บทที่ 1176 ข้ามีคนที่คิดถึง
ความรักมักชวนให้ใจสั่น ทำให้ลุ่มหลง
ชายหญิงนับไม่ถ้วน ฝันว่าจะพบคนที่ใช่ จับมือก้าวผ่านแต่ละช่วงชีวิตด้วยกัน
ดังคำสัญญาหมั้นหมายเก่าแก่ ‘คู่หงส์ประสานเสียง ครองรักชั่วนิรันดร์ เคียงข้างจนแก่เฒ่า ร่วมเป็นร่วมตาย’
ทว่าโลกนี้มีกฎกรรม สัญญามั่นรักยังอยู่ แต่ยากส่งสาสน์รักถึงกัน
บางคนต้องใช้ทั้งชีวิตนึกเสียดายต่อสิ่งที่พลาดไป
ดังนั้นจึงมีคนข้ามฟากเหนือธารโลหิตเทพเจ้า สวมชุดแต่งงานเก่านับพันหมื่นปี
ดังนั้นจึงมีคนคลุ้มคลั่งท่ามกลางความโดดเดี่ยว ปิดบังความขมขื่นในใจด้วยการหัวเราะก่นด่า กลายเป็นคนตัวเล็กกวัดแกว่งกระบี่
…
คู่ครองราวเทพเซียน สุดท้ายแล้วมีแค่ส่วนน้อย
ส่วนใหญ่ความรักล้วนดิ้นรนลำบากกลางวังวน
ความเสียดายจากรักซึ่งไม่สมหวัง คล้ายดวงดาวไม่อาจเอื้อม สวยงาม แต่สุดท้ายกลับพบฉากจบน่าเศร้า
ได้แค่อยู่ในวังเซียนผ่านกาลเวลา มองม่านหน้าต่างที่ยังคงเดิม กล่าวพึมพำหน้าแท่นพิธีว่าขาดคนผู้หนึ่ง
หวนนึกถึงวันนี้เมื่อปีกลาย ใบหน้าดอกท้อแดงเรื่อ…
ทอดถอนใจว่าข้ามีคนที่คิดถึง พรากจากห่างกันไกล
ความขมขื่นที่ข้าสัมผัส บาดลึกถึงทรวงใน
เรื่องราวของคนผู้นี้ ไม่ต้องเอ่ยกล่าวก็ชัดเจน
นั่นคือความผิดหวัง รักจืดจาง หม่นหมองเศร้าสร้อย พลัดพรากจากกันหลายปี
ล้วนผิดหมด
ดอกท้อร่วงหล่น ศาลาข้างสระเงียบสงัด แม้ว่าคำมั่นยังอยู่ แต่ยากส่งสาสน์รักถึงกัน
แต่…ปลายธารกาลเวลา 2 ฟากฝั่ง วิถีวัฏจักรมีเวียนวน
คิดถึงไม่ว่างเว้น สุดท้ายย่อมมีการตอบสนอง
วาจาเหนือธารโลหิต ก่อเกิดคลื่นสะเทือน
“เจ้า…กลับมาแล้ว”
ไม่รู้ว่าใบหน้าคนผู้นั้นหายไปไหน ดอกท้อยังยิ้มรับลมวสันต์
แม้ว่าสิ่งของยังอยู่ แต่คนกลับเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่มาพร้อมลมวสันต์ยังมีเงาร่างตามความทรงจำนั้น
เฝ้ารอพันหมื่นปี สุดท้ายค่อยพบกันเหนือกาลเวลา
บนวาสนาตัดขาดแห่งห้วงกาลอวกาศ วันนี้สวี่ชิงซึ่งก้าวเดินบนปลายทางนี้ ช่วยต่อเวลาเพื่อพวกเขา
…
เซียนหลิงหวงมองนายน้อย ก่อนกล่าวเสียงเบา “หลายปีนี้ข้าคิดอยู่บ่อยๆ…ได้พบคนที่ทำให้ใจสั่น ถือเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง ทั้งเป็นความโชคดีด้วย”
ภายนอกลมกาลอวกาศก่อตัวเป็นพายุ เปลี่ยนเป็นวังวน ในนั้น…กลับกำลังพัดเรือนผมดำขลับของเซียนหลิงหวง บอกเล่าความคิดถึงคะนึงหา
ทรายกาลเวลาเจิดจรัสร่วงหล่น ล้อมรอบกายนายน้อยจี๋กวงกับหลิงหวง
เมื่อมองจากไกลๆ ท่ามกลางคลื่นกว้างใหญ่ ภาพนี้เหมือนฝันลวงตา
“ครั้งนั้นพวกเราทำพิธีกราบไหว้ไม่สำเร็จ…ช่วงมหาเคราะห์บิดาข้ามาที่นี่ คิดพาเจ้ากับข้าจากไป”
“เจ้าอ้างว่ายังไม่คำนับกัน ไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีภรรยา ข้ายังไม่ลงนามบนหนังสือสมรส ปฏิเสธการจากไปกับบิดาข้า ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากทำให้ข้าเดือดร้อน”
“เจ้าจึงเลือก…อยู่ที่นี่ ใช้กรรมแทนบิดา”
“ข้าเลือก…ลงโทษตัวเองบนธารโลหิต ไถ่บาปแทนเจ้า”
“วันนี้ถือว่าพวกเราคำนับกันแล้วใช่หรือไม่ ชื่อข้าบนหนังสือสมรส นับว่าเป็นการตีตราหรือไม่”
เซียนหลิงหวงพึมพำเสียงเบา
“ใช้กรรมแล้ว ไถ่บาปแล้ว…พวกเรา…กลับบ้านได้แล้วใช่หรือไม่”
นายน้อยจี๋กวงเงียบไป
ตอนนี้คลื่นกาลอวกาศแรงยิ่งกว่าเดิม ก่อตัวเป็นวังวน ส่งเสียงอึกทึกสนั่นหูทั่ววังเซียน ทรายกาลอวกาศมากขึ้นเรื่อยๆ
ล้อบรอบพวกเขา 2 คน รวมตัวทีละน้อย ก่อตัวเป็นนาฬิกาทรายเหนือกาลเวลาอีกครั้ง
ไม่ใช่ 1 ก้านธูป
จำนวนเม็ดทรายยืดเวลาต่อได้…1 ชั่วยาม
นี่คือกาลอวกาศจำลอง ตอนนี้ถึงขีดจำกัดซึ่งทำได้แล้ว
สุดท้ายนายน้อยจี๋กวงไม่ได้ตอบคำถามหลิงหวง
เขาเงยหน้ามอง…บิดาเขา ตำแหน่งที่ผู้นำเซียนจี๋กวงยืนอยู่
ชั่วพริบตายามเหลือบมอง เวลา 1 ก้านธูปซึ่งสวี่ชิงต่อให้เขาหมดลงแล้ว
ฟ้าดินดังกัมปนาท ทั่วทิศสั่นสะเทือน สรรพสิ่งที่ชะงักค้าง…กลับคืนสภาพเดิมทันที
เสียงเริงร่ายินดี เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง
คล้ายไม่มีคนสังเกตเห็นว่าเวลายืดออกไป 1 ก้านธูป
คลื่นบนฟ้าก็เช่นกัน ตอนนี้ตะวันจันทรากำลังหม่นมัว
ความปั่นป่วนของลิขิตฟ้าถึงขีดสุด เมื่อตกต่ำแล้วจึงรุ่งเรือง!
กระทั่งแสงขาวเจิดจ้าทั่ววงแหวนที่ 5 ส่องประกายทั่วเวิ้งฟ้า
ม้วนกลืนสรรพสิ่งดั่งห้วงสมุทร!
ยุคจี๋กวงมาถึงช้าไป 1 ก้านธูป
พลังมหาศาลรวมตัว ถาโถมใส่ผู้นำเซียนจี๋กวง ก่อตัวเป็นชุดจักรพรรดิคลุมตัวเขา
ความเข้าใจนับไม่ถ้วน ประทับนามจี๋กวง กลายเป็นกวานจักรพรรดิ
ผู้นำเซียนจี๋กวง ขึ้นครองราชย์!
ยุคสมัยต่อจากนี้ เขารับช่วงต่อเป็นเจ้าแห่งวงแหวนที่ 5 !
ในความมืดสลัวถึงขีดสุด ตะวันจันทราพลันส่องสว่าง
ตะวันจันทราพร่างพราว เจิดจรัสเหลือคณานับ
ผู้นำเซียนจี๋กวงกวาดสายตามองโลกนี้ สุดท้ายค่อยมองบุตรตน สายตาอบอุ่น แฝงคำอวยพร ทั้งเหมือน…บอกลา
จากนั้นค่อยเยื้องย่าง…ทะยานขึ้นห้วงนภา
ก้าวเดินบนฟ้า หน้าตะวันจันทรา เมื่อสืบทอดตำแหน่งเจ้าแห่งวงแหวน ชั่วพริบตายามพลังยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุดรวมตัว มือเขาเปลี่ยนเป็นขนาดมหึมา
บดบังเวิ้งฟ้า ตัดผ่าน 9 สวรรค์ ปรากฏเหนือตะวันจันทรา
กวัดแกว่งเบาๆ
คล้ายผ่านปราการราวฟองอากาศ ดึงตะวันจันทราลงมา!!
ตอนนี้ฟ้าดินมืดมิดชั่วพริบตา ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์หายไปจากม่านนภา แสงจากตัวจี๋กวงกลายเป็นมืดสนิท
ทั้งวงแหวนที่ 5 จึงไม่มีแสง!
มีเพียงตะวันจันทรากลางฝ่ามือผู้นำเซียนจี๋กวง ถูกเขาดันเข้าร่างบุตรชายอย่างน่าประหลาด!
ทุกอย่างราบรื่น ตะวันจันทราหลอมรวมเข้าไปโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง คล้ายถึงเวลาเหมาะสม!
ด้วยทันทีที่ลิขิตฟ้าปั่นป่วน เขาพรากนามตะวันจันทรามาก่อน ทำให้สรรพสิ่งลืมชื่อตะวันจันทราโดยไม่รู้ตัว
ส่วนเขาแฝงนามตะวันจันทราไว้กับชื่อบุตรตนแล้ว
มี่หมิง ค้นหาแสงสว่าง
ไม่พบจึงค้นหา ตะวันจันทราคือแสงสว่าง
นี่คือการค้นหาแสงสว่าง!
“ต่อจากนี้เจ้าคือตะวันจันทราของวงแหวนที่ 5 ในใจมีแสงเจิดจ้า ไม่เปื้อนมลทิน ทั้งมีจิตเทพนำทาง นับจากนี้พิบัติเทพตัดขาดจากเจ้า!”
“หมิงเอ๋อร์ นี่คือ…ของขวัญแต่งงานที่พ่อให้เจ้า”
“ใช้ชีวิต…อย่างที่เจ้าต้องการเถอะ”
ผู้นำเซียนจี๋กวงกล่าวเสียงเบา จากนั้นค่อยเงยหน้ามองฟ้าดินมืดมิด ปราณดำระเบิดออกมาจากตัวเขา แผ่ซ่านทั่วทิศ
ขณะเดียวกันเสียงเขาดังก้องวงแหวนที่ 5
“โลกหล้ามี 7 สี ข้าเลือกสีแดง!”
“ผสานรวมกับข้าจี๋กวง เป็นรัศมีแสงแดงชาด!”
“อาศัยสิ่งนี้…เป็นวิถีเทพของข้า เปลี่ยนแปลงบัญญัติเป็นคุณสมบัติ!”
เสียงเขาดังก้องหูทุกคน ปะทุขึ้นในใจนับไม่ถ้วน กลายเป็นเสียงดังก้องฟ้า จากนั้น…สีแดงมากมายถูกเขาพรากมา ปรากฏบนเวิ้งฟ้า ผสานรวมกับแสงของเขา
ก่อตัวเป็น…แสงเหนือแดงชาด!
แสงเหนือนั่นย้ายภูเขาคว่ำสมุทร เปี่ยมพลังทำลายล้าง บดบังม่านนภาทันที ครอบคลุมเหนือศีรษะสรรพสิ่ง…
ก่อนพลิกฟ้า!
ทำให้อนาคตแสงเหนือแดงชาดกลายเป็นแสงเดียวซึ่งสรรพสิ่งบนวงแหวนที่ 5 มองเห็นยามเงยหน้าขึ้น!
สิ่งที่แปลกคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งผู้บำเพ็ญทั่ววงแหวนที่ 5 ไม่เคยเจอมาก่อน เดิมควรส่งผลต่อสรรพชีวิต
แต่คนทั่ววังเซียน รวมถึงอริยะเซียนที่ 4 ตอนนี้กลับแย้มยิ้ม
บรรเลงเพลงร่ายรำ อำนวยอวยพร เสียงหัวเราะยินดีดังต่อเนื่อง
คล้ายว่าทุกคนไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงภายนอก
ภาพนี้ขัดกับการเปลี่ยนแปลงบนเวิ้งฟ้าอย่างมาก
ทุกอย่างปรากฏในการรับรู้ของสวี่ชิง เมื่อเห็นแสงแดงชาดที่คุ้นเคย ในใจเขาเกิดคลื่นสะเทือน
‘นี่คือความจริงหรือ’
‘ยังมีนายน้อยจี๋กวง…เป้าหมายสุดท้ายของเขา…’
จิตสำนึกสวี่ชิงปั่นป่วน มีคำตอบหนึ่งขึ้นมารางๆ
ชั่วพริบตายามคำตอบปรากฏ ผู้นำเซียนจี๋กวงบนเวิ้งฟ้า ส่งเสียงดังก้องอีกครั้ง
ครั้งนี้ดุดันกว่าก่อนหน้า!
“จอมเซียน เจ้าได้ยินหรือไม่!”
แสงแดงชาดแผ่ซ่านตามเสียงอัสนี เสียงถอนหายใจแก่ชราดังมาจากเวิ้งฟ้า ผืนดิน ห้วงอากาศ สรรพสิ่ง สรรพสัตว์ ทั่วทุกมุมบนวงแหวนที่ 5…
รวมตัวเป็นเสียงเปี่ยมประสบการณ์
เมื่อเสียงนี้ดังก้อง ท้องฟ้าบิดเบี้ยว แสงแดงถูกขับออกไป เผยให้เห็นฟ้าดารากว้างใหญ่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
ฟ้าดารากำลังบิดเบี้ยว
ดวงดาวนับไม่ถ้วนผิดรูป ถึงขั้นกลายเป็นฟองอากาศขนาดต่างกันมากมาย
สีสันหลากหลาย ขาดเพียงสีแดง
ฟองอากาศเหล่านี้มีจำนวนนับไม่ถ้วน
ในแต่ละฟองอากาศมีภาพสถานที่หนึ่ง
หากนำภาพฟองอากาศทั้งหมดมาต่อกัน นั่นคือ…ภาพรวมทั่ววงแหวนที่ 5 !
ตอนนี้มีมือแก่ชราข้างหนึ่ง ปรากฏเหนือฟ้าดาราพร้อมเสียงถอนใจ ใช้ 2 นิ้วบีบฟองอากาศหนึ่งเบาๆ
เสียงฟองอากาศแตกดังโพละ
เพียงพริบตาทั้งวังเซียนดับสลายเหมือนฟองอากาศ
สรรพสิ่งกลายเป็นเถ้าธุลี
ไม่ว่ามีพลังบำเพ็ญใด ทั้งหมดล้วนยากต้านทาน หายวับไปในความกว้างใหญ่
อริยะเซียนที่ 4 ก็ดี ผู้อาวุโสใหญ่ก็ช่าง รวมถึงเหล่าผู้บำเพ็ญแฝงตัวจากต่างถิ่น เกือบทุกคนล้วนไม่มีข้อยกเว้น
มีเพียงนายน้อยจี๋กวงกับเซียนหลิงหวง ดำรงอยู่ท่ามกลางเถ้าถ่านลอยละล่อง
คล้ายว่าพวกเขาคือผู้รอดชีวิต!
บนฟ้าเงาร่างผู้นำเซียนจี๋กวงซ่านสลาย แต่มีแสงแดงชาดนับไม่ถ้วนเข้ามาเติมเต็ม รวมตัวเหนือร่างกาย อาศัยพลังนี้ทะลวงม่านนภา
ปรากฏกายบนฟ้าดารา เผยตัวเหนือฟองอากาศนับไม่ถ้วน ต่อสู้กับ…มือแก่ชราข้างนั้น
ท่ามกลางซากปรักหักพังเบื้องล่าง นายน้อยนิ่งเงียบ
เขามองเงาร่างบนฟ้าดารา คิดเยื้องย่างก้าวออกไป
เดิมเขาคิดว่าตนจะทำได้
ถึงอย่างไรก็เป็นโอกาสที่เขาวางแผนมาพันหมื่นปี ทั้งเป็นเรื่องที่ตนมุ่งหวังมาตลอดกาลเวลาไร้สิ้นสุด ถือเป็นช่วงที่เกือบทำสำเร็จ
เดิมเขาคิดว่าตนย่อมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
ทว่า…สุดท้ายสายตาเขาอดมองหลิงหวงที่อยู่ข้างกายไม่ได้ อีกฝ่ายจับมือแน่นกว่าเดิม
เขารู้ว่านางกำลังรอคำตอบ
คำตอบที่รอมาพันหมื่นปี
ในความรางเลือนเขาเหมือนเห็นภาพธารโลหิตเทพเจ้า เรือเก่าคร่ำลำนั้น เงาร่างแก่ชราสวมชุดฟาง ใต้ชุดฟางคือชุดแต่งงานเก่าๆ
ลมฝนพัดผ่าน กาลเวลาล่วงเลย ปีแล้วปีเล่า…
เปรียบเทียบกันแล้ว ถึงมีเหตุผลนับพันหมื่น แต่เหมือนไม่อาจกล่าวออกมา
ฝีเท้าอันเด็ดเดี่ยว ไม่มีเรี่ยวแรงก้าวย่าง
เขารู้ว่าตนติดค้างนางมากนัก มากเหลือเกิน มากเกินไป…
ดังนั้นหลังจากเงียบงันถึงตอนนี้ เขาถอนหายใจยาว ข่มความยึดมั่นนับพันหมื่นปีของตนอย่างยากลำบาก
เอื้อมมือทัดผมซึ่งปรกหน้าผากหลิงหวงอย่างอ่อนโยน
ก่อนกล่าวเสียงแผ่วเบา
“พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
หลิงหวงรอประโยคนี้มาหลายปี
ในที่สุดก็มาถึง
นางมองเงาร่างตามความทรงจำอันคุ้นเคย ทั้งไม่อาจลืมเลือนอย่างอึ้งงัน
หลั่งน้ำตาออกมา
มือที่จับกุมรัดแน่นขึ้น
สุดท้ายค่อยกล่าวเสียงเบา “ข้ารู้ว่าเจ้าปล่อยวางไม่ได้ ไม่อาจเข้าใจ ทั้งยกโทษให้จอมเซียนไม่ได้…ข้ารู้ว่าเจ้าคิดดีแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ลึกลับเปี่ยมกฎกรรม ข้ายังรู้ว่าทุกอย่างที่เจ้าทำ ด้วยคิดช่วย…บิดาเจ้า”
“เป้าหมายของเจ้า เดิมไม่ใช่ข้า…”
“นาฬิกาทรายนี้อยู่เหนือกาลเวลา 1 ชั่วยาม”
“เจ้าคิดอาศัยสิ่งนี้ มุ่งหน้าไปยังประวัติศาสตร์แท้จริง ไม่ใช่ภาพจำลองที่นี่”
“เจ้าต้องการไปที่นั่น เพื่อลองเปลี่ยนแปลง!”
“ตอนนี้เจ้ายอมปล่อยเพื่อข้า ถ้าอย่างนั้น…”
หลิงหวงมองตาคนรัก เอื้อมมือหยกขาวคว้านาฬิกาทรายที่ลอยอยู่ด้านข้าง ก่อนบีบนาฬิกาทรายจนแตกละเอียด
ทรายกาลเวลานับไม่ถ้วนพลันล้อมรอบ ก่อตัวเป็นประตูกาลอวกาศ…เชื่อมต่อกับประวัติศาสตร์แท้จริง!
ในใจนายน้อยจี๋กวงเกิดคลื่นถาโถม
ตรงหน้าประตู เซียนหลิงหวงกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า พวกเรา…ร่วมเป็นร่วมตาย”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



