บทที่ 758 รถที่นำซือหนานไปด้วยเพื่อใม่ให้หลงทาง
สวี่ชิงพูดจบ ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบสงัด แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นการลอบสังหารกับตาตัวเอง แต่ ภาพการลอบสังหารก็ปรากฏชัด ผ่านคำอธิบายของสวี่ชิง แล้ว โดยเฉพาะประเด็นน่าสงสัยที่สวี่ชิงกล่าวถึง ไม่ว่าจะมองในมุมใด ก็มีบางอย่างผิดปกติ
“ต้องมีขั้วอำนาจอย่างไรถึงได้ลอบสังหารในเมืองหลวงจักรพรรดิได้ อีกทั้งยังทำให้ค่ายกลของฝ่ายต่างๆ อีกทั้ง เมืองหลวงจักรพรรดิถูกปิดกั้นและตรวจจับไม่ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ต้องเป็นขั้วอำนาจใดที่ทำให้ทั้งเมืองหลวงจักรพรรดิเงียบงันและเชื่องช้าได้เช่นนี้”
นายกองโพล่งขึ้นมา
สวี่ชิงไม่พูดอะไร จื่อเสวียนและหลี่อวิ๋นซานมองไปทาง วังหลวง
ผู้ที่ทำเช่นนี้ได้จากทั่วทั้งเมืองหลวงจักรพรรดิแห่งนี้ จักรพรรดิมนุษย์ถือเป็นหนึ่งในนั้น หรือจะเป็นขั้วอำนาจที่
แม้แต่จักรพรรดิมนุษย์ยังหวาดกลัว นั่นคือมหาจักรพรรดิ ครองกระบี่
ขั้วอำนาจที่จักรพรรดิมนุษย์เกรงกลัว พวกสวี่ชิงนั้น ขาดแคลนข้อมูล ยากที่จะวิเคราะห์อะไรได้
ส่วนมหาจักรพรรดิครองกระบี่อยู่ในห้วงนิทรา เป็นเรื่อง น่าอัศจรรย์ที่พระองค์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเมื่อสวี่ชิงมาเยือน พระองค์ไม่อาจฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ตลอดไป และไม่มีเหตุผลให้ทำเช่นนั้น
“หากว่า…อาชิงทำลายดวงตะวันแห่งแสงอรุณไป จะเป็นอย่างไร” จู่ๆ จื่อเสวียนก็เอ่ยขึ้น
“เมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์จะโกลาหลไปหมด ผู้คน บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน ขณะที่ทุกฝ่ายถูกสั่นคลอนและ เสียหน้าก็จะกลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคน สุดท้ายไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายผิด เรื่องนี้…พวกเราไม่อาจหลีกหนีความรับผิดชอบได้ ซํ้ายังสูญเสียสิทธิในการเริ่มต้นไปด้วย ผลลัพธ์ยากจะคาดเดา ถึงตอนนั้น ท่าทีของจักรพรรดิมนุษย์ถึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
หลี่อวิ๋นซานตอบเนิบช้า คิ้วขมวดเป็นปม “น่าสนใจ” นายกองยิ้มเย้ยหยัน
“คนผู้นั้นมีวิธีควบคุมเส้นทางเดินของอาชิงน้อยทั้งหมดจริงๆ ทั้งยังจัดฉากลอบสังหารครั้งนี้ได้ และที่อาชิงน้อยไม่ตาย ก็สอดคล้องกับผลประโยชน์ของเขา”
“แต่ยามที่เบาะแสและหัวหอกทั้งหมดชี้ไปที่คนผู้นั้น…ไย ข้าถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายดายขนาดนั้น”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่คือการสร้างความแตกแยก”
“หรือว่าเป้าหมายของผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือทำให้พวกเรา คาดเดา และทุกย่างก้าวที่เราเดินต่อไปหลังจากนี้ จะ เป็นไปตามหมากบนกระดานจริงๆ”
สายตานายกองลุ่มลึก เสียงสะท้อนก้องในจวน
“เช่นนั้นเรามาเปลี่ยนวิธีวิเคราะห์ดีกว่า ไม่ต้องสนใจคน ที่อยู่เบื้องหลัง คิดในมุมมองของเราว่าหากเจอเรื่องแบบนี้เราจะทำอย่างไร”
นายกองพูดจบก็หันไปมองสวี่ชิง ก่อนจะมองจื่อเสวียน และสุดท้ายหลี่อวิ๋นซานผู้รับหน้าที่เป็นผู้ครองกระบี่
หลี่อวิ๋นซานเอ่ยด้วยเสียงทุ้มตํ่า
“ก่อนอื่นเราจะปล่อยให้ผู้ครองกระบี่จากเขตปกครอง ผนึกสมุทรเข้ามาในเมืองโดยเร็วที่สุด ขณะที่คุ้มกันสวี่ชิง เรา จะสืบเรื่องนี้ไปด้วย”
“ขณะเดียวกันก็รายงานเรื่องนี้ไปที่แดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์”
นายกองได้ยินก็ส่ายหน้า
“วิธีนี้ไม่เลวเลย แต่หากมีคนมากขึ้น ก็จะหนีไม่พ้นถูก สงสัยเรื่องการแย่งชิงอำนาจ ถึงตอนนั้น สถานการณ์ การลอบสังหารจะยิ่งวุ่นวาย แต่จะอยู่เฉยก็ไม่ได้ …การลอบสังหารอาชิงน้อยถือเป็นสัญญาณเตือน…”
หลี่อวิ๋นซานนิ่งเงียบไป หลังนายกองกล่าวจบ เขาก็ไม่เอ่ยปากอีก
ทั่วทั้งจวนตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงลมฝน หวิดหวิวด้านนอก ส่งผลให้ฝนหยดลงมาเป็นเม็ด บนฟากฟ้าที่ห่างไกลออกไป แสงตะวันค่อยๆ สาดส่องทะลุผ่านม่านเมฆดำทะมึน
สวี่ชิงไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ รับฟังการวิเคราะห์ ของทุกคน ผสมกับประสบการณ์ส่วนตัว ขณะที่ความคิด แตกแขนงออกไป เขาคิดถึงราชครูที่จิ้งจอกดินเหนียวกล่าวถึง …และคิดถึงคำตอบจากการวิเคราะห์ของเขามาตลอดเส้นทาง
เนิ่นนานหลังจากนั้น จื่อเสวียนถอนสายตาที่ทอดมอง ไปยังวังหลวงกลับมา แล้วกล่าวเรียบๆ
“จักรพรรดิมนุษย์ได้รับการยอมรับจากมหาจักรพรรดิ เมื่อมีคุณสมบัติเช่นจักรพรรดิ ก็ไม่อาจตัดสินใจได้ง่ายๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร สวี่ชิง การตัดสินใจของเจ้าย่อมสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่า”
สวี่ชิงเงยหน้ามองไปทางวังหลวง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้า
“เช่นนั้นก็นำเรื่องนี้ไปทูลต่อจักรพรรดิมนุษย์ในนามของแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ ผลที่พวกเราวิเคราะห์ได้ จักรพรรดิ มนุษย์หรือขั้วอำนาจอื่นๆ ก็ย่อมคิดได้”
“เราไม่จำเป็นต้องเดาว่าจุดประสงค์ของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง คืออะไร รอดูว่าจักรพรรดิมนุษย์จะทรงจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรจะดีกว่า”
จื่อเสวียนเห็นด้วย หลี่อวิ๋นซานครุ่นคิดและเลือกที่จะ
เงียบ
ส่วนนายกอง กะพริบตาปริบๆ แล้วเอ่ยปากเสียงแผ่วเบา
“อาชิงน้อย เจ้ายังจำตอนที่พวกเราเพิ่งมาถึงเขต ปกครองผนึกสมุทรได้หรือไม่ การตัดสินของเจ้าไม่ได้ผิดพลาด แต่ข้าคิดว่า พวกเราควรจะรํ่าไห้ครํ่าครวญสักหน่อย ขณะเดียวกันก็สร้างเรื่องให้คนปวดหัวบ้างถึงจะดี”
สวี่ชิงครุ่นคิด ใบหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นขาวซีด ท่าทาง เขาดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งตัว…
“ยังไม่พอหรอกอาชิงน้อย ข้าช่วยเอง”
นายกองกะตือรือร้นอยากลอง
หลี่อวิ๋นซานพูดอะไรไม่ออกเล็กน้อย หันหน้าไปมองทางอื่น
จื่อเสวียนกลับกวาดสายตามองนายกองอย่างเย็นชาผาดหนึ่ง
นายกองหดหัว แค่นหัวเราะเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียดาย
และเวลาก็ผ่านไปเช่นนี้ ไม่นานก็รุ่งสาง ข่าวสวี่ชิงถูก ลอบสังหารเมื่อคืน แพร่สะพัดไปทั่วราวกับพายุ เรื่องไหนจริง เท็จเพียงใดไม่มีผู้ใดล่วงรู้ จากข่าวที่แพร่ออกไปนั้น ทำให้ขั้วอำนาจต่างๆ ในเมืองหลวงจักรพรรดิต่างสั่นสะเทือน
ข่าวที่แพร่ออกมาพร้อมๆ กับข่าวการลอบสังหาร คือ สถานการณ์ในช่วงนี้ของสวี่ชิง
สวี่ชิงฝืนทนอาการบาดเจ็บ หลังจากถูกพากลับจวนก็ อาการกำเริบจนหมดสติไป โชคดีที่ยังมีความหวังอยู่บ้าง และ ทางเขตปกครองผนึกสมุทรยังพยายามคุ้มกันและให้การรักษาอย่างเต็มที่
ข่าวแพร่กระจายไปอย่างต่อเนื่อง สั่นสะเทือนไปทุกสารทิศ เมิ่งอวิ๋นไป๋รวมถึงหวงคุนมาเยี่ยมไข้ทันที แม้จะไม่ได้เจอสวี่ชิง เป็นนายกองที่มาต้อนรับ แต่ความตื่นตระหนกและ
ท่าทีพยายามจะลบข้อสงสัยทุกอย่างของตน แสดงให้เห็น พวกเขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
สายเลือดจักรพรรดิสำนักยอดจักรพรรดิดาราก็ ส่งยาลูกกลอนมาให้เป็นการแสดงนํ้าใจ
ขณะเดียวกันทุกคนในงานเลี้ยงหอโลกีย์คืนนั้นต่างทำ เช่นเดียวกัน แม้แต่ทางหอโลกีย์ก็มาเยี่ยมเยียน
นอกจากนั้น พวกนายท่านเจ็ดในแดนใหญ่คลื่น
ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ทราบข่าวคราวจากหลี่อวิ๋นซาน ทั่วทั้งแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์ส่งกองกำลังและนำทัพมาทันที
ครึ่งหนึ่งของแดนใหญ่วิญญาณทมิฬ ผู้บวงสรวงจำนวน มหาศาลเริ่มประกอบพิธี ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ท่าที เปลี่ยนเป็นสั่นเทา
ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือทางเซ่นจันทรา กลิ่นอายรัฐ ทายาทปะทุน่าตื่นตะลึง พลังเตรียมสู่เทวะแผ่ปกคลุมทั่วสารทิศ อีกทั้งตำหนักขบถจันทร์ขององค์หญิงหมิงเหมยและ ท่านย่าห้าก็ล้วนระเบิดระลอกคลื่นพลังของเตรียมสู่เทวะออกมา
ยิ่งปราณกระบี่ที่มาจากผู้อาวุโสเก้าที่พวยพุ่งออกมาน่าตื่นตะลึง
กลิ่นอายของพวกเขาปะทุอยู่ที่เซ่นจันทรา ผสานกันเป็นหนึ่งเดียว สั่นสะเทือน 8 ทิศ นี่เป็นวิธีแสดง ความโกรธแค้นต่อเรื่องนี้ในแบบของพวกเขา
ขณะเดียวกัน แผ่นหยกที่คณะเดินทางจากเขตปกครอง ผนึกสมุทรถวายแทนสวี่ชิง ก็ถูกถวายขึ้นไปเป็นลำดับ จนส่ง ไปถึงเบื้องหน้าจักรพรรดิมนุษย์
ในแผ่นหยกนี้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับแนบ แผ่นกระดาษสีดำมาด้วย
ส่วนผู้ครองกระบี่ที่ติดตามมาด้วยก็ไม่ถูกเรียกเข้าไปในจวน แต่ยังคงอยู่ข้างนอก พวกสวี่ชิงไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่ รายงานเรื่องนี้ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก็พอ
ไม่ว่าใครจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง มีเป้าหมายคืออะไร ทางเลือกของเขตปกครองผนึกสมุทรย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ จักรพรรดิมนุษย์น่าสงสัยที่สุด เช่นนั้น…ก็กราบทูลต่อจักรพรรดิมนุษย์ ดูท่าทีของอีกฝ่าย ไม่ใช่แค่พวกสวี่ชิงที่
จับตามอง หลายฝ่ายในเมืองหลวงจักรพรรดิก็ต่างเฝ้า สังเกตการณ์
และหลังจากแผ่นหยกนั้นถูกส่งเข้าวังหลวงหนึ่งชั่วยาม สุรเสียงทรงพลังพลันแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงจักรพรรดิ
“วังครองกระบี่ทมิฬบน วังอาญา วังคำสั่งพิเศษ 3 วัง ร่วมกันสืบสวน หาผลลัพธ์ให้ได้ภายในหนึ่งเดือน!”
นี่คือพระราชโองการจากจักรพรรดิมนุษย์
ทันทีที่ประกาศโองการ ภายในวังครองกระบี่ วังอาญา และวังคำสั่งพิเศษ 3 วังต่างมีเปล่งแสงออกมา ก่อตัวเป็น ภาพมายาร่างขนาดมหึมาระหว่างฟ้าดิน แผ่พลังน่าสะพรึงกลัว หันไปคำนับทางวังหลวง
“รับด้วยเกล้า!”
ต่อมา ก็มีลูกกลอนศักดิ์สิทธิ์จากวังหลวงถูกส่งมายัง จวนหนิงเหยียน ลูกกลอนนั้นใสดุจผลึกแก้ว มีกลิ่นหอม ตลบอบอวล กระทั่งขวดบรรจุยาก็ไม่ธรรมดา ทำมาจากกระดูก
“ลูกกลอนเซียนหวนคืนสวรรค์!”
ทันทีที่เห็นยาลูกกลอนนั้น หนิงเหยียนก็อุทานขึ้น มาทันใด
“ยาลูกกลอนเช่นนี้ในวังหลวงก็มีไม่มากนัก ว่ากันว่ายา หลักบางชนิดหายสาบสูญไปจากแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ แล้ว มีแค่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น…ยานี้มีฤทธิ์รักษาบาดแผล น่าอัศจรรย์ใช้ได้ผลแม้กระทั่งบาดแผลของอ๋องสวรรค์
“เม็ดเดียวก็มีมูลค่าอนันต์แล้ว”
นายกองจ้องตาไม่กะพริบ เลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณ สวี่ชิงส่งมันให้กับเขา หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด เขาก็รู้สึกถึงบางสิ่งในใจ
ตามความรู้ความเข้าใจด้านวิถีโอสถของเขา ลูกกลอนนี้ ไม่ธรรมดา และวิธีหลอมยาก็ไม่เหมือนกับวิธีที่เคยได้ยิน ที่น่า ประหลาดใจที่สุด…คือทันทีที่หยิบยาลูกกลอนออกมา ไอพลัง ประหลาดรอบด้านถูกสะกดเอาไว้
กระทั่งพลังต้นกำเนิดเทพในกายสวี่ชิงยังเร่งความเร็วใน การโคจร
“ในยานี้มีส่วนผสมลึกลับอยู่”
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด เก็บลูกกลอนนี้ลงไปขณะนายกอง มองตาปริบๆ
นายกองกะพริบตาปริบๆ ในใจเริ่มคิดว่าจะหลอกเอา ยาลูกกลอนนี้มาอย่างไรดี…แต่แล้วก็รู้สึกว่ายากมาก จึงถอนหายใจ คิดในใจว่าเดี๋ยวนี้อาชิงน้อยฉลาดขึ้นแล้ว หลอกอะไรเขาไม่ได้
ต่อมา พระราชโองการของจักรพรรดิมนุษย์ มีผลบังคับใช้ ทั้งวังครองกระบี่ วังอาญา วังคำสั่งพิเศษต่าง สืบสวนคดีลอบสังหารอย่างตั้งอกตั้งใจ
ถึงกับไปเยือนสำนักภูตทมิฬ
บรรยากาศภายในเมืองหลวงจักรพรรดิตึงเครียดขึ้นทันใด ชาวบ้านร้านตลาดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างสั่นเทา ด้วยความหวาดกลัว
ส่วนเบาะแสนั้น ย่อมต้องโผล่ออกมาให้เห็นในระหว่าง การสืบสวนเช่นนี้ ทว่าสวี่ชิงไม่ได้สนใจ ครึ่งเดือนให้หลัง ฟื้นตัวจาก ‘อาการบาดเจ็บ’ ปรากฏตัวต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก โดยการออกไปข้างนอกกับจื่อเสวียน
ฝั่งจื่อเสวียน หลังจากที่สวี่ชิงถูกลอบสังหาร ก็ไม่ไปสืบ หาเรื่องตะเกียงดำอีก คอยพยาบาลข้างกายสวี่ชิง จนกระทั่ง หายจากอาการบาดเจ็บ ก็ยังคงเป็นเช่นนี้
ดังนั้นในวันต่อมา ทุกครั้งที่สวี่ชิงออกไปข้างนอกก็ จะไปพร้อมกับจื่อเสวียนเสมอ พวกเขาทั้งสองเดินไปทั่ว เมืองหลวงจักรพรรดิ ทุกครั้งที่ไปยังที่ต่างๆ จื่อเสวียนมักจะ หยุดชะงักแล้วหันไปยังทิศทางของตะเกียง
“มีทั้งหมด 9 แห่งที่มีระลอกคลื่นของตะเกียง 3 แห่ง อยู่ในวังหลวง 2 แห่งอยู่ใต้ดิน และอีก 4 แห่งอยู่ที่ดารา
จักรพรรดิโบราณ”
“ส่วนรายละเอียดของสถานที่ ข้าต้องใช้ตัวช่วยบางอย่าง ถึงจะสำรวจได้อย่างแม่นยำ”
“สวี่ชิง ในบรรดาตัวช่วยเหล่านี้ ข้าหลอมเองได้ แต่ข้ายัง ต้องใช้เลือดของข้าหลอมเป็นลูกกลอนโลหิตชนิดพิเศษเพื่อ กระตุ้น”
จื่อเสวียนมองสวี่ชิง
สวี่ชิงพยักหน้า
“ข้าจะช่วยเจ้าหลอมเอง”
ด้วยเหตุนี้ หลังจากตกลงกันแล้ว ทั้งสองก็ซื้อวัตถุดิบ จากเมืองหลวงจักรพรรดิมาไม่น้อย กลับไปยังจวนหนิงเหยียน คนหนึ่งหลอมอาวุธ คนหนึ่งหลอมยา
การหลอมลูกกลอนโลหิตไม่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน เนื่องด้วยความพิเศษของมัน จำเป็นต้องใช้เตาหลอมยาเป็น สื่อกลาง และจำเป็นต้องเติมพลังบำเพ็ญและสมุนไพรอื่นๆ เป็นระยะตามระดับการควบแน่นของลูกกลอนโลหิต
สวี่ชิงใส่ใจกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง จากเวลาที่ผ่านไป ไม่นาน นักก็ผ่านไปอีกครึ่งเดือน เหลืออีกเพียงไม่กี่วันลูกกลอนโลหิต จะหลอมเสร็จ ก็มีพระราชโองการจากวังหลวงส่งมาถึงจวนหนิงเหยียน
เนื้อความในพระราชโองการสั่นสะเทือนไปถึงทุกฝ่าย เนื่องจาก…จักรพรรดิมนุษย์เรียกเข้าเฝ้าในที่สุด!
“รับสั่งให้สวี่ชิงแห่งแดนใหญ่คลื่นศักดิ์สิทธิ์เข้าเฝ้า!”
“รับสั่งให้กู่เยวี่ยหนิงเหยียนโอรสลำดับที่สิบสองเข้าเฝ้า!”