แลกด้วยการบาดเจ็บก็ต้องจบศึกนี้โดยเร็ว’
นัยน์ตาสวี่ชิงฉายแววเยียบเย็น เมื่อขับเคลื่อนความคิด เลือดในตัวเขาถาโถมไหลหลั่งชั่วพริบตา
ต่อมาทั้งตัวสั่นสะท้าน ภายใต้การควบคุมของเขา เลือดแดงสดทั่วร่างพลันพ่นออกมาตามรูขุมขน
นานเข้ายิ่งมากขึ้น กลายเป็นหมอกโลหิตแผ่กระจายฉับพลัน!
หมอกโลหิตแผ่ซ่าน ทำให้ฟ้าดินชุ่มชื้น
วิธีนี้สวี่ชิงเลียนแบบเจ้าเมืองวัยกลางคนนั่น ใช้เลือดตัวเองเป็นสื่อนำ แฝงซ่อนเจตจำนง แผ่กระจายทั่วทิศ หลอมรวมกับฝนหนืดที่กำลังถูกลมพัดแห้งพวกนั้น
เสริมความชื้นให้ฝนหนืดซึ่งถูกพัดแห้งไปชั่วพริบตา
ดังนั้นจึงยากแข็งตัวเป็นกาว ฝนหนืดกลายเป็นสีแดงก่ำ
ขั้นตอนผึ่งลมไม่อาจทำสำเร็จด้วยเหตุนี้ เปลี่ยนเป็นช้าลง
วิธีทำให้ฝนหนืดกลายเป็นกาวแปลกประหลาดจริงๆ อานุภาพชวนตะลึงเช่นกัน แต่กลับมีข้อบกพร่องร้ายแรง
นั่นก็คือความหนืดของมัน ต้องรอลมพัดแห้งถึงค่อยส่งผล กลายเป็นกาวอย่างแท้จริง
เห็นชัดว่าชายหนุ่มคนนั้นทราบช่องโหว่นี้ เขาจึงสำแดงวิชานี้ต่อหน้าคู่ต่อสู้น้อยนัก
มักซ่อนตัวแล้วโจมตีสังหารฉับพลัน
การตัดสินใจใช้ตอนนี้ ด้วยไม่อยากปะทะกับสวี่ชิงซึ่งหน้า คิดถ่วงเวลาเท่านั้น
ตอนนี้เมื่อเห็นสวี่ชิงเจอข้อบกพร่อง ทั้งมีวิธีแก้ไข ชายหนุ่มมีปานบนแก้มขวาสีหน้าไม่น่าดู แต่กลับไม่ผิดคาดนัก
ตามความเข้าใจเขา ศัตรูตรงหน้านี้ ไม่ว่าเชาวน์ปัญญาหรือการตอบสนองล้วนเรียกว่าน่ากลัว ถือเป็นศัตรูแข็งแกร่ง
เขาไม่คิดว่าใช้วิชากาวดักแล้วจะผนึกอีกฝ่ายได้โดยง่าย
ดังนั้นแม้ว่าเสียดายอยู่บ้าง แต่เขายังถอยโดยไม่ลังเล ขณะเดียวกัน 2 มือยังทำมุทรา ฟ้าดินเปลี่ยนสี คลื่นลมก่อตัว
เขาถึงขั้นใช้พลังบำเพ็ญตนโดยไม่เสียดาย เสริมอำนาจพายุตัวเอง ต้องอาศัยลมพัดแรงขึ้นเช่นนี้ ถึงถ่วงสมดุลการแก้สถานการณ์ของสวี่ชิงได้
คนหนึ่งเป่าให้แห้ง คนหนึ่งเพิ่มความชื้น
ขอเพียงรักษาความสมดุล…
ต่อให้สร้างผนึกไม่สำเร็จ แต่ยึดตัวไว้ได้ ถือว่าบรรลุจุดประสงค์การผนึกและถ่วงเวลาแล้ว
โดยเฉพาะยางหนืดคลุมตัวอีกฝ่าย แม้ว่าหมอกโลหิตชุ่มฉ่ำ มีความชื้น ไม่แข็งตัวอย่างสมบูรณ์ แต่ความหนืดยังอยู่
คุมตัวต่อได้
วิธีนี้ทำให้เห็นว่าพรสวรรค์กับแผนการของชายหนุ่มเป็นเลิศ โดยปกติแผนการเขาย่อมสำเร็จ
ถึงขั้นว่าเพื่อแผนนี้ เขาเตรียมวิธีต้านวิชาช้อนจันทราในบ่อน้ำของสวี่ชิงเป็นการเฉพาะ เมื่อมาถึงยังสำแดงภาพ 5 สี ผลาญวิชาห้วงมิติของสวี่ชิงด้วย
ตามความเข้าใจของเขา วิชาห้วงมิติน่าจะยากสำแดงหลายครั้ง
ไม่ว่าทำได้หรือไม่ ผลาญทำลายก่อนถือว่าไม่เลว
ฟ้าดินกลายเป็นกาวหนืดรวมถึงห้วงมิติด้วย สำหรับวิชาห้วงมิติย่อมมีอุปสรรคระดับหนึ่ง
‘หากถูกเขาทลายอีก อย่างมากแค่ยุติศึกนี้ ข้าเพียงบอกตำแหน่งกับคนผู้นั้น เขามาช้าเกินไป ข้าเองหมดหนทาง’
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ชายหนุ่มเสริมแรงลมพลางสำแดงอำนาจแห่งไฟ ถอยหลังเตรียมพร้อมรอบด้าน
ทว่า… ฉากที่เขาคาดไม่ถึง ทั้งทำให้ใจสั่นสะท้านกลับปรากฏชั่วพริบตานี้
เห็นเพียงสวี่ชิงที่ติดกับยางหนืดทั่วทิศนับไม่ถ้วน พริบตานี้ร่างกายเขาแผ่ปราณกระบี่สะท้านฟ้าสะเทือนดินออกมา
ปราณกระบี่นี้… มาจากกระบี่จักรพรรดิ
ไม่ตัดยางหนืดรอบทิศ ด้วยภายใต้เงื้อมมือชายหนุ่ม กระบี่จักรพรรดิยากเฉือนตัดทุกสิ่งชั่วพริบตา ทั้งอาจติดขัดด้วย
ดังนั้นอานุภาพกระบี่เลยระเบิดออกมาจากตัวสวี่ชิง
สิ่งที่เฉือนคือ… ผิวหนังสวี่ชิง!
เพียงพริบตาคมประกายจากกระบี่จักรพรรดิเฉือนตัดระหว่างผิวเนื้อสวี่ชิงอย่างเด็ดเดี่ยว
แยกผิวเนื้อจากกันอย่างสมบูรณ์!
ขณะเดียวกันคมกระบี่ยังรวมตัวก่อนแหวกผ่านออกมา
คล้ายแบ่งร่างสวี่ชิงเป็น 2 ส่วนทันที
รอยยาวเริ่มจากจิตวิญญาณเขา ผ่านหน้าผาก ใบหน้า ทรวงอก กระทั่งทั้งตัว…
ผิวหนังแยกออกเหมือนเสื้อผ้า
ร่างเลือดเนื้อปราศจากผิวหนังพุ่งตัวออกมาจากในนั้น!
ความเร็วยามปรากฏตัวว่องไว ไม่รอยางหนืดทั่วทิศพันรอบ อาศัยความอิสระชั่วขณะสำแดงวิชาห้วงมิติ
สวี่ชิงเคลื่อนตัวออกมาทันที
เมื่อเห็นร่างเลือดเนื้อพุ่งออกมา ชายหนุ่มมีปานบนหน้าข้างขวานัยน์ตาหดรัดฉับพลัน ในใจเขายิ่งส่งเสียงกัมปนาท รู้สึกตื่นตระหนกเด่นชัด
เขาเคยเจอบุคคลร้ายกาจมาก่อน แต่พวกเหี้ยมโหดอย่างคนตรงหน้า เขาเพิ่งเจอเป็นครั้งแรก
ถึงขั้นทิ้งหนังออกมา!
ท่ามกลางความตกตะลึง ชายหนุ่มถอยหลังอย่างบ้าคลั่ง วิกฤติเป็นตายเด่นชัดผุดขึ้นในใจเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้เขาหายใจกระชั้นถี่ ด้วยเขาทราบว่าการกระทำโดยไม่สนสิ่งใดเช่นนี้ เป้าหมายของอีกฝ่ายไม่ใช่แค่อยากหลบหนีแน่
แม้ว่าเขาตระหนักถึงอันตราย ทั้งถอยหลังรวดเร็ว แต่ยังช้าเกินไป!
ชั่วพริบตายามสวี่ชิงพุ่งตัวออกมา วิถีห้วงมิติพลันระเบิด
ก่อตัวเป็นตารางทบชั้น กลายเป็นพลังผนึก ทั้งหมดเพื่อกำราบชายหนุ่มคนนั้น
ทั้งมีนาฬิกาแดดเก่าแก่ สร้างภาพมายาด้านหลังสวี่ชิง เมื่อเข็มด้านบนโคจร วิถีเวลาแผ่วลง
สำแดงพลังหยุดตรึง!
ใช้ห้วงมิติปิดทางถอย
ใช้เวลาตรึงกาลเวลา
ทำให้ตัวชายหนุ่มชะงักค้างกลางอากาศ!
ร่างกายชะงัก จิตวิญญาณหยุดนิ่ง ห้วงมิติถูกเพ่งเล็ง เวลาถูกควบรวม
ต่อจากนั้น… ปราณกระบี่ค่อยโจมตี
ปราณกระบี่ที่ 2 จากท่านปู่เก้าถูกสวี่ชิงสำแดงออกมาตอนนี้
ฟ้าดินเปลี่ยนสี คลื่นลมก่อตัว
ปราณกระบี่พุ่งซัด ฟาดฟันชายหนุ่ม
ชายหนุ่มไม่ธรรมดา ในช่วงวิกฤติถึงแม้เวลาเขาหยุดตรึง โดนกักห้วงมิติ แต่ช่วงสำคัญในตัวเขาพลันแผ่กลิ่นอายคล้ายจะระเบิดตัวเอง
อาศัยการระเบิดตัวเองสะเทือนห้วงมิติ สั่นคลอนเวลา หวังหลุดพ้นจากการหยุดตรึง
ห้วงมิติสวี่ชิงเกิดเสียงดังก้องเกิดรอยแยกทันที นาฬิกาแดดด้านหลังเขาส่ายสั่น รอยแยกมากมายพลันปรากฏ
คล้ายกำลังพังทลาย
ถึงอย่างไร… คู่ต่อสู้เขานับว่าใกล้เคียงระดับเจ้าเหนือหัวช่วงกลาง ทั้งเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานที่พัฒนาอำนาจตัวเองจนถึงขีดสุดด้วย
ในช่วงสำคัญนัยน์ตาสวี่ชิงฉายแววเยียบเย็น ต่อให้ห้วงมิติปั่นป่วน ต่อให้นาฬิกาแดดแห่งชีวิตเกิดรอยแยกมากมาย แต่เขายังไม่เก็บกลับมา กระตุ้นปราณกระบี่ต่อ
พริบตาต่อมาปราณกระบี่เคลื่อนกวาด
ฟ้าดินส่องสว่าง คล้ายสายฟ้าฟาดผ่าน
เสียงดังครั่นครื้น… ปราณกระบี่จรดหว่างคิ้วชายหนุ่ม แทงเข้าร่างเขา พลังทำลายล้าง ดับมอดทุกสิ่ง
จิตสิ้นวิญญาณสลาย!
ทุกอย่างพูดแล้วเหมือนยาวนาน แต่ความจริงล้วนเกิดขึ้นชั่วพริบตา
ขอบเขตป้ายนครกึ่งเซียนของสวี่ชิงพลันเพิ่มขึ้น ถึงขั้นครอบคลุมรัศมีพันหมื่นลี้
แต่เขาไม่มีเวลามาสำรวจสิ่งเหล่านี้ กระอักเลือดแดงสดออกมาคำโต
เลือดเนื้อทั่วร่างปะปน บาดเจ็บไม่น้อย
ศึกนี้สิ่งที่ยากไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการลงมือสังหารอย่างรวดเร็ว
ต่อให้ใช้ห้วงมิติกับเวลา อีกฝ่ายยังเกือบสลัดพ้น จินตนาการได้ว่าถ้าไม่ใช้ห้วงมิติกับเวลาจำกัด ต่อให้สวี่ชิงลงมือใช้ปราณกระบี่ฉับพลันก็มีโอกาสไม่สำเร็จ
ถ้าหากล้มเหลว อีกฝ่ายมีประสบการณ์เฉียดตาย คิดเร่งรบเร่งจบคงแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว
สวี่ชิงสูดหายใจลึก ตอนนี้เขาไม่มีเวลาฟื้นฟูบาดแผล หลังเก็บกวาดสมรภูมิอย่างรวดเร็ว เขาฝืนทนต่อความเจ็บปวดสาหัสจากการขาดผิวหนัง รวมถึงผลสะท้อนกลับจากการใช้เวลาและห้วงมิติ
ร่างวูบไหวห้อตะบึงไปไกล
‘เดิมศึกนี้ไม่ควรดุเดือดนัก’
ยามห้อตะบึงสวี่ชิงแอบกล่าวในใจว่าเสียดาย หากไม่ใช่ว่าท่าทีอีกฝ่ายผิดปกติ เขาคงไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนเช่นนี้ ทั้งใช้ปราณกระบี่ที่ 2 เพื่อเร่งรบเร่งจบด้วย
ตอนนี้เหลือปราณกระบี่เดียวแล้ว
‘ปราณกระบี่ท่านปู่เก้ามีจำกัด สังหารระดับเจ้าเหนือหัวช่วงต้นได้ แต่จากอานุภาพ 2 ครั้งนี้ เกรงว่าสำหรับช่วงกลางคงทำไม่ได้…’
สวี่ชิงพึมพำในใจ จากนั้นค่อยกระตุ้นผลึกวารีสีม่วง ทั้งกินยาลูกกลอนจำนวนมาก เร่งฟื้นฟูอาการบาดเจ็บตัวเอง
ตอนนี้เขารักษาบาดแผลพลางห้อตะบึง ทั้งสัมผัสรู้ทั่วทิศ ขณะเดียวกันยังนึกถึงเหตุการณ์หลังจากมาถึงวงแหวนที่ 5
วงแหวนที่ 5 เป็นหนึ่งเดียว!
ประเด็นนี้ต่างจากวงแหวนที่ 9 ซึ่งมีแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์อยู่
ปีนั้นสวี่ชิงเคยเห็นแผนที่ของแดนศักดิ์สิทธิ์ปีกมาร ในวงแหวนที่ 9 มีขุมอำนาจไม่น้อย ทั้งหมดล้วนล้อมรอบเสี้ยวหน้าแดนต้องประสงค์ไว้
แต่วงแหวนที่ 5 เป็นหนึ่งเดียว
เหล่าเทพถูกกักขัง ดังนั้นจึงห้ามบำเพ็ญ
เผ่าพันธุ์ทั้งหมด ไม่มีใครไม่ฝึกบำเพ็ญ
ทั้งมาพร้อมหลักการส่งเสริมผู้บำเพ็ญ
ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้แข็งแกร่งมากมาย
ตอนนี้สวี่ชิงเพิ่งถึงเขตเชื่อมต่อทางใต้กับทางตะวันตกเท่านั้น แค่สถานที่ห่างไกลก็เจอระดับเจ้าเหนือหัวจำนวนหนึ่ง เท่านี้ก็มองภาพวงแหวนที่ 5 ออกแล้ว
สำหรับสวี่ชิงนี่เป็นความท้าทายและวาสนา ทั้งเสี่ยงอันตรายและเปี่ยมโชค
หลังจากมาถึงวงแหวนที่ 5 เขาผ่านการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งหลายครั้งแล้ว
ทุกครั้งสวี่ชิงล้วนมีความเข้าใจใหม่ เข้าใจระดับเจ้าเหนือหัวเพิ่มขึ้น ทั้งเข้าใจวิถีตนอย่างกระจ่างแจ้งมากขึ้นเรื่อยๆ
การต่อสู้กับหลิงเฟิงผู้เฝ้าเหมืองวิญญาณ ทำให้เขาเข้าใจความแข็งแกร่งและอ่อนแอของวิถีตน นอกจากข้อจำกัดของการฝึกบำเพ็ญแล้ว สิ่งสำคัญกว่าคือความคิดตน
ปัญจธาตุกว้างใหญ่ แปรเปลี่ยนไร้ขีดจำกัด
การต่อสู้กับเจ้าเมืองคนนั้นพิสูจน์ประเด็นนี้ ทำให้เขารู้แจ้งว่าวิถีตนเปลี่ยนอำนาจได้
วันนี้การต่อสู้กับชายหนุ่มคนนี้ ทำให้สวี่ชิงเห็นว่าหลังจากพัฒนาอำนาจถึงระดับหนึ่งจะมีอานุภาพเพียงใด
ลมของอีกฝ่าย อำนาจเพียงหนึ่งเดียวถึงขั้นสั่นคลอน 5 ธาตุได้
ทั้งผสานรวมกับสิ่งภายนอก ส่งผลคล้ายคลึงกับอำนาจที่ 3
ทุกอย่างล้วนทำให้ในใจสวี่ชิงหวั่นไหว
เดิมเขาอยากดำเนินศึกนี้ต่อ ด้วยจากการวิเคราะห์ของเขา แม้ว่าการต่อสู้ดุเดือด แต่สำหรับตนแล้วถือเป็นการขัดเกลาอย่างหนึ่ง
ทว่า… การตอบสนองทั้งหมดของอีกฝ่าย บ่งบอกว่าตอนนี้มีอันตรายเข้ามาใกล้
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม การวินิจฉัยของสวี่ชิงได้รับการยืนยัน
จากการสัมผัสรู้ของป้ายนครกึ่งเซียน เขาเห็นว่ารัศมีพันหมื่นลี้มีดาวส่องประกายดวงหนึ่งปรากฏขึ้นฉับพลัน!
ดาวดวงนี้เปล่งประกาย เหนือกว่าที่สวี่ชิงเคยเห็นทั้งหมด
ยามสัมผัสรู้ในใจสวี่ชิงรู้สึกถึงวิกฤติเป็นตายเด่นชัดทันที
ทั้งอีกฝ่ายเหมือนเพ่งเล็งที่นี่ก่อนแล้ว อานุภาพดุจสายรุ้ง มุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



