Skip to content

Outside Of Time 774

Outside of Time
BC

บทที่ 774 ผู้ที่เฝ้ารอนับพันปี

เมืองหลวงจักรพรรดิฝนตกเป็นเวลา 3 วัน ในวันที่ 4 กลับกลาย เป็นหิมะ

C

เหมันตฤดูมาเยือนอย่างปัจจุบันทันด่วน ความหนาวเย็น แพร่กระจายไปทั่วทิศทางตามหิมะแรกที่โปรยปราย ทำให้ทั้ง เมืองหลวงจักรพรรดิถูกปกคลุมด้วยสีเงินฉับพลัน เกล็ด นํ้าแข็งเกาะตามชายคา

เมื่อมองดูเกล็ดหิมะบนผืนฟ้า รับลมหนาวที่พัดมาปะทะใบหน้า สวี่ชิงก็นึกถึงเขตปกครองผนึกสมุทร คิดถึงทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ คิดถึงความทรงจำในวัยเยาว์แต่ละฉาก แม้จะฝึกบำเพ็ญมาจนถึงตอนนี้ เขาไม่รู้สึกร้อนหรือ หนาวมากตั้งนานแล้วเพราะมีความต้านทานเหนือธรรมดา แต่เขาก็ยังรู้สึกหนาวเล็กน้อยอยู่ดี

นั่นคือความทรงจำจากหัวใจของเขา ทุกเรื่องราวในวัยเด็กฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณมาเนิ่นนาน และจะติดตามเขาไปชั่วชีวิต

เวลานี้ ระหว่างทางเดินไปยังวังศึกษา สวี่ชิงกระชับ คอเสื้อโดยสัญชาตญาณ สาวเท้าเข้าไปในวังศึกษาท่ามกลางลมหิมะ

ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงคดีดวงตะวันแห่งแสงอรุณที่หายไปอีก ส่วนดวงตะวันแห่งแสงอรุณที่หายไปนั้นยังหาไม่เจอ เดิมขั้ว อำนาจทุกฝ่ายในเมืองหลวงจักรพรรดิควรจะใส่ใจเรื่องนี้เป็นสำคัญ แต่กระนั้น…ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ใดสนใจ ส่วนเหตุผลนั้น สวี่ชิงวิเคราะห์ได้

‘เพราะมีจักรพรรดิมนุษย์อยู่’

จักรพรรดิมนุษย์ ในสายตาของเผ่ามนุษย์นั้นคือผู้คํ้าจุนสวรรค์

ทำให้จิตใจของปวงประชาสงบลงได้ สวี่ชิงรู้สึกซับซ้อนกับจักรพรรดิมนุษย์ ตอนแรกที่เขายัง ไม่ได้มาเยือนเมืองหลวงจักรพรรดิ จักรพรรดิมนุษย์เป็นเพียง สัญลักษณ์หนึ่ง ในความรู้สึกของเขา เป็นเพียงกระดาษขาวอันว่างเปล่าและแปลกหน้า

เมื่อมาถึงเมืองหลวงจักรพรรดิ เมื่อวิเคราะห์ตัว จักรพรรดิมนุษย์แล้ว กระดาษแผ่นนี้ก็มีสีสัน ทว่า…สีสันนั้น มากล้นจนตอนนี้ดูสับสนซับซ้อน สวี่ชิงส่ายหน้า

ทว่าเขามีนิสัยหนึ่ง คือชอบเก็บงำเรื่องที่ไม่เข้าใจ บันทึกไปทีละอย่าง รอคอยให้เวลาผ่านไปจนกว่าพิรุธและเบาะแสจะปรากฏขึ้น จึงนำมาเติมเต็มให้สมบูรณ์

ด้วยวิธีนี้ เมื่อรวบรวมเบาะแสได้เพียงพอ คำตอบ ทั้งหมดก็จะผุดขึ้นในใจเขาเอง

ทว่าตอนนี้ สวี่ชิงรู้แล้วว่าสิ่งสำคัญที่สุดตรงหน้าของตน แท้จริงแล้วคือพลังบำเพ็ญ

‘ไปดูที่สายเซียนต่างวิถีสักหน่อยแล้วกัน!’

เมื่อก้าวเข้ามาในวังศึกษา ความหนาวเหน็บก็ถูกปิดกั้น อยู่ภายนอก ลมหิมะก็เช่นกัน เมื่อเทียบกับฤดูกาลที่ เปลี่ยนแปลงด้านนอก วังศึกษาซึ่งเป็นมิติเอกเทศนั้นยังคง เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

ผู้คนยังคงหลั่งไหล บรรยากาศยังคงครึกครื้น เสียงหารือ ยังคงจอแจไม่หยุด

สวี่ชิงที่อยู่ที่นี่มาเดือนกว่าคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมนี้มานานแล้ว เขาเดินปะปนไปกับฝูงชน ราวกับหยดนํ้าตกลงไปในมหาสมุทร มุ่งหน้าไปยังสายเซียนต่างวิถีทางทิศตะวันออกโดยไม่เป็นที่สะดุดตาแม้แต่น้อย

‘งานเลี้ยงขององค์หญิงอันไห่คราวก่อน คนที่ชื่อว่า มู่หนานใช้ภาพบันทึกเงาเคลื่อนไหว บันทึกความสำเร็จครั้ง ใหญ่ของเฉินเต้าเจ๋อแห่งสายเซียนต่างวิธี ซึ่งคล้ายกับสภาวะ เทพเจ้าของข้าอย่างยิ่ง

‘หรือว่าการถักทอวิญญาณของสายเซียนต่างวิถี จะมีความคล้ายคลึงกับสภาวะเทพเจ้า’

สวี่ชิง ตื่นเต้นกับสิ่งนี้อย่างยิ่ง เนื่องจากสภาวะเทพเจ้า เกิดจากวาสนาและความบังเอิญที่ประจวบเหมาะหลายอย่างบนร่างกายเขา เขาไม่เคยพบเห็นในผู้อื่นมาก่อน แม้แต่ท่านปู่เก้าในตอนนั้นก็ไม่เคยเห็น

สวี่ชิงจึงเสาะหาวิธีการฝึกบำเพ็ญสภาวะเทพเจ้าของตน มาโดยตลอด

หากทุกครั้งที่เปลี่ยนเป็นสภาวะที่ 2 จำเป็นต้องใช้เลือดเนื้อซื่อหมู่…สวี่ชิงคงจะแบกรับความสิ้นเปลืองเช่นนี้ไม่ได้

ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงสภาวะที่ 3 เลย

‘สภาวะแรก ข้าสามารถสำแดงสมบัติวิญญาณขั้น บริบูรณ์กระทั่งเทียบได้กับพลังของหวนสู่อนัตตาขั้น 1 การสนับสนุนเช่นนี้เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่

‘ส่วนสภาวะที่ 2 ใกล้เคียงกับหวนสู่อนัตตา…แม้จะมีข้อด้อยอยู่บ้าง แต่อันที่จริงก็ไม่ได้แตกต่างกันนัก’

‘ส่วนสภาวะที่ 3…’

สวี่ชิงหวนนึกถึงการสำแดงต่อหน้าท่านปู่เก้าในตอนนั้น และคิดถึงเหล่าผู้แข็งแกร่งที่เคยพบเจอ จึงเริ่มมีข้อสรุปในใจเบื้องต้น

‘พลังการต่อสู้เทียบเท่ากับหวนสู่อนัตตาขั้น 3!’

‘ดังนั้นจุดสำคัญของการฝึกบำเพ็ญของข้า คือ การฝึกฝนสภาวะเทพเจ้าทั้ง 3 ให้เชี่ยวชาญ’

‘นอกจากนี้ยังมีสมบัติลับคลังที่ 5’

สวี่ชิงขบคิด เวลาผันผ่านไปครึ่งชั่วยามให้หลัง เจดีย์ขาว สายเซียนต่างวิถีพลันปรากฎอยู่ในครรลองสายตา

เมื่อเทียบกับความอึกทึกวุ่นวายรอบข้าง ที่นี่ดูเงียบสงบ กว่ามาก ว่างเปล่า ไร้ผู้คนสนใจ ราวกับว่ามันได้จมอยู่ในหน้า ประวัติศาสตร์ เลือนหายไปตามกาลเวลา

วันนี้ลูกศิษย์ในเจดีย์ขาวไม่ได้มี 3 คน แต่เหลือเพียงคนเดียว เขานั่งหาวหวอดๆ ขณะที่ถูกเจ้าสายดุด่า

“เจ้ามองออกไปข้างนอกสิ ผู้รํ่าเรียนมากมายขนาดนั้น ทำไมเจ้าถึงหาคนเข้ามาไม่ได้เล่า

“ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป คงมีคนช่วยงานไม่พอแน่ คัมภีร์ โบราณมากมายปานนี้ ข้าจัดการเองทุกวันไม่ไหวหรอก!

“ถึงสายเซียนต่างวิถีของเราในตอนนี้จะถดถอย แต่ก็เคย รุ่งโรจน์ วันๆ พวกเจ้าเอาแตทำจุลสารอะไรก็ไม่รู้ไร้ประโยชน์ สิ้นดี”

ลูกศิษย์ที่ถูกตำหนิสะบัดมือด้วยสีหน้าหมดความอดทน

“พอได้แล้ว หากท่านว่าข้าอีก พรุ่งนี้ข้าไม่มาแล้ว ที่พวก ข้าทำจุลสารก็เพื่อจะหาเงินใช้เอง ก็ท่านไม่ให้เงินพวกข้าสักกระผีกนี่ พวกข้าเขียนแต่เรื่องชุบซิบแล้วมันเกี่ยวอะไรกับท่าน ไม่เช่นนั้นก็เก็บเงิน ถ้ามีไอ้งั่งที่อยากอ่านตำราคร่ำครึของท่าน ก็เก็บเงินเสียสิ”

“เจ้า!!” เจ้าสายเซียนต่างวิถีถลึงตา ใจจริงอยากจะพูดจา รุนแรงสักหนอย แต่สุดท้ายก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่มาจริงๆ…

ทรวงอกเขากระเพื่อมขึ้นลงหลายครั้ง ขณะที่สรรหาถ้อยคำ

สวี่ชิงที่เดินมาก็ดึงดูดความสนใจไป เขาจึงถือโอกาส แค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา นำมือไพล่หลัง มองไปยังสวี่ชิง

ส่วนลูกศิษย์คนนั้นก็เงยหน้าขึ้น พอเห็นสวี่ชิงก็เอ่ยปากอย่างเฉื่อยแฉะ

“สายเซียนต่างวิถี ค่าเช่าอ่านแผ่นหยกราคาแผ่นละ 100 หินวิญญาณ”

การแต่งกายแบบเดียวกัน ทำให้เขาจำไม่ได้ว่าสวี่ชิงเคยมาที่นี่ อันที่จริงในวังศึกษาแห่งนี้ ยากนักที่จะระบุตัวตน นอก เสียจากจะไปมาหาสู่กันหลายครั้ง

สวี่ชิงกวาดตามองไป กำลังจะเอ่ยปาก ทว่าในตอนนี้เอง เจ้าสายผู้นั้นเห็นสวี่ชิงแวบเดียว ดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจ

“ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่อีกเล่า”

ลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินดังนั้นก็ผงะ แล้วมองสวี่ชิงอย่างละเอียด

สวี่ชิงเองก็แปลกใจเล็กน้อย จากนั้นจึงคำนับเจ้าสาย

“ท่านอาจารย์ ข้าอยากทำความเข้าใจสายเซียนต่างวิถี อีกสักหน่อยขอรับ”

“ได้” สายตาของเจ้าสายเซียนต่างวิถีเป็นประกาย ถูมือไปมาอย่างอดไม่ได้ ก้าวไปคว้าแขนสวี่ชิงแล้วลากเข้าไปข้างในเจดีย์ขาว ราวกับกลัวว่าสวี่ชิงจะหนีไป

สวี่ชิงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ส่วนลูกศิษย์คนนั้นถอนหายใจ แล้วเมินเฉยไปเสีย

“เจ้าเป็นคนหลักแหลม ข้าสัมผัสได้ตั้งแต่ที่เจ้ามาที่นี่ ครั้งแรกแล้ว” เสียงของเจ้าสายเซียนต่างวิถีเจือความปลาบปลื้ม

“การที่เจ้าเลือกสายเซียนต่างวิถีนั้นเป็นเสียงเรียกร้อง จากภาระหน้าที่ เป็นสิ่งที่ไม่อาจเลี่ยงได้เมื่อกงล้อแห่ง โชคชะตาเริ่มเคลื่อนไหว หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าน่าจะเพิ่งเข้ามา ในวังศึกษาใช่หรือไม่”

เจ้าสายเซียนต่างวิถีกล่าวพลาง ยกมือซ้ายขึ้นมาทำท่าคำนวณ นิ้วแตะกันไปมา ดวงตาฉายแววประหลาดใจ มองสวี่ชิงด้วยสายตาคล้ายอยากพูดอะไรแต่ก็ลังเล

สวี่ชิงนิ่งเงียบ กลอุบายเช่นนี้นายกองใช้บ่อยๆ จนเขาชินชาแล้ว

เห็นว่าสวี่ชิงไม่คิดที่จะเอ่ยถามก่อน เจ้าสายเซียนต่างวิถี จึงกระแอมไอแล้วพูดพึมพำกับตัวเอง

“เมื่อครั้งยุครุ่งโรจน์ของสายเซียนต่างวิถี บรรพจารย์ผู้ หยั่งรู้ฟ้าดิน เห็นนิมิตในอนาคต และทิ้งคำนายเอาไว้ กล่าวว่า วันหนึ่งในภายภาคหน้าจะมีผู้ร่ำเรียนคนหนึ่งเข้าร่วมสายเซียนต่างวิถี และจะนำสำนักของเราไปสู่จุดสูงสุด”

“ครั้งก่อนที่ข้าเห็นเจ้า ก็รู้สึกบางอย่างแต่ไม่แน่ชัด วันนี้ ได้พบเจ้าอีกครา ไม่รู้ทำไมคำนายนั่นถึงผุดขึ้นมาในหัว”

“เป็นไปได้มากว่าเจ้าจะเป็นคนที่เราเฝ้ารอนับพันปี!”

ลูกศิษย์ที่อยู่ข้างกายคนนั้นเบะปาก เขาเคยได้ยินคำพูดนี้มาก่อน ตอนที่เขามาที่นี่เจ้าสายก็พูดกับเขาเช่นนี้ ส่วนเจ้าลูก ศิษย์ 2 คนที่หายหน้าไปวันนี้ก็พูดแบบนี้เช่นกัน

‘ไม่รู้จักเปลี่ยนคำพูดเสียบ้าง’

แตพอคิดว่าหลอกล่อคนอื่นมาได้อีกคนก็ดีเหมือนกัน ม่านตาสองข้างจึงหดเล็กลง แล้วร้องอุทานออกมาด้วยท่าทาง ตกอกตกใจ

“สวรรค์”

สวี่ชิงมองคนขี้โม้สองคน จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสายเซียนต่างวิถี น่าจะไม่เหมาะกับเขาเท่าไร…

เห็นลูกศิษย์ตนร่วมประสมโรง เจ้าสายเซียนต่างวิถีก็พอใจ รีบหยิบแผ่นหยกใกล้ๆ วางบนมือสวี่ชิงทันที

“เจ้าหนู ผสานจิตเทพของเจ้าเข้าไปแล้วมาเป็นศิษย์หลัก สายเซียนต่างวิถีของข้าเถิด จากนั้นทุกสิ่งอย่างในที่แห่งนี้จะเปิดรับเจ้า อนาคตของสายเซียนต่างวิถีอยู่ในมือเจ้าแล้ว!”

“วิชาสายเซียนต่างวิถีมีความพิเศษในตอนนั้นจักรพรรดิ มนุษย์จึงอนุญาตให้เรากำหนดวิธีสืบทอดด้วยตัวเองเป็นกรณีพิเศษ ดังนั้นบรรพจารย์จึงตัดสินใจว่าจะไม่ถ่ายทอดให้ ใครนอกจากจะเป็นศิษย์หลัก”

“มาเถิด เข้าร่วมกับพวกเรา จากนี้ชีวิตของเจ้าจะได้เปิด ประตูบานใหม่!”

เจ้าสายเซียนต่างวิถีเอ่ยโน้มน้าวด้วยนํ้าเสียงกะตือรือร้นไม่หยุด

สวี่ชิงมองแผ่นหยกในมือ ในเมื่อวันนี้เขามาที่นี่ และ ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จึงประทับตราโดยไม่ลังเล

เมื่อแผ่นหยกส่องแสง สวี่ชิงก็กลายเป็นศิษย์หลักสาย เซียนต่างวิถีแล้ว

“ฮ่าๆ ยินดีต้อนรับเข้าสู่สายเซียนต่างวิถี”

เจ้าสายตื่นเต้น ลูกศิษย์ข้างกายก็ดีใจ ทั้งสองมองหน้ากัน เห็นความภาคภูมิใจของอีกผ่ายที่หลอกคนมาเข้าร่วมสายได้สำเร็จ

ฝ่ายแรกคิดว่าสำนักกำลังจะแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต ส่วนฝ่ายหลังคิดว่าต่อไปจะมีแรงงานเพิ่มขึ้นแล้ว

สวี่ชิงไม่ได้สนใจกับเรื่องนี้สักเท่าไร ประสานมือเอ่ยปาก “ท่านเจ้าสาย ช่วยแสดงวิชาสายเซียนต่างวิถีให้ข้าชมสักครั้งได้หรือไม่ขอรับ”

“ไม่มีปัญหา” เจ้าสายหัวเราะร่า ยกมือคว้าแผ่นหยก หลายสิบแผ่นจากภูเขาขนาดย่อมตรงหัวมุม ยื่นให้สวี่ชิงทั้งหมด

“วิชาสายเซียนต่างวิถีนั้นอยู่ในนี้ทั้งหมด เจ้าค่อยๆ ดู ไปก็แล้วกันไม่ต้องรีบ”

สวี่ชิงพยักหน้า อ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ สีหน้าเบื้องหลัง หน้ากากค่อยๆ เปลี่ยนเป็นฉายแววครุ่นคิด

แผ่นหยกมีเนื้อหามากมาย คำอธิบายเรื่องการฝึก บำเพ็ญของสายเซียนต่างวิถีก็ละเอียดมาก

โดยรวมแล้ว การฝึกบำเพ็ญของสายนี้มีเงื่อนไขการฝึก ต้องเป็นคนที่มีพลังวิญญาณมหาศาล

มีเพียงคนจำพวกนี้ถึงสร้างไหมวิญญาณได้มากพอที่จะ ถักทอเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเทพให้สมบูรณ์ได้

หากพลังวิญญาณไม่พอ วิญญาณจะหลุดลอยไปได้ง่ายในระหว่างถักทอ

นอกจากนี้ยังต้องเห็นภาพสัญลักษณ์นึกนิมิตของสิ่งมี ชีวิตประเภทเทพ ใช้ไหมวิญญาณต่างพู่กัน ทำให้สมบูรณ์ ส่วนกระบวนการนั้นแตกต่างกันตามปัจเจกบุคคล แต่ โดยรวมแล้วเชื่องช้าอย่างยิ่ง

ส่วนเจ้าสายนั้น ขณะที่สวี่ชิงยังอ่านข้อมูล ก็แนะนำสาย เซียนต่างวิถีไม่หยุด

“จุดเด่นของสายข้าคือการนึกนิมิตถึงสิ่งมีชีวิตประเภทเทพ ซึ่งจะถ่ายทอดให้กับเจ้า นี่เป็นสิ่งที่คนในสายเราแต่ละ ยุคสมัยคัดสรรมาจากสิ่งมีชีวิตประเภทเทพนานาชนิดซึ่ง เหมาะกับสายเซียนต่างวิถีที่สุด ด้านในบรรยายเกี่ยวกับ จำนวนไหมวิญญาณที่ต้องใช้ เทียบกับวิชาแล้ว นี่ตางหากที่ เป็นแกนของสายเซียนต่างวิถี”

“แต่เจ้าต้องจำไว้ว่าอย่าตั้งเป้าสูงเกินไป หากจำนวน ไหมวิญญาณที่ฝึกออกมามีไม่มากพอ ก็ไม่อาจฝืนนึกนิมิตได้” ขณะที่เจ้าสายให้คำชี้แนะ สวี่ชิงก็ดูภาพนึกนิมิตสิ่งมี ชีวิตประเภทเทพในแผ่นหยกภาพบันทึกเงาเคลื่อนไหวหลายสิบภาพ แต่ละภาพสมจริงราวกับมีชีวิต

ในนั้นต้องการไหมวิญญาณมากที่สุดคือหนึ่งแสนเส้น น้อยที่สุดคือประมาณห้าหมื่นเส้น

เขาจึงลองฝึกบำเพ็ญครู่หนึ่ง ไม่นานนักก็เข้าสู่ภวังค์ สายตาเริ่มเลื่อนลอย

เมื่อเห็นภาพนี้ เจ้าสายก็ส่ายหน้า เห็นแก่ที่เมื่อครู่เพิ่งจะ หลอกอีกฝ่ายมาเข้าสาย จึงเอ่ยเตือน

“การจะฝึกบำเพ็ญวิชาสายเซียนต่างวิถี ต้องมีสมาธิจดจอ ฝึกในค่ายกลที่เงียบสงบคงที่ ถึงจะเลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็ว การที่เจ้าฝึกตอนนี้แล้วยังไม่เห็นผลอะไรถือเป็นเรื่องปกติ”

“ปกติฝึกบำเพ็ญหนึ่งเดือนรวมไหมวิญญาณได้ 1 เส้น ก็ถือว่ามีพรสวรรค์แล้ว หากรวมได้เกิน 3 เส้น ถือว่าเป็นอัจฉริยะฟ้าประทาน เกิน 10 เส้นถือเป็นบรรพจารย์ได้!”

สวี่ชิงลังเล มองเข้าไปในทะเลความรู้สึก ด้านในนั้น…มีไหมวิญญาณแผ่สยายอยู่ทั้งหมดหนึ่งหมื่นกว่าเส้น

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!