บทที่ 892 เวลายังไม่สาย ข้าออกโรง
คำพูดของนายกองดังมาในใจของสวี่ชิง
สวี่ชิงหัวเราะ
เขารู้ เวลาที่ตนมาถึงบางทีอาจจะยังไม่นับว่าสายไป
แต่ว่าเห็นนายกองและเหยียนเสวียนจื่อที่นี่ก็อยู่ในการคาดเดาของเขาอยู่แล้ว แต่เทียนโม่จื่อ ทั่วสือซานและฝานซื่อซวงก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกันทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย
แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรเสียแผ่นดินเทวะแห่งนี้เผ่านภาคิมหันต์ก็ไม่ได้เปิดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และอัจฉริยะฟ้าประทานที่สามารถอยู่ใน 5 อันดับแรกของเผ่านภาคิมหันต์ได้ ตระกูลหรือขั้วอำนาจที่อยู่เบื้องหลังย่อมมีเวลาที่นานกว่าไปเตรียมตัว
และการที่คนเหล่านี้ปรากฏตัวที่นี่ก็มากพอที่จะอธิบายว่าที่นี่…ถึงจะเป็นสถานที่ที่มีโอกาสและวาสนามากที่สุดในแผ่นดินเทวะแห่งนี้
ขณะเดียวกันก็เป็นการพิสูจน์ถึงการดมกลิ่นและเรื่องใหญ่ที่ว่าของนายกอง
ดังนั้นหลังจากที่สวี่ชิงพยักหน้าตอบรับนายกองทางนั้นแล้ว สายตาก็กวาดไปยังคนทั้งหลาย เหยียนเสวียนจื่อที่เป็น 1 ในนั้นแค่นเสียงขึ้นจมูก เทียนโม่จื่อเผยสีหน้ายินดีตื่นเต้น ทั่วสือซานใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย ฝานซื่อซวงกลับก้มหน้าหลบสายตา
พวกเขาไม่ได้พูดอะไรมาก สำหรับการปรากฏตัวขึ้นของสวี่ชิง ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
เห็นได้ชัดว่าในความคิดของพวกเขา สวี่ชิงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เดิมก็สมควรอยู่แล้ว กลับกันหากไม่ปรากฏตัวขึ้นถึงจะน่าประหลาด
และจากสายตาที่กวาดมา หลังจากที่สะท้อนวังจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่ไปในใจแล้ว สำหรับดวงดาวที่ตั้งอยู่ สวี่ชิงก็สัมผัสรับรู้ได้มากยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น ดวงดาว 108 ดวงในท้องฟ้าดาราวางจักรพรรดิผืนนี้ ชั้นนอกของทุกดวงล้วนมีปราการป้องกันไร้รูปร่างอยู่
ปราการเหล่านี้แม้ตาเนื้อยากจะมองได้เห็น แต่จากสัมผัสของประสาทสัมผัสเทพ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังถึงอำนาจของมัน ราวกับผนึก สกัดกั้นการออกไปของคนทั้งหลายที่อยู่ในดวงดาว
เพียงแต่ปราการนี้แม้จะมีพลังวิเศษ บางทีอาจจะขังพวกเทียนโม่จื่อได้ แต่สวี่ชิงรู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นนายกองหรือเหยียนเสวียนจื่อ หากคิดจะทำลายปราการก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ทว่า…แม้แต่พวกเขาทั้ง 2 ตอนนี้ก็ยังอยู่ในดาว
“ไม่อยากไป หรือยังไม่ถึงเวลา”
ทุกอย่างนี้ในขณะที่สายตาของสวี่ชิงกวาดมาก็ผุดขึ้นในใจ
และไม่นานนักเขาก็ค้นพบคำตอบ
ข้างล่างดวงดาว ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าทั้ง 2 ดวงนั้น ตอนนี้ ขณะที่หมุนวน ดวงอาทิตย์กำลังโคจรมาตามวงโคจร ราวดวงอาทิตย์รุ่งอรุณมาเยือน
เคลื่อนไปบนม่านฟ้า
พลังแผดเผาร้อนลวกกลุ่มหนึ่ง มาพร้อมด้วยความทรงพลังและความเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด แฝงด้วยพลังน่าหวาดกลัว แผ่มาจากดวงอาทิตย์ดวงนั้น เหมือนลูกไฟขนาดมหึมา ทำให้ดวงดาวจะถูกส่องสว่างจากแสงไฟของมัน
ยิ่งเข้าใกล้พลังกลุ่มนี้ยิ่งน่าหวาดหวั่น ในยามที่แผ่พลังไปยังดวงดาวทุกดวง ก็ถูกกำแพงปราการนอกดวงดาวสกัดกั้น กรองความเกรี้ยวกราดและความน่ากลัวออกไป ส่งพลังดวงอาทิตย์ที่บริสุทธิ์เข้าไปในกำแพงปราการ
เทียนโม่จื่อ ทั่วสือซาน และเหยียนเสวียนจื่อ พวกเขาทั้ง 3 ต่างร่างส่งเสียงระเบิด ดูดซับพลังที่มาจากดวงอาทิตย์ หลอมฝึกฝนกายเนื้อและวิญญาณ
จากการดูดซับ พลังในตัวพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นี่ก็คือเหตุผลที่เหยียนเสวียนจื่อไม่ได้ทำลายกำแพงปราการ!
และก็เป็นเหตุผลที่ทำไมคนทั้งหลายถึงนั่งขัดสมาธิ!
เพราะกำแพงปราการของดวงดาวนี้ แม้จะทำการผนึกพวกเขาแต่ขณะเดียวกันก็เป็นการปกป้องอย่างหนึ่ง ทำให้ดาวเหล่านี้เหมือนแท่นวิถี กลายเป็นสถานที่ดูดซับพลังที่ยอดเยี่ยมและปลอดภัยที่สุด
“นี่คือพลังแห่งดวงอาทิตย์!”
จิตเทพของนายกองดังมาในใจของสวี่ชิงตอนนี้เอง
“อีกประเดี๋ยวดวงจันทร์มาถึง พลังที่แผ่ออกมาก็คือพลังแห่งดวงจันทร์ ศิษย์น้องเล็กเอ๋ย ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกกับเจ้าแล้ว ว่าสิ่งที่อยู่ในสุสานจักรพรรดิ์ถึงจะเป็นของล้ำค่าเจ้ากลับไม่ฟัง ไปทุ่มสุดชีวิตกับรูปสลักข้างนอก”
“เจ้าดูสิ พลังดวงอาทิตย์ ที่นี่มีมากกว่าใช่หรือไม่”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง สายตาจับไปบนดวงจันทร์ที่วังจักรพรรดิ์ เนื่องจากตอนนี้ดวงอาทิตย์มาเยือน ดังนั้นจึงไม่สามารถสัมผัสพลังดวงจันทร์ได้ แต่ผ่านจากความเข้มข้นของพลังดวงอาทิตย์ เขาก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่านายกองพูดได้ถูกต้อง
เหมือนว่าศึกต่อสู้กับรูปสลักที่นอกสุสานไม่ค่อยมีความหมายเท่าไรจริงๆ ด้วย
เห็นสีหน้าเช่นนี้ของสวี่ชิง นายกองยิ่งได้ใจ กำลังจะส่งกระแสจิตต่อไป
แต่ตอนนี้เอง ทั่วสือซานที่กำลังดูดซับพลังดวงอาทิตย์ ร่างของเขาพลันสะท้านเฮือก บริเวณตันเถียนมีแสงสว่างสาดส่องออกมา คล้ายว่ามีดวงดาวดวงหนึ่งกำลังกะพริบแสงวูบวาบอยู่ในนั้น
สิ่งที่ปรากฏตามดวงดาวมาคือรอยเต๋าเป็นทางๆ ที่ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่ารอบๆ…
รอยเต๋าเหล่านี้แปรเปลี่ยนเป็นฟองอากาศอย่างรวดเร็ว มากขึ้นเรื่อยๆ ในยามที่มันหลอมรวมซึ่งกันและกัน ก็เกิดเป็นโลกใบใหญ่มายาใบหนึ่ง
ภายใต้แสงดาวที่จุดตันเถียนของเขา โลกใบใหญ่มายาใบนี้ก็เกิดความรู้สึกสมจริงขึ้นเล็กน้อย เหมือนว่ามีชีวิตกำลังกำเนิดขึ้นในโลกใบนี้
ยิ่งมีกลิ่นอายสั่นคลอนไปทั่วทุกสารทิศ มหาศาลน่าตื่นตะลึง เหนือยิ่งกว่าระดับหวนสู่อนัตตาระดับนี้ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงจากมายาเป็นวัตถุจริงจากโลกของเขา ก็ปะทุมา
นั่นคือ…กลิ่นอายของระดับเตรียมสู่เทวะ
ทั่วสือซานกำลังอาศัยพลังของดวงอาทิตย์ที่นี่มาทำวิถีของตัวเองให้สมบูรณ์แบบ จุดเส้นทางของตัวเองให้ส่องสว่าง สร้างโลกใบใหญ่ของตัวเอง
ทันทีที่สำเร็จก็จะเป็นระดับเตรียมสู่เทวะ!
นี่ก็คือเป้าหมายสุดท้ายที่เขามายังแผ่นดินเทวะ ในฐานะที่เป็น 1 ในอัจฉริยะสุดยอดของเผ่านภาคิมหันต์ เขาอยู่ในระดับหวนสู่อนัตตาขอบเขตนี้ แม้ภายนอกจะดูเหมือนเดินไปไม่ถึงสุดปลายทาง แต่ฝึกฝนจนถึงขีดสูงสุดแล้ว
และเขาก็รู้ระยะห่างของตัวเองกับคนอื่นๆ ดังนั้นเขาไม่คาดหวังความสมบูรณ์แบบอย่างคนอื่น สิ่งที่เขาไล่ไขว่คว้าคือขีดจำกัดสูงสุดของตัวเอง
ตอนนี้ขีดจำกัดสูงสุดของเขามาถึงแล้ว ดังนั้น…เขาจึงไม่ลังเลตัดสินใจยกระดับ!
และไม่มีที่ไหนที่เหมาะกับการจุดโลกใบใหญ่ให้ส่องสว่างได้เท่ากับที่นี่อีกแล้ว เพราะพลังดวงอาทิตย์เป็นสัญลักษณ์ของพลังชีวิต เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด โดยเฉพาะเขารู้ว่า ดวงอาทิตย์ในสุสานจักรพรรดิแผ่นดินมนุษย์ดวงนี้…
คือปฐมสุริยาของโลกใบนี้!
ซึ่งก็เป็นดวงอาทิตย์เพียงดวงเดียว เป็นปฐมแรกเริ่ม พลังหยางสูงสุด พลังของมันเทียบกับดวงอาทิตย์บรรพจารย์แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์แม้พลังจะมีแข็งแกร่งอ่อนแอ แต่ระดับเทียบเท่ากัน
นี่ไม่ใช่การตัดสินใจของเขาแค่คนเดียว แต่ก็เป็นการตัดสินใจของเทียนโม่จื่อด้วยเช่นกัน ดังนั้นในยามที่แสงดวงดาวทางที่สองส่องสว่างขึ้นในร่างของทั่วสือซาน ในดาวที่เทียนโม่จื่ออยู่ ก็ปะทุแสงออกมาเช่นกัน กลิ่นอายและพลังกดดันน่าหวาดกลัวปะทุพวยพุ่งตามมา
เขาก็กำลังยกระดับเช่นกัน
เพียงพริบตา ดวงดาวที่พวกเขาทั้ง 2 คนอยู่ต่างส่งเสียงระเบิดก้อง
ภาพนี้ปรากฏขึ้นในสายตาสวี่ชิง ในขณะที่เขาเข้าใจทุกอย่างแล้วก็พลันหันไปมองเหยียนเสวียนจื่อทางนั้น
เหยียนเสวียนจื่อก่อนที่จะยกระดับเป็นระดับเตรียมสู่เทวะ ความแข็งแกร่งของเขา สวี่ชิงก็สัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง ส่วนพวกเทียนโม่จื่อสองคนนั้นที่สำเร็จวิถีไปก่อน ไม่ได้หมายความว่าแข็งแกร่งที่สุด เพราะขีดจำกัดของพวกเขามีจำกัด
ในบรรดาอัจฉริยะเผ่านภาคิมหันต์ คนที่ขีดจำกัดสูงสุดแทบจะไร้ขีดจำกัดมีแค่เหยียนเสวียนจื่อเท่านั้น
ดังนั้นนางต้องการพลังดวงอาทิตย์ที่มากยิ่งกว่า
แทบจะในพริบตาที่สวี่ชิงมองไป เหยียนเสวียนจื่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในดวงดาว เหนือศีรษะของนางก็ระเบิดสนั่น ประตูคลังสมบัติขนาดมหึมาที่เก่าแก่แต่ก็ไม่ขาดความหรูหรา 5 บานปรากฏขึ้นในทันที
ประตู 5 บานต่างเปิดออกกว้างทั้งหมด แผ่พลังดูดรุนแรงออกมา
พลังดวงอาทิตย์มหาศาลพุ่งตรงมายังเหยียนเสวียนจื่อทันที ในขณะที่ทะลักเข้าไปในประตูทั้ง 5 บาน 3 ใน 5 บานเกิดรอยเต๋า เกิดฟองอากาศ เกิดกองดินขึ้นมา
รอยเต๋าของนางเพิ่มขึ้นไม่หยุด ฟองอากาศผุดออกมาอย่างมหาศาล หลอมรวมเป็นกองดิน…ทำให้กองดินกองนั้นใหญ่ขึ้นอยู่เรื่อยๆ เหนือยิ่งกว่าขีดจำกัดสูงสุดของโลกใบใหญ่ใบหนึ่ง จะเกิดเป็นโลกใบใหญ่ขนาดมหึมาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
เพียงแต่โลกใบใหญ่เช่นนี้ แม้แผ่นดินจะขยายออกไปได้ไม่สิ้นสุด แต่กลับผืนฟ้าที่เคียงคู่กับมัน…กลับยากที่จะแผ่ปกคลุมได้
แต่…สุดท้ายหากทำให้เกิดผืนฟ้าที่เทียบเคียงกับแผ่นดินโลกใบนี้ได้จริงๆ เช่นนั้น ในพริบตาที่เหยียนเสวียนจื่อยกระดับ ในระดับเตรียมสู่เทวะขั้นที่หนึ่งระดับนี้ นางจะขึ้นอยู่ในจุดสูงสุดทันที
เพราะโลกของนาง ความยิ่งใหญ่ทรงพลังเหนือซึ่งทุกสิ่ง นับแต่โบราณมาหาได้ยากยิ่ง
จากสิ่งนี้ก็เห็นได้ถึงพรสวรรค์ของนาง เห็นได้ถึงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของนาง
มองภาพนี้ มองการยกระดับของอัจฉริยะทั้ง 3 ของเผ่านภาคิมหันต์ ในสมองสวี่ชิงไม่รู้ว่าทำไมจึงมีคำพูดที่มีคนเคยพูดกับเขาในตอนอยู่สำนัก 7 เนตรโลหิตผุดขึ้นมา
“นี่คือโลกแห่งการแย่งชิง อัจฉริยะปรากฏไม่ขาดสาย บางทีนี่อาจจะเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายของวิถีสวรรค์ต้องประสงค์!”
ในดวงตาสวี่ชิงฉายประกาย
เสี้ยวขณะต่อมา ดวงอาทิตย์หมุนผ่านไป ดวงจันทร์เข้ามาใกล้จากที่ไกลๆ
พลังแห่งดวงจันทร์ขับไล่พลังหยางสูงสุด หอบม้วนมา
ฝานซื่อซวงที่ก้มหน้าพลันเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาทั้ง 2 ยึดมั่น ในใจแน่วแน่ ตอนนั้นหลังจากที่มองสวี่ชิงสังหารจี้ตงจื่อตาปริบๆ เขาก็รู้ว่าตัวเองสู้สวี่ชิงไม่ได้ ยิ่งสู้เหยียนเสวียนจื่อไม่ได้ แต่ก็เป็นเพียงแค่ในอดีตสู้ไม่ได้เท่านั้น
เขาเชื่อมั่น ชั่วนิรันดร์อันงดงามคืออนาคตของตัวเอง
ในอนาคต ใครแข็งแกร่งอ่อนแอก็ยังไม่แน่!
ความเชื่อมั่นนี้คอยค้ำยันเขา ในยามที่พลังแห่งดวงจันทร์มาถึงก็ทำการดูดกลืนอย่างบ้าคลั่ง หว่างคิ้วของเขารวมแสงจันทร์เอาไว้ จนกระทั่งเกิดเป็นดวงดาว สาดแสงส่องสว่างทั่วสารทิศ
เขาเริ่มยกระดับแล้วเช่นกัน!
คนที่ดูดซับพลังดวงจันทร์นี้เหมือนกันยังมีเอ้อร์หนิว
อีกทั้งเทียบกับฝานซื่อซวงแล้ว เอ้อร์หนิวทางนี้ทรงพลังแข็งแกร่งมาก เหมือนว่าจะใช้วิธีดูดซับที่เหนือยิ่งกว่าเหยียนเสวียนจื่อ ศีรษะของเอ้อร์หนิวไหววูบ ที่เหนือศีรษะก็เกิดเมฆหมอกขึ้น
ในยามที่เมฆหมอกหอบม้วน หัวสุนัขขนาดมหึมาหัวหนึ่งก็พุ่งออกมาจากในนั้นแล้วพลันดูดพลังแห่งดวงจันทร์
นั่นคือ…วิชาเซียนสุนัขสวรรค์
สามารถกลืนกินฟ้าดินได้
เพียงพริบตาพลังแห่งดวงจันทร์ก็พุ่งตรงไปหานายกอง เขาดูดกลืนมันอย่างบ้าคลั่ง
ฝายซื่อซวงร่างสะท้านเฮือก สัมผัสได้ว่าพลังหมดลง สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
ส่วนนายกองทางนั้น ตอนนี้ท่าทีหยิ่งทะนง ท่าทางเหมือนไม่มีใครเทียมได้ ในขณะที่ดูแคลนเหยียนเสวียนจื่อ ก็ส่งจิตเทพได้ใจไปหาสวี่ชิงทางนั้น
“ศิษย์น้องเล็ก ขอเพียงเจ้าขอร้องศิษย์พี่ใหญ่ พูดเพราะๆ ร้อยประโยค เขียนใบยืมหนี้พันใบ ศิษย์พี่ใหญ่จะเหลือไว้ให้เจ้า 2 ส่วนเป็นอย่างไร”
ฟังจิตเทพชั่วช้านายกอง สวี่ชิงไม่ไปสนใจ เขามองไปยังดวงจันทร์ที่เข้ามาใกล้จากที่ไกล สัมผัสถึงประตูคลังสมบัติที่ 3 ที่เปิดเป็นรอบแยกเพราะดูดซับพลังรูปสลัก
ในประตูคลังสมบัติ ก็แผ่พลังที่มีต้นกำเนิดเดียวกับดวงจันทร์ออกมา เป็นพลังหยินสูงสุด เป็นดวงจันทร์บรรพจารย์เช่นกัน!
ความปรารถนาอันรุนแรงทะลักเข้ามาในใจเขา
ใครบอกว่าการต่อสู้นอกสุสานจักรพรรดิไร้ประโยชน์ ผลเก็บเกี่ยวของศึกนั้นคือเมล็ดพันธุ์!
สวี่ชิงเข้าใจกระจ่างทันที มองดวงจันทร์ ลุกขึ้น ทันทีที่เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ประตูคลังสมบัติที่ 2 ในร่างก็ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมา
ดวงตาหมิงเฟยในนั้นพลันลืมตื่นขึ้นมา ทันใดนั้นสิ่งแปดเปื้อนทั้ง 6 ของเทพเจ้าก็ยิงออกมาจากในดวงตาของสวี่ชิง ระเบิดโจมตีไปยังกำแพงปราการไร้รูปร่างข้างหน้า
สิ่งแปดเปื้อนทั้ง 6 ของเทพเจ้า ทำให้เทพเจ้าแปดเปื้อนได้!
เสี้ยวขณะต่อมา กำแพงปราการนี้ภายใต้การกัดกร่อนจากสิ่งแปดเปื้อนทั้ง 6 ของเทพเจ้า จากไร้รูปร่างก็เปลี่ยนมามีรูปร่าง เหมือนฟองอากาศถูกเป่าแตก หายไปทันที
ฝีเท้าของสวี่ชิงก็ก้าวลงมาในเสี้ยวขณะนี้ หายไปจากในดวงดาว มาปรากฏตัวนอกดาว
พลังจากวังจักรพรรดิในเสี้ยวขณะนี้กดอัดมายังร่างสวี่ชิงจากทั่วทุกสารทิศ แต่สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ พลังจิ่วหลีปะทุ สภาวะเทพเจ้าปะทุ สิ่งแปดเปื้อนทั้ง 6 เข้มข้นยิ่งขึ้น
ภายใต้ความตื่นตะลึงของคนทั้งหลาย ก็ก้าวเดินไปยังดวงจันทร์ที่ลอยมาจากไกลๆ ดวงนั้น
เหยียบย่างไปในดวงจันทร์ นั่งขัดสมาธิ…อยู่ที่นั่น
ประตูคลังสมบัติจันทร์สีม่วงในร่างเขาพลันปะทุขึ้น ดูดซับอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เหมือนว่ากำลังกู่ร้องยินดี
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



