Skip to content

Outside Of Time 897

Outside of Time
BC

บทที่ 897 ขึ้นเวทีมา!

ละครในแผ่นดินเทวะ จากเสียงสะท้อนก้องจากเสียงของเทพแห่งดวงอาทิตย์ ประดุจคลื่นซัดโหม หอบม้วนไปในโลกโรยราใบนี้

C

ลมพายุก็ก่อตัวขึ้นในเสี้ยวขณะนี้ หอบกวาดพร้อมกับคลื่นไปในทุกพื้นที่ในแผ่นดินเทวะ ชะล้างทุกพื้นที่ในพื้นดาวที่ถูกใยแมงมุมพันล้อม พัดพาฝุ่นที่ถูกประวัติศาสตร์ฝังกลบออกไปเป็นแห่งๆ

ดังนั้น ในที่แห่งหนึ่ง ในซากปรักหักพังของดวงดาวแถบหนึ่งเผยให้เห็นป้ายหินเก่าแก่โบราณป้ายหนึ่ง

มันนับว่าเก็บรักษาเอาไว้ได้สมบูรณ์ เพียงแต่รอยตัวอักษรกว่าครึ่งบนนั้นเลือนรางไม่ชัดเจน

มีเพียงตัวอักษรสี่ตัวที่ลงนามทิ้งไว้ เมื่อใช้จิตเทพสัมผัสก็จะรู้ความหมายของมัน

โลกจักรพรรดิเซียนเหนือ

นี่ก็คือชื่อของโลกใบนี้ที่ถูกลืมเลือนไปในการเวลา

มันบางทีอาจจะเคยรุ่งโรจน์มาก่อนเหมือนกัน และดำรงอยู่ในจักรวาลที่มีเทพเจ้า เห็นได้ชัดว่าก็มีเรื่องที่เกี่ยวกับเทพเจ้าเช่นกัน ก็ย่อมมีชื่อมากมายที่ผลักดันโลกใบนี้ให้ก้าวขึ้นไปสู่ความสูงส่ง

แต่ตอนนี้เหลือเพียงซากปรักหักพังซบเซาอ้างว้าง เหลือเพียงสุสานจักรพรรดิเดียวดาย เหลือเพียงความพินาศย่อยยับที่ทำให้คนสะท้อนใจ ตลอดจนสิ่งมีชีวิตคุณสมบัติเทพที่สูญเสียสติที่สูญเสียการรับรู้ไปแล้ว

และโลกใบนี้ เดิมก็ไม่มีความเกี่ยวพันใดๆ กับแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

ตำแหน่งที่ตั้งของโลกใบนี้ในอดีต มองจากดวงดาวแล้วก็ห่างกับแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ลิบลับ

เป็นการรุกรานจากเทพแมงมุมหลังจากที่จักรพรรดิเซียนแตกดับ กลิ่นอายโจมตีซึ่งทุกอย่าง แปรเปลี่ยนโลกเซียนแดนเหนือแห่งนี้ให้กลายเป็นแผ่นดินเทวะเอง อีกทั้งเนื่องจากตามเสี้ยวหน้าเทพเจ้ามายังแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์…ด้วยเหตุนี้ โลกจักรพรรดิเซียนเหนือจึงมาปรากฏในรอยแยกของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

และกลายเป็นกระดานหมากวางแผนของผู้ที่ถือหมากทุกคนที่นี่ตอนนี้ หรือจะพูดว่าผลกรรมแห่งเทวะก็ได้

และตอนนี้ ป้ายหินที่ลอยอยู่กลางซากปรักหักพังฝุ่นผงก็ถูกมือที่หลอมรวมมาจากกาลเวลา คว้าเอาไปจากท้องฟ้า เอามายังใจกลางแผ่นดินเทวะ เอามายังเหนือคลื่นวนสีดำผืนนั้น มาปรากฏต่อหน้าเทพทั้ง 3

สายตาของเทพทั้ง 3 จับจ้องไปอย่างเงียบงัน

บางทีอาจเป็นผลกรรมเวรที่เกิดขึ้นจากการที่สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวหลอมผสานศพจักรพรรดิ หรืออาจเป็นพลังที่เกิดขึ้นจากพลังอำนาจเทพของเหล่าองค์เทพ ดังนั้น สายตาของเหล่าองค์ท่านเหมือนว่าด้วยเหตุนี้จึงแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายพิเศษ กวาดไปยังป้ายหิน

ทำให้ตัวอักษรรางเลือนบนนั้นฟื้นฟูร่องรอยเก่าแก่บรรพกาลกลับมา

“จักรพรรดิรู้ว่าอายุขัยจะมอดหมดไป การควบคุมชะตาจะเสียหาย รู้ว่าความพินาศย่อยยับและเคราะห์จะมาเยือนอย่างแน่นอน เพื่อที่สร้างทางรอด ในวันที่ชีวิตจะดับสูญ ก็ฝืนคำสั่งบรรพชน กลืนกินผลกรรมแห่งเทวะ หลอมดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว แบ่ง 3 วิญญาณออกมา เคารพบูชาวิญญาณตัวเอง

ใช้ร่างเป็นธูป ทำให้ 3 วิญญาณเข้าสู่วัฏสงสาร ตัดวงโคจรชะตาชีวิต ซ่อนผลกรรมเวร นับจากนั้น…มนุษย์คือมนุษย์ เซียนคือเซียน เทพคือเทพ”

“จักรพรรดิดับสูญ…วิญญาณสลาย”

ร่องรอยเก่าแก่โบราณบอกเล่าประวัติศาสตร์ที่ลับที่สุด จากการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ ไม่ทันรอให้พวกเหยียนเสวียนจื่อใช้จิตเทพสัมผัสรับรู้ ก็หายไปอีกครั้ง

ป้ายหินก็ยังคงเป็นป้ายหิน

ประวัติศาสตร์ที่มันฉายออกมา ครั้งนี้ถูกฝังไปในห้วงเวลาจริงๆ

แต่แสงเจิดจ้าในเสี้ยวพริบตานั้นก็ยังส่งผลกรรมเวรที่ซ่อนไว้กลับมา พุ่งมาในชะตาชีวิตของเทพทั้ง 3 อย่างเงียบงัน

ดังนั้น แผ่นดินเทวะแห่งนี้ในเสี้ยวพริบตานี้ อำนาจแบ่งเป็น 5 ส่วน ส่วนหนึ่งของเทพดวงอาทิตย ส่วนหนึ่งของเทพดวงจันทร์ ส่วนหนึ่งของเทพดวงดาว

อีก 2 ส่วนที่เหลือ ส่วนหนึ่งอยู่ที่แผ่นดินใหญ่ผืนคีรี อีกส่วนหนึ่ง…อยู่ที่ศพจักรพรรดิ

“ส่วนของศพจักรพรรดิคือกุญแจ ตอนนี้กุญแจถูกเปิดออก”

เทพดวงอาทิตย์เอ่ยราบเรียบ

“พวกเขาจะทันหรือไม่” เทพดวงดาวถามขึ้นมา

“เวลามาถึงแล้ว ไม่สำคัญแล้ว พวกเราต้องเริ่มแล้ว” เทพดวงจันทร์สงบนิ่ง

“ท่านพี่หญิงยังคงเกลียดอยู่ล่ะสิ แต่ข้าทายว่า…พวกเขาลงมือทัน” เทพดวงดาวหัวเราะเสียงเบา

เทพทั้ง 3 สิ่งที่รอคือเวลา

ใต้แผ่นดินใหญ่ผืนคีรี อุปราชไอศวรรย์ที่ตอนนั้นรวมเผ่าผู้ใช้วิญญาณฟ้าทมิฬเป็นหนึ่ง หักหลังจิ่วหลี สิ่งที่เขารอคือคำสัญญาจากห้วงเวลา

ตอนนี้เหล่าองค์ท่านมาถึงแล้ว ม่านที่แผ่ปกคลุมไปหลายหมื่น ก็เปิดออกในเสี้ยวพริบตานี้เช่นกัน

เผยให้เห็นเวที

ละครก็เริ่มแล้วเช่นกัน

และในมุมที่ม่านปกปิดอำพราง ผู้ถือหมากอีกฝั่งหนึ่ง หรือจะพูดว่าผู้ถือหมากที่จะต้องปรากฏตัวขึ้นอย่างแน่นอน สวี่ชิงกับเอ้อร์หนิงก็วางหมากแล้วเช่นกัน

เพียงแต่ละครฉากนี้ เป็นเวทีหลักของเทพทั้ง 3 กับฝ่ายอุปราชไอศวรรย์ เหล่าองค์ท่านไม่ไปก่อกวนช่วงจังหวะโอกาส ก็ย่อมไม่มีทางรอเมื่อจังหวะมาถึงค่อยรออย่างไม่มีความหมายอีกต่อไป

ดังนั้น…

เวทีแสดงจึงอยู่ที่นั่น

ละครก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน

จะวางหมากได้ทันหรือไม่ หลังจากวางหมากแล้วจะไล่ตามละครฉากนี้ทันหรือไม่ จะขึ้นเวทีได้จริงๆ คว้าเอาอำนาจส่วนหนึ่งมาได้หรือไม่…

สุดแท้แต่โชคชะตา

……

“ชะตาสวรรค์นับเป็นอะไรกัน!”

ในโลกสีแดงหม่นผืนหนึ่ง ท้องฟ้ากำลังถล่มลงมา

บนทะเลเลือด เอ้อร์หนิวเงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ทั่วร่างแผ่ประกายแสงพร่างพราย ที่บริเวณหน้าอกของเขากำลังมีแขนเหี้ยมเกรียมสีฟ้าข้างหนึ่งยื่นทะลุออกมา จากค้ำยันฟ้าผืนนี้

แขนข้างนี้แปรเปลี่ยนเป็นเสาน้ำแข็งขนาดมหึมาต้นหนึ่ง ผสานไปข้างในไม่หยุดเพื่อซ่อมแซม แล้วทะลักโหมบ่าออกมาอย่างไม่สิ้นสุดจากหน้าอกของเอ้อร์หนิว

ไหลทะลักไม่ขาดสาย

ดังนั้นเสาน้ำแข็งต้นนั้นจึงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ ค้ำยันฟ้าดิน อีกทั้งยังแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว คล้ายว่าจะแช่แข็งท้องฟ้าผืนนี้

ยิ่งมีหนอนสีฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงลงมาจากร่างของเขา แผ่ไปในทะเลเลือด ดูดกลืนอย่างรวดเร็ว เหมือนจะกลืนทะเลเลือดทั้งหมดลงไป ทำให้มันแห้งเหือด

แต่การพังทลายของโลกใบนี้คล้ายว่าเป็นเรื่องจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นไม่นานนัก ท้องฟ้าก็ถล่มลงมา มหาสมุทรคำรามก้อง

เสาน้ำแข็งหัก หนอนแหลกสลาย

แต่เสี้ยวขณะต่อมา เสาน้ำแข็งต้นใหม่ก็ปรากฏขึ้น ยิ่งมีหนอนมากกว่าเดิม แผ่ลามออกมาใหม่

ผู้คำยันฟ้าจะเรียกว่าบรรพจารย์

ผู้ถามสมุทรจะเรียกนาย

ค้ำยันเลือดเนื้อ ย้อนทวนเลือดศพ ก็จะสามารถเข้าไปในศพจักรพรรดิเซียนได้

แต่ความยากมหาศาลยิ่งนัก แบ่งเป็น 2 เรื่อง

เรื่องแรกเขาต้องสยบโลกใบนี้ให้ได้ เรื่องที่ 2 เขาต้องสยบโลกให้มากยิ่งขึ้น

โลกที่พังทลายผืนนี้ก็คือการแสดงออกเชิงนามธรรมของกายเนื้อศพจักรพรรดิ ทะเลเลือดนั่นเป็นเพียงแค่เลือดหยดหนึ่งจากเลือดมหาศาลในร่างศพจักรพรรดิ

ท้องฟ้าที่ถล่มลงมาเป็นทุกชุ่นในเลือดเนื้อทั้งหมด

และนิ้วนั้นของหลี่จื้อฮว่าก็จะสยบความยากเรื่องที่ 2 นั่นลงไป ทำให้ทะเลเลือดในโลกใบนี้เป็นเพียงหยดเดียวก็ได้ หรือเป็นเลือดจากในร่างศพทั้งหมดก็ได้

ท้องฟ้าที่ถล่มลงมาจะเป็นเนื้อทุกชุ่นก็ได้ หรือจะเป็นเลือดเนื้อทั้งหมดก็ได้

สยบโลกใบหนึ่งก็เท่ากับสยบโลกทั้งหมด

นี่ทำให้ความยากลดลง แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ต่อให้สุดท้าายแล้วเอ้อร์หนิวทำสำเร็จ ก็ไม่ใช่ว่าจะตัดสินทุกอย่างได้

เพราะ…ในศพจักรพรรดิยังถูกเทพทำให้แปดเปื้อน หรืออาจกล่าวได้ว่าเศษเสี้ยววิญญาณจักรพรรดิเซียนหลอมผสาน

มีเพียงวิญญาณและกายเนื้อ สมองและจุดตันเถียนต่างสำเร็จ ถึงจะนับว่าสำเร็จ

ดังนั้นนายกองจึงกำลังบ้าคลั่ง สวี่ชิงก็พยายามสุดชีวิต

และความยากในการควบคุมเศษเสี้ยววิญญาณมี 2 เรื่องเช่นกัน

เรื่องแรกคือจะผสานวิญญาณเทพจักรพรรดิที่น่ากลัวนี้เข้าไปในสมบัติจักรพรรดิตัวเองอย่างไร!

เรื่องที่ 2 หลังจากผสานเข้าไปในสมบัติจักรพรรดิแล้ว จะสยบกำราบมันอย่างไร

นิ้วนั้นของหลี่จื้อฮว่าเป็นการผลักดันครั้งยิ่งใหญ่ ทำให้เศษเสี้ยววิญญาณถูกสยบ ทำให้ความน่ากลัวของมันถูกลบล้างไป ทำให้การผสานเข้าไปในสมบัติจักรพรรดิเปลี่ยนมาง่าย

แต่จะอย่างไรก็เป็นวิญญาณเทพจักรพรรดิ ต่อให้ถูกสะกด ก็ยังมีพลังฝืนชะตาของตัวเองอยู่

ดังนั้น สวี่ชิงกำลังทุ่มสุดตัวอยู่จริงๆ เขาอยู่ในวังเซียนอันกว้างใหญ่นี้ หลังจากที่เห็นเศษเสี้ยววิญญาณที่จ้องตัวเองมาเขม็งจากบัลลังก์มังกร ก็ใช้มือพรางมารยาฝืนเปิดประตูสมบัติกระบี่จักรพรรดิของตัวเอง ทำให้มันปรากฏขึ้นข้างนอก ลงไปเยือนยังเศษเสี้ยววิญญาณ

ผสานเศษเสี้ยววิญญาณไปในสมบัติจักรพรรดิ

เศษเสี้ยววิญญาณไม่ได้ขัดขืน เพราะเทียบกับการเอากายเนื้อที่นายกองประสบ วิญญาณที่มีสติปัญญา รู้ดีว่าความสำเร็จล้มเหลวของครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่กายเนื้อ แต่อยู่ที่นี่

หากสามารถในประตูคลังสมบัติสามารถเปลี่ยนจากแขกผู้มาเยือนให้เป็นเจ้าบ้าน จากนั้นก็ทำการฝืนช่วงชิงสิงร่าง เช่นนั้นหมากกระดานนี้…บางทีก็อาจจะไม่แพ้

ดังนั้นทันทีที่เข้าไปในประตูคลังสมบัติ เศษเสี้ยววิญญาณฝืนชะตา สมบัติจักรพรรดิคำรามลั่น ประตูคลังสมบัติเกิดรอยแยก นั่นคือสัญญาณของการทนแบกรับไม่ไหว

สำหรับเรื่องนี้ สวี่ชิงก็มีการตัดสินใจของตัวเองเช่นกัน

เขาหลับตาลง วิญญาณเต๋าลืมตาขึ้น ทะยานขึ้นในทะเลความรู้สึก ฝ่าเข้ามาในสมบัติจักรพรรดิของตัวเอง

ในสมบัติจักรพรรดิฟ้ากว้างแผ่นดินยิ่งใหญ่

ทว่าผืนฟ้าสายฟ้าทรงพลังเกินต้านทาน สีเงินแผ่ปกคลุมผืนฟ้า แผ่นดินขุนเขาราวมังกรดินพลิกตัว คล้ายมังกรกระบี่ทลายเกราะ

และในฟ้าดินมีกระบี่เล่มหนึ่งตั้งอยู่

กระบี่นี้สาดแสงพราวพร่างมหาศาล สาดส่องฟ้าดิน

วัสดุของมันคือสัมฤทธิ์ พลังชะตาเผ่ามนุษย์พวยพุ่ง ตัวกระบี่เดิมมีขนาด 4 ฉื่อ 7 ชุ่น ตอนนี้อยู่ในสมบัติจักรพรรดิขยายเป็น 40,000 จั้ง 7,000 ฉื่อ

คมกระบี่น่าครั่นคร้าม ปราณกระบี่ทรงพลัง คมจนสามารถฟันฟ้า ฟันดิน ฟันมนุษย์

ใต้จักรพรรดิโบราณล้วนฟันได้ทั้งสิ้น

มีชื่อว่า…กระบี่จักรพรรดิ

ข้างกระบี่ยังมีวิญญาณอีกดวงหนึ่ง สวมชุดจักรพรรดิ ศีรษะสวมมงกุฎจักรพรรดิ ใบหน้าไร้อารมณ์ มองเผินๆ เหมือนจักรพรรดิ แต่มองไปอีกครั้งเหมือนเทพเจ้า เงาร่างเป็นร่างจักรพรรดิก่อน แล้วแปรเปลี่ยนเป็นหน้าแมงมุม

ตอนนี้กำลังจ้องมองกระบี่จักรพรรดิ สายตาฉายแววชื่นชม

“เป็นกระบี่จักรพรรดิที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

แล้วก็มองไปทางสวี่ชิงที่โจมตีมา

“เจ้าคิดอยากจะผสานข้าเป็นวิญญาณศาสตราวิถีสวรรค์ ควบคุมกระบี่เล่มนี้อย่างนั้นหรือ”

ระหว่างพูด วิญญาณดวงนี้ก็ยกมือ ลองขยับกระบี่จักรพรรดิ

“กระบี่เล่มนี้ หากข้าไม่อนุญาต เจ้าแตะต้องไม่ได้”

สวี่ชิงเอ่ยราบเรียบ

คำพูดเมื่อดังออกไป กระบี่จักรพรรดิคำราม เสียงกระบี่แหวกผืนฟ้าทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี และแสงกระบี่ก็สาดแสงส่องไปทั่วทุกสารทิศ เจิดจ้าไปทั่วทั้งฟ้าดิน

มือวิญญาณจักรพรรดิที่อยู่ข้างๆ ชะงัก ดึงกลับมาช้าๆ

“เจ้าก็แตะไม่ได้เหมือนกัน”

พูดจบ ร่างวิญญาณจักรพรรดิไหววูบ พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง

ศึกวิญญาณปะทุขึ้นแล้ว!

เพียงพริบตา ทั่วทั้งสมบัติจักรพรรดิก็ระเบิดเสียงดังลั่นสนั่นหวั่นไหว แผ่มาทั่วทั้งร่างสวี่ชิง ร่างของเขาไม่ขยับ แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งอันตราย

เอ้อร์หนิวทางนั้นก็กำลังบ้าคลั่ง

ศึกระหว่างกายเนื้อและวิญญาณ ตันเถียนและสมองครั้งนี้ปะทุขึ้นพร้อมกัน ทั้งยังดุเดือดขึ้นมาในเสี้ยวพริบตา

ประสบการณ์ในวัยเด็กสอนให้สวี่ชิงเด็ดขาด

ชีวิตที่สำนัก 7 เนตรโลหิตสอนให้สวี่ชิงรู้จักเก็บซ่อน

อดีตที่เขตปกครองผนึกสมุทรสอนให้สวี่ชิงมีวิสัยทัศน์

มีเพียงศิษย์พี่ใหญ่เท่านั้น สิ่งที่เขาสอนสวี่ชิงคือการแย่งชิง!

แย่งชิงกับฟ้า แย่งชิงกับดิน แย่งชิงกับมนุษย์ แย่งชิงกับเทพ!

แล้วก็ยังมีแย่งชิงกับชะตา

ดังนั้นศพจักรพรรดิที่ร่วงลงไปในหุบเหวลึก ที่จุดตันเถียนของมันมีเสียงดังก้อง

“เปิดผนึกของข้า กระตุ้น 9 ยมโลก เซียนคิมหันต์ไปจากโลก ใต้หล้าล้วนเป็นน้ำค้างแข็ง!”

บุปผาน้ำแข็งสีฟ้าบานมาจากจุดตันเถียน เพียงพริบตาก็แผ่ลามไปทั่วศพจักรพรรดิ ปกคลุมไปทั่วร่าง ปกคลุมไปทั่วทั้งแขนขา ปกคลุมซึ่งทุกสิ่ง

และศพจักรพรรดิที่ร่วงไปในความว่างเปล่า ที่สมองของมันมมีเสียงของสวี่ชิงดังก้อง

“ในยามเป็นผู้ครองกระบี่เมื่อนานมาแล้ว เคยฝึกวิชาหนึ่ง”

“วิชานี้ผู้ครองกระบี่ทุกคนล้วนเรียนได้ ใครๆ ก็ฝึกฝนได้ วันนี้ในสมบัติจักรพรรดิก็ได้รู้ถึงความหมายที่แท้จริงของวิชานี้”

“ข้าจะให้เจ้าได้รู้ กระบี่เล่มนี้ ข้าแตะต้องมันได้!”

ข้ามีกระบี่เล่มหนึ่ง…

“ชื่อของมันคือกระบี่จักรพรรดิ!”

กระบี่ทะยานขึ้นในสมบัติจักรพรรดิ ตวัดตัดความว่างเปล่าอย่างแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แหวกผ่านหุบเหวลึกอย่างไม่อาจต้านทานได้ หอบม้วนอย่างทรงพลัง แล้วฟันไปที่สมองของศพจักรพรรดิ!

สมองยุบลงไป

สะท้านสะเทือนห้วงเวลาและมิติ สะบั้นสิ่งหลอกลวง!

ศพจักรพรรดิสะท้านเฮือก ไม่ร่วงลงไปอีก ลอยอยู่กลางอากาศ ในยามที่แสงกระบี่กะพริบวูบวาบ ดวงตาที่ปิดสนิทของศพนี้ก็พลันลืมตื่นขึ้น!

ไม่เป็นของจักรพรรดิเซียน ไม่เป็นของวิญญาณแมงมุม

แต่เป็นดวงตาของเอ้อร์หนิว เป็นจิตวิญญาณของสวี่ชิง

มิติระเบิดคำรามลั่น ประกาศการกลับมา

หุบเหลวลึกแหลกละเอียด อวยพรแด่นายคนใหม่

ท่ามกลางความรางเลือน แผ่นดินเทวะที่แปรเปลี่ยนมาจากโลกจักรพรรดิเซียนเหนือ อำนาจส่วนที่ 5 พุ่งมาในชะตาชีวิตของสวี่ชิงและนายกอง

ขณะเดียวกัน ในแผ่นดินใหญ่ผืนคีรี เงาคนที่อยู่แถวหน้าเงยหน้า คล้ายทอดสายตามอง

ในแผ่นดินเทวะ เทพทั้ง 3 ที่ยืนตระหง่านนอกคลื่นวน ต่างจ้องมองจับจ้องไปยังคลื่นวน

“ท่าทางข้าจะเดาถูกแล้ว”

มุมปากของเทพดวงดาวยกขึ้นเล็กน้อย

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!