บทที่ 799 ใต้เท้าปลัดเขตปกครอง ขอโปรดชี้แนะ
เป็นไปได้ว่าสำหรับบางคน พวกเขารับรู้ตัวตนที่แท้จริง ของเจ้าสายผสานเทพแล้ว แต่เผ่ามนุษย์ที่แดนใหญ่ เมืองหลวงส่วนมากไม่รู้เรื่องนี้เลย
ถึงอย่างไรกฎพิเศษของวังศึกษาทำให้ตัวตนในโลก ภายนอกของคนที่อยู่ในนั้นได้รับการปกป้อง
และเทียนประทีปสองคำนี้ในแดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิ ในอดีตก็มีน้อยคนนักที่จะรับรู้เข้าใจ จนกระทั่ง เกิดเรื่องที่เขตปกครองผนึกสมุทรขึ้น ถึงได้เหมือนพายุซัดโหม กวาดไปทั่วเผ่ามนุษย์
หลังจากนั้นราชโองการของจักรพรรดิมนุษย์ก็ประกาศจับไล่ล่ากลุ่มเทียนประทีปภายในดินแดนเผ่ามนุษย์ทั้งหมด ทำให้ชื่อของ เทียนประทีป แพร่ออกไปโดยสมบูรณ์
ดังนั้นในความรู้ความเข้าใจของผู้บำเพ็ญส่วนมาก กลุ่ม เทียนประทีปเป็นสัญลักษณ์ของความวุ่นวาย ความชั่วร้าย แทนเคราะห์ภัยพิบัติ โดยเฉพาะการแสดงสีเลือดในองค์กรนี้ ยิ่งทำให้คนที่จับตามองต้องตื่นตะลึงครั่นคร้าม
ส่วนไป๋เซียวจัวในฐานะที่เป็นตัวละครหลักของ เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงที่เขตปกครองผนึกสมุทร ข่าวลือ แต่ละเรื่องๆ ที่เกิดขึ้นกับเขายิ่งทำให้ตัวตนของเขาในใจของคนทั้งหลาย กลายเป็นบุคคลตัวแทนของกลุ่มเทียนประทีป ดังนั้น หลังจากคำพูดของสวี่ชิงดังออกมา ก็ปานสายฟ้า น่าตื่นตะลึงฟาดผ่ามาในฟ้าดิน คำรามลั่นไปทั่วทั้งมิติ สะท้อนก้องไปทั่วสารทิศในเมืองหลวง
“เทียนประทีปหรือ”
“เป็นไปได้อย่างไร”
“เจ้าสายผสานเทพคือไป๋เซียวจัวคนนั้นหรือ”
เสียงฮือฮาดังออกมาจากปากของผู้ร่ำเรียนทุกคนในวังศึกษาอย่างไม่อาจควบคุม โดยเฉพาะผู้ร่ำเรียนของสายผสานเทพ แต่ละคนยิ่งเกิดสายฟ้าฟาดผ่าสะท้อนก้องรุนแรงในใจ พวกเขาไม่อาจเชื่อได้ ดังนั้นปฏิกิริยาอย่างแรกคือเรื่องนี้เหลวไหลไร้สาระ หากไม่ใช่รัศมีอำนาจที่สะสมไว้ก่อนหน้านี้
ตลอดจนฐานะของสวี่ชิง อีกทั้งยังมีฉากที่กระบี่จักรพรรดิ ประหารองค์ชายฉากนั้น เกรงว่าตอนนี้จะต้องมีคนก้าว ออกมาตำหนิติเตียนอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร คำพูดของสวี่ชิงก็ยังทำให้ผู้ร่ำเรียน สายผสานเทพแต่ละคนในใจแผ่ระลอกคลื่น ส่วนระดับสูงสาย ผสานเทพบนแท่นพิธีเต๋าสีดำ ใบหน้าใต้หน้ากากต่างเปลี่ยนไป
พวกเขาก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ดังนั้นสายตาจึงจับจ้อง มาจากทั่วสารทิศ จ้องมาจากขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ ในเมืองหลวง ต่างจับจ้องไปยังร่างของเจ้าสายผสานเทพที่อยู่บนฟ้า
เจ้าสายผสานเทพสายตาสงบนิ่ง มองไปทางสวี่ชิง
สวี่ชิงยืนอยู่ตรงนั้น มองเจ้าสายผสานเทพเช่นกัน
“ตอนนั้นข้าเคยคารวะใต้เท้าปลัดเขตปกครองที่ มีบุญคุณสอนสั่งและคลายความสงสัยในตอนที่อยู่เขต ปกครองผนึกสมุทรในใจไม่ติดค้างแล้ว”
สวี่ชิงเอ่ยราบเรียบ สถานการณ์ที่คล้ายกัน ภาพฉากที่ คล้ายกัน สองคนเดิม แต่ฐานะกลับต่างกัน
“ตอนนี้เหมือนกับตอนนั้นใต้เท้าปลัดเขตปกครอง พวกเราพบกันอีกแล้ว”
“และผู้บำเพ็ญเทียนประทีป ดูแคลนการพูดปดมดเท็จ ให้ความสำคัญกับความสมเหตุผลทุกอย่าง”
“คำพูดเหล่านี้ ข้าเคยพูดไว้ตอนที่อยู่เขตปกครองผนึก สมุทร แต่ตอนนั้นท่านผิดต่อปณิธานแล้ว”
สวี่ชิงนิ่งสุขุม ดวงตาไร้ระลอกคลื่นอารมณ์
เจ้าสายผสานเทพสายตาล้ำลึก ในใจซับซ้อน ยิ่งมีความ
สะท้อนใจ เงียบนิ่งไม่พูดจา
สวี่ชิงส่ายหน้า
“ใตเท้าปลัดเขตปกครองยังจำคำพูดที่ข้าเคยพูดตอนนั้นได้หรือไม่ หากเรื่องสายผสานเทพในวันนี้ เป็นการแสดงสีเลือดของท่าน เช่นนั้นข้าในตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่า ครั้งนี้ก็ยังไร้ฝีมือเช่นเดิม”
“ความไร้ฝีมือก็ยังไม่ใช่การแสดงเช่นเดิม แต่เป็นท่านคนนี้ ทำผิดต่อปณิธานเดิมในใจ ท่านไม่คู่ควรที่จะเรียกว่า เทียนประทีป”
“ดังนั้นวันนี้ ท่านยังจะผิดต่อปณิธานเดิมในใจอีกครั้ง อย่างนั้นหรือ”
“ใต้เท้าปลัดเขตปกครอง ขอโปรดชี้แนะ”
เสียงของสวี่ชิงดังก้อง
เจ้าสายผสานเทพหลับตา ยกมือขวาขึ้น วางไว้บนหน้ากาก หลังจากนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็ค่อยๆ ถอดมันออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
เป็นไป๋เซียวจัวในความทรงจำสวี่ชิงนั่นเอง
สายตาแต่ละคู่จับจ้องมาทันที จิตใจผู้คนมากมายตื่นตัวขึ้น ทั้งวังศึกษาเงียบสงัด
แต่สำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว หลายๆ ครั้งหน้าตาไม่สามารถ นำมาใช้เป็นหลักฐานได้ กลิ่นอายถึงจะเป็นประเด็นสำคัญ แต่ไป๋เซียวจัวในตอนนี้ กลิ่นอายของเขาแตกต่างกับตอนที่อยู่ที่ เขตปกครองผนึกสมุทรโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นความจริงแล้วเขาปฏิเสธได้ ทว่าคำพูดของสวี่ชิงเหมือนกับในตอนนั้น ทุกๆ คำล้วน ทิ่มแทงจิตใจอย่างรุนแรง
“สวี่ชิง พบกันอีกแล้ว”
ไป๋เซียวจัวที่ถอดหน้ากากออกสีหน้าสงบเยือกเย็น เอ่ย เสียงแผ่วเบา
“ครั้งนี้ข้าไม่ได้ทำเจ้าผิดหวังกระมัง ข้าคือไป๋เซียวจัว เจ้าเขตปกครองรัฐม่วงคราม ไป๋เซียวจัว!”
เสียงของไป๋เซียวจัวดังก้อง ความสงบเยือกเย็นแบบนั้น ทำให้เขาทั้งคนในเสี้ยวขณะนี้เต็มไปด้วยรัศมีอำนาจที่ยาก จะบรรยาย และสร้างลมพายุกระหน่ำฟ้าไปในวังศึกษา ไปใน เมืองหลวง
เสียงฮือฮาดังขึ้นสะท้านสะเทือนในวังศึกษา ผู้ร่ำเรียน ทุกคนในใจต่างมีสายฟ้าฟาดผ่า ในดวงตาฉายแววตื่นตะลึง ส่วนผู้ร่ำเรียนสายผสานเทพเหล่านั้นแต่ละคนยิ่งเนื้อตัวสั่นเทา
ความไว้เนื้อเชื่อใจทุกอย่าง หลังจากที่เผชิญกับการ ยอมรับกับปากล้วนพังทลายในเสี้ยวพริบตา สิ่งที่ตามมา จากนั้นคือความสับสนงงงัน คือความพลุ่งพล่าน คือ ความโกรธเดือดดาล
เจ้าสายผสานเทพเป็นกลุ่มเทียนประทีปที่เป็นเหมือนหนูข้ามถนน ใครๆ ต่างร้องด่าทุบตี!
เป็นไป๋เซียวจัวที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในเขต ปกครองผนึกสมุทร ทำให้เผ่ามนุษย์นับไม่ถ้วนต้องตายจาก เหตุการณ์นั้น!
ความพลิกกลับตาลปัตรที่ข้อมูลเหล่านี้นำมากระจายไปในใจของผู้ร่ำเรียนวังศึกษา ระดับสูงสายผสานเทพที่อยู่บน แท่นพิธีเต๋าสีดำกลางท้องฟ้า จิตใจของพวกเขาในเสี้ยวขณะนี้ ก็ยิ่งซัดโหมพลิกตลบ
พวกเขาไม่อาจเชื่อได้เลย ยิ่งไม่อยากเชื่อ แต่ความจริงก็ วางอยู่ข้างหน้าแล้ว
ในขณะเดียวกัน ลมพายุที่กรรโชกรุนแรงยิ่งขึ้นก็ปะทุ มาในเมืองหลวงนอกวังศึกษา ขั้วอำนาจแต่ละฝ่ายต่างหวั่นไหว ไม่ว่าอย่างไร ในที่แจ้ง กลุ่มเทียนประทีปและไป๋เซียวจัวจะมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ไม่ได้
ดังนั้นกลิ่นอายแต่ละทางๆ จับเป้าหมายมาจากทั่วทุกสารทิศ ฟ้าดินทั่วทั้งวังศึกษาตึงเครียดจนถึงขีดสุด สายตานับไม่ถ้วน จิตเทพนับไม่ถ้วนล้วนจับเป้าหมาย มายังม่านฟ้า จิตสังหารก็เกิดขึ้นตามมา เหมันต์อันหฤโหด ลงมาเยือน
เจ้าวังศึกษาทางนั้น ร่างกายแก่ชราเป็นเฉกเช่นเดิม มีเพียงดวงตาทั้งสองที่ลึกล้ำ มือเพียงสะบัด ทันใดนั้นพื้นดิน ของวังศึกษาส่งเสียงครืนครัน ค่ายกลป้องกันลานพิธีเต๋าที่อยู่ ข้างล่างปกคลุมทั่วทั้งสี่ทิศ ปกป้องผู้ร่ำเรียนทุกคน
แต่เหมือนไป๋เซียวจัวจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขามองสวี่ชิง เสียงแหบแห้งดังก้อง
“ตอนที่อยู่ที่เขตปกครองผนึกสมุทรเป็นเจ้าที่ก้าวออกมาคนเดียว”
“วันนี้ก็ยังเป็นเจ้าที่ก้าวออกมาคนเดียวเช่นเดิม”
“สวี่ชิง เจ้าเศร้าใจหรือไม่ เผ่ามนุษย์เช่นนี้ คือสิ่งที่ เจ้าอยากได้อย่างนั้นหรือ”
“กระบี่จักรพรรดิน่าจะไม่เคลื่อนไหวกับข้า นี่หมายถึง อะไร เจ้าไม่เข้าใจหรือ”
สวี่ชิงส่ายหน้า
“ซับซ้อนเกินไป ข้าไม่อยากคิด”
“ข้ารู้เพียงแค่ว่า ณ เขตปกครองผนึกสมุทร ข้าก้าว ออกมาเพราะมีชายชราคนหนึ่งที่ข้าเคารพนับถือเป็นอย่างมาก เขารบตายแล้ว ทว่ายังมีชีวิตอยู่ในใจของข้า”
“ส่วนวันนี้ ท่านใต้เท้าปลัดเขตปกครองเข้าใจผิดแล้ว”
“ข้าก้าวออกมาเพียงเพราะข้าอยากให้ท่านตายก็เท่านั้น”
สวี่ชิงนํ้าเสียงสงบนิ่ง
“ง่ายๆ แค่นี้หรือ” ปลัดเขตปกครองหัวเราะ ถามคำถาม เดียวกับในตอนนั้น
“ไม่อย่างนั้นเล่า” สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ วิธีการพูดก็ เหมือนกับในตอนนั้น
“ข้านึกว่าครั้งนี้เจ้าจะพูดอะไรมากมาย” ปลัดเขตปกครองหัวเราะ
“ครั้งที่แล้วไม่พูด ครั้งนี้ย่อมไม่พูดเช่นเดิม’’
สวี่ชิงพูดจบก็ถอยหลังไปสามสี่ก้าว แล้วพุ่งลงมาจาก กลางอากาศ กลับมาบนแท่นพิธีเต๋าสีขาวของสายเซียนต่าง วิถี นั่งขัดสมาธิ
สำหรับไป๋เซียวจัวที่อยู่กลางท้องฟ้า เขาไม่สนใจอีก แม้เพียงเล็กน้อย
เขาทำเรื่องที่ตัวเองต้องทำอย่างการเปิดเผยตัวตนของ เจ้าสายผสานเทพเรียบร้อย เช่นนั้นต่อจากนี้…เขาไม่จำ เป็นต้องฝืนลงมือแล้ว
เพราะต่อหน้าคุณธรรม ไม่ว่าจะด้วยจุดยืนอะไรล้วนไม่อาจเลือกที่จะเมินเฉยได้ เรื่องหลังจากนี้ จักรพรรดิมนุษย์ ทางนั้นย่อมจัดการด้วยพระองค์เอง
ถึงอย่างไรที่นี่ไม่ใช่เขตปกครองผนึกสมุทร ที่นี่คือ เมืองหลวงจักรพรรดิ
เรื่องก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
จักรพรรดิมนุษย์ตอนนี้เงยหน้าขึ้น สายตาจับจ้องไปยัง ร่างของไป๋เซียวจัว เสียงทรงอำนาจน่าเกรงขาม กฎเกณฑ์ ลงมาเยือนฟ้าดิน
“เจ้าวังศึกษา จับตัวนักโทษหลบหนีไป๋เซียวจัว!”
เมื่อเจ้าวังศึกษาชราได้ยิน ร่างโค้งค่อมก็ค่อยๆ เหยียด ตรง ผมสีขาวทั้งศีรษะเปลี่ยนเป็นสีดำในพริบตา รอยเหี่ยวย่น บนใบหน้าก็หายไปทันที ทั้งคนเปลี่ยนจากชายชราเป็นชาย กลางคน
ร่างกายก็ส่งเสียงกรอบๆ ออกมา เปลี่ยนมาสูงใหญ่ กำยำเป็นอย่างยิ่ง กลิ่นอายบนร่างยิ่งเหมือนเตาหลอมที่ปะทุไม่หยุดเป็นระลอกๆ ดวงตามีร่องรอยพันร่องรอย เงามายา ข้างหลังนับไม่ถ้วน ท้องฟ้าเปลี่ยนสี โลกมายาใบหนึ่งปรากฏ รางเลือนเยื้องทางไหล่ซ้ายของเขา สั่นสะท้านฟ้าดิน
เป็นหวนสู่อนัตตาขั้นบริบูรณ์!
ยิ่งมีสายเลือดราชวงศ์พวยพุ่งขึ้นในร่างเขา ก่อเป็นมังกร ทองในโลกมายา พุ่งทะยานออกมา บินวนบนท้องฟ้า ส่ง เสียงคำรามไปหาไป๋เซียวจัวแล้วพุ่งออกไป
เจ้าวังศึกษาก็ก้าวเท้าออกไป ภายใต้ฝีก้าวนี้ฟ้าดิน เหมือนพลิกกลับตาลปัตร กฎเกณฑ์กฎระเบียบนับไม่ถ้วน เปลี่ยนไปตามใจเขา ยิ่งมีเงาตะวันจันทราดวงดาราลอยออกมา คล้ายดวงดาวเคลื่อนคล้อยสลับตำแหน่ง เบิกฟ้าเปิดปฐพี
ไป๋เซียวจัวเงียบนิ่ง สายตาดึงกลับมาจากสวี่ชิง มอง ไปทางท้องฟ้า ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร กำลังมองอะไร แต่กลิ่นอายบนร่างของเขาในเสี้ยวขณะนี้ก็พุ่งเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ไอพลังประหลาดแผ่ออกมา พลังต้นกำเนิดเทพพวยพุ่ง แผ่ระลอกคลื่นพลังกำลังรบที่เหมือนกับเจ้าวังศึกษาออกมา
แต่กำลังรบของเขาไม่ได้มาจากพลังบำเพ็ญ แต่มาจากความ เป็นเทพของร่างนี้
ตอนนี้ยกมือซ้ายขึ้นกดไปทางมังกรทอง ขณะมือขวาสะบัด ไอพลังประหลาดรอบๆ ก่อเป็นเงาเทพ สยบเจ้าวังศึกษาที่เดินมา
เสียงระเบิดดังขึ้นบนม่านฟ้าทันที
เพียงพริบตาทั้งสองฝ่ายก็เข้าโรมรันพันตูอยู่ด้วยกัน ทำให้มิติวังศึกษาสั่นสะเทือน ท้องฟ้ามืดมิด คล้ายว่าวันสิ้น โลกมาเยือน ลมพายุกวาดโหม กรรโชกไปทั่วทุกสารทิศ การปะทะกันทุกครั้งของพวกเขาราวทัณฑ์สวรรค์ คำรามฟาดผ่าทุกสิ่ง
นั่นเป็นการต่อต้านกันของกฎเกณฑ์และความเป็นเทพ นั่นเป็นการโจมตีของกฎเกณฑ์และพลังต้นกำเนิดเทพ ยิ่งเป็นการตัดสินระหว่างบำเพ็ญเซียนและบำเพ็ญเทพเจ้า
สวี่ชิงเงยหน้า มองทุกอย่างนี้อย่างสงบ เทียบกับตอนที่อยู่เขตปกครองผนึกสมุทรแล้ว ไป๋เซียวจัวแข็งแกร่งกว่า
‘เขาน่าจะไม่ได้มีฝีมือแค่นี้ เขายังไม่ได้สำแดงวิชา หุ่นเชิดออกมา แกนของผสานเทพก็ยังไม่ได้สำแดงออกมา เช่นกัน’
ขณะที่สวี่ชิงพึมพำในใจ ท้องฟ้าสั่นคลอน เงามหึมา ยิ่งใหญ่ร่างหนึ่งจำแลงออกมา ราวมือเทพเจ้าปกคลุมผืนฟ้า กดไปยังเจ้าวังศึกษา
เจ้าวังศึกษาใบหน้าไร้อารมณ์โลกที่ไหล่ซ้ายพลันลอยขึ้นมา แผ่ประกายแสงเจิดจ้าแสบตา ซ้อนทับกับเขา ทำการต่อต้านอย่างแข็งแกร่ง
ในยามที่เสียงสะเทือนฟ้า ไป๋เซียวจัวสีหน้าเป็นปกติ ยกมือสะบัด มิติข้างหลังเขามีคลื่นวน 5 ลูกปรากฏขึ้นมาทันที ร่างหุ่นเชิด 5 ร่างก้าวออกมาจากในนั้น
มองไม่ออกว่าเป็นเผ่ามนุษย์หรือไม่ เพราะร่างของ พวกเขาล้วนประกอบจากวัตถุดิบคุณสมบัติเทพ แผ่พลัง ต้นกำเนิดเทพออกมา ทำให้ไอพลังประหลาดที่นี่เข้มข้นขึ้นอีกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ทุกร่างปรากฏตัว ต่างแผ่กำลัง รบระดับหวนสู่อนัตตาขั้น 4 ออกมา บนร่างก็มีโลกมายาลอยขึ้นมาเช่นกัน เพียงแต่นั่นเป็นโลกแห่งความตาย และเมื่อมองให้ละเอียด จะเห็นว่าในโลกแห่งความตายของพวกเขามีรูป สลักเทพเจ้าที่แตกต่างกันตั้งตระหง่านอยู่
หลังจากปรากฏตัวขึ้นก็พุ่งไปทางเจ้าวังศึกษานั้น ไปพร้อมด้วยรัศมีอำนาจที่จะสังหารให้สิ้นซาก
แต่วังศึกษาในฐานะที่เป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญของ เมืองหลวง ย่อมไม่ได้มีเจ้าวังเป็นผู้แข็งแกร่งคนเดียว เพียง พริบตาก็มีเงาร่างเจ็ดแปดร่างปรากฏขึ้นมาจากทั่วทุกทิศ
คนเหล่านี้ต่างเป็นเจ้าสายจำนวนหนึ่ง ในเสี้ยวพริบตาที่ ปรากฏขึ้นเข้าร่วมสนามรบ ก็ทำให้พื้นที่ตั้งวังศึกษาเกิด ระลอกคลื่นรุนแรง
ดีที่มิติวังศึกษานับว่ามั่นคงเสถียร ค่ายกลป้องกันก็สมบูรณ์แข็งแกร่ง ดังนั้นผู้รํ่าเรียนที่นี่จึงปลอดภัย แต่ก็ มีบางคนที่มุมปากใต้หน้ากากมีเลือดไหลย้อยออกมา
ขณะเดียวกันในภาพฉายเงาวังหลวงที่ปลายขอบฟ้า มีอ๋องสวรรค์ใต้บังคับบัญชาจักรพรรดิมนุษย์หันไปมองจักรพรรดิมนุษย์
จักรพรรดิมนุษย์สงบนิ่ง ไม่พูดอะไร อ๋องสวรรค์คนนั้นเก็บสายตากลับไป สำหรับสนามรบก็แค่มองเท่านั้น ไม่ลงมือ
สวี่ชิงก็มองเช่นกัน



