Skip to content

Outside Of Time 943

Outside of Time
H

H

H

บทที่ 943 กระบี่บั่นแท่นเทวะ

เมื่อแท่นบูชานี้ปรากฏ เสียงดังลั่นสะเทือนฟ้า!

นอกดาวจักรพรรดิโบราณ เหล่าขุนนางที่เคยร้อนใจยามนี้ทยอยสีหน้าเปลี่ยนในชั่วลมปราณ ความปั่นป่วนในใจเรียกได้ว่าราวฟ้าถล่มดินทลาย

ยังมีขุนนางบางส่วนทำสีหน้าเหลือเชื่อ ประหนึ่งถูกฟ้าผ่ากลางกระหม่อม

“นั่นคือโลงศพจักรพรรดิมนุษย์ในอดีต!”

“นี่…นี่คือพิธีกรรมสำเร็จเทพโดยแท้!!”

จิตใจทุกคนต่างมีพายุเทียมฟ้า

สำหรับเผ่าทั้งหมดบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ เทพเจ้าคือศัตรูตัวฉกาจ!

แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ทุกข์ระทมเพราะเทพเจ้า สรรพชีวิตร่วงโรยเพราะเทพเจ้า

แม้ผ่านมาหลายปีนับไม่ถ้วน สุดท้ายเผ่าส่วนใหญ่ยังเลือกก้มหัว ยอมเป็นทาสรับใช้ ทั้งยังได้ประโยชน์กลายเป็นเผ่าแข็งแกร่งบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์

อย่างนภาคิมหันต์ก็เป็นเช่นนั้น

แต่ทาสก็คือทาส!

เผ่ามนุษย์….เผ่าที่มีความภาคภูมิของตัวเองจากการผนวกรวมแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มาหลายครั้ง พวกเขาไม่เคยก้มหัวเลยตั้งแต่ต้น

จักรพรรดิมนุษย์แต่ละสมัยแม้เจอสถานการณ์ยากลำบากเพียงใดก็ไม่เคยละทิ้งปณิธานของตน

พวกเขายึดมั่นคำสอนแต่เก่าก่อนของเสวียนโยว ยึดมั่นคำชี้แนะบนแดนศักดิ์สิทธิ์ ยึดมั่นการสืบทอดจากเซียนคิมหันต์

แม้การศึกษาเทพเจ้านั้นยากหลีกเลี่ยง ทั้งยังมีแนวคิดผสานเทพเกิดขึ้นเพราะเหตุนี้ แต่ในกระดูกยังคงไม่อาจอยู่ร่วมกับเทพเจ้า

เพราะนี่คือความต่างของวิถี!!

ส่วนการสำเร็จเทพอันเป็นคำตอบที่เผ่ามนุษย์หามีวันรับได้นั้น ไม่มีจักรพรรดิมนุษย์คนใดเลือกเดิน

นี่คือความยืนหยัด นี่คือหลักการ ทั้งเป็นบรรทัดฐาน ยังเป็นความตระหนักรู้ร่วมกันที่เผ่ามนุษย์ทุกผู้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ในดินแดนเมืองหลวงจักรพรรดิมีมารุ่นสู่รุ่น

แต่ตอนนี้ ทุกคนสัมผัสกลิ่นอายเพลิงเทวะได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการปรากฏของศาลเจ้า รวมถึงชื่อบนโลงศพ 5 ใบนั้นด้วย

จินตนาการได้ว่า 4 โลงใน 5 โลงต้องมีศพจักรพรรดิมนุษย์ในอดีต!

ชัดว่าจักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้นจะยืมพลังของศพจักรพรรดิมนุษย์ในอดีตมาใช้เป็นเชื้อเพลิงให้ตนสำเร็จเทพ!

สำหรับขุนนางอาวุโสเหล่านั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รับไม่ได้เด็ดขาด ถึงขั้นเรียกได้ว่านี่เป็นการทรยศบรรพบุรุษยิ่งกว่าองค์ชายสิบเอ็ด!

แม้ตอนจักรพรรดิมนุษย์ในอดีตมีชีวิตก็มีเรื่องแบบนี้ แต่คุณูปการยังยิ่งใหญ่

เดิมพวกเขาตายแล้วไม่ควรถูกรบกวน แต่บัดนี้ถึงกับจะถูกคนรุ่นหลังเอาไปเผาเป็นเชื้อเพลิงเช่นนี้ การกระทำนี้เรียกได้ว่าละทิ้งวิถีมนุษย์ เป็นความผิดร้ายแรง!

เสียงร้องที่มีความเศร้าโศกทอดขึ้นฟ้าจากนอกดาวจักรพรรดิโบราณเป็นสาย

“ฝ่าบาท ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้!”

“พวกเราคือลูกหลานผู้บำเพ็ญ พวกเราเดินบนเส้นทางฝึกบำเพ็ญ หาใช่เส้นทางของเทพเจ้า!”

“หากจักรพรรดิมนุษย์เลือกเป็นเทพ เผ่ามนุษย์เรา…ยังเป็นเผ่ามนุษย์อยู่หรือ”

“จักรพรรดิมนุษย์กลายเป็นเทพ นอกจากสูญสิ้นบรรทัดฐานเผ่ามนุษย์เรา แดนศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนรับรู้เรื่องทั้งหมดนี้ก็จะผิดหวัง…”

“ฝ่าบาท ทรงทบทวนด้วย!!”

“เทพเจ้าเป็นศัตรูของพวกเรามาทุกยุคทุกสมัย หากจักรพรรดิเป็นเทพเจ้าเสียเอง…การยืนหยัดตลอดมาของพวกเรายังมีความหมายใด แล้วความช่วยเหลือที่แดนศักดิ์สิทธิ์คอยมอบให้มาตลอดหลายปียังมีความหมายอันใด”

ไม่เพียงขุนนางอาวุโสนอกดาวจักรพรรดิโบราณเหล่านั้นที่เศร้าโศก กระทั่งกลุ่มคนที่ได้รับอนุญาตให้ดูพิธีกรรมในดาวจักรพรรดิโบราณยังเกิดคลื่นในใจ

แท่นบูชาที่องค์ชายสิบเอ็ดยกขึ้นมากระทบเป็นคลื่นหมื่นชั้น!

มีแค่สวี่ชิง!

ยามนี้เขาไม่สนใจว่าจักรพรรดิมนุษย์จะไปสำเร็จเทพหรือไม่ เพราะตั้งแต่ชั่วขณะที่แท่นบูชานั้นปรากฏ ความสนใจของเขาก็ไม่อาจแบ่งไปแม้เพียงนิด ทั้งหมดจดจ่ออยู่บนตะเกียงกลางแท่นบูชาดวงนั้น!

เพียงมองผาดเดียวเขาก็รู้ทันทีว่าตะเกียงนี้…คือเป้าหมายที่เขามาเผ่ามนุษย์

นั่นคือตะเกียงแห่งชีวิตของจื่อเสวียน!

ตะเกียงดำจื่อเสวียน!

และบัดนี้ตะเกียงดวงนั้นเต็มไปด้วยรอยร้าว ทำให้ใจสวี่ชิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรงนับแต่ชั่วพริบตาที่สัมผัสได้

เขาหายใจถี่รัวเล็กน้อย มีลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้น

‘พิธีกรรมนี้…กำลังดำเนินไป!’

‘ตะเกียงดวงนั้น…กำลังเผาพลังต้นกำเนิด เมื่อพลังต้นกำเนิดหมดสิ้น ชั่วขณะที่พิธีกรรมลุล่วง ตะเกียงนี้จะแตกสลาย หากเป็นเช่นนั้น…’

ยามนี้นัยน์ตาสวี่ชิงฉายประกายชวนอกสั่นขวัญหาย

ขณะเดียวกัน คำพูดขององค์ชายสิบเอ็ดก้องสะท้อนทั่วทิศ

“จักรพรรดิมนุษย์เสวียนจั้น สูญสิ้นสติปัญญา ไม่ทำตามคำสอนของจักรพรรดิโบราณ ไม่เคารพคำของแดนศักดิ์สิทธิ์ที่คอยเฝ้าดู คิดหลอมร่างอันศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิมนุษย์ในอดีตสังเวยเป็นเชื้อเพลิงแก่ตน หมายสำเร็จเป็นเทพ!”

“วิธีนี้ฝ่าฝืนวิถีเซียน แต่การทรยศเผ่ามนุษย์ยิ่งโหดร้ายถึงขีดสุด!”

“เสวียนจั้นบนไม่เคารพบรรพบุรุษ ล่างทำประชาชนไม่สงบสุข!”

“สวรรค์รับรู้ได้ โชคชะตาสัมผัสได้ จักรพรรดิมนุษย์เช่นนี้…ไม่สมควรเป็นจักรพรรดิมนุษย์!!”

เสียงองค์ชายสิบเอ็ดสะท้านฟ้าดิน ทุกคนสะเทือนเลื่อนลั่น ทำให้เหล่าขุนนางเผ่ามนุษย์เกิดคลื่นในใจ พร้อมกันนั้นสายตาเขาตกมาที่ตัวสวี่ชิงฉับพลัน

“อ๋องเจิ้นชาง ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการตะเกียงดวงนั้น!”

“แล้วตอนนี้ เจ้าจะดูตะเกียงแตกดับ หรือบุกเข้าไปทำลายพิธีกรรมเพื่อเอาตะเกียงที่เจ้าอยากได้กลับมากันล่ะ”

สวี่ชิงไม่เอ่ยคำ กายเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง

ในตอนนั้นเอง ขันทีเฒ่าที่ต่อสู้กับอ๋องเจิ้นเหยียนกลางอากาศสีหน้าเปลี่ยนพลัน หมายจะเข้าไปห้าม แต่ถูกอ๋องเจิ้นเหยียนขวางไว้

เขาจึงตะโกนด้วยเสียงแหลม

“อ๋องเจิ้นชาง จักรพรรดิมนุษย์ทรงทำเช่นนี้มีเหตุผลเบื้องหลัง เจ้าอย่าถูกไอ้กบฏมันหลอก ถอยออกไปเสีย!”

สิ่งที่ตอบเขาคือสายตาเย็นชาของสวี่ชิง รวมถึงฝีเท้าที่ก้าวลงไป

1 ก้าวฟ้าดินสะเทือน กลิ่นอายในกายสวี่ชิงระเบิดออกมา ไหมวิญญาณหลาย 10 ล้านเส้นปะทุขยายวงกว้าง เกิดเป็นโลกของเขา

ยังมีเสียงกระบี่คำรามดังออกมาจากในตัวเขา ทำให้ท้องฟ้าพลิกม้วน เงากระบี่มหึมาสายหนึ่งก่อรูปบนม่านฟ้าดาวจักรพรรดิโบราณฉับพลัน

เห็นเป็นเช่นนี้ องค์ชายสิบเอ็ดเผยรอยยิ้ม

แต่ใบหน้าเพิ่งแย้มยิ้ม พริบตาต่อมา สวี่ชิงหันไปมองเขาอย่างเย็นชาผาดหนึ่ง

การมองนี้ทำให้หัวใจองค์ชายสิบเอ็ดพลันบีบตัว

แต่สวี่ชิงยังคงไม่เอ่ยคำ ถอนสายตากลับ

ส่วนอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่าตนต้องการตะเกียงนั้น ตอนนี้เขาไม่มีเวลาไปทำความเข้าใจ

และแม้เรื่องนี้ในแง่หนึ่งทำให้เขาเจอตะเกียงดำจื่อเสวียนได้เร็วขึ้น แต่แผนที่วางไว้ในนั้นก็ชัดเจนอย่างยิ่ง

แต่ตอนนี้เหล่านั้นล้วนไม่สำคัญ

ชั่วขณะที่ฝีเท้าสวี่ชิงก้าวลงมา เขาพลันห้อตะบึงไปยังแท่นบูชา

เขาไม่อยากช่วยองค์ชายสิบเอ็ด ทั้งไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของจักรพรรดิมนุษย์

แต่ตะเกียงดวงนั้น เขาต้องไปเอามา แม้เป็นพิธีกรรมสำเร็จเทพของจักรพรรดิมนุษย์ก็ตาม!

ครู่ต่อมา เงาร่างเขาปรากฏอยู่นอกแท่นบูชา พุ่งเข้าไปหาทะเลเพลิงที่กระจายออก พร้อมกันนั้นเงากระบี่จักรพรรดิก็เฉียงลงมาจากม่านฟ้า

1 กระบี่ฟันไปยังแท่นเทวะ!

ตรงที่ไกล ขันทีเฒ่าผู้นั้นสีหน้าเปลี่ยนรุนแรง ใจคิดขัดขวาง แต่กลับไม่อาจทำได้ ส่วนคนอื่นในดาวจักรพรรดิโบราณ ยามนี้ก็ลังเลไปตามๆ กัน

หากพิธีกรรมนี้ไม่ใช่สำเร็จเทพ พวกเขาย่อมไปขัดขวางสวี่ชิง

แต่บัดนี้…

ทุกคนนิ่งเงียบ

เห็นเงากระบี่จักรพรรดินั่นอานุภาพยิ่งใหญ่เรียกได้ว่าเกรียงไกร ม้วนพลังโชคชะตา แผ่คมอาวุธเสี้ยมแหลม กำลังเคลื่อนลงไปทำให้พินาศด้วยพลังเบิกฟ้าเปิดดินทลายสรรพสิ่ง

องค์ชายสิบเอ็ดหัวเราะครืนใหญ่ มองไปยังจักรพรรดิมนุษย์ที่เงียบมาตั้งแต่แท่นบูชาปรากฏ

“เสด็จพ่อ ท่านสิ้นวิถีแล้ว!”

จักรพรรดิมนุษย์ยังคงไม่เอ่ยคำ โซ่เหล็กบนกายแม้ยังแตกต่อเนื่อง แต่เขาดูไม่สนใจสักน้อยนิด ยามนี้สายตาตกอยู่ที่สวี่ชิงนอกแท่นบูชา

ไม่เพียงแต่เขา ยามนี้ผู้คนนอกแท่นบูชาล้วนเป็นเช่นนั้น

ภายใต้สายตานับหมื่น เงากระบี่จักรพรรดินั้นฟันลงบนเปลวเพลิงนอกแท่นเทวะในที่สุด

เปลวเพลิงพลันเคลื่อนม้วนมารวมตัวกัน เกิดเป็นใบหน้ามหึมา

ใบหน้านี้ถึงกับเป็นเสวียนจั้น!

ชั่วขณะที่ปรากฏ พุ่งปะทะไปยังกระบี่จักรพรรดิ

เสียงสนั่นหวั่นไหวสะท้านฟ้าสะเทือนดินในพริบตา

เงากระบี่แผ่ขยาย ใบหน้าหายไป

เปลวเพลิงพลิกม้วน คล้ายถูกพายุพัดผ่าน คลอนไหวรุนแรง

สวี่ชิงไม่หยุดพักแม้สักนิด ฉวยจังหวะนี้เร่งความเร็วร่างกาย เป็นภาพติดตามุ่งไปยังแท่นบูชา

แต่ยามที่เขาเข้าใกล้ ภายในเปลวเพลิงที่กระจายอยู่นอกแท่นบูชาถึงกับมีเงาร่างนับไม่ถ้วนทยอยปรากฏ

ในเงาร่างเหล่านั้นมีเผ่ามนุษย์และเผ่าอื่นๆ รวมถึงพวกอสูร แม้กระทั่งเทพเจ้า

เหล่านี้เกิดจากกลิ่นอายที่เหลืออยู่ในศพจักรพรรดิมนุษย์ในอดีต ซึ่งถูกกระตุ้นจากการเผาไหม้ของไฟต้นกำเนิดในตะเกียงดำจื่อเสวียนที่กำลังลุกโชนอยู่นั้น

พริบตาที่ก่อรูป เงาร่างเปลวเพลิงเหล่านี้พากันพุ่งไปหาสวี่ชิงด้วยกลิ่นอายพุ่งพรวด

แต่ในตอนนั้นเอง ตะเกียงดำจื่อเสวียนตรงกลางแท่นบูชาพลันสั่นเล็กน้อย คล้ายการปรากฏตัวของสวี่ชิงดึงให้มันเกิดอารมณ์ร่วมบางอย่าง

เงาร่างที่พุ่งไปหาสวี่ชิงเหล่านั้นจึงทยอยได้รับผลกระทบไปด้วย ความเร็วช้าลงในทันที

รัศมีประหลาดฉายวาบในตาสวี่ชิง ความเร็วพุ่งพรวดอีกครั้ง โลกที่เกิดจากไหมวิญญาณ 40 ล้านเส้นส่งพลังให้เขาแทบไม่ขาด ผืนอนัตตาในกายเขายิ่งมีอำนาจเทพเจ้าเปล่งแสงสว่าง

ดังนั้น หมอกดำพลิกม้วนอยู่ด้านหลังสวี่ชิง หมิงเฟยส่งเสียงคำราม

จันทร์สีม่วงโผล่ขึ้นเหนือศีรษะเขา แสงอ่อนปรากฏย้อมผมเขาเป็นสีม่วง

ยังมีพลังเคราะห์หายนะแผ่ขยายออกมาในพริบตานี้เช่นกัน แม้แต่เงาร่างเปลวเพลิงที่ไม่มีชีวิตก็หนีไม่พ้นการปกคลุมของเคราะห์หายนะ

เกราะมหาขุนพลนภาก็ปรากฏ ยังมีโคมไฟ 9 ดวงหมุนวนรอบตัวเขา ต่างมีหัวมังกรดุร้ายโผล่ออกมาคำรามไร้เสียง

ขณะเดียวกัน…มือขวาสวี่ชิงกึ่งโปร่งแสง ล้วงเข้าทรวงอกคว้าไปยังทะเลความรู้สึกที่ว่างเปล่า จมเข้าสู่ผืนอนัตตาแล้วผลักเปิดประตูที่มีกระบี่จักรพรรดิ

ผสานเข้ากับวิญญาณจักรพรรดิในนั้นแล้วคว้าไปยังกระบี่จักรพรรดิ!

กระบี่จักรพรรดิสะเทือนเลื่อนลั่น ไม่ได้ต่อต้าน

เพราะหลังจากสวี่ชิงเข้าเฝ้ามหาจักรพรรดิก่อนหน้านี้ ด้วยประโยคนั้นของมหาจักรพรรดิ ในแง่หนึ่งคือเขายอมรับให้สวี่ชิงไปควบคุมกระบี่จักรพรรดิด้วยเจตจำนงของตัวเอง

ไม่มีข้อจำกัดแล้ว

ดังนั้นจากทฤษฎี ขอแค่สวี่ชิงมีกำลังมากพอ เขาก็สามารถเอากระบี่จักรพรรดิออกมาถือไว้ในมือได้อย่างแท้จริง

แต่ชัดว่าตอนนี้ ยังคงไม่พอ

กระนั้น…แม้ไม่อาจเอากระบี่จักรพรรดิของจริงออกมา แต่จากการคว้าครั้งนี้ยังเอาปราณกระบี่มาไว้ในมือแล้วถือออกจากร่างได้

พริบตาที่ปราณกระบี่นั้นถูกเอาออกมา มันกลายเป็นเงากระบี่สายหนึ่งทันที

เหมือนกระบี่ที่ปรากฏบนฟ้าก่อนหน้านี้ไม่มีผิด แต่แข็งกว่าและแหลมคมกว่า

ยามนี้เมื่อสวี่ชิงถือไว้ จิตสังหารในตาเขาฉายวาบ

พุ่งตรงไปหาเงาร่างที่ช้าลงมากเหล่านั้น

มองจากไกลๆ สวี่ชิงในตอนนี้พลังดุจมังกร!

พลันเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

กระบี่จักรพรรดิผ่านไปที่ใด เงาร่างเป็นสายแหลกสลายทันที ยังมีพลังอำนาจเทพเจ้าแผ่ออกมาจู่โจมทั่วทิศ ขณะเดียวกันยังมีเถาวัลย์หวีดคำรามอยู่รอบตัวสวี่ชิง

มันไม่ได้โจมตีเงาร่างเหล่านั้น หากกำลังกลืนกินเปลวเพลิงในที่นี้!

ขณะกลืนกินมันยังแผ่คลื่นอารมณ์ลิงโลดออกมาด้วย

นอกจากนั้น ด้านเจ้าเงาก็ไม่ยอมตกขบวน ขยายออกมาเร็วรี่ มันกระโดดในเปลวเพลิงราวกับปลาได้น้ำ

ฉากนี้ผู้คนเห็นแล้วพากันจิตใจสับสน

นี่เป็นครั้งแรกที่สวี่ชิงระเบิดพลังทั้งหมดของตนภายใต้สายตานับหมื่นในเขตแดนเผ่ามนุษย์!

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!