บทที่ 1142 หลบหนีออกจากนิทาน
โลกชั้นที่ 2 ที่ราวกับภาพวาด ในเสี้ยวขณะนี้ดูเหมือนจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนหนึ่งคือสีส้ม กำลังแผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว จะย้อมส่วนสีขาวอีกส่วนหนึ่งให้กลายเป็นสีเดียวกันทั้งหมด
ราวกับการไล่ล่า…
สีส้มดุจท้องทะเล พลุ่งพล่านคำราม เงาร่างของจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ในนั้น มาพร้อมด้วยความชั่วร้ายท่วมฟ้า หอบม้วนคลื่นทะเลสีส้ม พุ่งทะยานแผ่กระจายออกไป ไล่ตามเงาหลากสีสันที่หลบหนีอยู่ข้างหน้า เข้ามาใกล้เรื่อยๆ
เงาสีสัน คือสวี่ชิง
เขาในเสี้ยวขณะนี้ เขากำลังทุ่มเทพลังทั้งหมด หลบหนีไปข้างหน้า
ทะเลสีส้มข้างหลัง ส่งเสียงคำราม แผ่รัศมีแห่งวิกฤตอันตรายถึงขีดสุด ราวกับว่าหากความเร็วของเขาช้าลงเพียงเล็กน้อยก็จะถูกทะเลสีส้มกลืนกินเข้าไป
ส่วนมนุษย์จิ๋วที่มีตัวอักษร 4 ตัวเขียนอยู่บนศีรษะก็กำลังหลบหนีเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าสุขุมเยือกเย็นกว่ามาก ใช้ความเร็วที่เร็วกว่าสวี่ชิงเพียงเล็กน้อยเสมอไป วิ่งไปพลางก็ตะโกนเสียงดังลั่นว่า “หนีเร็วเข้า! จอมมารผู้ยิ่งใหญ่มาแล้ว!”
“เฮอะ! จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ เจ้ามีปัญญาก็เร็วกว่านี้หน่อย กลืนลูกชายข้าเข้าไปสิ ข้าจะถือว่าเจ้าแน่จริง!”
“มาสิ! เอาวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าออกมา ฆ่าลูกชายข้า ฆ่าลูกชายข้าให้ตาย”
“ลูกชาย เจ้าวิ่งช้าแบบนี้ ข้าจะบอกเจ้านะ ถ้าเจ้าถูกจับไป คราวนี้พ่อจะไม่ช่วยเจ้าแล้วนะ”
เสียงของมนุษย์จิ๋วดังก้องไม่หยุด ทำให้สวี่ชิงรำคาญนัก และทำให้จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ทางนั้นยิ่งคำรามกึกก้อง
ราวกับถูกยั่วยุ
ดังนั้น ในเสี้ยวขณะที่ต่อมา ทะเลสีส้มที่ไล่ล่าสวี่ชิงก็พลันพลุ่งพล่านรุนแรงยิ่งขึ้น รูปลักษณ์ก็เปลี่ยนไป กลายเป็นเต่าทมิฬตัวหนึ่ง ดูน่าเกลียดน่าชังและดุร้ายอย่างยิ่ง กระโจนมาข้างหน้าอย่างรุนแรง
สวี่ชิงสีหน้าเปลี่ยนไป หลบหลีกได้อย่างหวุดหวิด ถึงได้รอดจากการถูกเต่าทมิฬสีส้มตัวนั้นพุ่งชน
มนุษย์จิ๋วร้องโอ้ออกมา
“ดูสิๆ ข้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ เจ้ามันก็แค่เต่าแก่!”
คำพูดนี้ กระตุ้นให้จอมมารผู้ยิ่งใหญ่โกรธเดือดดาล
ในเสี้ยวขณะต่อมา เต่าทมิฬสีส้มก็เปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง คราวนี้กลายเป็นคางคกสีส้มตัวหนึ่ง
คางคกตัวนี้ทั่วร่างมีโคลนสีส้มไหลเยิ้ม ปากส่งเสียงร้องดังสนั่นราวฟ้าผ่า ประเดี๋ยวก็กระโดด ประเดี๋ยวก็พ่นโคลนสีส้มออกมา ไม่เพียงแต่น่าเกลียดยิ่งกว่ารูปลักษณ์เต่าเมื่อก่อนหน้านี้เท่านั้น ความดุร้ายก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน
สวี่ชิงที่กำลังหลบหนีอย่างรวดเร็ว สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อน กระทั่งว่ามีหลายครั้งที่เขาก็เกือบจะหลบไม่พ้น
แต่วิกฤตอันตรายของเขา ในสายตาของมนุษย์จิ๋วกลับตื่นเต้นนัก
“ใช่แล้วๆ เต่าแก่ เจ้ามันก็แค่คางคก น่าขยะแขยง อัปลักษณ์ นอกจากถ่มน้ำลายแล้วเจ้าทำอะไรได้อีก เจ้าเก่งจริงก็ถ่มให้ไกลกว่านี้สิ!”
สวี่ชิงได้ยินดังนั้น ขนหัวก็ลุกซู่ และในเสี้ยวพริบตา ทะเลสีส้มเบื้องหลังเขาผืนนั้นก็พลุ่งพล่านอีกครั้ง คางคกหายไป สิ่งที่มาแทนที่คือ…ปลิงทะเลตัวมหึมาตัวหนึ่ง
จากนั้นก็พ่นเส้นสีส้มยาวออกมาเส้นหนึ่ง ปกคลุมฟ้าดิน หุ้มล้อมสวี่ชิง
มนุษย์จิ๋วตื่นเต้น
“เจ้าตัวไร้หัวไร้หน้า คราวนี้เปลี่ยนร่างได้เหมือนตัวเจ้าเองเลยจริงๆ หนามเต็มตัวแต่ก็นุ่มนิ่มไปหมด”
“ที่เกินสมควรที่สุดคือ เจ้ายังฉี่อีก! ลูกชายหลบเร็วเข้า! ไอ้เต่าแก่นี่โกรธแล้ว ฉี่ใส่พวกเรา 2 พ่อลูกแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าไม่อาจหลบหลีกได้ จะถูกสีส้มกลืนกินแล้วเต็มที มนุษย์จิ๋วทางนั้นก็พลันยกมือวาดวงกลม แล้วก็พุ่งเข้าไป
สวี่ชิงก็พุ่งเข้าไปทันทีเช่นกัน
เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง พวกเขาก็มาอยู่อีกทิศทางหนึ่งแล้ว มนุษย์จิ๋วนั่นมือทั้ง 2 เท้าสะเอว ส่ายศีรษะมหึมา แล้วกล่าวอย่างหยิ่งยโสว่า
“ลูกชายไม่ต้องกลัว ไอ้เจ้านี่มันเล็งไม่แม่น!”
สวี่ชิงไร้คำจะพูด ตอนนี้เขามองออกแล้วว่า รูปร่างที่จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ทะเลสีส้มแปลงกายออกมานั้น ไม่น่าเกลียดก็น่าขยะแขยง นี่แสดงให้เห็นชัดถึงความเกลียดชังและความแค้นที่มนุษย์จิ๋วมีต่อจอมเซียน
ดังนั้นจึงทำให้เขาดูน่าเกลียดที่นี่
ส่วนเรื่องที่อีกฝ่ายคำก็เรียกลูกชาย 2 คำก็เรียกลูกชาย สวี่ชิงก็ขี้เกียจสนใจ ในตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่ามนุษย์จิ๋ว…สมองมีปัญหา
ขณะเดียวกัน ทะเลสีส้มคำราม พลุ่งพล่านโหมกระหน่ำท่วมฟ้า คราวนี้ไม่ได้แปลงร่างอีกแล้ว แต่จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ในนั้นก้าวออกมาก้าวหนึ่ง สร้างพายุฝนคาวเลือด แผ่ซัดไปในโลกทั้งใบ
ไล่ตามสวี่ชิงมา
มนุษย์จิ๋วกรีดร้อง “เขาโกรธแล้ว เขาโกรธแล้ว”
เมื่อคำพูดดังออกมา ถังที่จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ถืออยู่ในมือซ้ายก็สาดออกไปเต็มแรง สีส้มในถังก็กระเซ็นไปทั่วฟ้าทันที
ปกคลุมทุกทิศทางของสวี่ชิง ทำให้เขาไม่มีความเป็นไปได้ที่จะหลบหลีกเลย กระทั่งว่า…มนุษย์จิ๋วลงมือวาดวงกลมอีกครั้ง แต่กลับล้มเหลว
แม้แต่มิติแห่งนี้ก็ยังได้รับผลกระทบ ไม่สามารถเปิดออกได้เหมือนเมื่อก่อนหน้านี้
จากนั้น จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมความโกรธแค้นอันมหาศาล แปรงในมือขวาก็พลันสะบัดอย่างรุนแรง ป้ายไปทางสวี่ชิงทางนั้น
เมื่อเห็นว่าอันตราย ดวงตาของมนุษย์จิ๋วก็เบิกกว้าง
“จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ถึงกับใช้ไม้เด็ดเลยหรือ!”
พูดจบ ร่างของมันก็พร่าเลือนทันที
เดิมทีมันประกอบขึ้นจากเส้นอยู่แล้ว ตอนนี้ขณะเดียวกับที่พร่าเลือนก็สลายไปด้วยวิธีที่สวี่ชิงไม่เข้าใจ หายไปอย่างไร้ร่องรอย…
สวี่ชิงขมวดคิ้ว แต่ก็คลายออกอย่างรวดเร็ว เงยหน้าขึ้นอย่างสุขุม มองสีส้มที่ร่วงหล่นจากฟ้า และแปรงที่กำลังพุ่งเข้ามาเร็วจี๋
เขาไม่เชื่อว่าการปรากฏตัวของมนุษย์จิ๋ว จะเป็นเพียงเพื่อแค่ทำให้เขาหนีได้เพียงครึ่งทางก็ถูกจับกลับไป
สิ่งนี้ไม่สอดคล้องกับความแค้นของผู้นำเซียนจี๋กวงหลังจากที่เขาตายไป
“ดังนั้น ยังคงมีหนทางรอดอยู่แน่นอน”
ดังนั้นสวี่ชิงจึงไม่ขยับ และในเสี้ยวขณะต่อมา การตัดสินใจของเขาก็ได้รับการพิสูจน์
ท่ามกลางแปรงและสีส้มที่ร่วงหล่นลงมา บริเวณว่างเปล่าข้างหน้าเขาจู่ๆ ก็มีเส้นแนวตั้งเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็ถูกแหวกออกจากข้างใน ศีรษะหนึ่งมุดออกมา
เป็นมนุษย์จิ๋วที่จากไปแล้วนั่นเอง
มันมองดูสวี่ชิง ยกมือขึ้นวาด
แล้วก็วาด…นาฬิกาแดด 1 เรือน…ต่อหน้าสวี่ชิง!
จากนั้นก็ทำท่าทางหมุนเข็มนาฬิกาแดดย้อนกลับให้สวี่ชิงดู เมื่อทำทั้งหมดนี้เสร็จ ก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง
นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นบททดสอบ
สวี่ชิงหรี่ตาลง ในเสี้ยวขณะนี้ แปรงและสีส้มได้ตกลงมาแล้ว ไม่เปิดโอกาสให้สวี่ชิงได้ครุ่นคิดนานไปกว่านี้ ธรรมนูญกาลอวกาศของเขาก็พลันปะทุขึ้น มือขวาที่ยกขึ้นไปแตะบนเข็มนาฬิกาแดด หมุนกลับอย่างแรง
การหมุนกลับแบบนี้ หากไม่มีธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับกาลอวกาศก็ไม่อาจทำได้
มีเพียงผู้ที่มีธรรมนูญกาลอวกาศเท่านั้น หรืออย่างน้อยก็ต้องมีของวิเศษที่มีธรรมนูญกาลอวกาศ ถึงจะสามารถหมุนนาฬิกาแดดนี้ได้
และในเสี้ยวขณะต่อมา จากการหมุนของสวี่ชิง…
ทุกสิ่งกลับตาลปัตร!
แปรงและสีส้มที่ตกลงมา ก็ถอยกลับไปทันที
เห็นฉากนี้ ใบหน้าของมนุษย์จิ๋วก็เผยความตื่นเต้น
“ลูกชาย เจ้าเป็นลูกชายของข้าจริงๆ!”
แทบจะในขณะเดียวกับที่คำพูดของมนุษย์จิ๋วดังออกมา เสียงคำรามของจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ก็พลันดังมา
เสียงคำรามนี้มาพร้อมกับพลังอันน่าตื่นตะลึง สั่นสะเทือนกาลอวกาศแตกสลาย ทำให้นาฬิกาแดดแตกเป็นเสี่ยงๆ พังทลายลง
แปรงและสีส้มกลับมาอีกครั้ง
แต่คราวนี้ มนุษย์จิ๋วไม่ได้จากไป
มันหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าฮ่า ลูกชาย ไม่ต้องกลัว”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ร่างของมันก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าสวี่ชิง ขวางกั้นอยู่ระหว่างจอมมารผู้ยิ่งใหญ่กับสวี่ชิง สีหน้าเปลี่ยนจากตื่นเต้นเป็นหยิ่งทะนง
เท้าสะเอวด้วยมือข้างเดียว ด้านหลังไม่รู้ว่ามีผ้าคลุมไหล่ปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไร
มือขวา…ก็มีกระบี่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นเช่นกัน
กระบี่เล่มนี้แปลกประหลาด รอบๆ ยังมีเส้นตั้งมากมาย ราวกับใช้สิ่งนี้เพื่อแสดงว่ากระบี่เล่มนี้ส่องประกายเจิดจรัส
และผ้าคลุมไหล่บนตัวมัน ก็พัดพลิ้วไปมาเองโดยไม่มีลม ทั้งยังแว่วๆ ว่ามีเสียงดนตรีอันเร่าร้อนดังสะท้อนก้อง…
ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนแสดงให้เห็นว่า…มนุษย์จิ๋ว นี้เป็นตัวแทนของความยุติธรรม!
“รัศมีเกียรติยศแห่งความยุติธรรม ส่องสว่างลูกชายข้า!”
มนุษย์จิ๋วกล่าวเสียงดัง ยกกระบี่แห่งแสงในมือ ฟาดฟันไปยังความว่างเปล่า
ใช้ความยุติธรรม ตัดแบ่งโลกนี้
จากนั้น มันก็เชิดคางขึ้น โยนแผ่นหยกที่ประกอบขึ้นจากเส้นสายเรียบง่ายให้สวี่ชิง แล้วกล่าวอย่างเรียบๆ ว่า
“ลูกชาย ออกไปจากที่นี่ เจ้าก็จะสามารถจากไปได้แล้ว พ้นจากการไล่สังหารของจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ นับจากนี้ไปฟ้าดินกว้างใหญ่ เจ้าสามารถออกไปผจญภัยได้ทุกที่!”
สวี่ชิงรับแผ่นหยกมา ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ร่างเพียงไหววูบก็พุ่งตรงไปยังรอยแยกนั้น
แต่ในเสี้ยวขณะที่เขาก้าวเข้าไปในรอยแยก ข้างหลังเขาก็มีเสียงของมนุษย์จิ๋วดังมา
“ไปเถอะ!”
“ในเมื่อเจ้าตั้งใจจะไป ข้าจะรั้งเจ้าไว้ได้อย่างไร!”
“เจ้าไปเถอะ จากนี้ไปจะไม่มีใครจ้ำจี้จ้ำไชเจ้าอีกแล้ว เจ้าจะอยู่ก็ดี จะตายก็ดี ล้วนแต่เป็นชะตาของเจ้า…”
“นับจากนี้ไป เส้นทางของเจ้า เจ้าต้องเดินเอง…ยามเมื่อเจ้าล้มลง ก็จะไม่มีใครมาช่วยพยุงเจ้าขึ้นมา หัวเราะแล้วลูบศีรษะเจ้า ให้กำลังใจเจ้าอีก”
“นับจากนี้ไป จะไม่มีใครปกป้องเจ้าแล้ว เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะปกป้องผู้อื่น”
“นับจากนี้ไป เจ้า…โตขึ้นแล้ว”
“นับจากนี้ไป เจ้าไม่ชอบนิทานอีกแล้ว…”
มนุษย์จิ๋วทั้งๆ ที่กำลังยิ้มอยู่ชัดๆ แต่เมื่อพูดไปเรื่อยๆ กลับมีเสียงร้องไห้…
ส่วนแปรงและสีส้มบนท้องฟ้า ตออนนี้ก็ไม่ได้ตกลงมาจริงๆ จอมมารผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏบนม่านฟ้า จ้องมองทุกสิ่ง สีหน้าบนใบหน้าก็ไม่ใช่ความโกรธอีกต่อไป แต่เป็นความเมตตา
สุดท้าย ก็เหลือเพียงเสียงถอนหายใจแผ่วเบา
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเสียงของจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ หรือเสียงของมนุษย์จิ๋ว หรือทั้ง 2 เสียงรวมกัน กลายเป็นประโยคหนึ่ง
“ดังนั้น อะไรคือการทรยศวิถีหรือ ลูกชายของข้า…”
……
เสียงเบื้องหลัง ค่อยๆ รางเลือนไป ได้ยินไม่ชัดแล้ว
หลังจากก้าวเข้าไปในรอยแยก ในประสาทสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิงก็แตกต่างออกไป
มีความสูงปรากฏขึ้น
และโลกเบื้องหน้าของเขา ก็กลายเป็นฟ้าดินที่เขาคุ้นเคย
ท้องฟ้า 7 สี รอบทิศทางมีคลื่นพลังวิญญาณ เสียงเซียนแผ่วเบาจากที่ไกล ศาลาเซียนเปล่งประกายพราวพร่างที่ใกล้ๆ แสงสว่างเจิดจ้า
ที่นี่…คือวังเซียนนั่นเอง!
และรูปลักษณ์ของสวี่ชิง ก็ไม่ใช่เงาหลากสีสันอีกต่อไป เขาได้กายเนื้อกลับคืนมาจากกาลเวลา ลืมตาขึ้น
ที่นี่คือโลกชั้นที่ 3
สวี่ชิงสูดลมหายใจเข้าลึก หวนรำลึกถึงประสบการณ์ในโลก 2 ชั้นแรก การสัมผัสรับรู้ของเขามีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแก่นแท้ของโลก 2 ชั้นนั้น หรือจะเป็นนิทานที่ซ่อนอยู่ในโลก
ก่อนหน้านี้มีปรมาจารย์ไป่ และหลังจากนั้นก็มีคำพูดที่ได้ยินก่อนจากไป
สวี่ชิงเงียบงัน ก้มหน้าลง ในฝ่ามือของเขามีแผ่นหยกชิ้นหนึ่ง
แผ่นหยกนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์จิ๋วผู้นั้นมอบให้ในโลกชั้นที่ 2
เดิมที แผ่นหยกประกอบขึ้นจากเส้นเรียบง่ายที่ในโลกชั้นที่ 2 แต่ในเสี้ยวขณะนี้…ในมือของสวี่ชิง มันค่อยๆ มีความสูงขึ้น ค่อยๆ มีสัมผัส และค่อยๆ กลายเป็นแผ่นหยกจริงๆ!
จ้องมองแผ่นหยก สวี่ชิงก็กวาดจิตเทพเข้าไป
ข้างในไม่มีอะไรเลย นี่คือแผ่นหยกว่างเปล่าแผ่นหนึ่ง
เขาไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายมอบสิ่งนี้ให้ตนคืออะไร และตอนนี้ความคิดของเขาก็ย้อนกลับไปยังถ้อยคำที่ได้ยินก่อนจะออกจากโลกชั้นที่ 2 ในช่วงเวลานั้น
“จอมมารผู้ยิ่งใหญ่เป็นตัวแทนของจอมเซียน มนุษย์จิ๋วเป็นตัวแทนของผู้นำเซียนจี๋กวง มองจากภายนอกแล้ว นี่คือการทรยศวิถีของผู้นำเซียนจี๋กวง ซึ่งนำไปสู่การไล่ล่าของจอมเซียน”
“แต่เหตุใดคำพูดสุดท้ายเหล่านั้น ความนัยที่แสดงออกมาจึงเป็นความหมายอีกแบบหนึ่ง…”
“ให้ความรู้สึกราวกับพ่อลูก”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง
“ระหว่างผู้นำเซียนจี๋กวงกับจอมเซียน ต้องมีเรื่องราวอื่น ส่วนแผ่นหยกนี้ จากโลกชั้นล่างปรากฏขึ้นที่นี่ ก็น่าจะไม่ธรรมดา”
ครู่หนึ่งหลังจากนั้น สวี่ชิงสูดลมหายใจเข้าลึก กำลังจะเก็บแผ่นหยกนี้ลงไป
แต่ในเสี้ยวขณะนี้เอง จู่ๆ…ในแผ่นหยก ก็มีเสียงเจ้าเล่ห์ดังขึ้น
“ฮ่าๆ เจ้าลูกชาย นี่เจ้าเชื่อจริงๆ หรือนี่”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



