บทที่ 841 ระวังกลลวง
ทั่วสือซานพูดกับตัวเอง แล้วดื่มเหล้าเข้าไปอึกใหญ่
เงาร่างทั้ง 9 ที่อยู่ข้างๆ เขาก้มตัวลง รักษาท่าทางไว้ ไม่ขยับเขยื้อน
พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายน้อยผู้นี้อย่างจริงใจ ผู้ซึ่งสมควรได้รับความเคารพจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทั้งในด้านอุปนิสัยและพฤติกรรม
เช่นครั้งนี้ ทั้งที่เห็นชัดเจนว่ายอดเขาของตนต่างจากของเผ่ามนุษย์สวี่ชิงเพียงเล็กน้อย ด้วยความสามารถของตระกูลเขา เพียงหาภูเขาต้องห้ามมาเพิ่มอีกเล็กน้อย สามารถทำได้ง่ายๆ
ถึงแม้จะไม่ใช้พลังของตระกูล เพียงแค่ปล่อยข่าวออกไป ก็มีคนนำภูเขาต้องห้ามมาประเคนให้เอง
ยิ่งกว่านั้น เพียงสั่งพวกเขามาคำเดียว พวกเขาก็สามารถหาวิธีอื่นมาขัดขวางสวี่ชิงได้
แต่พวกเขาประจักษ์ว่า นายน้อยผู้นี้ไม่ยอมทำเช่นนั้น
เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจเผ่ามนุษย์ที่ชื่อสวี่ชิง ต้องการรออยู่ที่นี่ ต่อสู้กับเขา ตัดสินตำแหน่งอันดับอย่างยุติธรรม
ส่วนจะชนะหรือพ่ายแพ้ พวกเขาทั้ง 9 ไม่นึกกังวล
อย่างรัฐทายาทหมิงหนาน ในความเข้าใจของพวกเขา แค่นายน้อยยกมือก็สามารถกำราบได้แล้ว
สายโลหิตเผ่านภาคิมหันต์ย่อมเหนือกว่า
ดังนั้น เวลาจึงเคลื่อนผ่านไป เมื่อทั่วสือซานดื่มเหล้าหมดเป็นไหที่ 7 ก็มีรุ้งพุ่งเข้ามาจากฟากฟ้าไกล
มองไปไกลๆ เห็นร่างของพวกสวี่ชิง 3 คน
ทั่วสือซานเงยหน้าขึ้น ส่งเสียงเรอพร้อมด้วยแสงประหลาดในแววตา มองไปยังขอบฟ้าและยิ้มมุมปาก “ในที่สุดก็มาแล้ว”
เมื่อทั่วสือซานมองไปยังท้องฟ้า สวี่ชิงก็มองลงมาจากท้องฟ้า ไปยังยอดเขาเบื้องหน้า
เมื่อมองไป นายกองที่อยู่ข้างหลังเขาก็แสดงความเคร่งเครียดออกมา
“ศิษย์น้องเล็ก คนผู้นี้…ไม่ธรรมดา ดูจากเลือดลมที่ปรากฏชัดเจน ร่างกายถึงมหาขั้นหวนสู่อนัตตาขั้นบริบูรณ์ พลังบำเพ็ญก็ด้วย”
“คนผู้นี้ห่างจากมหาขั้นเตรียมสู่เทวะเพียงครึ่งก้าว!”
“ตามความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับวิชาชั้นสูงของเผ่านภาคิมหันต์ ผู้บำเพ็ญระดับนี้ พวกเขาชอบเฟ้นหาเลือดของสิ่งมีชีวิตประเภทเทพเพื่อเบิกทางสู่มหาขั้นเตรียมสู่เทวะ!”
เสียงทุ้มต่ำของนายกอง ก้องอยู่ในใจของสวี่ชิง
สวี่ชิงก็เห็นความไม่ธรรมดาของชายหนุ่มเผ่านภาคิมหันต์ที่กำลังดื่มเหล้าอยู่บนยอดเขานั้น ความรู้สึกสว่างจ้าจนแสบตาเมื่อมองไป และความร้อนแรงดั่งภูเขาไฟ ทำให้สวี่ชิงประเมินพลังการต่อสู้ของผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์คนนี้ได้
และตำแหน่งที่อีกฝ่ายอยู่ ก็เป็นทางที่เขาต้องผ่านไป และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังรอเขาอยู่ รวมถึงภูเขาต้องห้าม 900 กว่าลูกที่อยู่เหนือหัวเขา
จุดประสงค์ชัดเจนแจ่มแจ้ง
“เขาคือทั่วสือซาน!”
ชิวเชวี่ยจื่อหายใจเข้าลึกๆ รีบร้องเตือน
ก่อนการต่อสู้กับรัฐทายาทหมิงหนาน เขาทำตามคำสั่งของสวี่ชิง ทำภารกิจเสร็จ รวมตัวกัน เดินทางมาพร้อมกับสวี่ชิง เขาเห็นความน่ากลัวของผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์คนนี้
และรับรู้ถึงการตายของรัฐทายาทหมิงหนาน ในระหว่างนั้นเขาทั้งกลัว ทั้งกระวนกระวายใจ จนถึงบัดนี้เขาไม่สนใจอีกแล้ว
แต่ใจที่ไม่ยี่หระนั้น ตอนนี้ก็มีคลื่นปั่นป่วน
“1 ใน 5 อัจฉริยะฟ้าประทานแห่งเผ่านภาคิมหันต์ อยู่ในอันดับที่ 4 จากรายชื่อจัดอันดับ!”
“มีสายโลหิตของตระกูลเผ่านภาคิมหันต์ เขาได้รับพรสวรรค์พิเศษมาตั้งแต่เด็กและมีพลังศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิด เคยได้รับพรจากตำหนักเทพจันทราคิมหันต์ 5 ครั้ง ได้รับการแต่งตั้งจากเทพชั้นสูงจันทราคิมหันต์ให้เป็นผู้พิทักษ์ตำหนักเทพหลังจากเข้าสู่มหาขั้นเตรียมสู่เทวะ”
“พูดได้เลยว่าเขา…เป็นดาวที่จรัสแสงที่สุดของเผ่านภาคิมหันต์!”
คำพูดของชิวเชวี่ยจื่อ บรรยายตัวตนของทั่วสือซาน
สวี่ชิงใจหนัก แต่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง มุ่งหน้าไปยังภูเขาที่อยู่ข้างหน้าโดยความเร็วคงเดิม
เนื่องจากทั่วสือซานรออยู่ที่นี่แล้ว ถึงแม้ว่าภูเขาของอีกฝ่ายจะน้อยกว่าเขา ถึงแม้ว่าเขาเทวะจะอยู่ห่างไกลออกไป แต่หากเร่งความเร็วสูงสุดก็ใช่ว่าจะไปถึงก่อนไม่ได้
แต่สิ่งนี้ไม่มีความหมาย
ในทันใดนั้น ภูเขาก็สั่นสะเทือน
ร่างของสวี่ชิงลดระดับมายังยอดเขา ปรากฏตัวต่อหน้าทั่วสือซาน
นายกองและชิวเชวี่ยจื่อตามลงมา
ในขณะเดียวกัน นายกองก็ส่งจิตเทพหาจิตใจของสวี่ชิงด้วยวิธีการพิเศษ
“คน 9 คนที่อยู่ข้างๆ เขาก็ไม่ธรรมดา เดี๋ยวเจ้าลงมือก่อน แล้วข้าจะหาจังหวะ ขังพวกมันเอาไว้ เจ้าชิงภูเขามาแล้วก็ไปที่เขาเทวะเลย!”
สวี่ชิงมองไปรอบๆ ในที่สุดก็มองไปยังทั่วสือซานที่นั่งอยู่ตรงหน้า
ทั่วสือซานยิ้ม โยนไหเหล้าทิ้งไปข้างหน้า
สวี่ชิงประหลาดใจ เส้นวิญญาณเกี่ยวกระหวัดไว้ ลอยคว้างเบื้องหน้า
กลิ่นเหล้าแผ่กระจาย ด้วยความเข้าใจของสวี่ชิงเกี่ยวกับวิชาพืชพรรณ ก็ตัดสินสิ่งที่อยู่ภายในได้ทันที
นั่นคือเหล้าที่ทำจากเลือดที่มีประโยชน์ต่อเลือดลมอย่างยิ่ง การดื่มจะช่วยฟื้นฟูและเพิ่มพลังกายให้ในระดับหนึ่ง
“ข้าเองก็ไม่ชอบรัฐทายาทหมิงหนานเช่นกัน เจ้าสังหารเขาไปแล้ว มีความสามารถและความกล้าหาญ ไหเหล้านี้ข้ายกให้เจ้า”
ทั่วสือซานพูดพลางหยิบไหเหล้าของตนขึ้นมา ยกขึ้นเพื่อสรรเสริญแก่สวี่ชิง จากนั้นจึงดื่มเข้าไปอึกใหญ่
สวี่ชิงเงียบ อัจฉริยะฟ้าประทานเผ่านภาคิมหันต์คนนี้ แตกต่างจากคนที่เขาเจอมาระหว่างทาง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ดื่มสิ่งที่เขาให้มาง่ายๆ
และทั่วสือซานไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ตนเองดื่มเสร็จก็ยืนขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาฉายแววเฉียบคม แผ่กลิ่นอายออกมา ในทันใดนั้นผืนฟ้าและแผ่นดินก็เปลี่ยนสี ลมพายุพัดแรง
พลังของเขาสะเทือนฟ้าดิน
ราวกับพายุเกิดขึ้นบนตัวเขา แล้วพัดกระจายไปรอบๆ มองจากไกลๆ คล้ายพายุหมุนเชื่อมต่อกับท้องฟ้า หมุนวนอยู่รอบตัวเขา
ท้องฟ้าคำรามครืนครัน ก่อตัวเป็นพายุหมุนลูกใหญ่ ภายในมีฟ้าแลบแปลบปลาบ น่ากลัวยิ่ง
เนื่องจากอยู่ใกล้เขาเทวะมาก ปรากฏการณ์นี้จึงดึงดูดความสนใจของผู้บำเพ็ญในเมืองเทวะใต้ภูเขา
ในไม่ช้าก็มีร่างมากมายบินออกมาจากเมืองเทวะ จิตเทพนับไม่ถ้วนพุ่งตรงเข้ามา หยุดอยู่รอบๆ เฝ้าดูอย่างใกล้ชิด
ดวงตาของสวี่ชิงเปล่งประกาย เส้นวิญญาณแผ่สยาย สภาวะเทพเจ้าปรากฏขึ้นเหนือร่าง พลังสั่นสะเทือนไปทุกทิศทาง
ดวงตาของทั่วสือซานแสดงความตื่นเต้น กวาดสายตาสำรวจสภาวะเทพเจ้าของสวี่ชิงอย่างละเอียด พิจารณาแล้วเอ่ยขึ้น
“กำหนดกฎและเดิมพันก่อน”
“การต่อสู้ของเรา ฝ่ายที่แพ้จะเหลือภูเขาต้องห้ามไว้เพียง 1 ลูก ส่วนที่เหลือเป็นเดิมพัน”
ความประหลาดใจของสวี่ชิงเกิดขึ้นอีกครั้ง ผู้บำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์คนนี้ แตกต่างจากคนที่เขาเคยเจอมาจริงๆ
“นอกจากนี้ การต่อสู้กันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ไม่มีความหมายอะไร ข้าได้ยินมาว่าวิชาปิดผนึกของเจ้านั้นยอดเยี่ยมมาก”
“และข้าก็มีวิชาปิดผนึกเช่นกัน”
“ทำไมเราไม่ลองปิดผนึกกันเองดูเล่า ข้าจะเข้าไปในผนึกของเจ้า ส่วนเจ้าก็เข้าไปในผนึกของข้า ดูว่าใครจะทำลายผนึกของอีกฝ่ายได้ก่อน”
“ฝ่ายที่ออกมาก่อน ชนะ”
ทั่วสือซานมองสวี่ชิง ดวงตาวาววับ กล่าวด้วยรอยยิ้ม เขารู้สึกถึงพลังของสวี่ชิง ลางสังหรณ์อันเลือนรางทำให้เขาตัดสินใจว่าหากต่อสู้กัน คงจะไม่จบในเวลาอันสั้น
ที่สำคัญที่สุด เขาไม่อยากบาดเจ็บ
เพราะตอนนี้เป็นเพียงด่านแรกของการล่าครั้งใหญ่ เขาต้องการรักษาพลังขั้นสูงสุดเอาไว้ ในด่านที่ 3 ในดินแดนแห่งเทพเจ้า เพื่อให้ได้โลหิตเทพที่แข็งแกร่งเพียงพอ
สวี่ชิงครุ่นคิด นายกองที่อยู่ข้างๆ เขาลูบคาง พลางส่งเสียงกระซิบ
“สวี่ชิงน้อย ระวังกลลวงด้วย”
สวี่ชิงครุ่นคิด ดูจากวิธีการของนายกองก่อนหน้านี้ยังไม่ปลอดภัย แต่วิชาปิดผนึกนี้…
“ได้!”
สวี่ชิงพูดด้วยความสุขุม ยกมือขวาขึ้นชี้ไปยังท้องฟ้า ทันใดนั้นท้องฟ้าส่งเสียงคำราม กลิ่นอายยิ่งใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า กำราบทุกทิศทาง ในขณะเดียวกันเงาคุกขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
ตอนแรกเป็นภาพลวงตา แต่ก็กลายเป็นของจริงอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายดุจน้ำตก พลานุภาพเทพแผ่ซ่าน
นั่นคือเขตติงหนึ่งสามสอง
เมื่อมันปรากฏขึ้น ประตูคุกก็เปิดออกโดยไร้การกล่าวเตือน เสียงร้องประหลาดแผ่ออกมาจากประตูที่เปิดอยู่
และการปรากฏตัวของมัน ก็ดึงดูดความสนใจของผู้บำเพ็ญและจิตเทพรอบข้างให้เข้ามามุงดู ทั่วสือซานเองก็กวาดตามองหลายครั้ง หยิบลูกปัด 3 สีออกมา
ลูกปัดส่องแสงวาบขึ้นมาเอง ลอยคว้างกลางอากาศ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็มีขนาดถึงร้อยจั้ง แผ่พลังปิดผนึกเข้มข้น มีอักขระเทพมากมายส่องแสงอยู่บนนั้น
สลับสับเปลี่ยนกันไปมา เหมือนกำลังเรียงตัว ในที่สุดก็ขยายออกไป สร้างเกราะแสงสีทอง มีรอยแยกปรากฏขึ้นก่อนจะแตกออก เหมือนประตู
“เช่นนั้นก็เริ่มกันเลย”
ทั่วสือซานพูด ร่างกายสั่นไหว บินเข้าไปยังประตูคุกเขตติงหนึ่งสามสองของสวี่ชิง
สวี่ชิงเองก็ขยับตัวมุ่งหน้าไปยังรอยแยกของลูกปัด 3 สีเช่นกัน
แม้ท่าทางทั่วสือซานจะดูหยาบกระด้าง แต่การเคลื่อนไหวของเขาสอดคล้องกับสวี่ชิง ในที่สุดก็ก้าวเข้าไปในผนึกของกันและกันในเวลาเดียวกัน
ในทันใดนั้น ประตูเขตติงหนึ่งสามสองก็ปิดลง รอยแยกของลูกปัด 3 สีก็หายไป
ทั้ง 2 คน ถูกขังไว้ในผนึกของกันและกัน
ภายในลูกปัด 3 สี เมื่อเกราะแสงรวมตัวกัน สวี่ชิงก็เข้าไปในห้วงสูญตาอันแปลกประหลาด สิ่งแรกที่ปรากฏต่อหน้าเขาคือสีดำ ราวกับราตรีกาล ไร้ขอบเขต ก่อตัวเป็นผนึก
เมื่อทำลายลง จะปรากฏสีที่ 2
ดำ ขาว แดง แต่ละสี แทนผนึกแต่ละชนิด
และเมื่อทั้ง 3 สีถูกทำลาย สิ่งที่จะปรากฏคือผนึก 3 สีรวมกัน สร้างผนึกที่น่ากลัวยิ่งกว่า และทุกครั้งที่ 3 สีทับซ้อนกัน ก็จะยิ่งแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อนหน้า
เมื่อซ้อนทับกันไปเรื่อยๆ พลังการปิดผนึกย่อมน่าสะพรึงกลัว
ส่วนทั่วสือซาน เขาต้องเผชิญกับโชคร้ายและการลืมเลือน รวมถึงนักโทษทั้งหมดและนิ้วเทพ สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นเรื่องแปลกใหม่และไม่ธรรมดาในเวลาเดียวกัน
เวลาผ่านไปเช่นนี้ เมื่อธูปหมดไป 1 ก้าน ทั้ง 2 คนก็ยังไม่สามารถออกมาได้
เสียงกึกก้อง ดังอยู่ภายในผนึกของแต่ละฝ่าย
จนกระทั่งครึ่งชั่วยาม…1 ชั่วยามผ่านไป…
ผู้ติดตามของทั่วสือซานแสดงท่าทีประหลาดใจ นายกองก็เช่นกัน เขารู้จักสวี่ชิง ดังนั้นการที่ผนึกสามารถกักขังเขาไว้ได้นานขนาดนี้ เขาพอจะคาดเดาได้บ้างแล้ว
ในที่สุด เมื่อถึงชั่วยามที่ 3 นายกองก็ขยับตัว ผู้ติดตามของทั่วสือซานเองก็เริ่มเคร่งเครียด
ถึงแม้ว่าคนภายนอกจะมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน เนื่องจากผนึกของแต่ละคน แต่ตัดสินจากเวลาที่ผ่านไป ทุกคนล้วนจินตนาการถึงความยากลำบากในทำลายผนึกได้
และความจริงก็เป็นเช่นนั้น
ทั่วสือซานอยู่ในเขตติงหนึ่งสามสอง ไม่สามารถคงความสุขุมได้อีกต่อไป เขาผมเผ้ากระเซอะกระเซิง สภาพน่าอเนจอนาถ
ที่ย่ำแย่ไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็นจิตใจ
เขาถูกโชคร้ายพันธนาการ ทุกขณะเวลาต้องพยายามอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีการลืมเลือน ทำให้เขาลืมเป้าหมายหลายครั้ง ความรู้สึกคลื่นไส้จึงยิ่งรุนแรงขึ้น
ส่วนนักโทษ ก็พอได้
นักโทษทั้งหมดถูกเขากำราบไปแล้ว ไม่รู้ว่าสังหารไปกี่ครั้ง แม้แต่นิ้วเทพ เขาก็ไม่สนใจ เทพที่อ่อนแอเช่นนี้ เปิดโลกทัศน์แก่เขา
“ข้าลำบาก สวี่ชิงต้องลำบากยิ่งกว่า อีกอย่างเขาไม่สามารถออกจากผนึกของข้าได้ เมื่อ 3 สีสลับกันถึงจุดหนึ่งแล้ว เขาจะพบกับด่านสุดท้ายที่ผู้ที่ยังไปไม่ถึงมหาขั้นเตรียมสู่เทวะไม่สามารถทำลายได้ นั่นเป็นของขวัญที่ข้าเตรียมไว้ให้เขา”
มีเพียงการคิดเช่นนี้เท่านั้นที่จะทำให้ทั่วสือซานรู้สึกยุติธรรมกับความทรมานที่เขาได้รับ ตอนนี้เขาหายใจหอบ ดวงตาแดงก่ำ เข่นฆ่าไปตลอดทาง เมื่อกำราบนิ้วเทพลงแล้ว เขาก็หายใจหอบ เดินไปยังประตูคุกที่ปรากฏออกมา
การออกไปจากที่นี่ ก็เหมือนเป็นการเปิดผนึก
ดังนั้นทั่วสือซานจึงหัวเราะ
ขณะเดียวกัน ในห้วงสูญตา 3 สีของสวี่ชิง ก็ลำบากไม่น้อยหน้า เขาก็ใช้ทุกวิถีทางแล้ว แต่ 3 สีไม่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ยิ่งผสมผสานและซ้อนกันไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะทำลายลงได้เรื่อยๆ แต่ตอนนี้ เมื่อ 3 สีผสมผสานและซ้อนกันถึง 300 ครั้ง ในแสง 3 สีนั้น ก็ปรากฏร่างที่นั่งขัดสมาธิ
เมื่อเห็นร่างดังกล่าว สวี่ชิงก็หยุดชะงัก
“มหาขั้นเตรียมสู่เทวะ!”
ด่านสุดท้ายในอวกาศ 3 สีนี้ คือวิญญาณมหาขั้นเตรียมสู่เทวะ
เขาปกปัก 3 สีไว้ ตราบใดที่เขาไม่อนุญาต ก็ไม่มีใครที่ยังไม่ถึงมหาขั้นเตรียมสู่เทวะออกไปได้
“ข้ายังอยู่ เจ้าก็ออกไปไหนไม่ได้”
มหาขั้นเตรียมสู่เทวะผู้นั้นเป็นชายชรา ซึ่งบัดนี้ลืมตาขึ้นจ้องมองสวี่ชิง และพูดเบาๆ
สวี่ชิงนิ่งเงียบ
และในเวลาเดียวกัน ในคุกเขตติงหนึ่งสามสอง ทั่วสือซานที่ยืนอยู่หน้าประตูคุก ก็เงียบเช่นกัน
บนประตูคุกเบื้องหน้าเขา มีทรงกลมฝังอยู่
นั่นมัน…ดวงตะวันบรรพกาล เป็นดวงตะวันแสงอรุณฉบับเสริมความแข็งแกร่งขึ้น
ประตูนั้น เพียงแค่เปิดออก แสงอรุณก็จะระเบิดตัวเอง
“ช่างชั่วช้าสามานย์เสียจริง!!”
ทั่วสือซานนึกถึงลูกปัดได้ ก็อึ้งไปนานก่อนจะกัดฟันก่นด่า
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)