Skip to content

Outside Of Time 1156

Outside of Time
BC

บทที่ 1156 แผนการลอบกัด

ตำหนักน้อยยามรัตติกาล โคมตะเกียงส่องสว่าง

C

ยามก้าวเดินในนั้น สวี่ชิงนึกถึงประสบการณ์ร่วมทางกับผู้นำเซียนจี๋กวงอย่างอดไม่ได้

ระหว่างเดินทาง ฐานะผู้นำเซียนจี๋กวงคือเจ้าแห่งวังเซียน

หน้าถ้ำสวรรค์ 9 ฝั่ง ฐานะผู้นำเซียนจี๋กวงคือพ่อคนหนึ่ง

ในทะเลทรายกาลเวลา ฐานะผู้นำเซียนจี๋กวงคือผู้โดดเดี่ยวที่เสียคนรักไป

กระทั่งยามรัตติกาล หลังกลับถึงวังเซียน เขาค่อยเป็นผู้นำเซียนอีกครั้ง

แต่ก่อนหน้านี้ สำหรับสวี่ชิงแล้ว ผู้นำเซียนจี๋กวงเป็นเพียงสัญลักษณ์หนึ่งเท่านั้น

แม้ว่าคนตัวเล็กที่ออกมาจากโลกชั้น 2 เรียกตัวเองว่าเสี้ยวจิตของผู้นำเซียนจี๋กวง แต่เป็นจริงหรือไม่ยังต้องรอพิสูจน์

ตั้งแต่ต้นจนจบสวี่ชิงยังไม่เชื่อสนิทใจ

ดังนั้นคำว่าผู้นำเซียนจี๋กวงจึงเป็นเพียงอักษร 4 ตัวเท่านั้น

แต่สถานการณ์ตลอดทางนี้ ฐานะหลายหลากที่แสดงออกมา หลังจากร้อยเรียงเข้าด้วยกัน ผู้นำเซียนจี๋กวงที่ปรากฏกายผ่านสมองสวี่ชิง มีเลือดเนื้อและสีสันขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

‘เห็นชัดว่าเขาทราบเรื่องที่จะเกิดขึ้นอีก 1 เดือนข้างหน้า…’ สวี่ชิงพึมพำในใจ

ไม่อย่างนั้นย่อมอธิบายคำสั่งเสียหน้าถ้ำสวรรค์ 9 ฝั่งไม่ได้ ไม่อาจอธิบายคำกำชับตรงทะเลทรายกาลเวลาด้วย

แต่เมื่อการรับรู้เช่นนี้ปรากฏในใจสวี่ชิง ข้อสงสัยกลับแผ่ขยายมากขึ้น

‘เดิมผู้นำเซียนจี๋กวงครองบัญญัติกาลอวกาศ ทั้งเข้าใจลึกซึ้ง ดังนั้นเขาทราบเหตุการณ์อนาคตย่อมไม่ผิดคาด’

‘แต่อีก 1 เดือน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงทำให้จอมเซียนลงมือ’

‘มีการทรยศตามบันทึกประวัติศาสตร์จริงหรือไม่’

‘อีกอย่างคือกลางคืนไปเจอเขาไม่ได้ด้วยเหตุใด เกี่ยวข้องกับร่างอำมหิตชุดดำใต้ทะเลสาบน้ำแข็งหรือไม่’

สวี่ชิงครุ่นคิด

‘นอกจากนี้คือแม้ว่าเขาเตรียมตัวพร้อมสรรพ ทั้งแจ้งคำสั่งเสียแล้ว แต่ทำไมนายน้อยเจ้าของร่างที่ข้าอาศัยยังสิ้นชีพในอีก 1 เดือนข้างหน้า’

‘ทั้งผู้ตายพร้อมกันยังมีคนทั่ววังเซียนแห่งนี้ด้วย’

‘ทำไมจอมเซียนต้องกำจัดทุกคนทั่ววังเซียนนี้…’

‘หลังจากกำจัดแล้ว ทำไมต้องเฝ้าอยู่ที่นี่ต่ออีกเนิ่นนาน…’

ข้อสงสัยมากมายแล่นผ่านสมองสวี่ชิง

สุดท้ายกลับไม่มีคำตอบ

‘อีก 1 เดือนย่อมเห็นทั้งหมด!’

สวี่ชิงเงยหน้ามองดวงจันทร์บนนภาค่ำ ก้าวเข้าตำหนักน้อย ก่อนนั่งขัดสมาธิ

ไม่นึกถึงเรื่องเกี่ยวกับผู้นำเซียนจี๋กวงอีก แต่อนุมานหาวิธีสร้างคลื่นกาลอวกาศบนโลกชั้น 4 ในใจ

ในสายตาของคนอื่น กาลอวกาศแห่งนี้มีเพียงคนกับทิวทัศน์

ทว่าการรับรู้ของสวี่ชิงที่มีบัญญัติกาลอวกาศกลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

ในการรับรู้ของเขากาลอวกาศแห่งนี้เหมือนชะงักค้าง คล้ายน้ำนิ่งบ่อหนึ่ง ทั้งเหมือนแช่แข็ง

นิ่งสงบ ปราศจากการเคลื่อนไหว ยากก่อระลอกคลื่น ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงคลื่นลม

คิดสั่นคลอนมันเหมือนบัญญัติกาลอวกาศของสวี่ชิง ไม่มีทางทำได้

‘ดังนั้นข้าต้องมีสื่อนำมากขึ้น หาหินทีละก้อน ทุ่มลงน้ำนิ่งพร้อมกัน…’

สวี่ชิงพึมพำในใจ

เวลาล่วงเลย

ยามดึกเสียงดนตรีกับหัวเราะมีเสน่ห์ดังออกมาจากวังร้อยบุปผา

เสียงนุ่มนวลหลอมรวมกับรัตติกาลดังผะแผ่ว

แม้แต่สวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิตรงตำหนักน้อยยังได้ยินรางๆ

โดยเฉพาะเสียงหัวเราะของจิ้งจอกสาว

ไม่ว่าสวี่ชิงอยู่หรือไม่ เห็นชัดว่าจิ้งจอกสาวล้วนเบิกบานใจ

กระทั่งฟ้าสว่าง

ดวงตะวันลอยเด่น แสงแดดสาดส่อง

เสียงเจื้อยแจ้วเพิ่งซ่านสลาย เสียงใหม่ดังมาจากนอกตำหนัก

“ต้อนรับนายน้อยกลับวัง!”

ที่มาพร้อมเสียงคือเงาร่างสหายศึกษาจงฉือ

เขารีบก้าวเข้าตำหนัก คารวะสวี่ชิง ในใจเกิดการคาดเดามากมาย เมื่อวานเขาไม่เห็นนายน้อยคนนี้ทั้งวัน

ถึงขั้นตามหาทั่วตำหนักน้อย

ทำให้เขาสงสัยในใจ ไม่รู้ว่าเมื่อวานคนตรงหน้าไปไหน

แม้ว่าเขาทราบประวัติศาสตร์ช่วงนี้ แต่ทราบเพียงคร่าวๆ ไม่อาจเข้าใจโดยละเอียด แน่นอนว่าไม่มีทางทราบรายละเอียดเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นทุกวัน

สวี่ชิงเงยหน้า มองจงฉือก่อนกล่าวราบเรียบ “เจ้าคารวะช้าไป เมื่อคืนก็กลับมาแล้ว”

จงฉือได้ยินแล้วถามอย่างระวัง “นายน้อย เมื่อวานท่าน…”

สีหน้าสวี่ชิงเหมือนปกติ ไม่ได้คลายข้อสงสัยแก่จงฉือ แต่ลุกขึ้นกล่าวอย่างสบายๆ “ตามข้าไปหอถ่ายทอดวิชา”

ขณะกล่าวสวี่ชิงก้าวออกจากตำหนัก

ในเมื่อมาเยือนกาลอวกาศของประวัติศาสตร์ช่วงนี้ สวี่ชิงย่อมไปหอถ่ายทอดวิชาของวังเซียน ไปชมวิชาเวทสมัยนี้

จงฉือได้ยินแล้วรีบตามไป

เริ่มวันใหม่เช่นนี้ รุ่งเช้าเงาร่างสวี่ชิงเดินผ่านวังเซียน

ระหว่างทางผู้บำเพ็ญที่พบเจอเขา แม้ว่าในใจไม่ให้ความสำคัญกับนายน้อยคนนี้นัก แต่ถึงอย่างไรฐานะเขาก็สูงส่ง แน่นอนว่าต้องทักทายบ้าง

ระหว่างทางจงฉือที่ติดตามมาอ้ำอึ้งหลายครั้ง

เมื่อเห็นหอถ่ายทอดวิชาไกลๆ สวี่ชิงจึงกล่าวราบเรียบ

“จงฉือ พฤติกรรมเจ้าช่วงนี้ต่างจากเมื่อก่อนอยู่บ้าง”

ประโยคนี้ดังเข้าโสตประสาทของจงฉือ ทำให้เขาระวังตัวทันที แต่ภายนอกกลับทำเป็นยิ้มซื่อๆ “นายน้อยฉลาดหลักแหลม ถ้าข้ามีเรื่องอยากระบายย่อมปิดบังไม่ได้ดังคาด ถ้าเก็บซ่อนย่อมถูกนายน้อยมองการกระทำออกในปราดเดียว”

“มีเรื่องใด” สวี่ชิงถามเรียบๆ

จงฉือรีบเอ่ยปาก “เรื่องอัจฉริยะหลี่นั่น!”

“นายน้อย ใช่ว่าข้าฟ้อง แต่อัจฉริยะหลี่หน้าไม่อายอยู่บ้างจริงๆ”

“วันก่อนนายน้อยให้เขาไปสวนหมื่นอสูรไม่ใช่หรือ แต่เขาไม่เพียงไม่ไป ถึงขั้นซ่อนตัว ไม่ไปโถงศึกษาด้วย”

สวี่ชิงได้ยินดังนี้ แต่กลับไม่เปลี่ยนสีหน้า แค่หันมองจงฉือเล็กน้อย “พูดต่อ”

สายตาเขาทำให้จงฉือผงะในใจ ความจริงเขาตรวจสอบมาแล้ว สาเหตุที่ยังไม่กล่าวทันที ด้วยคาดเดาท่าทีของนายน้อยที่มีต่อเรื่องนี้ไม่ได้ ทั้งคิดสังเกตก่อนว่านายน้อยตอบสนองอย่างไร

ตอนนี้เมื่อสวี่ชิงกวาดสายตามอง ความหวั่นหวาดของเขาพลันปะทุ ดังนั้นจึงไม่กล้าปิดบัง “ได้ยินว่าวันนั้นเมื่อเขากลับสำนักศึกษา ได้เกิดความขัดแย้งกับอาจารย์คนหนึ่ง”

“จากนั้นค่อยถูกอาจารย์ลงโทษ ปิดด่าน 3 เดือน”

จงฉือกล่าวเสียงเบา

สาเหตุที่ต้องบอกเรื่องนี้กับสวี่ชิง ด้วยเกิดจากความเห็นแก่ตัวของเขา

เขามองออกว่าอัจฉริยะหลี่เป็นคนต่างถิ่นเหมือนตนสัก 8-9 ส่วน แม้ว่าไม่ทราบฐานะอย่างละเอียด แต่เป้าหมายของอีกฝ่ายคือคิดเปลี่ยนประวัติศาสตร์

มีส่วนคล้ายกับเป้าหมายของเขา

ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วเขาหวังว่าอีกฝ่ายจะทำสำเร็จ มีเพียงทำเช่นนี้ เขาถึงนำมาอ้างอิงและสังเกตการณ์ได้

อัจฉริยะหลี่คนนี้ทำได้ส่วนหนึ่งแล้ว ตามประวัติศาสตร์เดิมทีเขาประลองแพ้แล้วปิดด่าน แต่ก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นดูแลสวนหมื่นอสูรของนายน้อย

แต่เห็นชัดว่ามีคนลงมือด้วยวิธีอื่น ปรับทุกอย่างให้ถูกต้อง

ตามประวัติศาสตร์อัจฉริยะหลี่ปิดด่านช่วงนี้ อัจฉริยะหลี่แห่งห้วงกาลอวกาศนี้ก็เช่นกัน

สาเหตุแตกต่าง ผลเหมือนกัน

ส่วนคนลงมือเป็นใคร คนแรกซึ่งจงฉือนึกถึงคืออริยะเซียนที่ 4 !

แต่ฐานะของอีกฝ่ายสูงส่ง ได้เปรียบมากเกินไป

ครั้งนี้ทำให้อัจฉริยะหลี่พ่ายแพ้ ครั้งหน้าย่อมทำให้เขาล้มเหลวได้

เขาจึงคิดอาศัยนายน้อยจี๋กวงไปลองหยั่งเชิง

ความคิดพวกนี้ หากเป็นนายน้อยจี๋กวงตัวจริง ด้วยขาดการประมวลผลสำคัญย่อมไม่มีทางเข้าใจถ่องแท้ แต่สำหรับสวี่ชิงแล้ว ความเข้าใจรอบด้านทำให้เขาทราบชัดเจน

‘หลี่เมิ่งถู่หวังพึ่งพลังของข้า’

‘เรื่องเกี่ยวกับอัจฉริยะหลี่ แม้ว่าไม่เหมือนประวัติศาสตร์ แต่อย่างน้อยตามประวัติศาสตร์ช่วงนี้ก็ถือว่าโดนดึงกลับไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง’

‘ผู้อาศัยร่างศิษย์พี่สี่ นับว่ามีฝีมืออยู่บ้าง’

สวี่ชิงครุ่นคิด

ความจริงก่อนหน้านี้เขากับอีกฝ่ายคิดอาศัยเรื่องของอัจฉริยะหลี่มาพนันสักครั้ง

ตัดสินแพ้ชนะ

‘แต่เรื่องนี้ข้าไม่อาจก้าวก่ายอีก ฝ่ายอัจฉริยะหลี่ ข้าวางหมากแล้ว ไม่ต้องดำเนินการทันที’

‘ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกันแล้ว การซ่อนฐานะของข้าต่างหากคือสิ่งสำคัญในศุภโชคครานี้’

สวี่ชิงหรี่ตา เดินไปทางหอถ่ายทอดวิชา

ไม่นานก็ก้าวเข้าไปข้างใน อ่านวิชาเวทพลางพิจารณาในใจ

‘ฐานะของข้าสำคัญมาก ทั้งจากการสังเกตของข้า ไม่ว่าจงฉือหรืออัจฉริยะหลี่ บุตรสาวของจิ่วอั้น รวมถึงศิษย์พี่สี่ พวกเขาเหมือนยังไม่สงสัยบทบาทนี้’

‘คล้ายว่าตามความเข้าใจของพวกเขา บทบาทของข้าไม่มีทางแฝงร่างได้’

‘นอกจากระดับกึ่งเซียนแล้ว ผู้มาโลกชั้น 4 มีเพียงผู้ครองบัญญัติกับผู้ครองสมบัติบัญญัติ’

‘ถ้าตัดคนทราบเรื่องออก น่าจะมีคนต่างถิ่นไม่น้อยกว่า 4-5 คนถึงขั้นมากกว่านั้นซ่อนตัวทั่ววังเซียน’

‘ในบรรดาพวกเขาคงมีบางส่วนเหมือนอัจฉริยะหลี่ อาศัยคลื่นกาลอวกาศเพื่อบรรลุเป้าหมายของตน’

‘พวกเขาคือก้อนหินของข้า!’

สวี่ชิงวางแผ่นหยกบนมือ เดินไปอีกฝั่ง หยิบแผ่นหยกใหม่ขึ้นมา ยามอ่านต่อความคิดยังสืบเนื่อง

‘ดังนั้นจึงมองเป็นการละเล่นอย่างหนึ่งได้’

‘ศิษย์พี่สี่คิดกำราบผู้ฝ่าฝืน ส่วนข้า… ต้องแอบส่งเสริมและปกป้องผู้ฝ่าฝืนพวกนี้ ขณะเดียวกันก้อนหินเหล่านี้ยังต้องปกป้องตัวเองให้ดีด้วย’

‘ความล้มเหลวของอัจฉริยะหลี่เป็นเพราะเขาค่อนข้างร้อนใจ แน่นอนว่าเป็นการตัดสินใจเพราะบทบาทของเขาด้วย หากวันนั้นเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาย่อมไม่มีโอกาสแล้ว’

‘แต่คนพวกนี้ซ่อนตัวแนบเนียนนัก ข้าจึงยากหาเจอ ไม่อาจส่งเสริมและปกป้องได้เช่นกัน’

‘ถ้าอย่างนั้นศิษย์พี่สี่หาเจอได้อย่างไร’

สวี่ชิงครุ่นคิด

ยามเขาค้นคว้าและขบคิด เวลาผ่านไปรวดเร็ว

เมื่ออาทิตย์อัสดงแผ่แสงเลือนรางตรงขอบฟ้า สวี่ชิงออกจากหอถ่ายทอดวิชา หลังจากกลับตำหนักน้อย ในใจเขามีแผนการหนึ่ง

‘ข้าไม่ต้องตามหาก้อนหินทั้งหมด ข้าแค่ทำให้พวกเขารอบคอบมากขึ้น ถึงขั้นเปลี่ยนเป็นระวังตัว เพิ่มสัญชาตญาณระวังภัยก็พอ’

‘ส่วนศิษย์พี่สี่…’

‘ข้าซ่อนแฝง เขาเผยตัว แต่ยังไม่ชัดเจน ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ทำให้เขาเผยตัว หากทำให้เขาเผยตัวเองได้ยิ่งสมบูรณ์แบบ!’

ในตำหนักน้อยสวี่ชิงหลับตาลง ในใจสื่อจิตบอกคนตรงวังร้อยบุปผา

ในวังร้อยบุปผา จิ้งจอกสาวที่กำลังเอนกายสนทนากับหญิงงามมากมายอย่างเกียจคร้านเลิกคิ้วแฉล้ม ในใจกล่าวค่อนขอดคราหนึ่ง

‘คนเลว ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็ง ถึงขั้นสั่งข้าแล้ว… แต่ท่าทางเผด็จการเช่นนี้ เหตุใดยิ่งทำให้คนชอบนัก’

จิ้งจอกสาวเลียริมฝีปากก่อนแย้มยิ้ม

หลายวันต่อมา วังเซียนแสงเหนือที่เดิมสงบสุข มี 2 ข่าวลือโหมกระพือในเวลาอันสั้น

ข่าวลือแรกคือมีคนต่างถิ่น ยึดร่างผู้บำเพ็ญแห่งวังเซียน ซ่อนตัวในวังเซียน วางแผนชั่วร้าย ทั้งจำนวนคนไม่น้อย!

ข่าวลือที่ 2 หันปลายหอกจ่ออริยะเซียนที่ 4

เนื้อหาคือ…

‘อริยะเซียนที่ 4 คือผู้นำคนต่างถิ่นซึ่งมายึดร่าง!’

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!