บทที่ 916 สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวสยบกำราบ
หมอกเลือดเดือดพล่านทอดตัวแผ่ไปในท้องฟ้าเกินพันลี้ ในนั้นสายฟ้าปรากฏวูบวาบ แสงสายฟ้ารอบๆ ราวงูสีชาดร่ายระบำ
ยิ่งมีเสียงฟ้าคำรามครืนครั่น เหมือนวิถีสวรรค์คำราม สั่นสะท้านฟ้าดิน
แผ่นดินภายใต้หมอกเลือดนี้ก็กดดันเป็นอย่างยิ่ง ภูเขา ก้อนหินที่อยู่รอบๆ ต่างสั่นสะเทือน ถูกเหนี่ยวนำลอยขึ้นฟ้าไปเป็นกลุ่มๆ
เหมือนว่าในเมฆหมอกมีสิ่งเหี้ยมโหดชั่วช้าน่าครั่นคร้ามอะไรบางอย่าง กำลังทำการเหนี่ยวนำที่ไม่อาจอธิบายไปควบคุมสรรพชีวิตทั้งหลาย
ต่อให้เป็นภูเขาเตี้ยที่สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวอยู่ ภายใต้อิทธิพลจากพลังของหมอกเลือดก็ต่างสั่นไหวขึ้นมา
ภาพนี้ตื่นตะลึงสะท้านสะเทือนนัก
และตอนนี้ ชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่เดินออกมาจากหมอกเลือด ก็ราวนายแห่งฟ้าดิน รัศมีอำนาจปรากฏฉายชัด กลิ่นอายบนร่างปกคลุมฟ้าดิน น่ากลัวผิดปกติ
ผู้ชายราวกับขุนเขา สูงใหญ่กำยำ ความกดดันแข็งแกร่ง หน้าตาฉายความมุ่งมั่นและเย็นชา ดวงตาล้ำลึกทั้ง 2 ฉายประกายความไร้จิตใจและเหี้ยมโหดวูบวาบ
ผู้หญิงงดงามประดุจเซียน ผมยาวสะบัดไปตามลมสีเลือด เอวของนางราวกิ่งหลิว บางอ้อนแอ้นเป็นอย่างยิ่ง ฉายให้เห็นรูปร่างเส้นโค้งที่ชวนให้สั่นไหว มากพอจะทำให้คนเมื่อมองมาก็พลันเกิดความปรารถนาขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ทั้ง 2 คนนี้ไม่ใช่เผ่ามนุษย์ แม้จะงดงามไม่ธรรมดา แต่ที่หลังกลับมีปีก ที่หว่างคิ้วมีตาที่ 3
เสื้อผ้าเหมือนกันทุกประการ ต่างเป็นเสวียนผาวสีดำปักไหมทองทั้งคู่ เส้นไหมทองในนั้นกะพริบวูบวาบ ปรากฏข้างนอก ทุกที่ที่ผ่านมิติรอบๆ ฉีกขาด รอยแยกบางละเอียดมากมาย น่าครั่นคร้ามหวาดหวั่น!
เป็นชายหนุ่มแซ่เฟิงกับสหายร่วมทางหลานเหยานั่นเอง
หลังจากทั้ง 2 คนปรากฏตัวขึ้น หลาเหยาจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม กวาดสายตามองสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวที่อยู่ข้างล่าง
แต่ว่าในยามที่สายตากวาดไป กลับจ้องอยู่ที่สวี่ชิง มองอยู่หลายครั้ง
ส่วนชายหนุ่มแซ่เฟิงสีหน้าสงบนิ่ง หยิ่งทะนงยโส เอ่ยราบเรียบ
“พวกเจ้าคนชั้นล่าง ไม่หนีหรือ”
สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวสีหน้าอึมครึม แต่ในใจกลับไร้คลื่นอารมณ์ ทว่ากลับถูกจิตต่อสู้ถมจนเต็ม
อีกฝ่ายในเมื่อไม่ลดละเลิกรา แม้ต่างฝ่ายต่างไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน ทั้งยังไม่มีความแค้นอะไร แต่…จิตสังหารมาเยือนแล้วก็ต้องโต้กลับ!
ทั้ง 2 คนก็ไม่เกิดความสงสัยจากเหตุนี้ด้วย ในเมื่อนี่เป็นยุคที่เหี้ยมโหด เป็นโลกที่การลงมือไม่ได้จำกัดอยู่ที่ความแค้นและความขัดแย้งเท่านั้น
อีกฝ่ายสังเวยโลหิตที่พื้นที่แห่งนี้ พวกเขาก็พบเจอเข้าอีก เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือเหตุผลที่อีกฝ่ายจะลงมือสังหาร
และท่าทางกำเริบอวดดีของอีกฝ่าย วิธีรับมือของสวี่ชิงคือนิ่งเงียบไม่พูด นิสัยของเขาก็เป็นเช่นนี้ ไม่ไปต่อล้อต่อเถียง การกระทำทุกอย่างของเขาล้วนมีการสังหารทำลายล้างเป็นหลักมาโดยเสมอ
ตอนนี้สายตากวาดไปยังต่างเผ่าทั้ง 2 คนกลางท้องฟ้า ในขณะที่วิเคราะห์เผ่าพันธุ์ของพวกเขา ก็สำรวจมองหาจุดอ่อนในตัวของพวกเขา และบริเวณที่มองบ่อยที่สุดก็คือคอ
แต่นายกองทางนั้นจะปล่อยให้เสียโอกาสลับฝีปากไปได้อย่างไร ดังนั้นจึงหัวเราะหยามหมิ่นขึ้นมา
“มีปีกไก่ 2 ข้างก็คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์นกจริงๆ หรืออย่างไร ลูกเจี๊ยบ 3 ตา พูดกับท่านปู่คนนี้ให้มันดีๆ หน่อย!”
คำพูดนายกองเพียงดังออกไป หลานเหยาที่อยู่กลางท้องฟ้าขมวดคิ้ว สายตายิ่งเย็นเยียบ ชายหนุ่มแซ่เฟิงกลับสีหน้าอึมครึม จู่ๆ ก็มองไปรอบๆ สวี่ชิงและเอ้อร์หนิว
“ที่แท้ก็ทำการเตรียมการเอาไว้ที่นี่ แล้วก็ยังมีพันธนาการต้องห้ามหยาบๆ อีกจำนวนหนึ่ง มิน่าเล่าถึงได้กล้าอยู่ที่นี่ ทั้งยังใช้คำพูดยั่วยุข้าอีก”
ชายหนุ่มแซ่เฟิงเอ่ยราบเรียบ
“แต่ว่ากับแค่ระดับหวนสู่อนัตตา ต่อให้มีฝีมือมีวิชาอยู่บ้าง ก็เป็นแค่กบในกะลาอยู่ดี ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
ชายหนุ่มแซ่งเฟิงขณะพูดก็มองไปทางสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว ก้าวไปก้าวหนึ่ง
ฝีก้าวนี้เหยียบลงไป หมอกเลือดบนท้องฟ้าระเบิดลั่น จมลงไปข้างล่าง ส่วนแผ่นดินก็ยิ่งสั่นไหวรุนแรง ภูเขาและก้อนหินที่ลอยอยู่ต่างแหลกละเอียด พลังกดดันน่ากลัวท่วมฟ้ามา
เพียงพริบตา ทั่วทุกสารทิศก็เหมือนถูกพันธนาการ กฎเกณฑ์กฎระเบียบทุกอย่าง อยู่ที่นี่ก็มีเจตจำนงค์ตั้งมั่นขึ้นมาทันที
นั่นเป็นเจตจำนงค์ของชายหนุ่มแซ่เฟิง
ซัดมาบนร่างสวี่ชิงและนายกอง ทั้ง 2 คนหน้าเปลี่ยนสี พลังบำเพ็ญโคจร ทำท่าทางเหมือนต้านทานสุดกำลัง
ชายหนุ่มแซ่เฟิงสีหน้าเย็นชา ฝีเท้าไม่ได้หยุดลง หลังจากเดินมาก้าวที่ 2 ท้องฟ้าส่งเสียงกร๊อบออกมา เหมือนว่าจะแตกหัก ผืนดินยิ่งเดือดพล่าน
ภูเขาเตี้ยๆ ที่สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวอยู่ไม่อาจแบกรับได้ พังถล่มลงมาทันที
ในยามที่เศษหินลอยขึ้นฟ้า ชายหนุ่มแซ่เฟิงมือขวายกขึ้น กดลงไป
ทันใดนั้นพลังกดดันมหาศาลกลุ่มหนึ่งก็รวมมาจากรอบๆ กดดันทุกสิ่ง มาด้วยรัศมีอำนาจท่วมท้นไม่อาจต้านทาน ปะทุมา คล้ายว่าจะทำลายซึ่งทุกสิ่ง
หินบนภูเขาที่พังทลายเหล่านั้นกลายเป็นเถ้าธุลีทันที แม้แต่มิติก็ยังถูกกดดันจนเกิดความรู้สึกทับซ้อน พื้นที่แถบนี้เหมือนผ้าที่ถูกกองเอาไว้ชิ้นหนึ่ง เต็มไปด้วยรอยยับย่น ท่วมจมสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว
เสียงระเบิดดังออกมา เงาร่างของสวี่ชิงและเฉินเอ้อร์หนิวแยกชิ้นส่วนแหลกละเอียด เลือดเนื้อสาดกระจาย
ชายหนุ่มแซ่เฟิงสีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คล้ายว่าสำหรับเขาแล้ว สังหารผู้บำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตา 2 คนนั้นตาย เดิมก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว
ตอนนี้กำลังจะจากไป แต่เสี้ยวขณะต่อมาเขาก็พลันสีหน้าเปลี่ยนไป สายตาจับจ้องไปยังบริเวณที่ลงมือก่อนหน้านี้อีกครั้ง
ในเสี้ยวขณะที่เขามองไป มิติรอบๆ เขาก็พลันมีอักขระนับไม่ถ้วนเปล่งแสงวูบวาบ จำนวนของอักขระเหล่านี้มีมากถึงหลายแสนตัว
พวกมันไม่ได้ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า แต่กะพริบวูบวาบมาจากในฝุ่นผงที่แปรเปลี่ยนมาจากก้อนหินภูเขาที่ชายหนุ่มแซ่เฟิงทำลายแหลกละเอียด
เพียงพริบตาก็ปกคลุมเขาเอาไว้
เป็นพันธาการต้องห้ามที่สวี่ชิงวางเอาไว้ก่อนหน้านี้นั่นเอง
ตอนนี้หลังจากที่ปรากฏขึ้น อักขระพันธนาการหลายแสนเหล่านี้กะพริบวูบวาบอย่างรวดเร็ว 3 ครั้ง แล้วพลันระเบิดขึ้น
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว พลังพันธนาการหลายแสนนี้ ก่อเป็นลมพายุมหึมาอย่างรวดเร็ว แล้วกลืนกินชายหนุ่มแซ่เฟิงไปข้างใน
แต่ชายหนุ่มแซ่เฟิงคนนี้สีหน้ายังคงเป็นเช่นเดิม เสวียนผาวบนร่างแผ่ระลอกลายสีทองออกมา ในยามที่แผ่ออกไป ก็สกัดกั้นพลังพันธนาการนี้ไว้ข้างนอกทั้งหมด
ในดวงตาแฝงด้วยรอยเสียดสี กำลังจะยกมือขึ้น
แต่เสี้ยวขณะต่อมา ภาพที่ทำให้เขาต้องหน้าเปลี่ยนสีก็ปรากฏขึ้น เห็นเพียงในพันธนาการต้องห้ามที่แปรเปลี่ยนมาจากพายุเหล่านั้นมีใบหน้าแปลกประหลาดร้อยกว่าดวงปรากฏขึ้น
ใบหน้าเหล่านี้ดุดันเหี้ยมเกรียม แต่ละดวงดวงตาล้วนฉายความละโมบ มุมปากแสยะยิ้มฉายรอยยิ้มที่น่าขนลุกออกมา ในขณะที่แปลกประหลาด ใบหน้าเหล่านั้นยังมีฟันคมดุจอาวุธคมมหาศาล
ใบหน้าทุกดวงล้วนแผ่กลิ่นอายน่ากลัวออกมา
พวกมันก่อนหน้านี้อาศัยพายุพันธนาการต้องห้ามซ่อนตัวลงไป ตอนนี้ชายหนุ่มแซ่เฟิงสัมผัสได้ ก็ต่างอ้าปากกว้าง คำรามพุ่งไปยังอีกฝ่าย
รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง แข็งแกร่งเป็นที่สุด ในดวงตายิ่งมีแสงสีฟ้ากะพริบวูบวาบ
และแสงสีฟ้าแปลกประหลาดก็ทำให้พวกมันทะลุผ่านระลอกคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากอาภรณ์ของชายหนุ่มแซ่เฟิงได้
ประชิดร่างของเขาไปในพริบตา ต่างฉีกทึ้งกัดกินอย่างบ้าคลั่ง
“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!”
ชายหนุ่มแซ่เฟิงใจสะท้านเฮือก ประสานปางมือทันที พลังบำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะปะทุ ทั่วทั้งร่างมีวัตถุที่เหมือนกับปรอทไหลวนอยู่รอบๆ จะคลุมฆ่าใบหน้าเหล่านั้น
แต่ในตอนนี้ กลางท้องฟ้านอกลมพายุ เงาร่างของสวี่ชิงก็ปรากฏขึ้นในพริบตา
ในเสี้ยวขณะที่ปรากฏตัวขึ้น ในร่างของเขามีตะเกียง 7 ดวงกะพริบแสงวูบวาบ
เป็นคำสาปเพลิงทมิฬ 7 ตะเกียงที่ส่งผลต่อวิญญาณนั่นเอง
ในพริบตาที่ฉายแสงวาบขึ้นมา ตะเกียงทั้ง 7 ดวงก็ดับไปพร้อมกัน
คำสาปตะเกียงดับคนมอดม้วยระเบิดขึ้นทันที พุ่งไปที่ร่างของชายหนุ่มแซ่เฟิง
ชายหนุ่มแซ่งเฟิงถูกลมพายุพันธนาการขัดขวางก่อน จากนั้นก็ถูกใบหน้าแปลกประหลาดของนายกองพัวพัน แม้เขาจะมีพลังที่น่ากลัว กำลังทำลายใบหน้า แต่จังหวะในการลงมือของสวี่ชิงพอเหมาะพอเจาะ ร่วมมือกับนายกองได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ตอนนี้ภายใต้คำสาปเพลิงทมิฬที่ปะทุ ชายหนุ่มแซ่เฟิงคนนี้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมหาศาลทันที พลังทำลายล้างกลุ่มหนึ่ง ประดุจหนามแหลมพุ่งทะลุร่าง แทงไปยังวิญญาณ
ทันทีที่ความเจ็บปวดเกิดขึ้น ความรู้สึกแห้งเหี่ยวก็เกิดขึ้นตามมา
ทำให้พลังที่สะกดใบหน้าแปลกประหลาดรอบตัวก็ลดลงตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้
ใบหน้าแปลกประหลาดเหล่านั้นของนายกองก็ฉวยโอกาสนี้ ในดวงตาต่างฉายความบ้าคลั่ง เลือกที่จะระเบิดตัวเองทั้งหมดทันที
เสียงตูมๆ ดังสะท้านฟ้าดิน
พลัง 2 ประเภทจากกายเนื้อและวิญญาณทำให้ชายหนุ่มแซ่เฟิงสะบักสะบอมน่าอนาถไปในทันที แต่เขามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ มีวิธีมากมาย การโจมตีที่สำหรับคนอื่นถึงแก่ชีวิตเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วยังไม่พอที่จะสยบสังหาร
ตอนนี้กำลังจะโจมตีกลับ แต่วิชาสังหารของสวี่ชิงกับนายกองจะมีแค่นี้ไปได้อย่างไร
เสี้ยวขณะต่อมา ร่างของสวี่ชิงก็พลันประชิดมา ทั่วร่างประกายแสงฉายวาบ พลังน่าหวาดกลัวปะทุขึ้นจากร่างของเขา มือขวาของเขากำเป็นหมัดแล้วชกออกไป
หมัดนี้บดขยี้มิติ ทะลุฟ้าดิน สร้างร่างอมตะ เดินเส้นทางที่เจตจำนค์ไม่ดับสูญ ทรงพลังแข็งแกร่งไม่ธรรมดา เหนือความสามัญทั่วไป
เป็นหมัดจักรพรรดิอมตะของเหยียนเสวียนจื่อนั่นเอง!
หากเหยวียนเสวียนจื่ออยู่ที่นี่ เห็นภาพนี้จะต้องหวาดหวั่นอย่างแน่นอน
วันนั้นที่สู้กับเหยียนเสวียนจื่อ สวี่ชิงสังเกตพลังวิเศษนี้เป็นอย่างมาก ขณะสู้ก็ลอกเลียนแบบเอาไว้ในใจ หลังสู้ก็สัมผัสรับรู้มาโดยตลอด ตอนนี้สำแดงมันออกมา พลังมหาศาลท่วมท้น
ใต้หมัดนี้ สีหน้าของชายหนุ่มแซ่เฟิงเปลี่ยนไปอีกครั้ง แต่กระบวนท่าสังหารโจมตีของสวี่ชิงและนายกองก็ยังคงสำแดงออกมา
สวี่ชิงเรียนรู้ความบ้าคลั่งจากนายกอง ส่วนนายกองก็ย่อมมีส่วนที่เรียนรู้มาจากสวี่ชิงเช่นกัน
เขาเรียนรู้ถึงว่าหากไม่ลงมือก็ช่างเถิด แต่หากลงมือจะต้องทุ่มให้สุดกำลังมาจากสวี่ชิง รูปแบบที่โจมตีเพียงครั้งเดียวก็จะต้องเอาให้ตาย
ดังนั้น ในพริบตาที่หมัดจักรพรรดิอมตะของสวี่ชิงชกโจมตีไป มือกระดูกสีฟ้าข้างหนึ่งก็แหวกมิติมาปรากฏอยู่ข้างหลังชายหนุ่มแซ่เฟิง ด้วยท่าทีมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว พุ่งตรงไปยังบริเวณหัวใจของเขา แล้วคว้าไปเต็มแรง
กระดูกสีฟ้าเยือกเย็นน่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง เหมือนวัตถุจากต่างโลก ตอนนี้พุ่งเข้ามา ในนั้นส่งเสียงคำรามหวีดแหลมมหาศาล สั่นสะท้านจิตใจ ส่งผลต่ออารมณ์
ทำให้คนเกิดความตื่นตกใจหวาดกลัวไปตามสัญชาตญาณ ไม่อาจขัดขวาง ไม่ว่าจะเป็นกายเนื้อหรือวิญญาณ ล้วนแต่กำลังสั่นสะท้านอยู่ทั้งสิ้น
ความเน่าเปื่อยก็ปะทุ เหมือนว่ามือกระดูกนี่เป็นวัตถุของเทพแห่งความตาย แปดเปื้อนไปจะต้องไม่เป็นมงคล
เพียงพริบตา มือกระดูกสีฟ้าก็ทะลุทุกสิ่ง สำแดงพลังทำลายล้างวิญญาณพร้อมกับสวี่ชิง
ทุกอย่างนี่พูดเหมือนเนิบช้า แต่ความจริงแล้วล้วนเกิดขึ้นในเสี้ยวพริบตา สำหรับชายหนุ่มแซ่เฟิงแล้ว เสี้ยวพริบตาก่อนหน้านี้เขากำลังจะกำชัยชนะเอาไว้อยู่แล้ว แต่เสี้ยวขณะต่อต่อมากลับเกิดวิกฤตชีวิตเป็นตาย
ความแตกต่างมหาศาลนี้ทำให้เขาลมหายใจหอบถี่ โดยเฉพาะมือข้างหลังยิ่งทำให้เขาต้องขนลุก
แต่ว่าประสบการณ์การต่อสู้ของเขาก็โชกโชนเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน อีกทั้ง 3 สามารถเข้าร่วมกับแผนการของแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ย่อมเป็นผู้ที่ฝีมือไม่ธรรมดาของที่นั่น
ท่ามกลางวิกฤตอันตรายนี้ เขาอ้าปากขึ้นอย่างไม่ลังเล คายวัตถุชิ้นหนึ่งออกมา
วัตถุชิ้นนี้เดิมมีขนาดแค่เพียง 1 ชุ่นเท่านั้น สัมผัสอากาศก็ขยายขึ้น เพียงพริบตาก็ขยายใหญ่เกือบจั้ง
นั่นเป็นโล่สีดำอันหนึ่ง!
โบราณหนาหนัก ไม่มีอักขระตราประทับใดๆ และไม่มีลวดลายสลักเช่นกัน ดูแล้วธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
แต่บนนั้นกลับแผ่ความเก่าแก่ผ่านห้วงกาลเวลาออกมา เหมือนแช่อยู่ในแม่น้ำแห่งกาลเวลามานับไม่ถ้วน ในพริบตาที่ปรากฏขึ้น เพียงไหววูบก็ปรากฏขึ้นอีกหลายอัน ปกป้องอยู่รอบด้าน
ทำการต้านทานกับหมัดจักรพรรดิอมตะของสวี่ชิง มือกระดูกสีฟ้าของนายกอง ลมพายุรอบๆ การระเบิดตัวเองของใบหน้า และการปะทุของคำสาปเพลิงทมิฬ
เสียงระเบิดบึ้มดังสะท้านสะเทือน ฟ้าดินเปลี่ยนสี พลังบ้าคลั่งปะทุไปข้างนอก
สวี่ชิงกับนายกองต่างร่างสะท้านเฮือก ถอยหลังไป จนกระทั่งถอยออกไปไกลหลายสิบจั้งถึงได้หยุดลง
ขณะเดียวกันประกายแสงสีแดงแสบตากะพริบวูบวาบในบริเวณที่ชายหนุ่มแซ่เฟิงอยู่ เงาเลือดร่างหนึ่งพลันพุ่งออกมา พุ่งพรวดไปยังที่ไกลห่างไปร้อยจั้ง
ในยามที่ปรากฏตัวออกมา ยังมีแสงสีแดงอีกนับไม่ถ้วนแผ่ออกไปข้างนอก ต้านทานการไล่โจมตีทุกอย่าง
สวี่ชิงสีหน้าอึกครึม นายกองในดวงตาบ้าคลั่ง จ้องชายหนุ่มแซ่เฟิงที่ปรากฏตัวออกมาจากแสงสีเลือดที่ห่างออกไปร้อยจั้งตาไม่กะพริบ
ชายหนุ่มแซ่เฟิงคนนี้ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ไม่เพียงแต่ใช้โล่ที่พลังไม่ธรรมดา ทั้งยิ่งสำแดงเคล็ดวิชาลับ ถึงได้บีบให้พวกสวี่ชิงทั้ง 2 คนถอย ถึงได้สลัดหลุด
แต่เพื่อการนี้ ก็จ่ายค่าตอบแทนไปไม่น้อยเลย
ตอนนี้กลับมายังบริเวณที่สหายร่วมทางอยู่ แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้มานัก กลับอยู่บริเวณห่างออกไปหลายสิบจั้ง จากนั้นในร่างก็เดือดพล่าน กระอักเลือดออกมา
ใบหน้าของเขาขาวซีด สีหน้าอึมครึม ท่าทางเหมือนพลังปราณเสียหาย
“สหายเฟิง กับแค่ระดับหวนสู่อนัตตา 2 คน ไยจึงควบคุมไม่ได้เล่า”
หลานเหยาที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง นับแต่แรกจนจบก็ไม่ได้ลงมือเลย ตอนนี้สายตากะพริบวาบรางๆ ในใจแม้จะตื่นตะลึง แต่ก็สะกดลงไป เอ่ยเนิบนาบ
“เหอะ สหายหลานทั้งๆ ที่รู้ดีไยต้องถาม เจ้าก็เห็นฝีมือของเจ้า 2 คนนี้แล้วว่าไม่ได้เป็นคนธรรมดา อีกทั้งยังเชี่ยวชาญการร่วมมือกันโจมตี”
“และเจ้าพูดเช่นนี้ ก็คงจะยั่วยุข้า คิดจะให้ดูไพ่ตายเหล่านั้นของข้าแซ่เฟิงคนนี้ ลูกไม้ตื้นๆ แค่นี้อย่าได้ใช้อีกเลย”
ชายหนุ่มแซ่เฟิงตอบกลับไปอย่างอึมครึม
หลานเหยาได้ยินก็หัวเราะ
“สหายเฟิงขี้ระแวงอีกแล้ว น้องสาวคนนี้ก็แค่พูดไปตามปากเท่านั้น เจ้ากับข้าร่วมมือกันยังไม่ทันเสร็จ ข้าจะทำแบบนั้นได้อย่างไร”
ชายหนุ่มแซ่เฟิงแค่นเสียงขึ้นจมูก ไม่ตอบรับอีก
สำหรับเรื่องที่หลานเหยาก่อนหน้านี้ไม่ได้ลงมือช่วย เขาก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร
ความสัมพันธ์พวกของเขา 2 คนก็แค่ร่วมมือกันเท่านั้น
เพียงแต่ ตอนนี้เขาสะบักสะบอมเช่นนี้ อีกฝ่ายกลับเยาะเย้ยเสียดสี อีกทั้งยังยั่วยุตน ดังนั้นคำพูดของเขาเมื่อครู่ก็ไม่เกรงใจแล้ว
แต่ว่าสำหรับพวกสวี่ชิงทั้ง 2 คน ตอนนี้เขาจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ ในฐานะผู้บำเพ็ญแดนศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งมีพลังบำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะ แม้เรื่องจากลงมาเยือนที่นี่จะถูกผนึกพลังบำเพ็ญ ทำได้แค่แสดงพลังระดับ 2 โลกออกมาได้เท่านั้น แต่ในสายตาของเขา ผู้บำเพ็ญระดับหวนสู่อนัตตา ต่อให้มีไพ่ตายอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังสังหารได้เพียงแค่พลิกฝ่ามือเท่านั้น
แต่ตอนนี้ แน่นอนว่าต่างออกไป
อีกทั้งคนที่เมื่อครู่ก็มีความคิดคล้ายกันก็ยังมีสหายร่วมเดินทางของเขา ดังนั้นผู้หญิงที่ชื่อหลานเหยา เมื่อครู่จึงแค่สังเกตมองดู ไม่ได้ร่วมลงมือด้วย
เห็นได้ชัดว่าในใจของนางตอนนั้นก็คิดว่าระดับขั้นนี้ ชายหนุ่มแซ่เฟิงควบคุมได้อย่าง่ายดาย
และก็ไม่แปลกใจที่ 2 คนนี้จะคิดเช่นนี้ หากเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับเตรียมสู่เทวะของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ พวกเขา 2 คนก็ไม่มีทางประมาทมากนัก แต่พลังบำเพ็ญของสวี่ชิงกับนายกองจะอย่างไรก็เป็นแค่ระดับหวนสู่อนัตตาขั้น 1 เท่านั้น
เช่นนี้แล้ว แม้จะไม่ถึงกับดูถูกศัตรู แต่ก็ไม่มีทางจริงจังให้ความสำคัญ
แต่ภาพที่เกิดขึ้นข้างหน้าเมื่อครู่ ทำให้จิตใจของพวกเขาเกิดระลอกคลื่นอย่างรุนแรง
“2 คนนี้อยู่ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน…ต่อให้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นอัจฉริยะฟ้าประทาานแล้ว สหายหลานมิใช่ว่าชอบสังหารอัจฉริยะฟ้าประทานโดยเฉพาะหรอกหรือ ร่วมมือกันลงมือดีหรือไม่”
ชายหนุ่มแซ่เฟิงสายตาฉายประกาย ประสานสายตากับพวกสวี่ชิงทั้ง 2 คน จู่ๆ ก็ส่งกระแสจิตให้หลานเหยา
“พวกเขาเป็นเผ่ามนุษย์ เผ่ามนุษย์มีอัจฉริยะเช่นนี้ ย่อมไม่แปลก”
หลานเหยาหัวเราะ
“ส่วนร่วมกันลงมือ 2 คนนี้เป็นคนที่สหายเฟิงเป็นฝ่ายคิดจะสังหารเอง ไม่เกี่ยวกับน้องสาวเลยสักนิด แค่เห็นแก่ที่เจ้ากับข้าร่วมมือกัน ข้าจะช่วยเจ้าในตอนที่เหมาะสมสักคราก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มแซ่เฟิงสายตาฉายประกายวูบ มองไปทางพวกสวี่ชิงทั้ง 2 คนอีกครั้ง ทันใดนั้นมือขวาก็พลันสะบัด ข้างกายเขาเกิดเสียงดังวิ้งลั่นขึ้นมาทันที เห็นเพียงเมฆดำเป็นกลุ่มๆ พลันปรากฏขึ้น
เมฆดำเหล่านี้ก่อขึ้นจากตะขาบสีดำที่มีขนาดเท่าแขน ข้างหลังมีภาพสัญลักษณ์หน้าผี
แต่ละตัวโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง เสียงคำรามเมื่อรวมกันแล้วแหลมเล็กเป็นอย่างยิ่ง ดังขึ้นในหูสวี่ชิงก็แสบหูยิ่งนัก นายกองทางนั้นยิ่งเคร่งเครียด
จำนวนมีไม่น้อยกว่าหลายหมื่น
หลังจากปรากฏตัวออกมา ในยามที่ชายหนุ่มแซ่เฟิงสะบัดมือ ก็เกาะกันเป็นกลุ่มเป็นฝูง พุ่งไปหาสวี่ชิงและนายกองทางนั้นอย่างมืดฟ้ามัวดิน
พื้นดินสะท้อนเงาของพวกมันออกมา อาณาเขตกว้างมาก ความกดดันพลันบังเกิดขึ้น
พลังก็น่าตื่นตะลึง ดูแล้วน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ในทันทีที่พวกมันพุ่งมา นายกองก็พลันยกมือขึ้น ทันใดนั้นแสงสีฟ้าที่เขาซ่อนอำพรางลงไปก็พลันสาดแสงมาจากทั่วทุกสารทิศ แล้วพลันลอยขึ้นฟ้า
ทุกที่ที่ผ่าน พลังเย็นยะเยือกปะทุ แช่แข็งฟ้าดิน ผนึกทุกสรรพสิ่ง
ตะขาบผีพลังไม่ธรรมดาพวกนั้นโดนก่อนใคร ความเร็วลดลงทันที แต่ความโหดเหี้ยมของพวกมันไม่ได้ลดลงเลย กลับเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่กรีดร้องคำรามก็พ่นไฟกวาดไปรอบๆ
พลังน้ำแข็งแม้จะแข็งแกร่ง แต่จะอย่างไรก็ค่อนข้างน้อย ส่วนตะขาบผีพวกนั้นก็มีจำนวนมากเกินไป ไฟที่พ่นออกมากลายเป็นทะเลเพลิง
แต่ในพริบตาที่ต่างฝ่ายต่างต้านทานกัน เงาดำนับไม่ถ้วนก็แผ่ออกมาจากบนพื้นทันที เป้าหมาย…ก็คือเงาเมฆแมลงที่ก่อขึ้นจากตะขาบพวกนั้น!
วิชาสิงร่างปะทุตามมาขึ้นทันที
เสี้ยวพริบตาต่อมา สวี่ชิงและนายกองพลันพุ่งตัวออกไป คนหนึ่งซ้าย คนหนึ่งขวา พุ่งตรงไปทางชายหนุ่มแซ่เฟิงที่อยู่กลางอากาศ
และชายหนุ่มแซ่เฟิงเห็นได้ชัดว่า หลังจากที่เสียเปรียบ สำหรับพวกสวี่ชิงทั้ง 2 คนก็มองเป็นผู้บำเพ็ญที่อยู่ในขั้นเดียวกัน
ดังนั้น ในขณะเเดียวกับที่ใช้วิชาตะขาบพวกนี้ ในร่างเขา พลังบำเพ็ญก็พลันปะทุขึ้นมา
บนบ่าทั้ง 2 ข้างมีไฟสีดำ 2 กลุ่มลอยขึ้นมา
ในไฟต่างมีโลกใบใหญ่ 1 ใบ กะพริบวูบวาบในนั้น แผ่กลิ่นอายน่ากลัวออกมา กระจายไปทั่วสารทิศ
ที่ยิ่งน่าตกใจไปกว่านั้นคือ บนตัวเขายังมีไฟสีดำอีก 3 กองปรากฏขึ้นที่แขนและเหนือศีรษะอีกด้วย
เพียงแต่ไฟ 3 กองนี้หมองหม่นนัก เหมือนถูกหมอกปกคลุมอยู่ ราวว่าถูกผนึก
โลกใบใหญ่ในนั้นก็เช่นกัน
“ระดับเตรียมสู่เทวะ 5 โลก!” สวี่ชิงสูดลมหายใจ
“ถูกผนึกไปแล้ว 3 โลก ทำไมถึงถูกผนึก” นายกองก็ตื่นตะลึงไปเช่นกัน แต่ไม่นานนักก็เกิดความสงสัย มองหน้ากันกับสวี่ชิง ความเร็วไม่ลดลง
ยิ่งในยามที่พุ่งไป ทั้ง 2 ต่างสำแดงพลังวิเศษ
นายกองทางนั้นแสงสีฟ้าทั่วร่างพร่างพรายระยิบระยับอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สาดส่องขึ้นฟ้า ท่ามกลางความรางเลือน เหมือนเป็นโลกใบใหญ่ใบหนึ่ง
ส่วนสวี่ชิงทางนี้ ไหมวิญญาณ 40 ล้านเส้นปรากฏออกมา ก่อเป็นโลกใบใหญ่ยิ่งใหญ่ที่ปรากฏออกมาในตอนที่สู้กับเหยียนเสวียนจื่ออย่างรวดเร็ว
โลกใบนี้กว้างใหญ่ไพศาล ในนั้นมีเสาเทพเจ้ามายาร้อยต้นค้ำฟ้าเอาไว้ พลังอำนาจเทพเจ้าทั้ง 3 ไม่ธรรมดา พลานุภาพของโลกสำแดงออกมาโดยสมบูรณ์ โจมตีสังหารชายหนุ่มแซ่เฟิงร่วมกับนายกอง
เห็นเป็นเช่นนี้ หลานเหยาที่อยู่ที่ไกลทางนั้น สีหน้าเคร่งเครียดกว่าก่อนหน้านี้
ชายหนุ่มแซ่เฟิงก็เช่นกัน รูม่านตาหดเล็ก แต่จิตสังหารในดวงตากลับเข้มข้นขึ้นอีกหลายส่วน
“เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานจริงๆ ด้วย ระดับหวนสู่อนัตตาแต่กลับสำแดงโลกของระดับเตรียมสู่เทวะได้”
“ก็ดี ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้เห็นผลของการลบหลู่เบื้องสูง!”
ระหว่างพูด โลก 2 ใบบนบ่าของชายหนุ่มแซ่เฟิงก็ระเบิดคำราม แล้วปรากฏออกมาข้างนอกทันที สะกดควบคุมไปทางสวี่ชิงกับนายกองทางนั้น
ขณะเดียวกันเขาก็สูดลมหายใจลึก เห็นเพียงประกายแสงสีเงินปรากฏขึ้นที่ปากของเขา แล้วแผ่ลามไปทั่วหน้า เสี้ยวพริบตาก็ปกคคลุมไปทั่วร่าง กลายเป็นมนุษย์สีเงิน
จากนั้นแสงสีเงินก็ปะทุขึ้น ประดุจมีดคมพุ่งออกไปทั่วสารทิศ พลังกดดันน่ากลัวกลุ่มหนึ่งแผ่ออกมาจากร่างน่าครั่นคร้ามของเขา ทุกที่ที่ผ่านโลกใบใหญ่ที่ก่อขึ้นจากไหมวิญญาณของสวี่ชิงก็ส่งเสียงระเบิด ภายใต้แสงสีเงินนั่นก็เกิดสัญญาณแยกออกจากกัน
โลกแสงสีฟ้าที่นายกองแผ่ออกมาก็เช่นกัน
พลานุภาพของแสงนี้เห็นได้ว่าน่าตื่นตะลึงครั่นคร้าม
“แสงแดนศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์น้องเล็ก พวกเราถอย!”
นายกองรูม่านตาพลันหดเล็ก ร้องเสียงหลง ถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงได้ยิน 4 คำนี้ก็หน้าเปลี่ยนสีไปเช่นกัน แม้เขาจะไม่รู้ว่านี่คืออะไร แต่น้ำหนักของแดนศักดิ์สิทธิ์ 2 คำนี้ย่อมมหาศาล แต่ว่าในใจก็ยังรู้สึกว่าการร้องเสียงหลงออกมาของนายกองไม่ค่อยชอบมาพากล
ด้วยความเข้าใจของเขาที่มีต่อนายกอง ไม่มีทางทำเช่นนี้ถึงจะถูก
จะอย่างไรพวกเขาก็ยังมีไพ่ตายอีกมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือศพจักรพรรดิ!
“ศิษย์พี่ใหญ่น่าจะมีแผนอะไร…” สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด แต่สีหน้ากลับฉายความหวาดหวั่นออกมา หนีไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“รู้จักแสงแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือ น่าสนใจ”
ชายหนุ่มแซ่เฟิงที่แปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์สีเงิน ได้ยินก็แค่นหัวเราะ ร่างกายก้าวไปในพริบตา มาปรากฏต่อหน้าเอ้อร์หนิว แล้วตบไปทีหนึ่ง
แสงสีฟ้านอกร่างเอ้อร์หนิวพลันแตกสลาย ร่างเหมือนถูกลบไป หายลับไปไม่เห็น
“หืม”
ชายหนุ่มแซ่เฟิงสายตาฉายประกายวูบ หายไปทันที แต่ในตอนที่ปรากฏตัวขึ้นครั้งนี้ กลับมาปรากฏข้างหน้าสวี่ชิงที่ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว แล้วตบไปทีหนึ่งเช่นกัน
พลังกดดันทั่วร่างสวี่ชิงปะทุ โลกใบใหญ่ไหมวิญญาณข้างหน้าแตกทลาย ฝ่ามือนั้นปะทุซึ่งทุกสิ่ง ซัดมาที่หน้าอกของเขา
เสียงบึ้มดังขึ้น ร่างสวี่ชิงถูกซัดกระเด็นไปหลายร้อยจั้ง
ใบหน้าของเขาซีดเผือด แต่กลับไม่มีรอยแผลสักเท่าไร เกราะมหาขุนพลฟ้าทมิฬบนร่างตอนนี้กำลังกะพริบแสงวูบวาบ ร่วมกับจิ่วหลีที่วนล้อม และร่างบรรพจารย์ผู้ใช้วิญญาณ
ร่วมกับการเพิ่มพลังกายเนื้อที่หมัดจักรพรรดิอมตะที่เขาลอกเลียนแบบเหยียนเสวียนจื่อนำมาให้ ทุกอย่างทำให้การป้องกันกายเนื้อของเขาถูกสะสมไปจนถึงขั้นที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งขั้นหนึ่ง
ครั้งนี้ ชายหนุ่มแซ่เฟิงตื่นตะลึงแล้วจริงๆ
“การป้องกันเช่นนี้…เช่นนั้นข้าจะดูสิว่า กฎเกณฑ์จะทำร้ายเจ้าได้หรือไม่!”
ชายหนุ่มแซ่เฟิงแค่นเสียงเย็น ยกมือคว้าไปทางท้องฟ้า ทันใดนั้นเส้นไหมนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า มาอยู่รอบกายเขาอย่างมากมายมหาศาล แล้วก่อเป็นตาข่ายผืนใหญ่ปากหนึ่ง
ตาข่ายนี้แปรเปลี่ยนมาจากกฎเกณฑ์ เสี้ยวขณะต่อมา ในแสงสีเงินก็ต่างแปรเปลี่ยนเป็นสีเงิน แผ่ออกไปทั่วทุกสารทิศ
ทุกที่ที่ผ่านล้วนตัดเฉือนทุกสิ่ง
พลังบำเพ็ญทั่วร่างสวี่ชิงโคจร พลังป้องกันสำแดงออกมาในระดับสูงสุด เพียงพริบตาก็สัมผัสเข้ากับตาข่ายนั่น เสียงแซ่ดๆ ดังออกมา พลังกายเนื้อของเขาทำการต้านทาน
แต่ร่างก็ยังถอยไปข้างหลัง
และห่างไปไม่ไกลจากชายหนุ่มแซ่เฟิง จากการปกคลุมมาของตาข่าย เงาร่างของนายกองที่ก่อนหน้านี้สลายไป มาซ่อนอำพรางอยู่ในท้องฟ้าก็ถูกบีบให้ปรากฏออกมา
แต่ในเสี้ยวขระที่ปรากฏตัวขึ้น ร่างของเขาก็ระเบิดตัวเองทันที แปรเปลี่ยนเป็นหนอนสีฟ้านับไม่ถ้วน วนล้อมอยู่รอบมือกระดูกข้างนั้น พุ่งตรงไปทางชายหนุ่มแซ่เฟิงด้วยความเร็วที่น่าตื่นตะลึง
ความเร็ว ความแข็งแกร่ง คล้ายว่าปะทุทุกอย่างขึ้นมา น้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้น ร่วมกับกระดูกก็ทะลวงแสงสีเงินมา หลังจากที่ประชิดไปยังชายหนุ่มแซ่เฟิง มือกระดูกก็คว้าเอาไว้ หนอนทั้งหมดต่างอ้าปาก พ่นไอเย็นออกมา
เพียงพริบตา เห็นว่าแสงแดนศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองถูกทำลายเช่นนี้ ชายหนุ่มแซ่เฟิงสีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง แม้จะป้องกันการโจมตีจากมือกระดูกได้ทัน แต่กลับไม่อาจต้านทานไอเย็นที่ปกคลุมฟ้าดินได้
ไอเย็นมหาศาลไม่สิ้นสุดปกคลุมเขาเอาไว้ ทำให้ร่างของเขาชะงัก
จิตสังหารในดวงตาสวี่ชิงฉายวูบ ในเสี้ยวพริบตานี้ เขายกมือขวาขึ้นอย่างไม่ลังเล กริชสีเลือดเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ใบหน้าเหี้ยมเกรียมปรากฏขึ้นบนกริช จากนั้นกริชเล่มนี้ก็ใช้แรงปาดไปข้างหน้า
เสียงฉัวะดังขึ้น
ตาข่ายกฎเกณฑ์ถูกกริชเฉือน เสี้ยวขณะต่อมา ร่างสวี่ชิงก็ไหววูบปานสายฟ้า หลังจากที่มาปรากฏข้างหน้าชายหนุ่มแซ่เฟิง กริชก็ปาดไปที่คอของเขาเต็มแรง!
สีหน้าของชายหนุ่มแซ่งเฟิงเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ ในตอนนี้เอง หลานเหยาที่คอยมองการต่อสู้ศึกนี้อยู่ ดวงตาหรี่ลง แล้วพลันยกมือขึ้น
ทันใดนั้นกลีบดอกไม้แต่ละกลีบๆ ก็ปรากฏขึ้นรอบๆ บริเวณที่พวกสวี่ชิงทั้ง 3 คนประมือกันอยู่
และตัวหลานเหยาเอง ก็ก้าวเท้าไหววูบออกไป จะพุ่งมา
แต่สวี่ชิงกับนายกองจะไม่ป้องกันหลานเหยาไปได้อย่างไร แทบจะในพริบตาที่หลานเหยาลงมือ กระดูกสันหลังสีฟ้าเส้นหนึ่ง ก็มาปรากฏอยู่ข้างหน้านางแล้วฟาดไปอย่างเต็มแรง
ในขณะเดียวกัน ตะขาบผีที่กำลังพ่นไฟใส่แสงสีฟ้าในที่ไกลๆ เหล่านั้น แต่ละตัวจู่ๆ ก็ไม่พ่นไฟอีก เปลี่ยนทิศทางพุ่งตรงไปหาหลานเหยา
พวกมันถูกเจ้าเงาควบคุมแล้ว!
และแสงสีฟ้าในเสี้ยวขณะนี้ก็พวยพุ่งขึ้นฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นกำแพงปราการ ปกคลุมหลานเหยา!
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)


