บทที่ 924 ใครคือนกขมิ้น!
สระน้ำขนาดครึ่งจั้ง สะสมมานานหลายหมื่นปี…
แม้ว่าการปรากฏตัวของวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือจะต้องอาศัยการตกตะกอนของวารีพิสดารบันลือ แต่ในช่วงเวลาที่ยาวนานนี้ ไม่ควรจะน้อยขนาดนี้
ตามปกติแล้ว แม้จะไม่เต็มสระ ก็ควรจะมากกว่าตอนนี้หลาย 10 เท่า
ทว่าตอนนี้กลับมีเพียงชั้นบางๆ
จึงไม่น่าแปลกใจที่สีหน้าของชายหนุ่มแซ่เฟิงและหลานเหยาจะฉายแววปั้นยากเช่นนี้
เพราะครั้งนี้พวกเขาต้องแลกอะไรมากมายเพื่อให้ได้มาซึ่งวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือ พวกเขาต่างคิดถึงแต่เรื่องนี้ตลอดเวลา หลอกลวงกันและกัน และคำนวณเปรียบเทียบกัน
ตอนนี้จะบอกว่าคว้าน้ำเหลวก็พูดได้ไม่เต็มปาก แต่ถึงกระนั้นแตกต่างจากที่คาดหวังไว้มาก
“หนูทองบัดซบนั่น!!”
ชายหนุ่มแซ่เฟิงกัดฟัน แม้ว่าก่อนหน้านี้หลังจากเห็นหนูทอง เขาก็รู้สึกถึงลางร้ายและเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาก็ยังเจ็บใจมากอยู่ดี
ทว่าไร้หนทาง ได้แต่จ้องมองไปทางไข่ในสระ ดวงตาหรี่ลง
หลานเหยาเองก็เงียบไป สีหน้ามืดมน
ส่วนสวี่ชิง ตอนนี้ขมวดคิ้ว มองไปยังสระ จากนั้นจึงกวาดตามองไปรอบๆ และหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อสายตาเคลื่อนไปถึงทางเข้า
จากนั้นก็ไม่ได้แสดงความผิดปกติใดๆ ออกมา เพียงแต่ถอนสายตาออก ค้นหารอบๆ ทำท่าทีไม่พอใจ
เมื่อสังเกตเห็นการกระทำของสวี่ชิง ชายหนุ่มแซ่เฟิงก็ยิ้มเยาะ เขารู้ทุกอย่างในที่แห่งนี้ ยกเว้นหนูทอง เขารู้ว่าไม่มีสมบัติอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจพฤติกรรมของสวี่ชิง
ส่วนหลานเหยา หลังจากมองสวี่ชิงแล้ว สายตาก็จับจ้องไปทางสระในที่สุด
“อย่าเสียเวลาเลย แม้ปริมาณจะน้อย แต่เจ้านี่ก็ช่วยพวกเราได้มาก ส่วนไข่ใบนี้ น่าจะเป็นเหตุผลที่หนูทองเฝ้าที่นี่”
ระหว่างที่พูด ร่างของนางก็สั่นไหว พุ่งตรงไปทางสระ
ชายหนุ่มแซ่เฟิงและสวี่ชิงเองก็พุ่งตัวไปทางสระเช่นกัน
แต่ขณะที่ทั้ง 3 คนเข้าใกล้สระน้ำ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น!
พื้นดินรอบสระพังทลายลง มีเงาดำ 4 ร่างพุ่งออกมา พุ่งตรงมายังทั้ง 3 คน
มันคือตั๊กแตนตัวยักษ์ 4 ตัว ร่างกายของพวกมันแห้งเหี่ยว ปล่อยไอพลังประหลาดเข้มข้นไปทั่วร่าง กลิ่นอายในกายไร้ความเสถียร และดวงตาของพวกมันไม่มีสติปัญญาหลงเหลือแม้แต่น้อย
ราวกับว่าเหลือเพียงปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณบางอย่างเท่านั้น
หลังจากปรากฏตัว นอกจากตัวหนึ่งจะพุ่งเข้าใส่สวี่ชิงแล้ว อีก 3 ตัว…กลับโจมตีหลานเหยาในทันที
ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่พวกมันลงมือ ชายหนุ่มแซ่เฟิงกลับหันกลับมา กลิ่นอายปะทุ พลังบำเพ็ญเพียรคำราม โจมตีหลานเหยา
ไม่เพียงเท่านั้น เงาเสมือนยังพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของชายหนุ่มแซ่เฟิง ม้วนตัวไปทางหลานเหยาด้วยความเร็วอันน่าตกใจ
ร่างเสมือนนี้คือลำไส้!
เป็นสิ่งที่ปรากฏก่อนหน้านี้ระหว่างทางมาที่นี่
ทั้งหมดนี้อาจจะบรรยายได้ยาวเหยียด แต่เกิดขึ้นในชั่วพริบตา สวี่ชิงยังโชคดีที่เผชิญหน้ากับตั๊กแตนเพียงตัวเดียว
แต่หลานเหยา ขณะที่ตั๊กแตน 3 ตัวเข้าใกล้ พวกมันทั้งหมดเลือกที่จะระเบิดตัวเอง ซ้ำร้ายยังมีลำไส้เกี่ยวพันกันน่าขนลุก และการโจมตีอย่างสุดกำลังจากชายหนุ่มแซ่เฟิง
เสียงคำรามดังขึ้น บริเวณโดยรอบผันผวนอย่างรุนแรง ราวกับลมพายุพัดกระหน่ำ ร่างของหลานเหยาล้มลงและแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มแซ่เฟิงจะได้แสดงท่าทีแห่งชัยชนะ ร่างที่แหลกสลายของหลานเหยา กลับกลายเป็นยันต์หนังสัตว์สภาพยับเยิน เมื่อตกลงพื้นไม่ไกลออกไปนัก ความว่างเปล่าก็พลันสั่นไหว ร่างของหลานเหยากลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
นางวางท่าเหมือนคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
เมื่อสวี่ชิงเห็นเช่นนี้ เขาก็ถอยหลังทันที ตั๊กแตนที่โจมตีเขาก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว กลับไปอยู่ข้างกายชายหนุ่มแซ่เฟิง
“สหายเต๋าเฟิง เจ้าทำเช่นนี้ถือว่าผิดคำสัญญานะ” หลานเหยายิ้มน้อยๆ
ชายหนุ่มแซ่เฟิงหัวเราะเยาะ เขาไม่แปลกใจนักที่หลานเหยาหลบเลี่ยงการโจมตีนี้ได้ ตอนนี้จึงหันไปยังทางเข้า เอ่ยอย่างเย็นชา
“สหายเต๋าเยวี่ยตง เจ้าติดตามมานานขนาดนี้แล้ว ยังไม่ออกมาอีกหรือ เจ้าและหลานเหยาสมคบคิดกัน คิดว่าข้าไม่รู้หรือ!”
เมื่อชายหนุ่มแซ่เฟิงพูดขึ้น หลานเหยาก็หุบยิ้มทันที ดวงตาเผยประกายแสงแวววาว “สหายเต๋าเฟิงหมายความว่าอย่างไร?”
สวี่ชิงหรี่ตาลง
ชายหนุ่มแซ่เฟิงยิ้มเยาะ ยกมือขวาขึ้นและฟาดไปทางทางเข้าของทางเดิน
เสี้ยววินาทีต่อมา เสียงคำรามดังก้อง จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวที่ทางเข้าอย่างรวดเร็วและชัดเจน กลายเป็นสตรีนางหนึ่ง
หญิงผู้นี้งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ รูปร่างอรชร ดูอ่อนโยน แต่ดวงตาเย็นชา
“มีคนบอกว่าเฟิงหลินเทาเป็นคนขี้ระแวง มีจิตใจละเอียดรอบคอบ ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
หญิงผู้นี้คือเยวี่ยตง
หลานเหยาเองก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป พยักหน้าและกล่าว “ข้าเองก็ไม่คิดว่าเฟิงหลินเทาจะรับรู้เรื่องนี้…”
เมื่อเห็นว่ามีคนมาเพิ่ม สวี่ชิงก็กะพริบตา มองไปทางนายกองที่ถูกชายหนุ่มแซ่เฟิงจับตัวไว้ จากนั้นจึงถอยหลังไปอีกสองสามก้าว แสดงท่าทีว่าเขาไม่อยากมีส่วนร่วม
“หลานเหยา เยวี่ยตงแห่งเผ่าปีกมาร แม้พวกเจ้าทั้ง 2 จะดูเหมือนไม่ได้มีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งในเผ่า แต่ข้ารู้มานานแล้วว่าความสัมพันธ์ของพวกเจ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพียงแต่ไม่คิดว่าพวกเจ้าที่มีชื่อเสียงที่ดีในเผ่า จะทำสิ่งที่โลภมากและล่าเหยื่อเช่นนี้!”
“สิ่งที่พวกเราตกลงกันไว้แต่แรก ดูเหมือนตอนนี้สหายเต๋าหลานคงไม่ได้ตั้งใจที่จะแลกเปลี่ยนแล้ว” ชายหนุ่มแซ่เฟิงกัดฟัน จู่ๆ ก็หันขวับไปทางสวี่ชิง “สหายเต๋าเหยียนเสวียนจื่อ เจ้าก็เห็นแล้ว โปรดช่วยข้าในวันนี้ด้วย แล้วข้าจะตอบแทนอย่างงามในภายหลัง!”
สวี่ชิงไม่พูดอะไร
และการที่เขาอยู่ที่นี่เป็นสิ่งสำคัญ หากเขาช่วยเหยียนเสวียนจื่อ ไม่มีทางที่หลานเหยาและเยวี่ยตงจะยุติการต่อสู้ลงได้ภายในเวลาอันสั้น เพราะหนูทองที่อยู่ข้างนอกไม่อาจถูกขังได้นาน
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลานเหยาก็หัวเราะเยาะ
“สหายเต๋าเฟิงไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นเหยื่อเช่นนี้ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดถึงการแลกเปลี่ยนกับข้าเป็นเพียงข้ออ้าง”
“เหตุผลที่เจ้าบอกข้าเรื่องวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือ จุดประสงค์หลักคือต้องการดึงข้ามาที่นี่ สิ่งที่เจ้าต้องการนอกจากวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือแล้ว ยังมีเลือดศักดิ์สิทธิ์ของปีกมารเช่นข้าด้วย”
“แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในเวลานี้เข้าได้แต่ออกไม่ได้ เจ้าคำนวณมาอย่างดีจริงๆ!”
“สหายเต๋าเหยียนเสวียนจื่อ เจ้าเป็นคนฉลาด อย่าได้หลงกล เพียงแค่เจ้าไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้ก็พอ แม้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าจะอยู่ในกำมือของคนผู้นี้ แต่เขาไม่กล้าหรอก”
“ทันทีที่สังหารศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้า สิ่งที่เขาต้องเผชิญคือพวกเรา 3 คน”
หลังจากหลานเหยาพูดจบ ร่างของนางก็สั่นไหว พุ่งตรงไปทางชายหนุ่มแซ่เฟิง ขณะเดียวกันเยวี่ยตงก็ยกมือหยกขึ้นโบกไปข้างหลัง ก่อตัวเป็นผนึก ส่งไปยังทางเข้า ขัดขวางเส้นทางของทุกคน จากนั้นก็ก้าวไปหยุดเบื้องหน้าชายหนุ่มแซ่เฟิงในก้าวเดียว
ระหว่างการประสานปางมือ พลังวิเศษพลันกระจายออกไป โจมตีชายหนุ่มแซ่เฟิงพร้อมกับหลานเหยา
ไม่ช้าเสียงต่อสู้ก็ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
เมื่อเผชิญหน้ากับหญิงสาวทั้ง 2 ชายหนุ่มแซ่เฟิงก็ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง สีหน้ามืดมน พูดกับสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว “สหายเต๋าเหยียนเสวียนจื่อ หากเจ้าไม่ลงมือ ข้าจะเปิดเผยความลับของเจ้า!”
“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเหตุใดวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือที่นี่จึงร่อยหรอเช่นนี้!”
เมื่อชายหนุ่มแซ่เฟิงพูดเช่นนั้น สีหน้าของทั้งหลานเหยาและเยวี่ยตงก็เปลี่ยนไป
สวี่ชิงได้ยินดังนั้นสีหน้ายังคงเป็นปกติ ไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงใดๆ พร้อมเอ่ยออกมาเบาๆ
“ไร้สาระ ข้าอยู่กับพวกเจ้าทั้ง 2 มาตลอด เจ้าอยากจะดึงข้าลงนรกเช่นนี้ มันออกจะขี้ขลาดไปหน่อย เจ้าคิดพูดอะไร สหายเต๋าเฟิงก็พูดได้ตามสบาย”
“แต่ไม่ว่าเจ้าจะปั้นเรื่องอย่างไร เรื่องของพวกเจ้าทั้ง 3 ข้าก็ไม่ประสงค์จะเข้าไปยุ่ง และเมื่อสหายเต๋าเฟิงรู้มานานแล้วว่ามีคนติดตามมา ข้าคิดว่าคงเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งมือข้า”
สวี่ชิงมองอย่างใจเย็น ถอยหลังต่อไป จนกระทั่งถอยไปถึงทางเข้า หยุดอยู่ตรงนััน มองดูการต่อสู้ของทั้ง 3 ฝ่ายอย่างเย็นชา
หลานเหยาเห็นภาพนี้ ดวงตาพลันฉายแววเป็นประกาย ขณะที่เพิ่มความแรงในการโจมตี ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณที่สหายเต๋าเหยียนเสวียนจื่อเตือน ข้าคิดว่าเฟิงหลินเทาคนนี้ต้องมีแผนสำรองเป็นแน่”
ระหว่างที่พูด หลานเหยาแปลงร่างเป็นนกยูง 8 สี เยวี่ยตงที่อยู่ข้างๆ แปลงกายเป็นร่างน้ำแข็ง ทำให้ที่นี่เย็นยะเยือกในทันที และยังมีหอกน้ำแข็งปรากฏขึ้นจากอากาศรอบๆ พุ่งตรงไปทางชายหนุ่มแซ่เฟิง
กลิ่นอายที่หอกปล่อยออกมานั้นน่ากลัวยิ่ง มันสามารถมองเห็นทะลุผ่านความว่างเปล่า และทันใดนั้นก็มีโลก 5 ใบปรากฏขึ้นบนร่าง 2 โลกจริงและ 3 โลกเสมือน
ภายใต้แรงกดดันนี้ นาางร่วมมือกับนกยูง 8 สีของหลานเหยาเพื่อจัดการปิดฉากสังหารอย่างเด็ดขาด
แม้ว่าชายหนุ่มแซ่เฟิงจะไม่ธรรมดา มีของวิเศษเวทมากมาย เขายังคงถอยหลัง ทว่าสีหน้าของเขาไม่ได้ฉายแววตื่นตระหนก แต่กลับหัวเราะเยาะขณะถอยหลัง
“ดี พวกเจ้าเดาได้แล้วว่าข้ามีแผนสำรอง ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่เสียเวลาอยู่ที่นี่กับพวกเจ้าอีกต่อไป”
“หลานเหยา ก่อนหน้านี้เจ้าพูดผิด จุดประสงค์ของข้านอกจากวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือและสายโลหิตของเจ้าแล้ว ยังมีปราณพลังหยินของสหายเต๋าเยวี่ยตง สิ่งนี้จะมีส่วนช่วยอย่างใหญ่หลวงในการสร้างโลกที่ 6 ในภายหลังของข้า!”
เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มแซ่เฟิงก็ใช้มือข้างหนึ่งบีบคอเอ้อร์หนิว มืออีกข้างหนึ่งก็คว้าอากาศ หยิบสิ่งหนึ่งออกมา
มันคือเถาวัลย์!
สีของมันเป็นสีทองส่องประกายอร่ามเรืองรอง เส้นหนาเท่าแขน ยาวประมาณ 1 จั้ง ภายในเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันน่าพรั่นพรึง ขณะที่ปรากฏขึ้น กลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และน่ากลัวก็ปะทุออกมาจากภายใน
ทั้งถ้ำเกิดพายุ พัดไปทุกทิศทาง แม้แต่เหนือชายหนุ่มชื่อเฟิง ยังมีเงาของท้องฟ้าพร่างพราวดวงดาราปรากฏขึ้นเนื่องมาจากการปรากฏตัวของเถาวัลย์
ในภาพอันปั่นป่วนจะเห็นท้องฟ้ากว้างไกล ประดับด้วยดวงดาวไร้ที่สิ้นสุด มองเห็นกระทั่งเถาวัลย์ขนาดใหญ่ที่เติบโตทะลุดาราจักร พาดผ่านนภาดาราดาษผืนนี้
เถาวัลย์นี้เต็มไปด้วยอักขระลึกลับนับไม่ถ้วน นั่นคือสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ได้มาโดยธรรมชาติ แม้กระทั่งผลไม้ที่ติดอยู่บนนั้น ดูเหมือนดั่งดวงดาว ชวนให้ตะลึง
เมื่อหลานเหยาและเยวี่ยตงเห็นเถาวัลย์และเงาของนภาดาราดาษ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก หลานเหยาถึงกับหลุดเสียงอุทาน “เถาวัลย์เทพศักดิ์สิทธิ์! สิ่งมีชีวิตแห่งรติกาล ร่างที่โตเต็มวัยแผ่ขยายไปทั่วทุ่งดารา เจ้าเป็นเพียงร่างตัวอ่อน”
“ถึงจะเป็นตัวอ่อน แต่กลับมีสิ่งนี้อยู่ เป็นไปได้อย่างไร!!”
“เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือในอดีต สิ้นลมใต้เถาวัลย์นี้ แดนศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือก็ถูกทำลายเพราะเหตุนี้ เจ้า…”
แม้ว่าสวี่ชิงจะไม่เคยเห็นสิ่งนี้ แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของเถาวัลย์ สีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันใด
ส่วนทางชายหนุ่มแซ่เฟิง จ้องมองสีหน้าหลานเหยาและเยวี่ยตง พร้อมหัวเราะเหี้ยมเกรียม
“ข้าได้มาอย่างไร พวกเจ้าไม่มีทางรู้ การตายใต้เถาวัลย์เทพศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นโชคของพวกเจ้าแล้ว”
“แต่คนแรกที่ได้รับโชคคือคนที่อยู่ในมือของข้า”
“เถาวัลย์เทพศักดิ์สิทธิ์ต้องได้รับการบูชายัญทุกครั้งที่โจมตี”
ชายหนุ่มแซ่เฟิงระเบิดหัวเราะ ขณะนี้ก็ไม่ปิดบังอะไรอีกต่อไป เหตุผลที่เขาบีบเอ้อร์หนิวไว้ตลอดเวลา ดูเหมือนว่าเป็นการบีบบังคับ แต่ในความเป็นจริงคือเพื่อให้สามารถบูชายัญได้เร็วที่สุด!
ท่ามกลางเสียงหัวเราะนั้น เขาได้ส่งจิตเทพไปทางเถาวัลย์สีทองยาว 1 จั้ง ทันใดนั้นเถาวัลย์ก็ส่องแสงสีทอง อ้าปากเหมือนงู พุ่งตรงไปทางเอ้อร์หนิว
แต่…ขณะที่มันใกล้จะถึงตัวเอ้อร์หนิว ภาพอันน่าเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้น!
เอ้อร์หนิวลืมตาโพลง ในดวงตาของเขาเผยความบ้าคลั่งและความโลภที่ไม่เคยมีมาก่อน กลับกลายเป็นว่าเขา…กัดเถาวัลย์เข้าไปเต็มคำ จากนั้นเขาก็กลืนกินมันลงไป เถาวัลย์ที่ปล่อยกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมา กลับสั่นเครือกะทันหันอย่างไม่ทราบสาเหตุ
มันต้องการดิ้นรนราวกับว่าพบกับศัตรูตัวฉกาจตามธรรมชาติ แต่เมื่อแสงสีฟ้าวาบผ่านดวงตาของเอ้อร์หนิว เถาวัลย์ก็ถูกเอ้อร์หนิวดูดกลืนเข้าไปในปากโดยตรง
ภาพนี้ทำให้ทุกคนในที่นี้ยกเว้นสวี่ชิง จิตใจปั่นป่วน ตะลึงงันไปชั่วขณะ
ส่วนเอ้อร์หนิว ร่างกายสั่นสะท้าน ก่อนจะหายตัวไป ปรากฏตัวข้างๆ สวี่ชิง เรอออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“เหตุผลที่ข้ายอมให้เจ้าจับตัวไป ก็เพราะได้กลิ่นนี้ ข้ารอให้เจ้านำมันออกมานานแล้ว”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)


