Chapter 5
ตีเข่า!
หลังจากประกอบ PC เครื่องใหม่เสร็จแล้ว อากิโอะก็ยกไปตั้งบนโต๊ะ เปิด PC เครื่องใหม่แล้วต่อสายเน็ต จากนั้นเขาก็นั่งลงเข้าเว็บไซต์โหลดโปรแกรมไปเรื่อยๆ ตั้งค่า PC ของเขา ซึบาสะอยู่ข้างๆ มองดูอย่างงงๆ มึนตึบ เอาจริงๆ เรื่องเทคโนโลยีอะไรพวกนี้เขาเป็นแค่ใช้งานเท่านั้นเอง ส่วนเรื่อง ‘ติดตั้ง’ หรือ ‘ซ่อม’ อะไรพวกนี้ เขาทำไม่เป็นเลย
อากิโอะตั้งค่า PC ของเขาเสร็จ เขาก็เช็กดู สีหน้าพอใจมาก “หึๆๆๆ ต้องเป็นระดับสุดยอดแฮกเกอร์อย่าง ‘หลง’ เท่านั้นถึงจะแฮกเครื่องนี้ได้”
เขาปิดเครื่องแล้วดึงสายเน็ตออก จากนั้นก็ลุกไปแกะกล่องโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ เขายกโน๊ตบุ๊คออกมาเปิดเครื่องต่อสายเน็ตแล้วโหลดโปรแกรมต่างๆ ตั้งค่าเหมือนเครื่อง PC ซึบาสะก็ดูอยู่ข้างๆ อย่างสนอกสนใจ พลางชมว่า “สุดยอด!”
“หึ ถ้าคุณเรียนเหมือนผม คุณก็ทำได้เหมือนกันแหละ” อากิโอะบอกสีหน้าค่อนข้างภูมิใจ ซึบาสะตั้งใจดูอากิโอะตั้งค่าโน๊ตบุ๊คมาก เขาเห็นชื่อโปรแกรมที่เขาไม่รู้จักมากมายจนจำไม่หวาดไม่ไหว แค่มองก็มึนตึบไปหมดแล้ว
หลังจากตั้งค่าโน๊ตบุ๊คเสร็จอากิโอะก็ปิดเครื่อง ดึงสายเน็ตออกแล้วเก็บโน๊ตบุ๊คใส่กระเป๋า จากนั้นเขาก็แกะกล่องมือถือเครื่องใหม่ 2 เครื่อง แกะซิมการ์ดเอาใส่มือถือทั้งสองเครื่อง แล้วเปิดมือถือขึ้นมา ครั้นต้องใส่เลขบัตรประชาชนเพื่อลงทะเบียนซิมการ์ดเขาก็มองหาบัตรประชาชนของซึบาสะ “เอ…บัตรประชาชนล่ะ?”
“อยู่กับบอดี้การ์ดล่ะมั้ง” ซึบาสะบอก อากิโอะจึงลุกไปเปิดประตูห้องนอน เขาเห็นบอดี้การ์ด 2 คนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูจึงบอก “เอาบัตรประชาชนของผมมา”
“ครับท่าน” บอดี้การ์ดรับคำ อากิโอะกำลังจะปิดประตูพลันนึกขึ้นได้ “อ่อ บัตรเครดิต บัตรเดบิต เงินสดด้วยล่ะ”
“เอ่อ…ครับ” บอดี้การ์ดรับคำ อากิโอะก็ปิดประตู สักพักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก็อกๆ
“ท่านครับ”
“เข้ามา” อากิโอะบอก บอดี้การ์ดจึงเปิดประตูเข้าไปแล้วยื่นกระเป๋าสตางให้ “บัตรประชาชน บัตรเครดิต บัตรเดบิต แล้วก็เงินสดที่ท่านต้องการครับ”
“อืม ขอบคุณมาก” อากิโอะพูดพลางรับกระเป๋าสตางใบนั้นมา เขาเปิดดูในกระเป๋า มีบัตรประชาชน บัตรเครดิตของธนาคาร 4 ใบ บัตรเดบิตอีก 6 ใบ แล้วก็เงินสดจำนวนหนึ่ง เขาปิดกระเป๋าแล้วไล่บอดี้การ์ดว่า “ออกไปซิ ผมไม่เรียกก็ไม่ต้องเข้ามา”
“เอ่อ…ครับๆ” บอดี้การ์ดรับคำแล้วถอยออกไปยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเหมือนเดิม
“เอาล่ะ ทีนี้ก็ลงทะเบียนซิม” อากิโอะพูดลอยๆ แล้วหยิบบัตรประชาชนของซึบาสะออกมา เขาหยิบมือถือขึ้นมาแล้วจัดแจงลงทะเบียนซิมการ์ด แน่นอนว่าเขาต้องเลือกซิมการ์ดของค่ายมือถือที่โทมิกรุ๊ปไม่ได้ถือหุ้นอยู่เลย ดังนั้นเขาจึงเลือกซิมการ์ดของค่าย ‘U! Mobile’ ที่ตระกูลเอบะถือหุ้นอยู่ แม้ว่าบางจุดสัญญาณจะไม่ดีเท่าค่ายยักษ์ใหญ่ที่กลุ่มโทมิกรุ๊ปถือหุ้นอยู่ก็ตาม แต่ว่านี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
หลังจากลงทะเบียนซิมการ์ดแล้วเขาก็ดาวน์โหลดแอพฯ ต่างๆ ใส่เครื่องใหม่ หลังจากนั้นเขาก็ต่อมือถือกับโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่แล้วโหลดโปรแกรมป้องกันต่างๆ ใส่เครื่องอีกที ทำแบบนี้แล้วเขาถึงจะวางใจกล้าใช้มือถือได้อย่างสบายใจซะที เมื่อตั้งค่ามือถือ 2 เครื่องเสร็จแล้วเขาก็เข้าเว็บธนาคารประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้ง แล้วล็อกอินเข้าระบบ จากนั้นก็ให้ธนาคารออกบัตรเครดิตให้เขาในชื่อ ‘นิรนาม’ บัตรเครดิตนี้เขาต้องการเอาไว้ใช้เอง เพราะบัตรเครดิตของซึบาสะ ยามะทุกใบ แน่นอนว่ายามาโตะคนนั้นสามารถตรวจสอบการใช้จ่ายผ่านบัตรได้
มันไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยสักนิด บัตรพวกนั้นเขาเอาไว้ใช้ซื้อของทั่วๆ ไป แต่บัตรจากธนาคารประเทศสวิตเซอร์แลนด์นี้เขาคิดจะเอาไว้ใช้สำหรับรายการที่ไม่ต้องการให้ยามาโตะตรวจสอบได้ เมื่ออากิโอะทำรายการเสร็จ ก็มีอีเมลแจ้งเตือนไปที่อีเมลไอดีหนึ่ง ปิ๊บๆ
คนที่กำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่ พลันออกจากเกมส์ที่เล่นทันที แล้วเปิดอีเมลอ่าน หลังจากอ่านอีเมลแล้วคนๆ นั้นก็หรี่ตาลง พึมพำว่า “บัตรเครดิตส่งไปให้ ‘ซึบาสะ ยามะ’ ที่ประเทศ ‘J’ งั้นรึ?”
คนๆ นั้นคิดๆ พึมพำว่า “ซึบาสะรู้เกี่ยวกับบัญชีนี้ได้ยังไง? เห็นทีต้องตรวจสอบซะแล้ว”
คนๆ นั้นปิดโน้ตบุ๊คแล้วลุกขึ้นยืนเดินเข้าห้องน้ำไป
อากิโอะก็ปิดโน๊ตบุ๊คเช่นกัน เขาถอดสายเน็ตออกแล้วนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงซิ”
เขาลุกไปดึงม่านหน้าต่างปิดทั้งหมดแล้วเดินไปปิดไฟในห้องทั้งหมด ทำให้ห้องมืดลงทันที เขาเอามือถือมาเปิดกล้องถ่ายรูปแล้วหันมือถือไปรอบๆ ห้อง ซึบาสะจึงถามอย่างสงสัย “คุณทำอะไร?”
“กำลังเช็กว่าในห้องมีกล้องติดไว้รึเปล่า?” อากิโอะบอก ซึบาสะตกตะลึงไป “กล้อง!”
“อืม กล้อง ผมสงสัยว่ายามาโตะน่าจะติดกล้องไว้ในห้องนี้ด้วยเพื่อจับตาดูคุณทุกฝีก้าวแหงๆ” อากิโอะบอกพลางหันมือถือตรวจไปรอบๆ ห้องทุกตารางนิ้ว แล้วเขาก็เห็นแสงไฟแดงๆ แวบๆ บนจอมือถือที่เปิดโหมดกล้องถ่ายรูปอยู่ “นี่ไง เจอแล้ว 1 ตัว มีจริงๆ ด้วย”
“นี่!” ซึบาสะอุทานอย่างตกตะลึง หมายความว่าเขาถูกจับตาดูทุกฝีก้าวไม่เว้นแม้แต่ในห้องนอนงั้นรึ! เกินไปแล้ว! ไอ้โรคจิตนั่นทำเกินไปแล้ว!
อากิโอะหันมือถือไปตรวจจุดอื่นต่อ หลังจากตรวจเสร็จแล้ว เขาก็เจอกล้องจิ๋วติดตั้งซ่อนเอาไว้ถึง 5 จุดด้วยกัน เรียกว่าคนที่อยู่ในห้องๆ นี้ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยสักนิด เขาส่ายๆ หน้า “เฮ้อ…คุณนี่มันดวงซวยจริงๆ ที่ต้องมาเจอไอ้โรคจิตที่มีทั้งเงินทั้งอำนาจแบบยามาโตะ”
ซึบาสะอึ้งไปเลย เขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกยามาโตะคอยแอบดูอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ “เชี้ยเอ้ย! ไอ้โรคจิต!”
เขามองอากิโอะแล้วบอกว่า “ถอดกล้องบ้าๆ พวกนั้นออกไปให้หมดเลย!”
“ใจเย็นๆ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นซิ” อากิโอะบอก อย่าลืมซิ คุณเป็นผู้ชายนะ ต่อให้มีรูปหลุดออกไปคุณก็ไม่เสียหายนักหรอก อีกอย่างถ้าถอดกล้องออกไปตอนนี้จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ทีนี้มันคงทำอะไรมากกว่านี้แน่นอน ผมต้องการใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ คุณไม่เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่า ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’ เหรอ? ยามาโตะคนนั้นรู้จักคุณดีทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่คุณละไม่รู้จักเขาเลย คุณก็เหมือนลูกไก่ในกำมือเขาชัดๆ ถ้าลูกไก่อย่างคุณจะกลายเป็นเสือก็ต้องอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นซิ”
“ได้ ผมเชื่อคุณ” ซึบาสะพยักหน้าพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โมโหลงไป ถึงยังไงตอนนี้เขาก็เป็นวิญญาณที่อยู่นอกร่าง ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เฮ้อ…
อากิโอะเดินไปเปิดไฟแล้วเปิดม่านออก ทำให้ห้องสว่างขึ้นมาอีกครั้ง เขาต่อสายเน็ตกับโน๊ตบุ๊คแล้วเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นมา จากนั้นก็เข้าเว็บ ‘บอดี้การ์ด’ ของต่างประเทศ กดเลือกบอดี้การ์ดที่ไว้ใจได้มา 2 คน แน่นอนว่าบอดี้การ์ด 2 คนนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับยามาโตะเลย ดังนั้นบอดี้การ์ดใหม่ 2 คนนี้จึงเหมาะที่จะติดตามเขา ทำตามคำสั่งเขา เขาต้องมีคนของเขาเองที่ไว้ใจได้อยู่ข้างกาย จึงเริ่มจากบอดี้การ์ด 2 คนนี้ก่อน บอดี้การ์ดพวกนี้ก็เหมือนทหารรับจ้างนั่นแหละ ใครจ้างก็ทำงานให้คนๆ นั้น เก็บความลับของนายจ้างเป็นอย่างดี เรื่องที่จะทรยศนายจ้างนั้นมีเปอร์เซ็นน้อยมาก เพราะการทรยศนายจ้างนั้นหมายถึงว่าจะถูกองค์กร ‘บอดี้การ์ด’ หมายหัว ตามฆ่าจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว ซึบาสะอยู่ข้างๆ มองดูอย่างอึ้งๆ เขาไม่รู้เลยว่ามีองค์กรอย่างองค์กร ‘บอดี้การ์ด’ ด้วย!
“นี่คุณเป็นสปายใช่ป่ะ?” เขาถามพลางมองอากิโอะในร่างของตัวเองอย่างอึ้งๆ ทึ่งๆ
อากิโอะส่ายหน้า “ผมไม่ใช่สปาย เพียงแต่ว่าผมเรียนอยู่ต่างประเทศเคยคลุกคลีกับพวกสปายมาบ้างก็เลยได้รู้วิธีการทำงานของพวกเขามาบ้างน่ะ คนที่ผมเคยเจอมีทั้งสปาย แฮกเกอร์”
อากิโอะหยุดพูดไปครู่หนึ่งแล้วบอกอีกว่า “ทหารรับจ้างผมก็รู้จักนะ ถ้าต้องการเรียกใช้ขอแค่เงินถึงจะเอามาเป็นกองร้อยเลยก็ได้”
ซึบาสะอ้าปากค้างไปแล้ว “คุณต้องเป็นพวกองค์กรใต้ดินแหงๆ”
“เป็นนายกฯ ก็ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับคนพวกนี้อยู่ดี จะให้ใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบคุณไม่ได้หรอก เพราะงี้ไงคุณถึงได้เป็นนายกฯ หุ่นเชิดให้ยามาโตะ เป็นลูกไก่อยู่ในกำมือเขาแบบนี้ไง” อากิโอะบอก ซึบาสะเจ็บใจมาก แต่ก็เถียงไม่ออก ใช่ เขาเป็นลูกไก่ในกำมือยามาโตะจริงๆ เป็นนายกฯ หุ่นเชิดจริงๆ นั่นแหละ เฮ้อ…
“เอาล่ะ เอาเท่านี้ก่อนล่ะกัน” อากิโอะบอกแล้วปิดโน๊ตบุ๊ค “บอดี้การ์ดน่าจะมาถึงไม่เกิน 4 วัน ส่วนบัตรเครดิตก็น่าจะไม่เกิน 4 วัน”
เขาถอดสายเน็ตออกจากโน๊ตบุ๊คแล้วบอกว่า “ระหว่างนี้ก็ทำตัวเป็น ‘ลูกไก่’ ไปก่อนล่ะกัน”
“อย่างคุณน่ะนะจะเป็น ‘ลูกไก่’ ผมว่าคุณคือ ‘เสือ’ ที่สวมคราบ ‘ลูกไก่’ ต่างหาก” ซึบาสะบอก หลังจากเห็นความสามารถของอากิโอะแล้วเขายอมรับเลยว่าเขาด้อยกว่าอากิโอะมากจริงๆ ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว อากิโอะก็คือเสือ ส่วนเขาน่ะเป็นลูกไก่จริงๆ นั่นแหละ เพราะงั้นลูกไก่อย่างเขาถึงได้อยู่ในกำมือยามาโตะแบบนี้ไง
ก็อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามด้วยเสียงเรียก “ท่านครับ”
อากิโอะเดินไปเปิดประตู “มีอะไร?”
“ถึงเวลาทานยาทานอาหารแล้วครับ” บอดี้การ์ดบอก อากิโอะพยักหน้า “อืม งั้นเดี๋ยวผมลงไป”
“ครับท่าน” บอดี้การ์ดรับคำ อากิโอะปิดประตูแล้วเดินไปหยิบมือถือทั้ง 2 เครื่องใส่กระเป๋ากางเกง จากนั้นจึงเปิดประตูแล้วเดินลงไปข้างล่าง เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะทานอาหาร ซึ่งมีอาหารตั้งโต๊ะไว้แล้ว เขามองถ้วยใส่ยาแล้วหยิบยามากินจากนั้นก็ดื่มน้ำอึกๆ สาวใช้รีบขยับไปรินน้ำเติมให้แล้วถอยไป อากิโอะมองสาวใช้ที่คุ้นหน้าคุ้นตา เขาจำได้ว่าเธอคนนี้เคยรับใช้เขาตอนที่เขายังเป็นนายกฯ อยู่ ดูเหมือนว่าคนในบ้านพักจะไม่ได้ถูกเปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ ที่เพิ่มมาคือพวกบอดี้การ์ดที่เขาไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเลยสักคน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นคนของยามาโตะแน่นอน!
หลังจากทานอาหารแล้วอากิโอะก็กลับห้องนอนไป เขาเปิด PC ต่อสายเน็ตแล้วเริ่มท่องเว็บ หาข้อมูลของยามาโตะ ก่อนหน้านี้เขาก็เคยหาข้อมูลของยามาโตะมาแล้ว ในฐานะที่อีกฝ่ายเป็นนายทุนที่ครองธุรกิจเกือบทั้งประเทศเอาไว้ แต่ตอนนี้ที่เขาหาข้อมูลคือข้อมูลที่เกี่ยวกับการที่ยามาโตะเป็น ‘เกย์คิง’ เขาต้องการดูว่ายามาโตะเคยใช้บริการเด็กหนุ่มจากโมเดอร์ลิ้งไหน? ถ้าจับทางถูกเขาอาจจะมีทางหาข้อมูลเบื้องลึกของยามาโตะก็ได้ หึๆๆๆ…
เขาหาข้อมูลอยู่นานจนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว
ก็อกๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ตามด้วยเสียงเรียก “ท่านครับ”
อากิโอะปิดหน้าจอแล้วลุกไปเปิดประตู บอดี้การ์ดจึงบอกว่า “ท่านประธานยามาโตะมาครับ”
“อ่อ” อากิโอะพยักหน้ารับรู้ ซึบาสะมีท่าทีเกร็งๆ กลัวๆ อย่างเห็นได้ชัด “เขามาแล้ว!”
อากิโอะมองซึบาสะแวบหนึ่งแล้วเดินออกจากห้องไป เขาเดินลงไปที่ห้องรับแขก ยามาโตะก็ก้าวไปยืนตรงหน้าซึบาสะทันที ยื่นมือไปจับแก้ม อากิโอะในร่างซึบาสะเบี่ยงตัวออก “จะทำอะไร?”
“ก็แค่จะดูว่าคุณมีไข้รึเปล่า?” ยามาโตะบอกยิ้มบางๆ อากิโอะเงยหน้ามองยามาโตะที่ตัวสูงกว่าซึบาสะ ทำให้ซึบาสะดูตัวเล็กปุ๊กปิ๊กไปเลยเมื่อเทียบกับยามาโตะ อากิโอะบอกน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่มีไข้ แล้วคุณมาหาผมมีธุระอะไร?”
“ก็แค่มาทานข้าวด้วยเหมือนเคยไง” ยามาโตะบอกยิ้มๆ อากิโอะไม่ปฏิเสธ เขากำลังหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายอยู่พอดี การได้พูดคุยกันย่อมทำให้เขาน่าจะรู้ข้อมูลอะไรบ้างนะ ดังนั้นเขาจึงหันไปสั่งบัตเลอร์ว่า “ตั้งโต๊ะด้วย”
“ครับท่าน” บัตเลอร์รับคำสั่งแล้วเดินไปจัดการคุมคนรับใช้ตั้งโต๊ะอาหาร อากิโอะหันไปผายมือ “เชิญนั่งครับ”
“แหม พูดเป็นทางการจังนะที่รัก” ยามาโตะพูดยิ้มๆ อากิโอะได้ยินคำว่า ‘ที่รัก’ แล้วรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทันที ถ้าเป็นสาวสวยพูดคงน่าฟังมากทีเดียว แต่พอคำๆ นี้หลุดออกมาจากปากยามาโตะแล้วกลับทำให้อากิโอะรู้สึกขนลุกขนพองอย่างรังเกียจ หยึ๊ย!
เขาเดินไปนั่งลงที่โซฟา ยามาโตะก้าวไปนั่งที่โซฟาอีกตัวพลางมองซึบาสะด้วยสายตาลุ่มหลง เป็นคนอื่นเขาคงจับกดไปแล้ว แต่กับซึบาสะ เขาอยากให้ซึบาสะเต็มใจยอมเป็นของเขาทั้งกายทั้งใจ! ดังนั้นเขาจึงค่อยๆ ตะล่อมต้อนแกะน้อยตัวนี้อย่างช้าๆ ไม่รีบไม่ร้อนตะครุบจับ ‘กด’ ซึบาสะต้องเป็นของเขาทั้งกายทั้งใจ นี่ถึงจะเป็นชัยชนะที่แท้จริง หึๆๆๆ…
คนรับใช้ยกน้ำชาไปเสิร์ฟ “น้ำชาค่ะท่าน”
เธอรินน้ำชาแล้วถอยออกไปอย่างรู้งาน อากิโอะยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบท่าทางใจเย็น เขากำลังมองประเมินยามาโตะอย่างเงียบๆ เขาไม่เคยเจอยามาโตะเป็นการส่วนตัวเลยสักครั้ง เคยเห็นแค่ตามข่าวเท่านั้นเอง ดังนั้นเขาจึงมองดูยามาโตะอย่างเงียบๆ ซ่อนแววตาลุ่มลึกไว้ภายใน
ยามาโตะก็ยกชาขึ้นจิบมองดูซึบาสะเช่นกัน เขารู้สึกว่าซึบาสะดูแปลกตาไปเล็กน้อย ท่าทีใจเย็นนั่นผิดกับทุกครั้งที่เจอกัน ทุกครั้งซึบาสะจะมีท่าทีตื่นๆ เกร็งๆ ระวังตัวตลอดเวลา แต่วันนี้ซึบาสะกลับมีท่าทางใจเย็นผิดปกติ หรือว่าจะเริ่มเปิดใจให้เขาแล้ว? อืม?…
ทั้งสองมองกันไปมองกันมาอยู่อย่างนั้นไม่พูดอะไรสักคำ
จนกระทั่งบัตเลอร์เดินมารายงานว่า “ท่านครับ อาหารพร้อมแล้วครับ เชิญครับ”
“อืม ขอบคุณมาก” อากิโอะบอก เขาวางแก้วลงแล้วลุกขึ้นยืน ผายมือเชิญ “เชิญครับคุณยามาโตะ”
“อืม” ยามาโตะลุกขึ้นมองซึบาสะ อากิโอะเดินนำไปที่ห้องรับประทานอาหาร ยามาโตะเดินตามไป อากิโอะผายมือ “เชิญครับ”
แล้วเขาก็นั่งลง ยามาโตะก็นั่งลง อากิโอะมองอาหารบนโต๊ะที่มีสลัดผักกับซุปแล้วก็ขนมปัง 1 แผ่น เขาหันไปมองบัตเลอร์แล้วถามว่า “ไม่มีอาหารหนักๆ ท้องบ้างเหรอ? ทานแค่นี้จะไปพออะไร”
“เอ่อ…ปกติท่านก็ทานแค่นี้นี่ครับ” บัตเลอร์ตอบ อากิโอะจึงบอก “งั้นต่อไปก็ทำอย่างอื่นที่หนักๆ ท้องมาล่ะกัน แต่ตอนนี้คุณไปทำสเต็กเพิ่มให้ผมจานนึงละกัน”
“เอ่อ…ครับ” บัตเลอร์รับคำสั่งแล้วถอยออกไป อากิโอะจึงหันไปมองยามาโตะแล้วบอกว่า “เชิญครับ”
เขาลงมือทานซุปใสถ้วยนั้น ยามาโตะก็ลงมือทานซุป อาหารของเขามีซุปครีมกับสเต็กเนื้อวากิวย่างแบบ ‘มิเดียมแรร์’
สักพักบัตเลอร์ก็ยกสเต็กเนื้อวากิวย่างแบบ ‘มิเดียมแรร์’ มาเสิร์ฟ “สเต็กครับท่าน”
“อืม ขอบคุณมาก” อากิโอะบอกแล้วผละจากถ้วยซุปใส แล้วดึงจานสเต็กไปตรงหน้าจัดแจงหั่นสเต็กทาน ความรู้สึกที่ได้เคี้ยวเนื้อทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เขากินสเต็กกับสลัดผักจนหมด ยามาโตะมองอย่างพินิจ ปกติแล้วซึบาสะไม่ทานสเต็กเนื้อ แต่จู่ๆ กลับทานขึ้นมาทำให้เขาแปลกใจนิดหน่อย แต่สีหน้าของซึบาสะตอนที่ทานสเต็กดูมีความสุขมาก ทำให้เขามองอย่างไม่อาจละสายตาได้เลย ริมฝีปากเล็กๆ นั่นทำเขาคิดถึงตอนที่ครางเสียงกระเส่าอยู่ใต้ร่างเขาขึ้นมาในใจรางๆ
สาวใช้ก้าวไปเก็บจานออกไปแล้วสาวใช้อีกคนก็ยกผลไม้กับขนมไปเสิร์ฟ อากิโอะก็ทานผลไม้ต่อ ยามาโตะดื่มชาพลางบอกว่า “ทานมากไปจะปวดท้องนะ”
“ทานน้อยไปก็ไม่มีแรงซิ” อากิโอะบอกพลางทานผลไม้ต่อ เขาต้องทานอาหารที่ซึบาสะทานทำให้รู้ว่าซึบาสะทานน้อยมากๆ ทานยังกับผู้หญิงไดเอทงั้นแหละ ทานน้อยเกินไปจริงๆ มิน่าล่ะถึงได้ตัวเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มแบบนี้
ยามาโตะไม่พูดอะไรอีก เขามองดูซึบาสะที่รู้สึกว่ามีท่าทีเปลี่ยนไป เขาก็บอกไม่ถูกว่าเปลี่ยนไปยังไง คนตรงหน้าให้ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม ความไม่เหมือนเดิมนี้ทำให้เขารู้สึกยิ่งอยาก ‘ค้นหา’ อยากรู้จักอีกฝ่ายให้ทะลุปรุโปร่งมากยิ่งขึ้น
เมื่อทานอาหารอิ่มแล้ว อากิโอะก็ผายมือเชิญ “เอาล่ะ เชิญกลับเถอะครับ”
“อืม” ยามาโตะพยักหน้า อากิโอะลุกขึ้นเดินไปส่งแขก ยามาโตะเดินตามไป จนถึงรถเขาก็หันไปมองซึบาสะแล้วดึงซึบาสะเข้ามา อากิโอะตอบสนองไปตามสัญชาตญาณโดยอัตโนมัติ เขาตีเข่าใส่ยามาโตะ ปึก!
“อุบ!” ยามาโตะร้องออกมาคำหนึ่ง จุกจนหน้าเหลืองหน้าเขียว เขากุมมือตรงเป้ากางเกงที่ถูกกระแทกอย่างแรงจนเจ็บจุกมาก! อากิโอะอุทานออกมา “โอ้! ขอโทษด้วยๆ มันเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัตินะ ผมไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษด้วยๆ”
ปากบอกขอโทษ แต่ในดวงตากลับมีแววสะใจจางๆ แล้วบอกว่า “คุณรีบไปหาหมอดีกว่า ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรมากไหม? เกิดเป็นหมันไปล่ะแย่เลย”
เขามองพวกบอดี้การ์ดที่ยืนตกตะลึงปากอ้าตาค้าง พลางบอกว่า “เอ้า! รีบพาคุณยามาโตะขึ้นรถซิ จะได้รีบไปหาหมอ เกิดตรงนั้นพิการใช้งานไม่ได้ขึ้นมาจะแย่เอา”
“เอ่อ…ครับๆ” พวกบอดี้การ์ดสะดุ้งตั้งสติ เข้าไปประคองยามาโตะที่ยืนตัวงออยู่ข้างรถ ยามาโตะเจ็บจุกไม่เท่าไหร่แต่เสียหน้านี่ซิ ทำเขารู้สึกอยากจะไปจากตรงนี้ไวๆ เขาจึงยอมขึ้นรถโดยดี อากิโอะยืนส่งแขกรอจนรถของยามาโตะเคลื่อนออกไปแล้วเขาจึงหมุนตัวกลับเข้าบ้านพัก ซึบาสะที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นเต้นดีใจ “คุณกล้าทำแบบนั้นด้วยเหรอ!?”
“เฮอะ! คิดจะลวนลามผมไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ” อากิโอะยักไหล่ทีหนึ่ง เขารู้ว่ายามาโตะคิดจะจูบเขา เขาจึงตีเข่าใส่ซะเลย ซึบาสะรู้สึกสะใจมาก แต่ครู่ต่อมาเขาก็กังวลใจขึ้นมา “ยามาโตะคงโกรธมากแน่ๆ ต่อไปเขาคงคิดจะทำอะไรมากกว่านี้แน่ๆ เลย”
“ผมไม่ยอมเป็นหมูรอถูกเชือดหรอกนะ” อากิโอะบอกแล้วเดินขึ้นบันไดไป พลางเข้าห้องนอนไปอาบน้ำ ซึบาสะตามไปอย่างกังวลใจ เขารู้จักยามาโตะดีพอสมควร หากว่าแข็งขืนใส่ อีกฝ่ายก็จะยิ่งบังคับหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ บังคับจนกว่าจะยอมศิโรราบให้เขานั่นแหละ เขาชักหวั่นใจแล้วว่า ‘เสือ’ 2 ตัวปะทะกันผลจะออกมาเป็นยังไง? เฮ้อ…
ภายในรถ ยามาโตะกัดฟันกรอดๆ “ซึบาสะ! คุณกล้าทำร้ายผม คอยดูเถอะผมจะเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลยทีเดียว!”
แล้วเขาก็คิดภาพ จับซึบาสะมัดขึงมือเท้าแล้วเอาแส้ฟาด ขวับ! ขวับ!
“อืม ไม่ได้ๆ ผิวสวยๆ จะเป็นรอยซะหมด” เขาส่ายๆ หน้าแล้วคิดวิธีใหม่ จับมัดขึงแล้วเอาขนนกไล้ไปทั้งตัว ดูซึบาสะที่ดิ้นไปดิ้นมา “อ้า…อย่าทำผมแบบนี้ ผมเสียว อ้า ผมไม่ไหวแล้ว อ้า ปล่อยผมนะ อ้า ยามาโตะได้โปรด…”
อืม…วิธีนี้เข้าท่า หึๆๆๆ…
ซึบาสะจู่ๆ ก็รู้สึกขนลุกซู่ๆ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาลูบๆ แขนตัวเองไปมา รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ อย่างประหลาด เขาพยายามข่มความรู้สึกนั้นลงไป “ผมเป็นอะไรเนี่ย!?”