บทที่ 901 บรรลุหวนสู่อนัตตาในที่สุด!
อุปราชไอศวรรย์กำลังสำเร็จเทพ เทพเจ้าทั้ง 3 กำลังทะลวงขั้น แต่แผ่นดินเทวะมี 5 อำนาจ
ยามนี้เกลียวคลื่นบนแผ่นดินเทวะมีศพจักรพรรดิเป็นตัวนำ โอกาสในการยกระดับแผ่นดินเทวะก็กำลังดำเนินไปพร้อมเสียงหัวเราะบ้าคลั่งของนายกอง
“อาชิงน้อย โอกาสระดับนี้ เจ้าเห็นว่าอย่างไร!”
นายกองน้ำเสียงตื่นเต้น ความครึ้มใจส่งมาถึงในจิตใจสวี่ชิง
“ข้าบอกเจ้าให้ สรรพสิ่งในฟ้าดิน ทุกสิ่งในจักรวาลล้วนเป็นประโยชน์ให้พวกเราได้ ต่อให้เป็นเสี้ยวหน้าลูกสุนัขนั่นก็ไม่ต่างกัน!”
“ตอนนั้นจันทราดาราของชื่อหมู่ยกระดับ ข้าก็อยากได้แทบแย่ แต่ตอนนั้นเงื่อนไขไม่อำนวย โดยเฉพาะเรื่องเกิดขึ้นกะทันหัน ก่อนหน้านั้นข้าก็ไม่คิดว่าจะถึงกับเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับนั้น”
“แต่ครั้งนี้…”
นายกองใจเต้นเร็วกว่าเดิม คลื่นในใจยิ่งรุนแรง
“ครั้งนี้ถึงตาเราขึ้นรถไปดูทิวทัศน์แล้ว”
นัยน์ตาสวี่ชิงฉายประกาย
“ศิษย์น้อง มาถึงตอนนี้ ศิษย์พี่บอกความลับแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์กับเจ้าอย่างหนึ่ง!”
“นี่เกี่ยวกับเส้นทางของเจ้า เกี่ยวกับเส้นทางของข้า เกี่ยวกับเส้นทางของอาจารย์!”
น้ำเสียงตื่นเต้นของนายกองทุ้มอยู่ในใจสวี่ชิง หลังได้ยินคำว่าอาจารย์ ใจเขาพลันสั่น
“ฝึกบำเพ็ญมาถึงตอนนี้ เจ้าก็คงรู้มหาขั้นของเทพเจ้า ก่อนระดับเพลิงเทวะมีแต่ความเป็นเทพ ต่อจากเพลิงเทวะพิสุทธิ์คือมหาขั้นแท่นเทวะ แล้วต่อจากแท่นเทวะคืออะไร”
“วันนี้ข้าจะบอกเจ้า สิ่งนั้นคือเทพแท้…เป็นระดับเดียวกับเซียนคิมหันต์”
เมื่อนายกองกล่าวออกมา ในหัวสวี่ชิงราวกับมีสายฟ้าดังสนั่น แต่เสียงของนายกองยังคงสืบเนื่อง ทุกคำกึกก้องในจิตใจประดุจอัสนี
“ต่อจากเทพแท้คือนายแห่งเทพ เหนือนายแห่งเทพคือราชาเทพ เหนือราชาเทพคือวิสุทธิ์เทพ!”
“ในนั้นหลี่จื้อฮว่าเดินเร็วที่สุด จากผู้บำเพ็ญเจ้าเหนือหัวขั้นสูงสุดในตอนนั้น ผสานชื่อหมู่แปลงผลกรรม วางแผนข้ามกาลเวลาหลายหมื่นปีตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ในที่สุดก็ก้าวสู่แท่นเทวะขั้นสูงสุด!”
เรื่องเหล่านี้มีบางส่วนที่สวี่ชิงรู้อยู่แล้ว และมีบางส่วนที่เขาเคยเดาในใจ แต่ส่วนใหญ่ยังคงได้ยินครั้งแรก ในที่สุดก็เข้าใจระบบเทพเจ้าในระดับลึก
นายกองพูดจบแล้วควบคุมให้ศพจักรพรรดิเงยหน้า สายตาคล้ายมองทะลุเกลียวคลื่น ทะลุแผ่นดินเทวะไปยังเสี้ยวหน้าบนฟ้า
“ศิษย์น้อง ดูเสี้ยวหน้านั่น เจ้ารู้หรือไม่เหตุใดบทบูชาเทพสุริยันถึงเป็นอุปราชบรรพกาลมิเปล่าดาย มีอนาคตสดใสในถิ่นร้าง”
“เหตุใดต้นกำเนิดของมันถึงกระจายเวลาออกมาได้ เหตุใดการมาเยือนขององค์ท่านทำให้เสวียนโยวผู้เป็นถึงเซียนคิมหันต์คนสุดท้ายของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์หนีเตลิด”
“เพราะนามขององค์ท่านคือรกร้าง!”
“เพราะเขตขั้นขององค์ท่านคือกึ่งวิสุทธิ์เทพไง!”
“พูดให้ชัดคือล้มเหลวจากการทะลวงเป็นวิสุทธิ์เทพจนหลับใหลมาถึงตอนนี้!”
“แล้วเหตุใดผู้บำเพ็ญไม่อาจเทียบกับเทพเจ้า…”
นายกองทิ้งช่วง
สวี่ชิงนิ่งเงียบ ในใจมีคำตอบแล้ว
“ศิษย์น้อง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเสี้ยวหน้าทำการใดเป็นอย่างแรกเมื่อมาเยือน”
“องค์ท่านกลืนกินวิถีสวรรค์โบราณอันดับหนึ่ง!”
นายกองเสียงทุ้มต่ำ
“นั่นเป็นวิถีสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ร่างเดิมคือผู้แข็งแกร่งที่สุด…ในบรรดาเซียนคิมหันต์ที่ลงมาฆ่าล้างเผ่าเทพบนดินแดนนภาจรัสหรือแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์”
“หลังเซียนผู้นี้ปราบเผ่าเทพบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ เขาเคยมองเอกภพทั้งน้ำตา สาบานละทิ้งเส้นทางเซียน เส้นทางเทพเจ้าจึงเริ่มต้น เซียนหมดวาระ”
“ดังนั้น เซียนผู้นี้หลับตาละคราบเซียน เปลี่ยนวิญญาณเซียนเป็นวิถีสวรรค์แรกแห่งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ หมายจะพลิกจักรวาล”
“และสิ่งที่วิถีสวรรค์โบราณแรกบันทึกไว้ก็เกี่ยวกับการสืบทอดเซียนในระบบบำเพ็ญเพียรของผู้บำเพ็ญรุ่นข้า!”
“แต่เขาถูกกลืนผสานกับเสี้ยวหน้าไปแล้ว”
“นี่คือสาเหตุที่เส้นทางเซียนต่อจากเจ้าเหนือหัวขาดสะบั้น!”
น้ำเสียงนายกองทุ้มต่ำยากปิดบัง เจือแววพิศวงเล็กน้อย
สวี่ชิงจิตใจป่วนปั่น ตามที่เข้าใจในแผ่นดินเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ เดิมเขาคิดว่าเส้นทางเซียนขาดสะบั้นเพราะเซียนคิมหันต์หายไป แต่บัดนี้เพิ่งรู้ว่านอกจากสาเหตุนั้น สำคัญที่สุดคือวิถีสวรรค์ที่สืบทอดวิถีเซียนถึงกับถูกเสี้ยวหน้ากลืนกินเป็นอย่างแรก!
“นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ยุคหลังถึงไม่มีจักรพรรดิอีก และทำไมแต่ละเผ่าถึงพยายามเดินต่อบนเส้นทางนั้น”
นายกองกล่าวต่อ
“นับแต่นั้นมา เส้นทางเตรียมสู่เทวะถูกตัดขาด ระบบบำเพ็ญเพียรมาถึงเตรียมสู่เทวะ 9 เขตขั้นก็ไม่มีทางไปต่อแล้ว”
“ดังนั้นหลังจากเสวียนโยว ไม่มีผู้บำเพ็ญเผ่าใดก้าวสู่ขั้นเตรียมสู่มหาจักรพรรดิเซียนที่ใกล้เคียงกับขั้นแท่นเทวะได้อีก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเซียนคิมหันต์”
“แต่ความจริง ต่อให้วิถีสวรรค์แรกนั้นไม่ถูกกลืนกิน อย่างมากผู้บำเพ็ญก็เดินได้มากกว่าตอนนี้ไม่กี่ก้าวเท่านั้น สุดท้ายยังคงไม่พ้น…ไม่มีทางไปต่อ”
“เพราะเซียนคิมหันต์ก็คือขั้นสูงสุดของผู้บำเพ็ญในอดีต”
นายกองถอนหายใจเบา
สวี่ชิงนิ่งเงียบ
“แต่มีคนบางกลุ่มเชื่อมั่นว่าเซียนคิมหันต์ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของระบบบำเพ็ญเพียร”
เสียงนายกองดังขึ้นอีกครั้ง
“เจ้ารู้หรือไม่ เหตุใดจึงเรียกเซียนคิมหันต์”
“คิมหันต์[1] สื่อถึงการลงมา!”
“เซียนที่ลงมายังโลก ก็คือเซียนชั้นล่าง!”
“เหนือเซียนชั้นล่าง น่าจะยังมีเซียนชั้นสูง แต่ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ไม่มีผู้บำเพ็ญเผ่าใดสามารถสำเร็จขั้นของเซียนชั้นสูง”
“นานวันเข้าก็ไม่มีใครเชื่อ ได้เพียงยึดเซียนชั้นล่างเป็นจุดสิ้นสุดของการบำเพ็ญ”
“เวลาผ่านไป ด้วยคำว่าชั้นล่างไม่มงคล จึงเปลี่ยนเป็นคิมหันต์”
“แต่ข้าเชื่อมาตลอดว่าเหนือเซียนชั้นล่างยังมีเซียนชั้นสูง เหนือเซียนชั้นสูงยังมีราชาเซียน เมื่อสิ้นสุดที่ราชาเซียน…ยังต้องมีทางไปต่อ!”
“เส้นทางนี้ ข้าเดินไปจากด้านหนึ่ง อาจารย์เดินไปจากอีกด้านหนึ่ง ในเผ่าทั้งหลายบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ก็มีผู้ที่เดินในเส้นทางอื่น”
“ต่างกำลังคลำทาง ต่างกำลังพยายามเดินไป!”
“วันนี้ เจ้าก็จะเข้าร่วมด้วย!”
“นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมก่อนหน้านี้ข้าให้เจ้าชะลอการทะลวงขั้น หวนสู่อนัตตาเป็นจุดสำคัญอย่างยิ่ง!”
“ความจริงก่อนเดินทางมาเผ่านภาคิมหันต์ อาจารย์เคยมาดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิ ข้าพบกับตาเฒ่าด้วย”
“อาจารย์เคยมา?” สวี่ชิงงงัน แต่ไม่นานก็โล่งใจ เขาตระหนักได้แต่แรกแล้วว่านายกองกับอาจารย์ต่างล้วนมีที่มาลึกลับหาใดเปรียบ
หรือกล่าวให้ถูกคือพวกเขาต่างกำลังมุ่งหน้าบนเส้นทางที่เป็นของตน
ด้านศิษย์พี่ใหญ่ต้องเกี่ยวข้องกับเขามาหลายครั้งในชาติที่ผ่านมาเป็นแน่
ส่วนอาจารย์ สวี่ชิงอ่านไม่ออก แต่เดาได้ว่าเกี่ยวกับการฟื้นคืน
กับคำถามของสวี่ชิง นายกองตอบเสียงค่อย
“ใช่ ที่ให้เจ้าชะลอในช่วงสำคัญก็เป็นเขาให้ข้าบอกเจ้า เขาไม่บอกเจ้าก่อน เพราะกลัวส่งผลต่อเส้นทางของเจ้า”
จิตใจเขาผสานกับสวี่ชิง คำพูดความหมายลึกซึ้ง
“ต่อจากนี้ ศิษย์น้องจะเดินบนเส้นทางที่เจ้าเป็นคนคลำทางหรือไม่ เจ้ามีสิทธิ์เลือก หากเจ้าไม่ต้องการก็สามารถตัดอำนาจบนแผ่นดินเทวะ และทะลวงขั้นเหมือนก่อนหน้านี้ต่อไป”
“หากเจ้าอยากไปคลำทาง เช่นนั้นพลังยกระดับของแผ่นดินเทวะครั้งนี้ก็คือลมที่ช่วยให้เจ้าเดินหน้า แต่เส้นทางนี้อันตรายแน่นอน ภายหน้าเป็นทางต่อหรือทางตัน เดินได้ไกลแค่ไหนยังไม่อาจล่วงรู้ เจ้า…ชั่งน้ำหนักดูเถิด”
สวี่ชิงไม่ได้เอ่ยคำ นายกองก็ไม่พูดอะไรอีก เขากำลังยืมโอกาสนี้เดินเส้นทางของตน เพื่อตามหาวิถีที่เป็นของเขาในความลึกลับ
“เส้นทางที่เป็นของข้า…”
สวี่ชิงพึมพำ หลับตาตั้งจิต เขาไม่จำเป็นต้องคิด
เพราะเขารู้และแน่ใจในเส้นทางของตนตั้งแต่หลายปีก่อน!
นั่นคือเส้นทางที่เขาเลือกหลังจากฝึกบำเพ็ญสายเซียนต่างวิถีในวังศึกษาดินแดนจักรพรรดิเผ่ามนุษย์
เส้นทางนี้…จะใช้เทพเจ้าเป็นเชื้อเพลิง เผาเทพเจ้าทั้งมวล ละอำนาจเทพเจ้า เปลี่ยนพลังต้นกำเนิดเทพ
แล้วใช้พลังต้นกำเนิดเทพเป็นฟืน เผาไหม้ทุกสิ่งให้กลายเป็นไหมวิญญาณเซียนต่างวิถีของตน
ค่อยใช้ไหมวิญญาณแปลงสรรพสิ่งเป็นกายเทพทั้งหมด ขีดสุดของจินตนาการคือขั้นสูงสุดของวิถีนี้
ยังสามารถรวมอำนาจเทพเจ้าทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นเทพเจ้าในหมู่เทพเจ้า
สุดท้ายยึดปณิธานของตน สำเร็จเป็นเส้นทางยืมเทพเจ้าบำเพ็ญเซียน!
นี่ก็คือเซียนต่างวิถี
‘เช่นนั้นหวนสู่อนัตตาของข้าก็จะกลายเป็นอนัตตาอย่างแท้จริง…หล่อหลอมเป็นอนัตตาของเทพเจ้า!’
สวี่ชิงพลันเบิกตา
ประตูสมบัติ 5 คลังในกายเปิดจากสภาวะชะลอก่อนหน้านี้ทันที สะเทือนเลื่อนลั่นอีกครั้งราวกับภูเขาไฟมหึมาสะท้านโลกา 5 ลูกระเบิดพร้อมกัน
เสียงเบิกฟ้าเปิดดินคำรามอยู่ในใจสวี่ชิง ภูเขาไฟปะทุ เถ้าภูเขาไฟจำนวนมากม้วนทั่วทะเลความรู้สึก
เถ้าภูเขาไฟนี้ดูคล้ายตอนผู้บำเพ็ญทั่วไปเลื่อนขั้นเป็นหวนสู่อนัตตา แต่คุณสมบัติมีความต่างกัน
สวี่ชิงมีสมบัติเทพ มีพลังต้นกำเนิดเทพ หวนสู่อนัตตาแต่เดิมของเขาก็ไม่ค่อยเหมือนกับคนอื่น
เถ้าภูเขาไฟอนัตตาในกายเขามีกลิ่นอายเทพเจ้าแฝงอยู่
แต่ตอนนี้…เส้นทางที่เขาจะไป ชัดว่ากลิ่นอายเทพเจ้าเหล่านี้ยังไม่พอ
สวี่ชิงจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อย พริบตาต่อมามีเสียงโอดครวญทอดจากในเขตติงหนึ่งสามสอง นิ้วมือเทพเจ้าแตกสลาย ถูกสวี่ชิงแบ่งเป็นสารอาหารผสานเข้าประตูสมบัติภูเขาไฟทั้ง 5
หลังจากเผาไหม้ กลิ่นอายเทพเจ้าในเถ้าภูเขาไฟอนัตตาที่ปะทุออกมาเข้มข้นขึ้นบ้างแล้ว
จากนั้น ข่ายอำนาจแผ่นดินเทวะที่มี ทำให้ตอนนี้พลังน่าหวาดกลัวที่เกิดจากแผ่นดินเทวะยกระดับขณะศพจักรพรรดิหายใจไหลเข้าศพจักรพรรดิด้วย แล้วแบ่ง 1 เป็น 2 ตกมาที่กายสวี่ชิงกับเอ้อร์หนิว
ส่วนที่ตกถึงกายสวี่ชิงก็ไหลสู่เถ้าอนัตตาทันที
นี่คือพลังของอาณาจักรเทวะ และอาณาจักรเทวะยังสอดคล้องกับแท่นเทวะ เรียกได้ว่า…นี่คือพลังแห่งแท่นเทวะ!
ใช้พลังนี้เปลี่ยนเถ้าอนัตตา เช่นนี้ก็สามารถสำเร็จเป็นอนัตตาที่ฝังไว้หลอมเทพเจ้าได้!
ตูม ตูม ตูม!
เสียงดังลั่นในทะเลความรู้สึกสวี่ชิงดังขึ้นทุกครั้ง จนมาถึงขั้นพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน กระทั่งพริบตาต่อมา ทั้งทะเลความรู้สึกล้วนถูกถมด้วยเถ้าอนัตตา
เห็นได้ว่าในทะเลความรู้สึกไม่มีทะเลอีกต่อไป
หลังจากเถ้าอนัตตาตกตะกอน ทั้งหมดล้วนเกิดเป็น…ผืนอนัตตา!
ไร้จุดสิ้นสุด กว้างใหญ่ชวนตะลึง
ยามนี้หากมีผู้บำเพ็ญอนัตตาสามารถเห็นอนัตตาในกายสวี่ชิงเป็นต้องสะทกสะท้าน ด้วยขอบเขตผืนอนัตตาของสวี่ชิงใหญ่เป็นหลายสิบเท่าของหวนสู่อนัตตาทั่วไป
และคุณสมบัติยิ่งน่าตกใจ
ชั่วขณะที่เถ้าอนัตตาเป็นผืนดินและกลายเป็นรากฐาน วังสวรรค์ของสวี่ชิงรวมถึงประตูสมบัติ 5 คลังบนวังสวรรค์ล้วนตกลงมาบนผืนอนัตตาทีละคลัง
พริบตาที่หลอมรวมเป็นหนึ่งกับผืนอนัตตา พลังบำเพ็ญของสวี่ชิงพลันทะลวง
บรรลุหวนสู่อนัตตา!
กล่าวให้ชัด นี่เป็นอนัตตาที่ต่างกับอนัตตาทั้งมวล นี่คือเส้นทางของสวี่ชิงเพียงหนึ่ง นี่คือวิถีของเขา เรียกมันได้ว่าเทพอนัตตา!
คลื่นน่าสะพรึงกลัวปรากฏบนตัวสวี่ชิงไม่หยุด การเลื่อนขั้นครั้งนี้เป็นการทะลวงมหาขั้น เรียกได้ว่ายกระดับกำลังรบของสวี่ชิงอย่างไม่เคยมีมาก่อน
แต่เขตขั้นหวนสู่อนัตตานี้ ยามนี้ยังไม่สมบูรณ์ มีผืนอนัตตาแล้ว ต่อไปก็สร้างร่องรอยวิถี
ด้วยผืนอนัตตาทำให้คนตื่นตะลึง ร่องรอยวิถีของสวี่ชิงย่อมต่างกับผู้บำเพ็ญทั่วไปมากเหมือนกัน หากสืบลงไป นั่นเป็นความต่างถึงแก่น!
แต่ไม่ว่าเขาหรือนายกอง หรืออุปราชไอศวรรย์ที่กำลังสำเร็จเทพ หรือแม้แต่เทพเจ้าทั้ง 3 ที่จะก้าวข้ามเพลิงพิบัติสำเร็จขั้นพิสุทธิ์…สิ่งที่พวกเขาต้องการตอนนี้ล้วนเป็นขั้นสูงสุด
ดังนั้นแน่นอนว่ามีการมีอยู่บางอย่างที่ไม่อนุญาตให้ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น!
นอกเกลียวคลื่นจึงมีพลังต่อต้านมาเยือนฉับพลัน!
…………………………………
[1] คิมหันต์ หรือ ฤดูร้อน ในภาษาจีนมีคำอ่านพ้องเสียงกับคำว่าลง
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



