Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1116

Cover Renegade Immortal 1

1116. เจ้าฟื้นคืนชีพ?

หวังเว่ยตรวจสอบร่างฉิงหลินอย่างละเอียดใจกลางค่ายกลตามคำแนะนำของฮู่จวน

หวังหลินไม่เสียเวลาเปล่า พลันเปิดมิติเก็บของ ร่างฉิงซวงลอยออกมาพร้อมกับผลึกสีเหลือง

ฮู่จวนรีบพูด “วางร่างฉิงซวงให้ศีรษะประสานกัน!”

หวังหลินวางร่างฉิงซวงประสานกับร่างฉิงหลิน พ่อและลูกวางขนาบเป็นเส้นเดียวกันโดยมีศีรษะหันมามองอีกร่าง

วินาทีนั้นผลึกที่ลอยออกมาพร้อมกับร่างฉิงซวงดูเหมือนจะเคลื่อนไหวด้วยตนเองและร่อนลงตรงระหว่างช่องว่างศีรษะทั้งสอง ปลดปล่อยแสงสีเขียวระเบิดออกมาและผสานเข้ากับแสงสีเขียวที่ออกมาจากค่ายกลบนพื้น แสงส่องสว่างไปทั่วพื้นที่

หวังเว่ยและฮู่จวนมองหน้ากันเองและนั่งลงถัดกับร่างฉิงหลิน หวังหลินไม่รอให้ทั้งสองบอกว่าต้องทำอะไร ด้วยความเข้าใจด้านกฏเกณฑ์หวังหลินก็พอจะเห็นเบาะแสบางอย่าง

“เรายังขาดไปหนึ่งคน โจวยี่ซึ่งเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับฉิงซวง” หวังเว่ยระงับความตื่นเต้นในใจพลางยกแขนขึ้นคว้าไปในอากาศ มิติเก็บของปรากฏขึ้นมาพร้อมกับปราณกระบี่ลอยออกมากลายเป็นโจวยี่

โจวยี่มองฉิงซวงด้วยสายตาอ่อนโยน เขานั่งด้านข้างฉิงซวงหลังจากฟังคำสั่งของหวังเว่ย แต่สายตาไม่เคยละฉิงซวงไปไหน

ฮู่จวนกัดริมฝีปากเล็กน้อยและเอ่ยบางเบา “เริ่มกันเลย!” นางกังวลมากเนื่องจากไม่มีเวลาศึกษาค่ายกลนี้จึงไม่แน่ใจว่ามันจะสำเร็จหรือไม่

หวังหลินพยักหน้า จากนั้นหันไปหาซือถูหนานและร่างศพเงิน “ซือถู ปกป้องเราด้วย”

ซือถูหนานเคร่งเครียดเช่นเดียวกันและพยักหน้า “สบายใจได้!”

ร่างศพเงินไม่จำเป็นต้องให้หวังหลินออกคำสั่ง หวังหลินเพียงแค่คิด นางก็รู้ความต้องการ

ฮู่จวนสร้างผนึกและชี้ใส่ค่ายกล ลำแสงสายหนึ่งร่อนลงบนผลึกใจกลาง จากนั้นแสงสีเขียวห่อหุ้มทุกคนในค่ายกลเอาไว้ หวังหลินเคยนำผลึกนี้มาให้หวังเว่ยและฮู่จวนตรวจสอบตอนที่อยู่ในสำนักวิหคเพลิง ดังนั้นพวกเขาจึงค่อนข้างคุ้นเคย

ขณะเดียวกัน หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาชี้ใส่แขนฉิงซวง รอยแผลหนึ่งปรากฏขึ้นมาสาดโลหิตใส่บนผลึกด้วยแรงกดดันของพลังดั้งเดิม

โจวยี่เห็นเช่นนี้แทบไม่อาจทนได้ เขามองหวังหลินแต่ไม่ได้กล่าวอะไร

ขณะนี้อารามแดนสวรรค์พิรุณ ผลึกวิญญาณดั้งเดิมและโลหิตของฉิงซวงอยู่พร้อมหน้ากันที่นี่!

ยามที่ผลึกดูดซับโลหิตฉิงซวงเข้าไป ภายในแสงสีเขียวปรากฏแสงสีแดง ส่งเสียงดังคะนองกึกก้อง ค่ายกลเริ่มแสดงทีท่าว่ากำลังเรียกใช้งาน

วินาทีนั้นหวังหลินดวงตาส่องสว่าง แขนขวาสร้างผนึกปรากฏเปลวเพลิงขึ้นในตาซ้าย ชี้ใส่ร่างฉิงหลินและร้องตะโกน “โลหิตสมบัติศักดิ์สิทธิ์ ถอนตัว!”

ร่างฉิงหลินสั่นเทา โลหิตตรงกลางหน้าผากเริ่มเคลื่อนไหวและลอยออกมาหาหวังหลิน เมื่อไร้ผนึกโลหิต ควันสีดำจึงล้อมรอบใบหน้าฉิงหลิน พลังมารเริ่มปรากฏขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

ทว่าค่ายกลเพียงแค่เกิดเสียงดังสนั่นเท่านั้นแต่ไม่ฉิงหลินไม่แสดงอาการตื่นขึ้นเลย ขณะที่พลังมารเพิ่มขึ้น ดูเหมือนมารโบราณต้าเจียกำลังปรากฏตัวอีกครั้ง!

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้หวังเว่ยและฮู่จวนสีหน้าเปลี่ยนไปมหาศาล หวังหลินสีหน้ามืดมน ส่วนโจวยี่ไม่สนใจอะไรทั้งหมด เพียงแค่มองฉิงซวงอย่างเงียบๆ

ฮู่จวนรีบพูด “มีบางอย่างผิดพลาด เราต้องขาดอะไรบางอย่าง!”

“เราขาดอะไรกัน?!” เส้นโลหิตบนใบหน้าหวังหลินปูดโปน ความกังวลในใจไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ เขาคาดหวังเรื่องทั้งหมดนี้ไว้ แต่มันกำลังจะล้มเหลว!

ฮู่จวนมองพลังมารที่กำลังเพิ่มขึ้นรอบใบหน้าฉิงหลิน นางเผยรอยยิ้มขมขื่น

หวังหลินท่าทางมืดมน สิ่งที่จำเป็นต้องทำก็ทำไปแล้ว ของทั้งสามอย่างก็อยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้ฉิงหลินก็ไม่ตื่น กลับกลายเป็นมารโบราณต้าเจียตื่นขึ้นแทน!

หวังหลินจ้องมองผลึก ความคิดหลายอย่างแล่นผ่านสมอง ทว่าท้ายที่สุดเขาก็ยังคิดไม่ออกว่ามันขาดอะไรไป!!

“ฉิงหลิน ท่านให้เรามาที่นี่เพื่อช่วยท่านแล้ว ตอนนี้เรามีทุกอย่าง ทำไมยังเป็นแบบนี้?” หวังหลินขบฟันแน่น เขาไม่สนเรื่องตัวตนของฉิงหลินอีกแล้ว หากมารโบราณตื่นขึ้นมา ทุกคนที่นี่จะตายกันหมด!

หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาชี้ใส่สมบัติศักดิ์สิทธิ์ เขากำลังจะผนึกมารโบราณอีกครั้ง ทว่าหวังหลินไม่ได้มีระดับบ่มเพาะเหมือนจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนเก่า เขาจึงไม่มั่นใจว่าจะสามารถผนึกมารโบราณตนนี้ได้หรือไม่!

“อาจารย์!! เราขาดอะไรไป!?!” หวังเว่ยยืนขึ้น สภาพดูน่าสังเวชและกำลังจะบ้า

“ขาด…หรือจะเป็น…โลหิตของคนชื่อหวัง…” นาทีนั้นน้ำเสียงเบาบางดังออกมาจากด้านหลังหวังหลิน

หวังหลินหันกลับไปทันที ร่างศพสตรีเอ่ยขึ้นมาเป็นครั้งแรกอย่างไม่คาดคิด ตอนที่นางเห็นหวังหลินมองเข้ามาจึงพลันก้มศีรษะลงทันที

หลังจากนางเอ่ยขึ้น ไม่เพียงแต่หวังหลินจะมองมา แม้แต่หวังเว่ยและฮู่จวนก็ด้วย

หวังหลินกล่าว “พูดต่อไป!”

“ก่อนหน้านี้…นางสนมดอกไม้สวรรค์…บอกว่านายท่านสามารถเข้าไปในถ้ำได้เพราะมีแซ่หวัง…” ร่างศพสตรีเอ่ยเสียงหยาบกระด้างราวกับพึ่งหัดพูด

ราวกับสายฟ้าผ่าลงกลางใจหวังหลิน เขาหันกลับมา กัดปลายลิ้นพ่นโลหิตไปบนผลึก ขณะเดียวกันนั้นพลังมารรอบใบหน้าฉิงหลินก็มาถึงขีดสุด พลังมารเริ่มก่อตัวเป็นเงา มารโบราณต้าเจียกำลังจะตื่นขึ้นมาแล้ว

ทว่าเมื่อโลหิตของหวังหลินตกลงไปบนผลึกเพียงเวลาไม่นาน แสงสีเขียวและแดงก็ส่องสว่างเจิดจ้า ผลึกเริ่มหมุนคว้าง จากนั้นเกิดพลังดึงดูดอันทรงพลังขึ้นมา หวังเว่ยและฮู่จวนรู้สึกว่าพลังเทพต้นกำเนิดของตัวเองกำลังถูกสูบออกไป เพียงไม่กี่ลมหายใจพวกเขาก็หน้าซีดและอ่อนแอ

หวังหลินไม่ได้มีพลังเทพต้นกำเนิดเหลืออยู่มากนัก มันจึงถูกดูดออกไปทั้งหมด

ผลึกส่องสว่างเจิดจ้าขึ้นและทำลายเงามารที่กำลังก่อตัวขึ้นโดยตรง พลังเทพต้นกำเนิดเข้าไปสู่ผลึกพลันปรากฏพลังดึงดูด!

หวังหลินรู้สึกว่าวิสัยทัศน์พร่ามัวและสูญเสียสติทันที ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นแต่หวังเว่ย ฮู่จวนและโจวยี่ก็เป็นเหมือนกันหมด!

เมื่อหวังหลินได้สติกลับม ทุกอย่างเบื้องหน้าทำให้เขาต้องหรี่ตาแคบ หวังหลินอยู่ในทะเลสีดำคลื่นพัดรุนแรง ทั้งยังมีสายลมอ่อนๆ

“เจ้าตื่นแล้ว!” น้ำเสียงเย็นเยียบดังออกมาจากด้านหลังหวังหลิน

“เจ้า…”

หวังหลินพลันมองไปรอบๆ สิ่งที่เห็นทำให้เขาต้องอ้าปากค้าง ด้านหลังคือสตรีคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีขาวหิมะกำลังลอยตัวอยู่ นางงดงามสดใสพอจะสั่นสะเทือนวิญญาณทุกคนได้และปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นเยียบออกมา แค่ยืนข้างๆนางก็ทำให้รู้สึกเยือกเย็นได้แล้ว

หากเป็นแค่นี้มันคงไม่ทำให้หวังหลินตกตะลึงนัก แต่เขาคุ้นเคยกับสตรีนางนี้เพราะนางคือลูกสาวของฉิงหลิน ขุนนางเทพฉิงซวง!

หวังหลินเอ่ยถามขึ้นโดยไม่รู้ตัว “เจ้าฟื้นคืนชีพ?”

นางเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบา “แค่ชั่วคราวน่ะ!”

หวังหลินสูดหายใจลึกและสงบสติตัวเองลง หันมองไปรอบๆและเอ่ยขึ้นมา “ที่นี่คือ…”

ฉิงซวงมองทะเลสีดำด้านล่างและเอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง “ทะเลแห่งจิตของพ่อข้า”

ขณะนั้นลำแสงสีเขียวสองสายปรากฏขึ้นห่างจากพวกเขาไม่ไกล ทั้งสองคือหวังเว่ยและฮู่จวน เมื่อฮู่จวนเห็นฉิงซวงถึงกับเผยอาการตื่นเต้น

“น้องฉิงซวง!!”

หลังจากนั้นหวังเว่ยก็มองฉิงซวงและตกตะลึงเช่นเดียวกัน เขาเอ่ยขึ้นเหมือนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง “เช่นนั้นวิญญาณเจ้าไม่ได้สลาย ด้วยวิชาของอาจารย์ เจ้าก็น่าจะสามารถตื่นขึ้นได้อีกครั้ง”

ฉิงซวงไม่ได้มองหวังเว่ยแต่นางมองฮู่จวนและเผยรอยยิ้มบนใบหน้า “เราไม่ได้เจอกันมาหลายปี ข้ามีความสุขที่พี่หญิงสามารถรอดชีวิตจากการล่มสลายในแดนสวรรค์ได้”

หลังนางเอ่ยขึ้นมา ลำแสงสีเขียวอีกสายโผล่ออกมาไกลและปรากฏเป็นโจวยี่ในเวลาไม่นาน ร่างกายเขาสั่นเทาพร้อมกับมองฉิงซวง สายตาตื่นเต้นและพึมพำออกมา “ถิงเอ๋อ…ถิงเอ๋อ…”

ฉิงซวงขมวดคิ้วมองไปทางโจวยี่ นางใบหน้าเย็นเยียบและเอ่ยเสียงเรียบ “ถิงเอ๋อที่เจ้าเรียกเป็นใครกัน?”

โจวยี่ตกตะลึง ใบหน้ามัวหมอง จากนั้นส่ายศีรษะอย่างเจ็บปวด “ถิงเอ๋อจากไปแล้ว…”

ฉิงซวงขมวดคิ้ว “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากลายเป็นจิตวิญญาณกระบี่แดนสวรรค์พิรุณเล่มใหม่ได้อย่างไร แต่เมื่อเจ้าเป็นจิตวิญญาณกระบี่ ข้าก็จะไม่กำจัดเจ้า อย่างไรเสียหากเจ้าพูดเรื่องไร้สาระต่อไป ข้าจะไม่ให้เจ้ากลายเป็นจิตวิญญาณกระบี่อีกต่อไป!”

โจวยี่ร่างสั่นเทาราวกับถูกซัดด้วยของหนักบนหน้าอก ใบหน้าซีดเซียวและเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม แต่เขากลับพูดเพียงแค่ว่า “ครับ”

ถิงเอ๋อของเขาลืมเลือนทุกอย่างไปแล้ว ตอนนั้นมันเป็นแค่ร่องรอยวิญญาณที่เกิดขึ้นจากความลุ่มหลงของเขาและมันก็หายไปแล้ว ตอนนี้คนตรงหน้าเขาคือฉิงซวง ไม่ใช่ถิงเอ๋อ…

อย่างไรก็ตามการมองใบหน้าที่เขาเฝ้าดูมาพันปีทำให้รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างมหาศาล ราวกับหัวใจถูกฉีกกระชาก ร่างกายสั่นเทาโดยไร้การควบคุม

ความเจ็บปวดเช่นนี้เกิดขึ้นมาจากรากฐานในร่างกายและกัดเซาะความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาไป เขาค่อยๆอ่อนแอลงและทำให้ไม่สามารถทนรับต่อความเจ็บปวดไหว…

พันปีที่อยู่ร่วมกัน พันปีแห่งการเฝ้ารอคอยการตื่นของนาง เขาอยู่ห่างจากฉิงซวงไม่เกินสามสิบฟุตแต่กลับรู้สึกห่างไกลกันมาก มากยิ่งกว่าระยะห่างระหว่างความเป็นความตายเสียอีก…

หวังหลินขมวดคิ้วและกำลังจะพูดขึ้นมา แต่โจวยี่มองหวังหลินและส่ายศีรษะ เขาจะไม่ดุด่าถิงเอ๋อกับทุกสิ่งที่เขาทำลงไปด้วยความต้องการของตัวเอง สองพันปีก่อนเขาละทิ้งสำนักตัวเองเพื่อศพร่างนึงซึ่งทำให้อาจารย์ตัวเองโกรธแค้นจนเจ็บป่วย…

พันปีก่อนเขาเผาไหม้วิญญาณของตัวเอง ยอมตายดีกว่าปล่อยให้คนอื่นขโมยถิงเอ๋อไปจากเขา…

ในตอนนี้เขาก็ยังเป็นเหมือนเดิม แม้ถิงเอ๋อเบื้องหน้าจะไม่คุ้นตา แม้จะไม่มีโอกาสอยู่ร่วมกัน แม้สถานะของทั้งสองจะเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ เขาก็ยังเป็นโจวยี่คนเดิมเมื่อพันปีและสองพันปีก่อน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!