บทที่ 1109 คนพายเรือข้ามฝากแม่น้ำเทพเจ้า
ความรู้สึกราวกับมีเข็มทิ่มแทงหลัง ในตอนนี้รุนแรงจนถึงขีดสุด
รูม่านตาทั้ง 2 ของสวี่ชิงหดเล็กทันที ลมหายใจก็ถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย วิกฤตความเป็นความตายในใจพลันปะทุขึ้นอย่างเต็มที่
ก่อนหน้านี้ เขาเพียงแค่มองภาพรวมของผู้ถือครองป้ายอนุมัติเมืองเซียนของแดนดาราทิศใต้ในเสี้ยวพริบตาหลอมผสานป้ายอนุมัติเมืองเซียนเท่านั้น สิ่งที่เห็นก็เป็นตราประทับดวงดาวมากมายเต็มไปหมด
แม้ในนั้นจะกะพริบส่องประกายต่างกันไป แต่ก็แค่กวาดมองผ่านๆ เท่านั้น
จวบจนตอนนี้ การปรากฏขึ้นของดวงดาวดวงนี้ทำให้สวี่ชิงสัมผัสได้ถึงความแตกต่างในทันที
ทั้งๆ ที่เป็นเพียงแค่ตราประทับเดียว แต่กลับทำให้สวี่ชิงเกิดความรู้สึกอกสั่นขวัญผวา
แสงสว่างเจิดจ้าพร่างพราย แม้จะอยู่ห่างไกลออกไปถึงเพียงนี้ แต่กลับทะลุผ่านการรับรู้ จนถึงขั้นบาดตา
“คนคนนี้…แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง!”
“พลังบำเพ็ญน่าจะไม่ใช่ระดับเจ้าเหนือหัวช่วงกลาง แต่มีความเป็นไปได้มากว่าถึงระดับเจ้าเหนือหัวช่วงปลายแล้ว!”
“คนที่ข้าสังหารไปเมื่อครู่นั่น คนที่เขารออยู่ก็คือคนคนนี้!”
เมื่อรวมกับการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ สวี่ชิงก็ยังคงหวาดผวา
จินตนาการได้เลยว่า หากไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เขาตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด ไม่เสียดายที่จะต้องบาดเจ็บเพื่อสลัดให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ถูกเหนี่ยวรั้ง สังหารชายหนุ่มที่มีปานบนใบหน้าด้านขวา…
เช่นนั้นตนในตอนนี้ ป้ายอนุมัติเมืองเซียนไม่มีทางรับรู้ภาพฉากที่ห่างออกไป 10 ล้านลี้นี้ได้เลย
อีกทั้งภายใต้สภาวะที่ถูกพันธนาการ อีกฝ่ายก็จะประชิดเข้าใกล้มาเป็นแน่
ถึงตอนนั้น สิ่งที่รอตนอยู่ก็มีเพียงความตายเท่านั้น
กระทั่งว่าแม้แต่ความเป็นไปได้ที่จะหลบหนีก็ยังไม่มี
แต่ในตอนนี้ แม้ว่าตัวเขาจะบาดเจ็บไม่น้อย แต่ก็อย่างน้อย…ไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบขนาดนั้น มีทางเลือกมากขึ้น
ดังนั้น สวี่ชิงจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย สำแดงความเร็วเต็มกำลัง
ไม่เสียดายค่าตอบแทนใดๆ เคลื่อนย้ายไปยังที่ไกลโพ้นในชั่วพริบตา พยายามที่จะทิ้งระยะห่าง
เขารู้ดีว่าด้วยกำลังรบในตอนนี้ของเขา สังหาร ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวช่วงต้นได้ รวมกับกับปราณกระบี่ของท่านปู่เก้า หากไม่เสียดายที่จะต้องบาดเจ็บ ก็เช่นนั้นก็จะสังหารผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวช่วงต้นได้ในพริบตา
แต่สำหรับช่วงกลาง สวี่ชิงไม่คิดว่าปราณกระบี่สุดท้ายที่เหลืออยู่เพียงทางเดียวของเขาจะสามารถเอาชนะได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุคคลน่าสะพรึงกลัวที่สงสัยว่าน่าจะเป็นผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวช่วงปลายคนนี้เลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการบาดเจ็บในตอนนี้ของเขา ก็ไม่เหมาะที่จะสู้ต่อ
แต่ถึงความเร็วของสวี่ชิงแม้จะรวดเร็ว ทว่าผู้ไล่ล่าคนนั้นก็ยังเร็วกว่าเขา
และขอบเขตการรับรู้ของป้ายอีกฝ่ายก็จะต้องถึงระดับที่น่าตกใจ เกินกว่า 10 ล้านลี้เป็นแน่
ดังนั้น ทุกการเคลื่อนไหวของสวี่ชิง จึงเห็นได้ชัดว่าอยู่ในขอบเขตการรับรู้ของอีกฝ่ายตั้งนานแล้ว ความเร็วในตอนนี้ ในการสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิง ประดุจดาวตกดวงหนึ่ง
ระยะห่างระหว่างกัน กำลังลดลงอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ความรู้สึกวิกฤตอันตรายพลันปะทุขึ้น จากทุกอณูของเลือดเนื้อของสวี่ชิง จากวิญญาณของเขา จากจิตใต้สำนึกของเขา ล้วนปะทุขึ้นมา ก่อตัวเป็นพายุ พัดโหมกระหน่ำครืนครั่นเลื่อนลั่นไม่หยุด
ไม่ว่าจะเป็นเลือด หรือกระดูก ทุกสิ่งทุกอย่าง ในตอนนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นสิ่งที่เป็นอิสระ ต่างส่งสัญญาณอันตรายออกมา
“การลงมือก่อนหน้านี้ แม้จะเด็ดขาด แต่เมื่อมองเช่นนี้แล้ว ก็ยังคงช้าไป”
สวี่ชิงหายใจถี่กระชั้น พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง
เขารู้ดีว่า ยิ่งอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ ก็ยิ่งตื่นตระหนกลนลานไม่ได้
“ด้วยความเร็วของข้าในตอนนี้ อย่างมากที่สุดเพียงครึ่งก้านธูป ก็จะถูกไล่ตามทัน…”
“ภายใต้การเพิ่มพลังของอำนาจลบเลือน สามารถยืดเวลาได้อีกเล็กน้อย แต่อย่างมากก็แค่ 1 ก้านธูปเท่านั้น”
“เวลา 1 ก้านธูป…”
ในสมองของสวี่ชิงมีภาพแผนที่ที่เขาซื้อผุดขึ้นมา ภายใต้การกวาดออกไปของจิตเทพ ก็จับเป้าหมายตำแหน่งได้อย่างรวดเร็ว
“แม่น้ำโลหิตเทพเจ้า!”
“คนพายเรือข้ามฟาก!”
“การข้ามแม่น้ำครั้งแรก แลกด้วยอายุขัย 6 วัน สถานที่ที่ปลอดภัยอย่างแน่นอน!”
ขณะที่ทะยานไป สวี่ชิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย หลังจากปรับทิศทางเล็กน้อยก็พุ่งไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันมือทั้ง 2 ก็ประสานปางมือ ในเสี้ยวพริบตาต่อมา กายเนื้อที่ไร้ผิวหนังของเขาก็พลันปะทุเลือดสดๆ ออกมา
เลือดกลายเป็นหมอก หลังจากที่พุ่งออกมาก็ลุกไหม้ในทันที
นี่คือวิชาเผาโลหิต เป็นวิชาเสริมความเร็วที่สวี่ชิงเรียนรู้จากเอ้อร์หนิวเมื่อครั้งกระโน้น
แต่วิชานี้ใช้บ่อยไม่ได้ เพราะสร้างความเสียหายต่อร่างกายไม่น้อยเลย
แต่ในตอนนี้ที่ชีวิตอยู่ในอันตราย สวี่ชิงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เพียงพริบตา ความเร็วของเขาก็พุ่งพรวด ขอบเขตการเคลื่อนย้ายก็ขยายกว้างขึ้นเช่นกัน หายไปจากที่เดิมในทันที
เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็อยู่ห่างออกไปหลายล้านลี้แล้ว
แต่…แม้ว่าที่นี่จะเป็นรอยต่อระหว่างทิศตะวันตกและทิศใต้ แต่หากมองในภาพรวมของแดนดาราทิศใต้ทั้งหมดแล้ว ความจริง ระยะห่างกับแม่น้ำโลหิตเทพเจ้ายังคงไกลโขนัก
ดังนั้นหลังจากปรากฏตัว สวี่ชิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ร่างกายส่งเสียงดังบึ้ม ปะทุหมอกเลือดออกมาอีกครั้ง
ร่างของเขาเพิ่มพลังการเคลื่อนย้ายอีกครั้ง
เช่นนี้เอง หลังจากใช้ไปติดกัน 10 กว่าครั้ง เขาก็เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาไปได้กว่า 10 กว่าล้านลี้ อาการบาดเจ็บของเขาหนักขึ้น อีกทั้งความรู้สึกอ่อนแอของร่างกายก็รุนแรงขึ้นเช่นกัน
ดีที่มันได้ผล พอจะรักษาระยะห่างระหว่างตัวเองกับผู้ไล่ล่าให้อยู่ที่ประมาณ 8 ล้านลี้ได้อย่างหวุดหวิด
แต่ระยะทางเพียงเล็กน้อยนี้ สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำต้องใช้เวลานานกว่าจะข้ามไปได้ แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งแล้วไม่นับเป็นอะไรเลย
ดังนั้น หลังจากที่วิชาเผาโลหิตไม่อาจใช้ต่อไปได้ วิชา 5 ธาตุของสวี่ชิงก็พลันปะทุขึ้นอันดับแรกคือธาตุน้ำ จากนั้นเป็นธาตุไฟ ธาตุหยินหยางปะทะกัน ก่อให้เกิดเป็นพลังระเบิด
ท่ามกลางเสียงระเบิด อาศัยการระเบิดนี้ เปลี่ยนเป็นแรงกระแทก เสริมความเร็ว
จากนั้น ขณะที่สวี่ชิงยกมือขึ้น พื้นดินก็ปั่นป่วนพลุ่งพล่าน กำแพงสูงแต่ละด้านๆ ผุดขึ้นจากพื้นดิน สูงเทียมฟ้า ใช้เป็นสิ่งกีดขวาง
เพียงพริบตา ฟ้าดินคำรามครืนครั่นเลื่อนลั่น จำนวนกำแพงสูงที่ก่อตัวขึ้นก็มากถึง 1 แสนชั้นแล้ว
ยิ่งใหญ่กว้างไกลน่าตกใจ
ต่อจากนั้นคือลม!
อำนาจของสวี่ชิงไม่มีลม
แต่ศึกที่เขาสู้กับชายหนุ่มคนนั้น ตอนนี้ภายใต้วิกฤตความเป็นตายนี้ ความเข้าใจของเขาก็ปะทุขึ้นภายใต้การกระตุ้นนี้
คุณสมบัติของไม้คล้ายกับลม
ต่างมีชีวิตชีวา มีการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น…พลังไม้ลอยขึ้นฟ้า เคลื่อนไหวหมุนเวียน
นี่คือ…ธาตุไม้ในอากาศจะแปรเปลี่ยนเป็นลม!
ในขณะต่อมา พลังนี้ก็เพิ่มขึ้น ความเร็วของสวี่ชิงก็ปะทุพุ่งเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
สลับกันไปมาเช่นนี้ ความเร็วของเขาถึงขีดสุดของกายเนื้อ ฟ้าดินคำรามสะท้านสะเทือน ระเบิดเสียงน่าตื่นตะลึง
แต่สวี่ชิงก็ยังไม่พอใจ เพราะภายใต้ความเร็วขนาดนี้ ผู้ไล่ล่าโจมตีคนนั้นก็ชัดเจนว่าวิเคราะห์แนวทางของสวี่ชิงออกความเร็วก็พุ่งตามไปด้วย
ดึงระยะห่างระหว่างกันลดลงมาเหลือเพียง 5 ล้านลี้
ในขอบเขตเช่นนี้ สวี่ชิงยังคงสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเข้มข้นจากด้านหลังและความรู้สึกเจ็บปวดที่หลัง ราวกับมีดวงอาทิตย์ร้อนแรงอยู่ข้างหลัง กำลังจะเผาผลาญทุกสิ่ง
ความรู้สึกอ่อนแอในเสี้ยวขณะนี้ถูกวิกฤตอันตรายสะกดลงไป ดวงตาของสวี่ชิงแดงก่ำ วิชามิติก็พลันสำแดงขึ้น
การซ้อนทับและตารางล้วนปรากฏขึ้นบนม่าน อาศัยวิชานี้ ความเร็วของเขาก็ยิ่งน่าครั่นคร้ามขึ้นไปอีก เหนือไปกว่าขีดจำกัดของร่างกายที่จะรับไหว ทำให้ร่างกายของเขามีรอยแตกร้าว
แต่สวี่ชิงก็ไม่สนใจสิ่งเหล่านี้แล้ว เสียงบึ้มดังขึ้น ก็เคลื่อนย้ายไปอีกล้านลี้อีกครั้ง
พร้อมกันนั้น วิชาเวลาปกคลุมทั่วร่าง กักกั้นการไหลของเวลาในร่างตัวเองใช้วิธีนี้หยุดยั้งไม่ให้ร่างแตกสลาย
ส่วนด้านหลังของเขา กำแพงที่สูงเทียมฟ้าก็ส่งเสียงเลื่อนลั่นมา พลังธาตุไฟที่สวี่ชิงฝังไว้ภายในกำลังปะทุขึ้นเช่นกัน
หวังจะสร้างเป็นต้านทาน
แม้ว่าผลจะไม่ดีนัก แต่ต่อให้ยืดเวลาออกไปได้แค่เพียง 1 อึดใจ สำหรับสวี่ชิงในตอนนี้ ก็ล้ำค่ายิ่งนักแล้ว
ในที่สุด ภายใต้การแข่งขันกับเวลา การทุ่มเทสุดกำลัง
สวี่ชิงใช้พลังขีดจำกัดสูงสุดของตัวเอง ข้ามผ่านขอบเขตอันไร้ขีดจำกัด มองเห็นแม่น้ำโลหิตอันกว้างใหญ่ไพศาลที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาในที่ไกล
แม่น้ำสายนี้ใหญ่โตจนพูดได้ว่าเชื่อมถึงสวรรค์
กระทั่งว่ายิ่งใหญ่กว่ามหาสมุทรเสียอีก
กลิ่นคาวเลือดภายในนั้นยิ่งเข้มข้นเป็นที่สุด แผ่ซ่านไปทั่วสารทิศ
ทันทีที่เห็นแม่น้ำสายนี้ สายตาของสวี่ชิงภายใต้ความอ่อนแรงและปะทุพลังก็เกิดอาการพร่าเลือน แต่กลับไม่กระทบต่อการที่เขาจับเป้าหมายไปยังเรือเดียวดายสีดำลำหนึ่งที่จอดอยู่ริมฝั่งได้ในทันที!
เรือลำนั้นดูแล้วธรรมดาๆ จอดอยู่ที่ริมฝั่ง บนเรือมีคนนั่งอยู่คนหนึ่ง
คนคนนี้สวมเสื้อฟางสวมหมวกสาน มือถือกล้องยาสูบ กำลังสูดพ่นควัน
สวี่ชิงไม่เคยเห็นรูปร่างของเรือข้ามฟาก บนแผนที่ก็แค่แนะนำไว้เท่านั้น ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน แต่ในตอนนี้เขาก็ไม่มีเวลาไปตรวจสอบ ทันทีที่เห็นเรือลำนั้น สวี่ชิงก็ใช้การเคลื่อนย้ายด้วยวิชาเผาโลหิตครั้งสุดท้ายที่เหลืออยู่ ปะทุขึ้นทันที
เสี้ยวขณะต่อมา ร่างของเขาก็มาปรากฏอยู่เหนือเรือลำนั้นทันที
แต่ในตอนนี้เอง ความรู้สึกของวิกฤตความเป็นตายก็พลันปะทุขึ้น พลังอันน่าสะพรึงกลัวพลันก่อตัวขึ้นในตอนนี้ ในขณะเดียวกับที่แผ่ไปทั่วท้องฟ้า ร่างที่แผ่ความร้อนแรงไร้ขีดจำกัดก็ไล่ตามมาทันแล้ว
ชกหมัดหนึ่งพุ่งมาหาสวี่ชิง
โล่จักรมหาพรรดิปรากฏขึ้นในทันที
กรรไกรมหาจักรพรรดิก็ส่องประกายเช่นกัน
กระบี่จักรพรรดิ…ยิ่งถูกสวี่ชิงเอาออกมา
ต้านทานอย่างเต็มกำลัง
และพลังของผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวช่วงปลายในเสี้ยวขณะนี้ก็แสดงออกอย่างเต็มที่เช่นกัน เห็นเพียงโล่มหาจักรพรรดิส่งเสียงคำรามลั่น เกิดรอยร้าวทางหนึ่งขึ้น หอบม้วนตลบไป
กรรไกรมหาจักรพรรดิก็เช่นกัน เนื่องจากเดิมก็มีรอยร้าวมากมายอยู่แล้ว ตอนนี้ภายใต้หมัดนี้ ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ แหลกสลายไป
ส่วนปราณกระบี่ของท่านปู่เก้า แม้จะเฉียบคม แต่เมื่อผนวกกับโล่และกรรไกร ก็แค่ทำให้หมัดนั้นพลังอ่อนลงเท่านั้น
สุดท้ายในยามที่หมัดซัดลงมา สวี่ชิงใช้กระบี่จักรพรรดิต้านทาน
ท่ามกลางเสียงกึกก้องสนั่นหวั่นไหว ร่างกายสวี่ชิงสะท้านเฮือก กายเนื้อระเบิด เนื้อชุ่มเลือดชิ้นใหญ่ๆ ออกมา ร่างกายราวถูกเฉือนเนื้อ แต่สุดท้ายก็ยังไม่แตกดับ ทว่าอาศัยแรงกระแทกนี้ ตกลงไปบนเรือ
ทันทีที่ตกลงไป เรือสั่นสะเทือน สวี่ชิงที่นอนอยู่ตรงนั้นลมหายใจรวยริน ดูเหมือนพลังชีวิตจะมอดดับแล้วเต็มที
แต่กลับกุมกระบี่จักรพรรดิไว้แน่น
ส่วนร่างบนท้องฟ้า ก็ไม่หยุดมือ ในตอนนี้ก็เข้าใกล้มาอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือยกขึ้น…คว้าไปที่สวี่ชิง
สวี่ชิงหรี่ตา กำลังจะกลืนของในปากลงไป
แต่ในพริบตาที่ฝ่ามือนี้คว้ามา บนเรือ คนพายเรือที่สวมเสื้อฟาง สวมหมวกสาน กำลังสูดพ่นควัน ก็ใช้กล้องยาเส้นในมือเคาะเบาๆ ไปบนกระดานเรือ
ในความเงียบงัน เงาร่างที่ลงมือบนท้องฟ้าก็พลันสะท้านเฮือกไปทั้งร่าง มือขวาที่ยื่นออกมาพร่าเลือน หายไปในทันที ร่างของเขาก็ตีลังกาม้วนตลบไปในพริบตา สลายพลังทั้งหมดกลางอากาศ แปรเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มผมแดงคนหนึ่ง
เขามองคนพายเรือด้วยความหวาดเกรง โค้งคารวะ
“ผู้อาวุโส ข้าไม่ได้ละเมิดกฎ คนคนนี้แม้จะขึ้นเรือพายเรือข้ามฟากแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ค่าตอบแทน ตามกฎแล้ว…ก่อนที่จะจ่ายเงิน เขาไม่ใช่ผู้ข้ามแม่น้ำ ข้าสังหารเขาได้!”
“ผายลม!” คนพายเรือแค่นเสียงขึ้นจมูก
2 คำนี้ ราวกับอัสนีทำลายล้างโลก ดังขึ้นในหูของชายหนุ่มผมแดง ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้าน เลือดสดๆ พุ่งออกมา ถอยหลังไปอีกครั้ง
“เรือของข้า ข้าเป็นคนตัดสินใจ”
พูดจบ คนพายเรือก็หันศีรษะช้าๆ มองสวี่ชิงผาดหนึ่ง สายตาเหมือนมองไปผ่านๆ และกวาดไปยังกระบี่จักรพรรดิในมือของสวี่ชิงเช่นกัน จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ค่าตอบแทน!”
สวี่ชิงพยักหน้าทันที แผ่พลังชีวิตของตัวเองออกมา
คนพายเรือคนนั้นพอใจ ยกมือขึ้นคว้า หลังจากดึงพลังชีวิตส่วนหนึ่งออกมา ก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ไม่รู้ว่าไปเอาไม้พายมาจากไหน พายลงบนแม่น้ำโลหิตทีหนึ่ง
ทันใดนั้น ผิวน้ำก็เกิดระลอกคลื่น เรือเคลื่อนออกจากฝั่ง ค่อยๆ แล่นออกไปไกล
ทิ้งไว้เพียงชายหนุ่มผมแดงที่ใบหน้าอึมครึมบนท้องฟ้า
จ้องมองไปทางเรืออยู่นาน ชายหนุ่มผมแดงในดวงตาพลันฉายประกายเย็นยะเยือกขึ้นวูบ ครุ่นคิดว่าจะรอให้คนพายเรือปรากฏตัวขึ้น ตัวเองก็ข้ามแม่น้ำไปยังทิศตะวันตกเพื่อไล่ล่าต่อดีหรือไม่
แต่การทำเช่นนั้น เขาคิดว่าไม่ค่อยคุ้มค่า
“ด้านหนึ่งคือเสียโอกาสในการข้ามเรือของข้า อีกด้านหนึ่งตระกูลข้าอยู่ทิศใต้ หากไปทิศตะวันตกแล้วกลับมา จะเสียอายุขัยไป 60 ปี…”
“นอกจากนี้ อาการบาดเจ็บของผู้นั้นก็หนักมาก แทบจะหมดสิ้นพลังแล้ว ด้วยอาการบาดเจ็บเช่นนี้ เขาคงยากที่จะฟื้นตัว”
ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มคนนี้ก็ชั่งน้ำหนัก จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
ในเวลาเดียวกัน บนแม่น้ำโลหิต ภายในเรือ คนพายเรือสายตาจับจ้องไปยังสวี่ชิงที่นอนอยู่ตรงนั้น เอ่ยอย่างเนิบนาบ
“ของในปากเจ้า ทั้งๆ ที่เมื่อกลืนลงไปแล้วก็จะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเจ้าได้ในทันที”
“แต่ไอ้หนูเจ้ากลับอดกลั้นไม่กลืนมันลงไป”
“เพื่อทำให้ตัวเองดูเหมือนไม่ต้องถูกไล่ล่าก็ใกล้ตายแล้วเต็มที เจ้าก็พยายามอย่างยิ่งแล้ว”
เมื่อความลับถูกเปิดเผย สวี่ชิงก็รีบดิ้นรนพยายามลุกขึ้น โค้งคำนับอย่างเคารพนอบน้อม
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิตเป็นอย่างมากขอรับ”
“หุบปาก! ข้าไม่ชอบคนพูดมาก โดยเฉพาะพวกที่มีกลิ่นสาบเทพเจ้าไปทั้งตัว”
สายตาของคนพายเรือมองไปที่ไหล่เปล่าของสวี่ชิงแวบหนึ่ง ไม่สนใจอีก สูดพ่นควันต่อไป
สวี่ชิงเงียบลง โค้งคารวะอีกครั้ง จากนั้นก็ถอยหลังเล็กน้อยไปที่ท้ายเรือ นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น รักษาอาการบาดเจ็บเงียบๆ
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



