Skip to content

Outside Of Time 964

Outside of Time
H

H

H

บทที่ 964 เหนือกาลเวลา

กลางท้องฟ้า รัชทายาทรัฐม่วงครามน้ำเสียงอ่อนโยน

เขาที่อยู่ในชุดคลุมยาวสีม่วงทั้งร่างตอนนี้ผมยาวสีม่วงทั้งศีรษะปลิวพริ้ว แม้แต่ม่านตาทั้ง 2 ก็เป็นเช่นนั้นเช่นกันแฝงไว้ด้วยแววสีม่วง จ้องมองสวี่ชิงที่ถูกมือแห่งโชคชะตาคว้าเอาไว้ พันธนาการอยู่ที่ข้างหน้าตน

สีหน้าอบอุ่น ในดวงตาแฝงด้วยความอ่อนโยน

เหมือนกับที่เมืองเป็นเอกตอนนั้น พี่ชายที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติในสายตาสวี่ชิง

“มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า นี่ถึงจะเป็นความจริง” รัชทายาทรัฐม่วงครามเอ่ยถามเสียงเบา

เสียงผสานมาในสายลม พัดกระจายไปในห้วงกาลเวลา เหมือนว่าจะพัดไปยังเมืองเป็นเอกที่ถูกฝังกลบอยู่ในกาลเวลา

“น้องพี่ ข้าไม่ได้มีจิตคิดร้าย”

“มือแห่งโชคชะตานี้เป็นของกำนัลที่ข้ามอบให้เจ้า นั่นเป็นสิ่งที่แปลงมาจากพลังชะตาหลังจากรัฐม่วงครามหวนกลับคืนมาอีกครั้ง”

ทันทีที่ประโยคนี้ดังออกมาจากปากรัชทายาทรัฐม่วงคราม มือใหญ่ที่เหมือนแฝงไว้ด้วยพลังชะตาที่พันธนาการสวี่ชิงก็คลายออกทันที แล้วแปรเปลี่ยนเป็นมังกรยักษ์สีม่วง ทะยานไปในพลังชะตาเข้มข้น วนล้อมอยู่รอบกายสวี่ชิง

“และวันนี้ข้ามาที่นี่ก็เพื่อรับเจ้ากลับบ้าน”

“ข้าได้นำพารัฐม่วงครามออกมาจากยมโลกแล้ว ตอนนี้ลงมาเยือนในแผ่นดินใหญ่กลืนนภาแล้ว ประชาชนมหาศาล เหล่าขุนนางล้วนกลับมาแล้วทั้งสิ้น”

“พวกเขากำลังรอข้า รอข้ากลับไปนั่งบนบัลลังก์ ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิรัฐม่วงคราม”

“ส่วนเจ้า ในฐานะที่เป็นน้องชายของข้าในชาตินี้ มีผลกรรมเวรระหว่างข้าลึกล้ำมาก ดังนั้นข้าจึงอยากรับเจ้ากลับไป ทันทีที่ข้าเป็นจักรพรรดิรัฐม่วงคราม ก็จะเป็นเจ้าที่สืบทอดต่อตำแหน่งรัชทายาทรัฐม่วงครามแห่งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ตำแหน่งนี้”

“ชื่อนี้เคยเป็นชื่อที่เจิดจรัส มาวันนี้ก็ยังคงเรืองโรจน์ ข้าเตรียมจะมอบมันให้กับเจ้า”

“ทันทีที่เจ้ารับมัน ภายใต้พลังชะตาของรัฐม่วงครามตอนนี้ ภายใต้การเพิ่มพลังจากข้า เพียงก้าวเดียวเจ้าก็จะสามารถจุดเพลิงเทวะ ก้าวข้ามพลังบำเพ็ญในตอนนี้ กลายเป็นเทพเจ้าได้”

“น้องพี่ เจ้ายินดีจะรับมันไปหรือไม่”

เสียงของรัชทายาทรัฐม่วงครามดังในฟ้าดินประดุจสายฟ้ามหาศาลฟาดผ่านท้องฟ้า ขณะที่ส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทั้ง 4 ทิศ ก็มีความรู้สึกเหมือนพลังชะตาเป็นระลอกๆ พุ่งลงมาในโลกหล้า

พิสูจน์ความจริงเท็จจากคำพูดของเขา พิสูจน์ความมุ่งมั่นในการตัดสินใจของเขา

ทุกสิ่งที่เขาพูดล้วนเป็นความจริง

ฟ้าดินเป็นพยาน

ยิ่งไปกว่านั้นขณะที่พูด รัชทายาทรัฐม่วงครามยกมือขวาขึ้น กดไปที่หว่างคิ้วของตัวเอง เหมือนจะดึงอะไรออกมา แต่ก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น

ทว่าในเสี้ยวพริบตานี้ จากการดึงวัตถุที่มองไม่เห็นออกมา ในตัวของรัชทายาทรัฐม่วงครามก็เหมือนสูญเสียสิ่งสำคัญอะไรบางอย่างไป

นั่นคือนามเรียกขาน

นามเรียกขานของรัชทายาทรัฐม่วงครามถูกเขาดึงออกมา มาปรากฏในคำพูด

รอการตัดสินใจเลือกของสวี่ชิง

และในเสี้ยวขณะนี้ มังกรสีม่วงพลังชะตาที่วนล้อมอยู่รอบสวี่ชิงตัวนั้นก็ส่งเสียงคำรามสะท้านสะเทือนฟ้าดินเป็นระลอกๆ ออกมา เหมือนว่าขอเพียงสวี่ชิงพยักหน้า มันก็จะผสานไปในร่างสวี่ชิง ช่วยเขาจุดเพลิงเทวะ กลายเป็นเทพเจ้า

ภาพนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญที่จับจ้องอยู่ที่นี่ในใจต่างเกิดระลอกคลื่น

เอ้อร์หนิวที่อยู่ในบ้านก็อึ้งตะลึงไปเช่นกัน จากนั้นก็กัดฟันคำรามเสียงต่ำ “อาชิงอย่าไปเชื่อ มันเป็นคนโกหก!”

สวี่ชิงมองรัชทายาทรัฐม่วงครามที่อยู่ข้างหน้า

รัชทายาทรัฐม่วงครามก็มองสวี่ชิงอย่างอ่อนโยนเช่นกัน

ตอนนี้บนท้องฟ้าเหนือวังหลวงมีเพียงพวกเขา 2 คนเท่านั้น

ทั่วทุกสารทิศบิดเบี้ยว

จวบจนกระทั่งเสียงระเบิดกึกก้องที่มาจากประตูหุบเหวลึกแผ่นดินใหญ่เผ่ามนุษย์ยังคงดังก้อง การสาดทอของแสง 2 ทางนั้นเหนี่ยวนำไอพลังประหลาดเข้มข้น ปกคลุมไปในฟ้าดิน

แต่เสียงกึกก้องสุดท้ายก็ไม่ได้ดังขยายไปไกลต่อ กำลังลดลงอย่างช้าๆ

เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดินีและเทพอสุภทั้ง 5 แห่งเผ่ามนุษย์ การสะกดควบคุมขององค์ท่านกำลังได้ผล

เวลา 1 ก้านธูปใกล้ครบแล้ว

แต่รัชทายาทรัฐม่วงครามไม่ว่าจะเป็นสีหน้าหรือคำพูด ล้วนไม่ร้อนรนเลยสักนิด เหมือนว่าสำหรับเขา การตัดสินใจในตอนนี้ของสวี่ชิงถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

และเขาก็ได้เห็นภาพฉากมากมายในห้วงกาลเวลา ในนั้นผลลัพธ์กว่าครึ่งคือสวี่ชิงยอมรับนามเรียกขานของเขา กลายเป็นรัชทายาทรัฐม่วงคราม

แม้จะมีในส่วนน้อยที่ปฏิเสธ แต่สุดท้ายจากการรับมือด้วยวิธีต่างๆ ของเขา อีกฝ่ายก็ยังคงยอมรับมันอยู่ดี

ผลลัพธ์ ความจริงแล้วนับจากที่เขาบอกว่าจะมอบให้ ก็ได้กำหนดแน่ชัดแล้วในห้วงกาลเวลา

สายตาของรัชทายาทรัฐม่วงครามอ่อนโยน

สวี่ชิงเงียบนิ่ง คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เขาคาดไม่ถึง ตอนนี้สายตาประสานกับรัชทายาทรัฐม่วงคราม ในใจแผ่ระลอกคลื่นความทรงจำในวัยเด็กมา

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาไม่ได้บอกการตัดสินใจเลือกของตัวเองออกมา แต่เอ่ยเสียงต่ำทุ้มขึ้นว่า “คำพูดของท่าน ข้าไม่เชื่อ”

“ส่วนข้าก็มีการคาดเดาของตัวเองเช่นกัน ขอท่านโปรดพิสูจน์ ในห้วงกาลเวลาอันโหดเหี้ยมที่ถูกตัดเฉือนของข้าช่วงนั้น หลังจากที่ข้าแหลกเป็นเสี่ยงๆ แล้วเกิดเรื่องแปลกประหลาดอะไรบางอย่างขึ้นใช่หรือไม่”

สวี่ชิงมองรัชทายาทรัฐม่วงครามอย่างสงบนิ่ง มองพี่ชายในความทรงจำของตัวเอง เอ่ยเนิบนาบ

“หากการคาดเดานี้เป็นความจริง เช่นนั้นหลังจากที่ข้าแหลกเป็นเสี่ยงๆ แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงทำให้ท่านต้องตัดเฉือนเวลาช่วงนั้น ไม่ให้มันปรากฏในโลก”

“แล้วยังใช้ความทรงจำอันอ่อนโยนมาแทนที่ห้วงเวลาที่ถูกตัดเฉือนไปในช่วงนั้น”

“ทำให้ข้าไม่รู้ตัว ในวันเวลาหลังจากนั้นก็คิดว่าความอ่อนโยนในความทรงจำเป็นความจริง”

เสียงของสวี่ชิงดังก้องในโลกของทั้ง 2 คน ดังลอยไปข้างหูรัชทายาทรัฐม่วงคราม

นี่เป็นการอธิบายอีกวิธีหนึ่งของเรื่องเดียวกัน

ความอ่อนโยนบนใบหน้ารัชทายาทรัฐม่วงครามค่อยๆ สลายไป

มองพี่ชายที่อยู่ข้างหน้าคนนี้ สวี่ชิงเอ่ยเสียงเบาต่อไป “ข้าก็คิดเหมือนกันว่า เป้าหมายที่ท่านส่งตุ๊กตาที่ถูกเย็บตัวนั้นมา จวบจนเมื่อการคาดเดานั้นยิ่งผุดขึ้นมาในใจของข้า ข้าก็คิดได้ถึงความเป็นไปได้หนึ่ง ตุ๊กตา คือกุญแจดอกหนึ่ง”

สวี่ชิงน้อยนักที่จะพูดกับคนมากๆ เช่นนี้ แต่วันนี้ต่างออกไป คนที่เผชิญหน้าด้วยยิ่งต่างออกไป

“กุญแจที่เปิดชะตาชีวิต เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ท่านช่วงชิงชะตาของท่านเจ้าของร้านเจ้าไป”

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก จ้องมองรัชทายาทรัฐม่วงครามที่ความอ่อนโยนสลายไป ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายแปลกประหลาด

“ท่านในตอนนั้น ในตอนที่ข้าแหลกเป็นเสี่ยงๆ เห็นอะไรใช่หรือไม่ หรือไม่ก็เป็นสิ่งที่ท่านต้องการ หรือไม่ก็เป็นสิ่งที่เป็นความหวาดระแวงของท่าน ทำให้ท่านจำต้องตัดทิ้ง ใช้ความอ่อนโยนแทนที่ เหมือนกับเป็นผนึก!”

“และวันนี้ ท่านคิดว่าถึงเวลาแล้วดังนั้นจึงมาปรากฏตัวที่นี่”

“ส่วนให้ข้าสืบทอดรัชทายาทรัฐม่วงครามคำเรียกขานนี้ ยิ่งทำให้ข้ามั่นใจในการคาดเดาของตัวเอง เพราะหากข้ายอมรับ เช่นนั้นวิญญาณในร่างนี้ของข้า เป็นของข้า หรือของท่าน”

“แม้จะไม่แน่ใจถึงเป้าหมายที่แท้จริงของท่าน แต่วิธีการใช้ชื่อมาช่วงชิงสิงร่างเช่นนี้ ทำให้ข้าสุดท้ายแล้วมีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น”

“ในวิญญาณของข้ามีสิ่งที่ท่านอยากได้ แต่กลับคว้าเอามาไม่ได้ ดังนั้นท่านจึงทำได้แค่นี้เท่านั้น”

“ข้าพูดถูกต้องหรือไม่ พี่ชายของข้า”

สวี่ชิงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง

รัชทายาทรัฐม่วงครามจ้องเขม็ง

เสี้ยวพริบตาต่อมา สายลมพัดมาจากฟ้าดิน สัมผัสอย่างแผ่วเบาไประหว่างคนทั้ง 2 พัดเส้นผมของพวกเขา พัดให้แสงอาทิตย์ที่โปรยปรายลงมาแตกกระจายเป็นสีสันหลากหลาย ท่ามกลางสีสันเจิดจ้าพร่างพรายและร่วงหล่นลงมา คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่มั่นคงก็ปะทุขึ้นมาอย่างเฉียบพลันจากตัวสวี่ชิง

ในระลอกคลื่นนี้แฝงไว้ด้วยการทำลายล้าง ส่งผลกระทบต่อชะตากรรม ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆทั่วสารทิศหอบม้วน

นั่นคือกลิ่นอายการระเบิดตัวเอง

สวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ทำเรื่องที่ทำให้ทุกคนต้องตื่นตะลึงและคาดไม่ถึง

เขาเลือกระเบิดตัวเอง ทำให้ตัวเองเป็นเหมือนเมื่อตอนนั้น แหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ

นี่ก็คือคำตอบที่เขาให้กับรัชทายาทรัฐม่วงคราม

และเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าในวิญญาณของตัวเองมีอะไรกันแน่

“ตอนนั้นบิดาของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเคยสำแดงวิชาเทพเว้นว่างกับข้า จะลบผลกรรมเวรทั้งหมดในวิญญาณของข้า แต่สุดท้ายกลับส่งเสียงร้องโหยหวนสีหน้าหวาดกลัวออกมา…”

“เขามองเห็นอะไร…”

พลังระเบิดตัวเองแผ่ปกคลุมฟ้าดิน สวี่ชิงอยู่ท่ามกลางลมระเบิดทำลายล้างนี้ พึมพำในใจ

เป้าหมายของรัชทายาททรัฐม่วงคราม แม้เขาจะไม่รู้รายละเอียด แต่ตอนนี้รวมกับทุกอย่างก็เดาถึงเหตุผลได้

แต่นี่ไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการของเขา

หลังจากที่เขาได้เห็นรัชทายาทรัฐม่วงครามที่เมืองหลวงแล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่หลังจากนั้นจะไม่เตรียมการใดๆ ทั้งสิ้น นี่ไม่ใช่นิสัยของเขา

ความจริงแล้ว นับจากเสี้ยวพริบตาที่เขาพบรัชทายาทรัฐม่วงครามที่เมืองหลวงครั้งแรก เขาก็แอบติดต่อกับนายท่านเจ็ดแล้ว วางแผนรับมือกับรัชทายาทรัฐม่วงคราม

จุดสำคัญของแผนการนี้คือต้องอยู่เหนือขอบเขตการควบคุมห้วงกาลเวลาของรัชทายาทรัฐม่วงคราม

ทำเรื่องที่อีกฝ่ายมองไม่เห็นในห้วงกาลเวลา

ดังนั้นการระเบิดตัวเอง เป็นสิ่งที่สวี่ชิงคิดได้เพียงวิธีเดียวที่อยู่เหนือขอบเขตของอีกฝ่าย

นายท่านเจ็ดก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้

ส่วนรัชทายาทรัฐม่วงครามทางนั้น ตอนนี้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล

หลังจากที่มาถึงที่นี่ เขาที่อ่อนโยนอยู่ตลอด ในเสี้ยวขณะนี้ใบหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลเป็นครั้งแรก รูม่านตาของเขาหดเล็ก ในใจของเขาเกิดระลอกคลื่น

การตัดสินใจของสวี่ชิงอยู่เหนือการคาดหมายของเขา

นี่ไม่อยู่ในห้วงกาลเวลาที่เขาเห็น!

ขณะเดียวกัน ห่าจากเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ไกลลิบลับ ในทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณที่ข้ามผ่านทะเลต้องห้ามไป วิหคเพลิงสวรรค์เจ้าแห่งทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณสยายปีกทั้ง 2 บดบังฟ้าดิน บินวนอยู่บนท้องฟ้าของทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ

ทุกที่ที่ผ่าน เมฆหมอกหอบม้วน ฟ้าดินคำรามก้อง

พายุเป็นระลอกๆ โหมกวาดผืนดิน

และข้างล่างบริเวณที่เขาบินวน ตรงนั้นเป็นซากปรักหักพังรกร้างแห่งหนึ่ง

ที่นี่เป็นบริเวณที่รัชทายาทรัฐม่วงครามในตอนนั้นรบตาย และเป็นบริเวณที่ตั้งของเมืองเป็นเอกในภายหลัง

ตอนนี้ที่นี่มีผู้บำเพ็ญหลายแสนนั่งขัดสมาธิอยู่ จับกลุ่มเป็นค่ายกลขนาดมหึมายิ่งใหญ่

ค่ายกลนี้มีพื้นที่มหาศาล ผู้บำเพ็ญในนั้นมีตั้งแต่ระดับสร้างฐานไปจนถึงระดับปราณก่อกำเนิด ระดับสมบัติวิญญาณและระดับหวนสู่อนัตตาก็มีบ้างเล็กน้อย

หากเอ้อร์หนิวอยู่ที่นี่จะต้องจำได้ในทันทีว่าคนเหล่านี้กว่าครึ่งล้วนเป็นลูกศิษย์ของสำนัก 7 เนตรโลหิต กระทั่งว่ามีจำนวนหนึ่งมาจากผืนอินทนิล

พูดได้ว่านี่คือค่ายกลยักษ์ที่รวมไว้ขั้วอำนาจฝ่ายต่างๆ ในทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ

วงแหวนชั้นในของค่ายกลประกอบขึ้นจากเนื้อชุ่มเลือดที่แผ่พลังอำนาจกดดันน่าหวาดกลัว การปรากฏของเนื้อชุ่มเลือดเหล่านี้ทำให้ฟ้าดินส่งเสียงคำรามเลือนลั่นกึกก้องอย่างต่อเนื่อง ทั่วทุกสารทิศบิดเบี้ยวคล้ายจะดับสลาย เห็นได้ถึงความไม่ธรรมดาของเนื้อชุ่มเลือดเหล่านี้

ส่วนตรงกลางเป็นยักษ์ปรอทที่สร้างขึ้นมาจากปรอทจำนวนนับไม่ถ้วน มีขนาดถึงหมื่นจั้งตนหนึ่ง

ยักษ์นอนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเหมือนกับสวี่ชิงทุกประการ

บริเวณหว่างคิ้วยังมีเลือดของสวี่ชิงหยดหนึ่ง

และเหนือยักษ์ปรอทขนาดมหึมา กลางท้องฟ้า นายท่านเจ็ดนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น

ลมพัดมา พัดผมขาวของเขาปลิวพริ้ว ความทรงอำนาจน่าเกรงขามปรากฏออกมาจากร่างของเขาอย่างชัดเจน ส่วนสีหน้าของเขาก็เข้มงวดจริงจังสุดขีดอย่างหาได้ยาก

แทบจะในพริบตาที่สวี่ชิงระเบิดตัวเอง ดวงตาทั้ง 2 ของนายท่านเจ็ดก็พลังลืมขึ้น “ค่ายกลเปิดออก ห้วงเวลาขยับหมุน!”

ผู้บำเพ็ญหลายแสนทั่วทุกทิศต่างคำรามเสียงต่ำขึ้น วิหคเพลิงสวรรค์ที่อยู่บนท้องฟ้าพ่นไฟลงมาข้างล่าง ส่วนนายท่านเจ็ดทางนั้น ในร่างแผ่กลิ่นอายโบราณบรรพกาลออกมา

กลิ่นอายนั้นเก่าแก่ผ่านห้วงกาลเวลาไร้ขีดจำกัด เหมือนกลายเป็นไม้บรรทัดวัดรอบแห่งกาลเวลา

“แท่นดาวไท่ซ่าง แปรผันมิหยุดยั้ง ขจัดอดีตผูกพันปัจจุบัน คุ้มครองเทพพิทักษ์วิญญาณ สติปัญญาส่องสว่าง จิตสงบใจมั่น วิญญาณ 3 อยู่ชั่วนิรันดร์ พละกำลังมิสูญสลาย ขอศิษย์ข้าได้รับความสงบ ย้อนคืนจากยมโลก ขอเร่งรัดดั่งบัญชาแห่งฟ้า!”

พูดจบ มือซ้ายของนายท่านเจ็ดก็พลันกดไปยังมนุษย์ปรอทข้างล่าง

จากนั้น มือขวาก็วางไว้ที่หน้าอก ประสานปางมือเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ฟ้าดินสิ่งธรรมชาติ กำจัดมลทินสิ่งแปลกปลอม มองทะลุความอัศจรรย์ล้ำลึก ลึกลับพิศวงเกินหยั่ง มหาเทพ 8 ทิศ ทำให้ข้าบันดาลได้อย่างอิสระ บัญชาแห่งเทพหลิงเป่า ประกาศประกาศิตต่อสวรรค์ทั้ง 9 !”

“ณ ที่นี่เมื่อหมื่นปีก่อน มีคนผู้หนึ่งนามรัชทายาทรัฐม่วงคราม ร่างแตกดับอยู่ที่นี่ ลมหายใจสุดท้าย ณ วันนี้ด้วยประกาศิตแห่งคิมหันต์ ใช้เซียนเหนี่ยวนำ เรียกลมหายใจนี้คืนมา ขอเร่งรัดดั่งบัญชาแห่งฟ้า”

ดวงตาทั้ง 2 ของนายท่านเจ็ดเบิกโพลงอย่างพิโรธ เสียงประดุจสายฟ้า ทุกคำพูดดังกึกก้องเลื่อนลั่น

เขาจะดึงเอาลมหายใจสุดท้ายของรัชทายาทรัฐม่วงครามที่ตายอยู่ที่นี่ในตอนนั้นออกมาจากฟ้าดิน จากในห้วงกาลเวลา จากในสรรพสิ่งทั้งหลาย!

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!