บทที่ 959 จักรพรรดิ!
ในห้องลับใต้วังครองกระบี่ เมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์
จักรพรรดิครองกระบี่ ผู้ซึ่งโดดเดี่ยวในโลกและปกป้องเผ่ามนุษย์มาจนถึงตอนนี้ เสียงผ่อนหายใจของพระองค์ดังก้องไปทั่วฟ้าดิน ร่างวิญญาณอันเลือนลางก้าวออกมาจากร่างที่เหี่ยวเฉา
ร่างนั้นเป็นร่างของชายวัยกลางคน ไม่สูงใหญ่ ไม่แข็งแรง แต่กลับมีความมั่นคงที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้ ราวกับสามารถแบกรับภาระทั้งปวงในใต้หล้า ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงขาม
พระองค์ก้าวออกจากวังครองกระบี่ ลงสู่ผืนโลก มาสู่ดาราจักรพรรดิโบราณ มาอยู่ตรงหน้าสวี่ชิง
ขณะนี้ ฟ้าดินพลันเปลี่ยนสี!
เผ่ามนุษย์ทั้งปวงตกอยู่ในความโกลาหล!
จักรพรรดินีแสดงอารมณ์ออกมาเป็นครั้งแรก
เทพเจ้าทุกองค์ต่างจ้องมองพระองค์ด้วยความเกรงกลัว
ฟ้าดินดูเหมือนจะเป็นเพียงฉากหลังในเวลานี้…มีเพียงเสียงและเจตจำนงกระบี่เท่านั้นที่กลายเป็นจุดสนใจ
“สหายน้อย ข้าขอใช้ร่างกายและกระบี่ของเจ้าสักครู่”
สวี่ชิงรู้สึกถึงเสียงก้องกังวานในหัว กระบี่จักรพรรดิในกายสั่นไหว เสียงกระบี่พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็กระตุกสั่น ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
เขารู้สึกถึงเจตจำนงอันไพศาลดุจดาราจักร หลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขา แต่ไม่ได้ครอบงำ และไม่ได้ทำร้ายเขาแต่อย่างใด
เพียงแค่ยึดครองร่างกายของเขาชั่วคราว
เขาไม่ขัดขืน ปล่อยให้พลังนี้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
ทันใดนั้น สวี่ชิง…ยกศีรษะขึ้นท่ามกลางสายตาของมนุษย์ทุกผู้และเทพเจ้าทั้งหมดที่มองมา
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความผันผวนของชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้นพลังอันยิ่งใหญ่ยังระเบิดออกมาจากร่างของเขา ก่อเกิดเป็นพายุหมุน แผ่นดินสั่นสะเทือน ท้องฟ้าโน้มเอียง ขุนเขาธาราทั้งหลายสั่นไหว
วิญญาณวีรชนเผ่ามนุษย์ทั้งหมดต่างหมอบกราบ ปราชญ์ทั้งหลายต่างคุกเข่าลง
ดวงชะตาเผ่ามนุษย์หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย มารวมตัวกันรอบกายสวี่ชิง กลายเป็นมังกรแห่งดวงชะตาที่วนเวียนและควบแน่นไม่หยุด
ในที่สุด ก็สร้างร่างกายที่สูงถึง 1,000 จั้งให้แก่เขา!
ร่างกายนี้มีกระดูกเป็นภูเขา เลือดแม่น้ำ ผิวหนังเป็นแผ่นดิน ผมเป็นป่าไม้ และเกราะเป็นท้องฟ้า
ด้วยเลือดเนื้อแห่งดวงชะตา กายจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จึงได้ถือกำเนิดขึ้น สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกต่างช่วยเหลือจิตวิญญาณของพระองค์
ทำให้พระองค์ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในโลกเผ่ามนุษย์
ใบหน้าของพระองค์แข็งกร้าวและล้ำลึก เหมือนประติมากรรมสำริดที่ถูกแกะสลักโดยกาลเวลา ดวงตาของพระองค์สดใสดุจดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดบนท้องฟ้ายามราตรี
เมื่อพระองค์ยืนขึ้น ท้องฟ้าก็พลันหม่นหมอง เทพเจ้าทั้งหลายก็ดูเลือนลาง
พระองค์คือผู้ที่จะบรรลุเป็นกึ่งเซียนองค์เดียวในยุคปัจจุบันของแดนต้องประสงค์!
พระองค์คือจักรพรรดิองค์เดียวที่ยังเหลืออยู่หลังจากที่เสวียนโยวจากไป!
พระองค์คือผู้ปกปักษ์เผ่ามนุษย์มาหลายหมื่นปี สังหารเทพเจ้ามากมาย แม้ว่าตอนนี้จะมีเพียงเศษเสี้ยวของวิญญาณเหลืออยู่ แต่ก็ยังปรารถนาจะปกป้องความสงบสุขให้แก่เผ่ามนุษย์
จักรพรรดิครองกระบี่เผ่ามนุษย์ ผู้ภาคภูมิ!
พลานุภาพยิ่งใหญ่ โลกตะลึง
จักรพรรดิครองกระบี่เสด็จสู่ใต้หล้า!
“จักรพรรดิ!”
จักรพรรดินีก้มลงคารวะด้วยความเคารพอย่างสูง แม้ว่าในสายตาของนางจะมีความเศร้าโศกอยู่บ้าง เพราะนางรู้ดีว่า เมื่อจักรพรรดิปรากฏตัวขึ้น นั่นคือเวลาดับสูญของพระองค์
ลมหายใจสุดท้ายนี้ พระองค์ใช้เพื่อปกป้องตนและเผ่ามนุษย์
ขุนนางและประชาชนทุกคนต่างหายใจหอบ และจิตใจสั่นคลอน พวกเขาก้มลงคารวะด้วยความเคารพ ไม่ว่าในใจของพวกเขาจะคิดอย่างไร แต่เวลานี้ ความเคารพที่มีต่อองค์จักรพรรดิถือเป็นเอกฉันท์
ประชาชนในเมืองหลวงจักรพรรดิต่างก้มลงคารวะ เสียงเรียกจักรพรรดิดังกึกก้องไปทั่วเมืองหลวงจักรพรรดิด้วยความศรัทธา
เมื่อเห็นเช่นนั้น เทพเจ้าทั้ง 3 ก็เลือกที่จะก้มลง
เทพเจ้าทั้ง 3 จากเผ่ากระดูกต้นกำเนิดแห่งยมโลก เผ่าราชันประกาศิตอุดร และเผ่าเอกภพแดนสีชาด ต่างล่าถอย ไม่กล้ากระทำการหุนหันพลันแล่น
แม้จะเป็นเทพเจ้า แต่พวกเขาต่างเคยได้ยินเรื่องราวของจักรพรรดิครองกระบี่ และเคยเห็นพลังของผู้สังหารเทพเจ้าคนนี้มานาน
ในขณะที่ทุกคนคารวะ จักรพรรดิครองกระบี่ก็กวาดสายตามองเผ่ามนุษย์ และมองไปยังโลกที่พระองค์ปกป้องมาหลายหมื่นปี แล้วจึงยกมือขึ้น
เมื่อพระองค์คว้าจับกลางอากาศ กระบี่จักรพรรดิในร่างกายของพระองค์ก็ส่งเสียงดังก้องและพุ่งออกมา
ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและลอยลงมาอยู่ในมือของจักรพรรดิครองกระบี่
ปราณกระบี่ตัดผ่านผืนฟ้า แสงกระบี่สะเทือนไปทั้งยุคสมัย
ในเสียงกระบี่นั้น เต็มไปด้วยความคะนึงหา ความโศกศัลย์ และความอาลัยอาวรณ์…
“สหายเก่า พวกเราออกเดินทางครั้งสุดท้ายไปด้วยกันเถิด”
จักรพรรดิครองกระบี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม แล้วก้าวไปบนท้องฟ้า ผืนนภาส่งเสียงก้องกังวาน ความว่างเปล่าแตกสลาย ทว่าสายฟ้ากลับไม่ปรากฏ
ราวกับว่าขณะนี้ แม้แต่สายฟ้ายังกลัวที่จะส่องแสง
มีเพียงจักรพรรดิที่ก้าวไปทีละก้าวอย่างมั่นคง มุ่งหน้าไปยังกระบี่ยักษ์ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าไกลนับหมื่นลี้
ย่างก้าวของพระองค์นั้นหนักแน่นและทรงพลัง ทุกย่างก้าวทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน
ท่วงท่าสง่างามและย่างก้าวที่มั่นคง ทำให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัยและศรัทธาอย่างสุดซึ้ง
เมื่อมีจักรพรรดิอยู่ เผ่ามนุษย์ก็จะปลอดภัย
พระองค์เป็นดังแสงที่ส่องสว่างยามค่ำคืน มอบแสงสว่างให้กับเผ่ามนุษย์ในเงามืด
ในขณะนั้น ผู้คนต่างรู้สึกสะเทือนใจ พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับเรื่องราวของจักรพรรดิครองกระบี่ และเดินตามรอยของพระองค์
จักรพรรดิครองกระบี่คือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่และเป็นตำนานในใจของพวกเขาตลอดกาล
และแล้ว จักรพรรดิครองกระบี่ก็เดินไปถึงจุดสูงสุดของท้องฟ้า มาหยุดเบื้องหน้าดาบสวรรค์ที่กำลังจะทำลายล้างทุกสิ่ง ท่ามกลางสายตาของทุกคน
เมื่อยืนอยู่ที่นั่น พระองค์ก็ยกกระบี่ในมือขึ้น
ฉับเดียวผ่านภา!
กระบี่ฉายแสง เวหาร้าวราน แสงกระบี่ส่องหล้า ส่องสว่างตลอดกาล!
เมื่อกระบี่ฟันออกไป เทพเจ้าต่างตกตะลึง คมกระบี่เย็นยะเยือก ดาบสวรรค์สั่นสะเทือน!
ดาบสวรรค์และกระบี่จักรพรรดิ ปะทะกันบนจุดสูงสุดของแดนต้องประสงค์ ทำลายกาลเวลาอันไร้ขอบเขต ทำลายกฎเกณฑ์ทั้งปวง และเหนือกว่าพลังของจักรวาล ราวกับเป็นโชคชะตาที่ต้องปะทะกัน
ก่อให้เกิดแสงรุ้งอันยิ่งใหญ่
ดูเหมือนสายรุ้งเส้นกว้าง พลังที่ไม่อาจหยุดยั้ง พลังที่ไม่เคยปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์ ข้ามผ่านอุปสรรค สิ่งกีดขวางทั้งปวง แผ่ขยายไปทั้่วท้องฟ้าแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
แสงนี้ แผ่ขยายไปทั่วแดนต้องประสงค์
ทันใดนั้น ท้องฟ้าแดนต้องประสงค์ก็สว่างไสวราวกับกลางวัน
แม้แต่สถานที่อื่นๆ นอกเหนือจากแดนต้องประสงค์ยังส่องแสงระยิบระยับ
แสงสว่างส่องไปทั่วจักรวาล แม้แต่เสี้ยวหน้ายังถูกปกคลุมด้วยแสงสว่าง
เมื่อมองจากระยะไกล ก็เหมือนกับมังกรยักษ์กำลังขดตัวอยู่บนท้องฟ้า แผ่พลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวออกไป ทำให้วิถีสวรรค์สั่นสะเทือน ทุกเผ่าพันธุ์ในทวีปแดนต้องประสงค์ต่างเงยหน้ามองด้วยความตกใจ
ในที่สุด กระบี่จักรพรรดิและดาบสวรรค์ก็สลายไปพร้อมกัน
กลายเป็นเมฆาดาราขนาดใหญ่ ที่มืดลงและสว่างขึ้นสลับกัน เกิดเป็นกระแสวนนับไม่ถ้วน ราวกับภาพวาดอันงดงาม แทนที่ท้องฟ้าของแดนต้องประสงค์ทั้งผืน
และยังคงอยู่เป็นเวลานาน
พลังที่เหลือจากการปะทะกันกลายเป็นฟ้าผ่านับไม่ถ้วน แพร่กระจายไปทุกทิศทุกทาง โดยมีท้องฟ้าของเผ่ามนุษย์เป็นศูนย์กลาง
สายฝนเทกระหน่ำลงมาเป็นบริเวณกว้าง
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนในเมืองหลวงจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ตกตะลึง
“นี่คือพลังของแท่นเทวะขั้นสูงสุด!” เทพเจ้าทั้งหลายกล่าวพึมพำ
และบนท้องฟ้า จักรพรรดิครองกระบี่ยืนอยู่ มองไปยังเมฆาดาราโดยไม่พูดอะไร
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เสียงที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าก็ดังออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ ก้องกังวานไปทั่วผืนฟ้า “จื่อเจี้ยน เจ้าตั้งใจจะทำเช่นนี้จริงหรือ?”
จักรพรรดิกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ตั้งแต่พวกท่านจากไป วันนี้ก็ถูกกำหนดไว้แล้ว”
“ในคราของตงเซิ่ง ข้านิ่งดูดาย เมื่อจิ้งอวิ๋นลุกขึ้นมา ข้าก็นิ่งดูดาย เมื่อเต้าซื่อล่มสลาย ข้าก็ยังคงนิ่งดูดาย”
“แต่ข้าจะไม่ดูดายตลอดไป”
“วันนี้ที่จักรพรรดินีสำเร็จเทพ ข้าอนุญาตแล้ว!”
ครั้งนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์ต่างเงียบไป และหลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงถอนหายใจเสียงหนึ่งดังขึ้น
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



