Skip to content

Outside Of Time 889

Outside of Time
BC

บทที่ 889 ร่างมีชีวิตสมบูรณ์แบบ

เสียงผืนน้ำกว้างใหญ่ดังเข้าสู่จิตใจ สวี่ชิงหลุบเปลือกตาลงเล็กน้อย เอ่ยคำราบเรียบ

C

“ศึกระหว่างท่านกับหมิงเฟยบนเอกภพ ข้าน้อยไร้ความสามารถ ไม่รู้จะช่วยอย่างไร”

“ก็ด้วยเหตุนี้ ถึงอยากให้สหายช่วยเหลือ” เสียงวิถีสวรรค์ทอดมาอีกครั้ง เสียงมันมีพลังพร้อมความอ้อนวอนในที

“ศึกของข้ากับปีศาจร้ายนั่น ทั้งอยู่ในเอกภพ และอยู่ในหมื่นพิภพ ทั้งแก่งแย่งลิขิตสวรรค์ และแย่งชิงผู้บำเพ็ญ”

“พิภพนี้ยังเป็นต้นกำเนิดของเป่ยซุ่ย ทั้งเป็นจุดเริ่มต้นของหมิงเฟยที่ชั่วร้ายนั่น มีร่างต้นกำเนิดเงาวิถีอยู่ในนั้น รวมถึงพลังที่ยึดเอาวิถีสวรรค์บนพิภพนี้ไปกว่าครึ่ง”

“สหายโปรดดึงร่างต้นกำเนิดเงาวิถีของหมิงเฟยให้ปรากฏ และสังหารมันร้อยครั้งขึ้นไป!”

“ทุกครั้งที่ร่างมันตายล้วนกินพลังต้นกำเนิดหมิงเฟย เช่นนี้จะส่งผลต่อสนามรบเอกภพ เปิดโอกาสให้ข้าใช้ลิขิตสวรรค์!”

“ข้าละอายต่อสิ่งที่จักรพรรดิเซียนมอบให้ ไม่อาจปกป้องผู้คนบนพิภพนี้ได้ บัดนี้ประคองชีวิตไปวันๆ ขอเพียงยืมโอกาสนี้ดับสิ้นไปพร้อมกับปีศาจร้ายนั่น จบชีวิตข้า บูรณะวิถีข้าและกฎเกณฑ์มรรคาสวรรค์ทั้งหมด ตอบแทนบุญคุณจักรพรรดิเซียน”

“และเพื่อเป็นการตอบแทน สหาย…ตอนข้าจะตายไปกับหมิงเฟย ข้าจะเอาดวงตาของมันมอบให้เจ้า”

“สมบัติของเจ้าขาดวิถีสวรรค์ ทั้งยังมีความคิดเฉพาะตัว ดวงตาหมิงเฟยเกิดจากความโกรธแค้น แค้นนี้มาจากเคราะห์ของเทพนอกรีต จึงเรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของเทพอาฆาต เป็นของทดแทนให้มันได้”

“อีกอย่าง นี่ก็เป็นวิธีเดียวที่เจ้าจะออกไปจากที่นี่”

สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง ไม่เอ่ยคำใด เงยหน้าจ้องมองไอหมอกบนม่านฟ้า

ไอหมอกนั้นมีพิษ เคลื่อนไหลผ่านฟ้าดิน ลงมาชะล้างพื้นดินเป็นบางครั้งดุจน้ำตก ภาพรวมดูบางเบา แต่ด้วยกินบริเวณกว้างขวาง จึงให้ความรู้สึกปกคลุมฟ้าบดบังดวงตะวัน

และคำพูดที่มาจากชิงมู่ผู้เรียกตนเองว่าวิถีสวรรค์บนพิภพนี้ก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล สวี่ชิงเข้าใจสมบัติเทพที่ 2 ของตน ด้วยมีพิษต้องห้ามจึงยากจะเกิดสิ่งมีชีวิตใดที่มีคุณสมบัติเหมาะกับเป็นวิถีสวรรค์ของสมบัตินี้

อย่างไรหลายปีนี้สวี่ชิงรู้แก่นแท้ของพิษต้องห้ามเป็นอย่างดี นั่นคือคำสาปของเทพเจ้า

นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาเสี่ยงอันตรายเข้าไปในเกลียวคลื่นที่ 7

หากความแค้นของหมิงเฟยเกิดจากความโกรธแค้นของผู้คนตอนเทพนอกรีตมาทำลายพิภพจริง ความแค้นที่มีต่อเทพเจ้าเช่นนี้ ในขั้นหนึ่งสอดคล้องกับเงื่อนไขที่จะเป็นวิถีสวรรค์ของสมบัติเทพพิษต้องห้ามอย่างแท้จริง

จุดนี้ คลื่นจากสมบัติเทพพิษต้องห้ามรวมถึงความปรารถนาที่แผ่ออกมาหลังจากเห็นหมิงเฟยที่เอกภพก่อนหน้านี้ก็ยืนยันได้บ้างแล้ว

แต่ว่า…

ประกายรางฉายวาบในดวงตาสวี่ชิง หลังมีสีหน้าครุ่นคิด เขาเอ่ยคำเรียบนิ่ง

“ได้!”

“ขอบใจมากสหาย ข้าไม่อาจแบ่งจิตมาคุยกับเจ้าได้อีกแล้ว ยามนี้จิตใจล้วนอยู่ที่การต่อสู้กับหมิงเฟยบนเอกภพ เจ้าเพียงต้องทำให้ที่นี่เกิดคลื่นรุนแรง ใช้วิธีทำลายล้าง ร่างต้นกำเนิดหมิงเฟยนั่นจะมาขัดขวางเอง”

“เมื่อเจ้าทำงานของข้าลุล่วง ตอบแทนในหน้าที่ของข้า หลังเสร็จเรื่อง ชิงมู่ไม่ลืมคำสัญญาแน่นอน!”

เสียงมีพลังเจือแววเฉียบขาดสะท้อนทั่วทิศ

จากนั้นแสงนับไม่ถ้วนเปล่งประกายรอบด้านจากฟ้าดิน ราวกับเป็นตัวแทนจิตเทพของเขา รวมตัวเป็นลำแสงและมุ่งหน้าไปสู่ม่านฟ้า

มองลำแสงหายไปในท้องฟ้า สวี่ชิงที่ยืนอยู่บนหอเอนถอนสายตากลับมา

สีหน้าเขาไร้ความรู้สึก นิ่งดุจสายน้ำ ไม่มีความคิดฟุ้งซ่านใด เพียงมองแผ่นศิลาที่รวมตัวกันอยู่เบื้องหน้าด้วยความลึกล้ำ

ผ่านไปค่อนวัน มือขวาเขายกโบกสลายพลังของแผ่นศิลา

แผ่นศิลามหึมาที่บันทึกประวัติศาสตร์นั้นถล่มลงเลื่อนลั่น กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วงกระจายลงพื้น สิ้นแสงเรืองรอง กลับมาเป็นฝุ่นธุลีอีกครั้ง

สวี่ชิงหายใจเข้าลึก นั่งขัดสมาธิบนหอเอน คำพูดของชิงมู่บอกแล้วว่าหากคิดจะดึงร่างต้นกำเนิดเงาวิถีของหมิงเฟยต้องลงมือทำลายล้าง

‘ไม่ต้องยุ่งยากเช่นนั้น’

สวี่ชิงพึมพำในใจ สองนัยน์ตาพลันดำมืด ประตูสมบัติที่ 2 สั่นสะเทือน พลังพิษต้องห้ามปะทุขึ้นภายในและมารวมที่ดวงตา

สายตาจับจ้อง พิษต้องห้ามปรากฏ

เขามองซากปรักหักพัง ที่นี่พังทลาย สิ่งก่อสร้างทั้งหมดพลันเลือนราง เส้นทางเป็นเช่นนั้น สิ่งก่อสร้างเป็นเช่นนั้น พิษต้องห้ามเกิดเป็นหมอก มันปรากฏขึ้นเองและทำให้ทุกสิ่งบิดเบี้ยว

เขามองผืนดินรอบด้าน พื้นพิภพสีเทาดุจมีน้ำหมึกสาดกระเซ็นเป็นด่างเป็นดวง ความดำมืดขยายวง กลิ่นอายพิษต้องห้ามก่อเกิดเป็นหมอก

เขามองท้องฟ้า นภาพลิกม้วน ในไอหมอกทั่วฟ้ามีหมอกพิษต้องห้ามเพิ่มเข้ามา 2 สิ่งไม่เข้ากัน กลับระเบิดเหมือนน้ำลงหม้อน้ำมัน

มองไกลสุดตา คำสาปเทพเจ้ามาเยือน

ฟ้าดินสั่นสะเทือน 8 ทิศร้องคำราม ลมพัดเมฆแผ่คลุม ไอหมอกกระจายอย่างบ้าคลั่ง

ไม่นาน ท่ามกลางสรรพสิ่งที่สายตาเขามองเห็น ไอหมอกที่เป็นตัวแทนพิษต้องห้ามปรากฏขึ้นไม่หยุด รวมตัวกลางอากาศเหนือหอเอน แยกตัวจากไอหมอกทั่วทิศบนพิภพนี้อย่างชัดเจนหลังจากถูกขับออกตอนแรก

เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว

เห็นได้ว่าบนฟ้าปรากฏ 2 เกลียวคลื่น

1 เป็นใจกลาง มีพิษต้องห้ามของสวี่ชิง เคลื่อนหมุนรวดเร็ว อานุภาพทรงพลัง

2 เป็นรอบทิศ พิษจากพิภพนี้กลายเป็นพลังปกคลุมเคลื่อนไปทางตรงข้าม พลังยิ่งใหญ่น่าตื่นตะลึง

2 เกลียวคลื่นเคลื่อนไหวพร้อมกัน ต่างฝ่ายเคลื่อนที่เข้าหาจนเกิดการฉีกขาด ทำให้ความว่างเปล่าแหลกสลาย สายฟ้าพังทลาย

เวลาไหลผ่านไปยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เกิดการระเบิดต่อเนื่อง ยังมีลมแรงหวีดคำรนอยู่บนผืนดิน เกิดเป็นพายุกวาดล้างสรรพสิ่ง กระเทือนทั่วทั้งพิภพ

มองจากไกลๆ ประหนึ่งฟ้าแยกดินทลาย โลกาวินาศกำลังมาเยือน

มีเพียงสวี่ชิงบนหอเอนใต้เกลียวคลื่น สีหน้าปกติ ทอดมองท้องฟ้าตาไม่กะพริบ

ในพายุ ผมยาวเขาพลิ้วไสว เสื้อผ้าปลิวตามลม ดุจเทพดุจเซียนที่ยืนอยู่กลางฟ้าดิน

กระทั่งพริบตาต่อมา เสียงคำรามต่ำดุจวัวทอดมาจากม่านฟ้า เสียงนี้กึกก้อง สนั่นจนหูแทบหนวก ดังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน

และในตัวมันยังมีสายฟ้าที่แฝงไว้ซึ่งกฎเกณฑ์ เสียงผ่านบริเวณใดฟ้าไม่ถล่มดินไม่ทลายอีกต่อไป แม้แต่เกลียวคลื่นยังหยุดเพราะสิ่งนี้

ลมก็หยุดเช่นกัน!

มีเพียงไอหมอกพลิกม้วนรุนแรง เคลื่อนลงจากฟ้าราวกับน้ำตก กระจายทั่วทิศประหนึ่งดอกไม้บานกลับหัว ภายในไอหมอกนั้นมีอสูรตนหนึ่งเดินมา

อสูรตัวนี้ร่างกายเหมือนวัว หัวเป็นสีขาว มีตาเดียวรูม่านตาแนวตั้ง หางเป็นงู ล้วนสื่อถึงความดุร้าย

เดินมาพร้อมโรคระบาดรอบกาย ประหนึ่งต้นกำเนิดพิษโบราณเดินไปพลางแพร่ระบาด

เดินผ่านท้องฟ้า ท้องฟ้าเสื่อมโทรม

เดินผ่านความว่างเปล่า ความว่างเปล่าเว้าแหว่ง

ผ่านที่ใดพิษระบาดเทียมฟ้า อาบย้อมท้องนภา ขยายทั่วฟ้าดิน มุ่งมาทางสวี่ชิงพร้อมจิตสังหารเร็วรี่

หน้าตาของมันคือหมิงเฟยที่สวี่ชิงเห็นในเอกภพ เพียงแต่เทียบกับร่างของมันในเอกภพ ร่างที่ปรากฏที่นี่ตอนนี้เล็กกว่ามากโข

ยามนี้หากมีชาวบ้านเห็นเข้าต้องตกใจกลัวถึงขีดสุด แต่ในสายตาสวี่ชิง แม้อสูรนี้แพร่พิษน่าหวาดกลัว แต่ร่างต้นกำเนิดเงาวิถีของหมิงเฟยนี้มีกำลังรบเท่ากับหวนสู่อนัตตาขั้น 1 เท่านั้น

เทียบกันแล้วสวี่ชิงไม่ประหลาดใจเท่าไร พริบตาที่หมิงเฟยม้วนพิษระบาดพุ่งเข้ามา มือขวาเขายกขึ้นตบไปข้างหน้าดังใจนึก

ฟ้าดินสั่นสะเทือน ไหมวิญญาณนับไม่ถ้วนลอยออกมาก่อรูปเป็นฝ่ามือใหญ่ยักษ์กลางอากาศ คว้าครอบหมิงเฟยที่แข็งแกร่งทรงพลังอยู่ข้างหน้าสวี่ชิงดุจมือของเทพเจ้า

กำมันไว้อย่างโหดเหี้ยม

เสียงดังตูม หมิงเฟยสุดน่ากลัวในสายตาชาวบ้านเมื่อลมปราณก่อนถูกฝ่ามือสวี่ชิงบีบเสียระเบิดในพริบตาต่อมา กระทำฉับไวไม่ทิ้งร่องรอย ร่างกายจิตวิญญาณแตกดับ

แต่ชั่วขณะที่ฝ่ามือใหญ่ยักษ์ซึ่งเกิดจากไหมวิญญาณกำลังจะถูกสวี่ชิงดึงกลับ ไหมวิญญาณที่กอปรเป็นฝ่ามือนั้นมี 3 ส่วนสั่นสะเทือนโดยพลัน พริบตาเดียวเปลี่ยนจากสีโลหิตเป็นดำมืด ยิ่งมีความแค้นเกิดขึ้นภายใน

ทั้งยังขยายรวดเร็ว ราวกับจะครอบทั้งฝ่ามือไว้ข้างใน

นั่นคือพิษเฟย!

นัยน์ตาสวี่ชิงฉายแววประหลาดเป็นครั้งแรก ไม่ได้สนใจฝ่ามือกลางอากาศ กลับยกมือคว้า ฉับพลันไหมวิญญาณที่กลายเป็นสีดำเส้นหนึ่งก็ตรงมาหาสวี่ชิงและตกลงในมือเขา

สวี่ชิงศึกษาเจาะลึกวิถีพิษ ทั้งยังเปี่ยมด้วยประสบการณ์ บัดนี้สายตาตกอยู่บนไหมวิญญาณสีดำกลางฝ่ามือ หลังสังเกตอย่างละเอียด เขาคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง ดูดมันเข้าไปทันที

ไหมวิญญาณสีดำพลันผสานเข้ากายสวี่ชิง

พริบตาต่อมา สีหน้าสวี่ชิงฉายแววสับสน จากนั้นมีพลังรุนแรงผุดขึ้น แต่พริบตาเดียวก็ถูกเขาข่มไว้ พิษต้องห้ามในกายระเบิดขยายทั่วร่าง ปกคลุมทุกสิ่งภายใน

ทำให้ไหมวิญญาณสีดำเส้นนั้นสลายราวกับถูกชำระล้าง

ยามนี้แสงในตาดวงเดียวนั้นยิ่งแปลกประหลาด

“พิษนี้ถึงกับต่อต้านความเป็นเทพ!”

สวี่ชิงพึมพำ เข้าใจพิษของหมิงเฟยมากขึ้น

ด้วยพิษของหมิงเฟยเกิดจากความแค้นที่มีต่อเทพเจ้า จึงสามารถปนเปื้อนความเป็นเทพ ทำให้ความเป็นเทพสิ้นแสงและตกต่ำลง เป็นพิษหายากที่ส่งผลต่อเทพเจ้า

เมื่อครู่สวี่ชิงผสานไหมวิญญาณนั้นเองเพื่อสังเกตการณ์ แม้เป็นแค่ไหมหนึ่งเส้น แต่ยังคงทำให้ความเป็นเทพ ความเป็นมนุษย์และความเป็นสัตว์ของเขาเสียสมดุลได้ในระยะสั้นๆ

“น่าสนใจ”

สวี่ชิงเลียริมฝีปาก นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาเจอพิษที่ต่อต้านพิษต้องห้ามได้ในระดับหนึ่ง แม้ไม่ใช่ทุกด้าน แต่ผลที่เกิดกับความเป็นเทพยังคงต่างจากสิ่งอื่น

พิษต้องห้ามในดวงตาจึงขยายจนเต็ม จ้องมองฝ่ามือไหมวิญญาณกลางอากาศ ชั่วขณะที่สายตาเคลื่อนลงไป พิษต้องห้ามกับพิษเฟยพลันต้านกันโดยมีฝ่ามือนั้นเป็นสนามรบ

ขณะเดียวกัน ฟ้าดินสะเทือนอีกครั้ง ไอหมอกจากพิภพรวมตัวกันจากจุดที่หมิงเฟยตาย ร่างหมิงเฟยก่อรูปอีกครั้งจากภาพลวงตา กำลังรบยังถึงกับเพิ่มขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ เมื่อก่อรูป มันคำรามห้อตะบึงมาทางสวี่ชิง

สวี่ชิงยกมือขวาคว้าทันที ครั้งนี้ไม่ใช่ไหมวิญญาณรวมกัน หากอาศัยกำลังรบอันน่าสะพรึงกลัวของเขา คว้าตัวหมิงเฟยผ่านอากาศมาถึงตรงหน้า

หมิงเฟยถูกควบคุมไม่อาจดิ้นรน มีเพียงปากที่พ่นหมอกพิษอาบย้อมทั่วทิศ

ทว่าสวี่ชิงไม่สนใจพิษของหมิงเฟย คว้ามันมาตรงหน้าแล้วรีบลงมือฉีกร่างมัน สายตาจับจ้อง เริ่มทำการวิเคราะห์

เขาอยากวิเคราะห์โครงสร้างร่างกายและโครงสร้างจิตวิญญาณของหมิงเฟย รวมถึงแก่นของพิษว่ามันสร้างขึ้นอย่างไร

การกระทำนี้แม้แต่ตัวหมิงเฟยก็ตกตะลึง พลันดิ้นรนรุนแรงกว่าเดิม แต่ความต่างใหญ่หลวงระหว่างทั้ง 2 ทำให้มันทำอะไรสวี่ชิงไม่ได้นอกจากใช้พิษกับเขา

แต่พิษนี้ก็โหดเหี้ยมอย่างแท้จริง หลังหมิงเฟยพ่นออกมาเจ็ดแปดคำจนอาบย้อมทั่วทิศและโจมตีความเป็นเทพ สวี่ชิงก็มุ่นหัวคิ้ว ขณะโบกมือหอกยาวสีดำปรากฏข้างกาย แทงทะลุหัวหมิงเฟยหอกหนึ่ง ทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณของมันแตกดับอีกครั้ง

‘กายมันเป็นภาพมายา วิญญาณมันคลุมเครือ เกิดจากความแค้นโดยแท้ แต่วิธีที่ความแค้นนี้หมุนเวียนอยู่ในกายมันน่าสนใจทีเดียว…’

‘ข้าต้องชำแหละอีกหลายครั้งถึงจะเข้าใจแก่นข้างใน’

สวี่ชิงสายตาเป็นประกาย มองจุดที่หมิงเฟยตายด้วยใจจดจ่อ

ผ่านไปหลายลมปราณ หมิงเฟยกอปรร่างตรงหน้าสวี่ชิงอีกครั้ง ชั่วขณะที่ปรากฏตัว มันกำลังจะคำราม แต่พริบตาต่อมามือใหญ่ของสวี่ชิงก็มาถึงแล้ว

คว้าเข้ามาตรงหน้าอีกครั้ง ยกมือผ่าชิ้นส่วน แยกร่างกาย แยกหางงู แยกแขนขา เริ่มวิเคราะห์อย่างละเอียดด้วยใจที่อยู่ในสภาวะศึกษาค้นคว้า…

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!