1120. แดนสวรรค์พิรุณแห่งใหม่
ด้านนอกอารามเป็นสีดำสนิท เสียงอู้อี้ดังออกมา หากมองใกล้ๆจะเห็นเศษดินเศษหินลอยไปทั่วมิติว่างราวกับสูญเสียบ้านของตนเอง
ความจริงแล้วมันไม่ได้กลายเป็นบ้านอีกแล้วและลอยเคว้งคว้างอยู่ในมิติว่างเท่านั้น
ภายในค่ายกล ฉิงหลินลืมตาตื่นขึ้นเผยร่องรอยแห่งกาลเวลา อดีตจักรพรรดิเทพดูเหมือนชายชราทั้งที่ภาพลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน
อย่าไงรก็ตามในยามที่เขาตื่นขึ้นมาพลันมีกลิ่นแห่งการสลายอันแรงกล้าออกมาด้วย
ฉิงซวงตื่นขึ้นมาเช่นเดียวกัน นางมองรอยแผลบนแขนตัวเองและขมวดคิ้ว ขยับร่างได้เล็กน้อยเนื่องจากหลับไหลมานานเกินไปและยังไม่คุ้นชินกับร่างดี
หวังเว่ยและฮู่จวนสีหน้าซีด แต่ก็ลืมตาขึ้นมาเช่นเดียวกัน หวังเว่ยพลันคุกเข่าอยู่บนพื้น สายตาเต็มมองฉิงหลินด้วยความตื่นเต้นและเคารพยิ่ง
“อ…อาจารย์…ท่าน…”
ฮู่จวนลุกขึ้นมาและกัดริมฝีปาก มองดูฉิงหลินอย่างกังวล
ฉิงหลินยิ้มบางๆขณะมองดูคู่รักศิษย์ของตนเองอย่างละเอียด “พวกเจ้าทำหน้าที่ได้ดีมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา…”
“อาจารย์!!” หวังเว่ยร่างสั่นสะท้าน หยาดน้ำตาสองสายไหลริน เขารอคอยวันเวลาจนถึงวันที่ฉิงหลินตื่น เพื่อให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาเขาจึงต้องอาศัยอยู่ในดินแดนวิญญาณปิศาจ ทั้งหมดก็เพื่อตอบแทนฉิงหลินที่รับเขาเป็นศิษย์!
หวังเว่ยไม่ลืมวันที่ตนเองเป็นเซียนฉีตัวน้อยๆที่ยังไม่มีชื่อเสียง อาจารย์เป็นคนมอบชีวิตใหม่ให้ มอบโอกาสในการบรรลุระดับบ่มเพาะสูงส่งและเป็นชีวิตที่มีความสุข
วินาทีนั้นโจวยี่ลืมตาขึ้นมามองฉิงซวง ในแววตามีความเศร้าและความเจ็บปวดเจือปน แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมดคือเขาต้องสงบนิ่ง
“ผู้อาวุโสฉิงหลิน ผู้น้อยมีเรื่องอยากขอ” หวังหลินถอนสายตาและมองไปยังฉิงหลิน
“เจ้าขอในสถานะผู้น้อยหรือศิษย์ข้ากันหล่ะ?” ฉิงหลินหันสายตาไปบนหวังหลิน
หวังหลินขบคิดเงียบๆก่อนจะชี้ไปที่ซือถูหนานและเอ่ยอย่างเคารพ “…อาจารย์ เขาเป็นสหายข้าและได้รับผลกระทบจากพิษเทพ…”
ฉิงหลินมองซือถูหนานด้วยท่าทีสงบนิ่งและเอ่ยกล่าว “พรสวรรรค์น่าประหลาดใจจริงๆ เจ้าจะให้ข้าเป็นอาจารย์ใช่ไหม?”
แม้ซือถูหนานเป็นคนโอหัง เขาไม่สามารถสงบนิ่งเหมือนที่หวังหลินเผชิญกับฉิงหลินได้ อีกทั้งเขาก็ไม่ได้มีส่วนในการช่วยฉิงหลินจึงยังหวาดกลัวอยู่ ซือถูลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยอย่างเคารพ “ข้า…ศิษย์ขอคำนับอาจารย์…”
ซือถูหนานมองขึ้นไปและกล่าวต่อ “แต่อาจารย์ ข้า…ศิษย์ชอบอิสระ ข้าไม่อยากให้ท่านกักข้าเอาไว้”
คำพูดเขาทำให้ฉิงหลินหัวเราะ “หลังจากพิษเจ้าถูกถอนออกไป เจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ ข้าจะไปกีดกันอิสระเจ้าทำไม?”
ฉิงหลินส่ายศีรษะด้วยสายตาอ่อนโยน จากนั้นขึ้นวางแขนบนไหล่ฉิงซวง “ฉิงซวง พ่อขอยืมพลังเทพต้นกำเนิดในร่างเจ้าหน่อย”
สิ้นคำพูด พลังดึงดูดรุนแรงผุดออกมาจากแขนฉิงหลิน เศษพลังเทพต้นกำเนิดของฉิงซวงถูกแบ่งออกเข้าหาฉิงหลิน
พลังเทพต้นกำเนิดไม่ได้มากนัก เพียงแค่เศษเสี้ยวเดียว เล็กน้อยกว่าพลังเทพต้นกำเนิดที่หวังหลินมีหลายเท่า อย่างไรก็ตามพลังนี้กลับส่องสว่างเจิดจ้าในมือฉิงหลิน
แม้แสงสว่างไม่ได้เจิดจ้าเกินไปแต่มันก็ส่องไปทั่วทั้งอาราม อารามสีเขียวไม่ได้เป็นสีเขียวอีกแล้วแต่เหมือนดวงอาทิตย์
ฉิงหลินค่อยๆเดินออกไปจากอารามด้วยท่าทีสงบนิ่ง เขาลอยตัวกลางมิติว่าง มองเศษชิ้นส่วนที่กำลังลอยอยู่ไกลๆ มองสิ่งที่เคยเป็นบ้านและมีท่าทีเจ็บปวด
ตอนนี้แดนสวรรค์ส่วนใหญ่ได้สูญสลายไปแล้ว แม้ส่วนที่ไม่ได้แตกสลายอย่างชิ้นเชิงก็ยังเหลือแต่เพียงรอยร้าวและกำลังอยู่ในกระบวนการสลาย
ดูเหมือนคงอีกไม่นานที่แดนสวรรค์พิรุณจะหายไปและกลายเป็นแค่สิ่งว่างเปล่าในความทรงจำของเหล่าเซียน ผ่านไปอีกหลายหมื่นปีมันคงจางหายและลืมเลือนในท้ายสุด…
ฉิงหลินโบกสะบัดแสงสีทองในมือให้ลอยออกไป มันส่องสว่างเจิดจ้าไปทั่วมิติว่างราวกับเป็นดวงอาทิตย์!
ริ้วสายสีทองปรากฏขึ้นมาจากแสง พาดผ่านกันเป็นตาข่ายแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เส้นริ้วเหล่านี้คือกฏแห่งโลก แฝงพลังชีวิตที่หล่อเลี้ยงชีวิต
ขณะที่แสงทองและเส้นริ้วสีทองแพร่กระจายกันออกไป ทั้งดินแดนสวรรค์พิรุณถูกพวกมันห่อหุ้ม ชิ้นส่วนที่กำลังสลายพลันหยุดลง เศษหินที่ลอยอยู่พลันหยุดเคลื่อนไหว
วังวนที่เกิดขึ้นจากการล่มสลายดูเหมือนจะหยุดหมุนและนิ่งสงบ
“หวนคืน แดนสวรรค์!” ฉิงหลินเอ่ยเสียงเรียบแต่ชัดเจนต่อทุกคน หวังเว่ยและฮู่จวนสั่นเทา มองฉิงหลินด้วยแววตาเคารพนับถือ
ฉิงซวงมองแผ่นหลังของพ่อโดยไม่มีท่าทีอันใด ความทรงจำแรกเริ่มนั้น พ่อนางคือกระดูกสันหลังของแดนสวรรค์พิรุณ เขาไม่เคยมีเวลาเล่นกับนางและมักจะยุ่งอยู่กับเรื่องที่เกี่ยวกับแดนสวรรค์หรือการบ่มเพาะอยู่เสมอ
ฉิงซวงยังจำได้ชัดเจนถึงการล่มสลายของแดนสวรรค์พิรุณ แดนสวรรค์ที่พ่อสร้างขึ้นด้วยหยดเหงื่อและโลหิต แต่นางกลับได้เห็นการล่มสลายของมัน ไม่เพียงแต่จะไม่เศร้า นางกลับรู้สึกไม่เชื่อสายตาตนเอง
เป็นความรู้สึกอันซับซ้อนแต่นางก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่พอมาเห็นพ่อสร้างแดนสวรรค์ขึ้นมาใหม่ ฉิงซวงยิ่งรู้สึกเจ็บปวด
โจวยี่มองดูฉิงซวงอย่างเงียบๆ ตอนที่เขาเห็นความเจ็บปวดบนใบหน้านาง หัวใจก็พลันสั่นเทาไปด้วย
ตาข่ายทองแพร่กระจายไปทั่วแดนสวรรค์พิรุณจนมันเริ่มหดลง แสงสีทองตอนนี้เข้าปกคลุมไปทั่วดินแดน วังวนทั้งหมดหายไปอย่างเงียบๆ
ก้อนหินที่กระจัดกระจายเริ่มรวมตัวกันราวกับมีพลังสายหนึ่งดึงเข้ามาหา เศษหินเศษดินในมิติว่างเริ่มก่อตัวเป็นทวีปแห่งใหม่ขึ้นในไม่นาน!
ทั่วทั้งแดนสวรรค์คือมิติว่างยกเว้นทวีปที่ปลดปล่อยปราณสวรรค์หนาแน่น ขณะที่ตาข่ายทองถูกวางลงบนผืนแผ่นดิน พื้นหญ้าเริ่มเติบโตและน้ำก็ไหลออกมาจากไหนสักแห่ง
ชิ้นส่วนสั่นเทา ภูเขาและปราสาทสง่างามปรากฏขึ้น
อารามด้านหลังหวังหลินพลันลอยขึ้นสู่อากาศและเลื่อนเข้าหาใจกลางทวีปก่อนจะร่อนลงไป
“ตั้งแต่บัดนี้ไป ที่นี่จะเป็นแดนสวรรค์พิรุณแห่งใหม่!” หวังหลินเอ่ยน้ำเสียงดังกึกก้องไปทั่วโลก
หวังหลินกำลังนั่งอยู่บนภูเขาแห่งหนึ่งในแดนสวรรค์พิรุณแห่งใหม่และรู้สึกถึงพลังปราณสวรรค์ล้อมรอบตัวเอง ฉากเหตุการณ์ที่ฉิงหลินสร้างริ้วสีทองกำลังฉายวนซ้ำอยู่ในหัว หวังหลินรู้สึกถึงการเปลี่ยนกฏและพลังอำนาจของต้นตอดั้งเดิมได้อย่างชัดเจน
แดนสวรรค์พิรุณแห่งใหม่ถูกสร้างขึ้นมาได้สามวัน ซือถูหนานถูกฉิงหลินนำตัวเข้าไปในอาราม หวังเว่ยและฮู่จวนเลือกตำหนักแห่งหนึ่งเพื่อตั้งรกราก เห็นได้ชัดว่าหวังเว่ยมีความสุขเป็นอย่างดี
เขามีความสุขนั่นหมายความว่าฮู่จวนมีความสุข หวังหลินอิจฉาความสุขของคู่รักคู่นี้
พอคิดถึงความสุข หวังหลินมองออกไปไกล ตรงนั้นคือยอดน้ำแข็งล้อมรอบด้วยเมฆสวรรค์ ฉิงซวงอยู่บนยอดน้ำแข็งนั้น
ฉิงซวงมีนิสัยเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่กับพ่อของตนเองนางก็ไม่พูดอะไรมากนัก นางพูดกับฮู่จวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากแดนสวรรค์แห่งใหม่ถูกสรร้างขึ้นมา ฉิงซวงก็ใช้พลังตัวเองสร้างแท่งน้ำแข็งและอาศัยอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ นางยอมให้ใครสักคนเข้ามาหาได้เลย
อย่างไรก็ตามหวังหลินเห็นโจวยี่นั่งอยู่ใต้แท่งน้ำแข็ง มองร่างบนยอดนั้นอย่างเหม่อลอย ราวกับเขากำลังอารักขานางเหมือนที่ทำมาแล้วสองพันปี
‘การตื่นขึ้นของฉิงซวงอาจจะไม่ได้ทำให้พี่ใหญ่โจวมีความสุข…’ หวังหลินถอนสายตาและมองไปบนท้องฟ้าสีคราม แดนสวรรค์แห่งใหม่ไม่มีรอยแยกอวกาศและมันมั่นคงมาก
ร่างศพเงินนั่งอยู่ข้างเขาอย่างเงียบๆ สายตามองมาหาหวังหลินเป็นพักๆแต่ก็เลื่อนจากไปอย่างรวดเร็ว
หวังหลินนั่งอยู่ที่นี่มาสามวัน นอกจากนึกถึงแสงสีทองที่ฉิงหลินใช้แล้ว เขาใช้เวลาไปกับการสลักความเข้าใจที่พึ่งพบเจอมาในทะเลแห่งจิตของฉิงหลิน
หลังจากออกมาจากทะเลแห่งจิต ระดับบ่มเพาะเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย เขายังอยู่ในขั้นชำระสวรรค์ระดับต้น ทว่าดูเหมือนมีเมล็ดพันธุ์หนึ่งถูกสร้างขึ้นมาในร่างกาย มันคือเมล็ดสำหรับขั้นที่สาม สำหรับกฏและการแสวงหาเต๋า
เป็นของขวัญที่ฉิงหลินมอบให้
ตอนที่ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเปิดใช้งาน หวังหลินเห็นขั้นที่สามด้านหลังประตู แต่นั่นก็แค่เห็นจริงๆ…ฉิงหลินทำให้เขาสัมผัสถึงวิชาของขั้นที่สามซึ่งมีค่าสำหรับหวังหลินเป็นอย่างยิ่ง สิ่งนี้ทำให้เส้นทางของเขาชัดเจนมากขึ้น
ขณะที่กำลังทำความเข้าใจต่อไป น้ำเสียงเหนื่อยอ่อนดังสะท้อนอยู่ในหัว
“หวังหลิน มาพบข้า”
หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองอารามและลุกขึ้น เดินเข้าหาด้วยท่าทีสงบ ใช้เวลาไม่นานก็ก้าวเข้าไปข้างใน
ขณะที่เข้าไปในอาราม หวังหลินอดไม่ได้ที่จะหยุดชะงักลง ด้านหน้าคือชายชราที่ดูคล้ายกับฉิงหลิน สังเกตละเอียดจะพบว่าเป็นจักรพรรดิฉิงหลินจริงๆ
เขาแก่ขึ้นอย่างมากด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
ฉิงหลินเอ่ยขึ้นเสียงเบา “นั่งลงสิ”
หวังหลินนั่งลงตรงข้ามฉิงหลินด้วยท่าทางสงบนิ่ง