1165. ลั่วหยุนคงเทียบไม่ได้!
“ดั่งกบในกะลา การเปิดกะลาก็คือสวรรค์ ดั่งปลาในสายธาร สายธารก็คือสวรรค์…กะลาคือกรงสำหรับกบและผิวน้ำก็คือเขตแดนสำหรับปลา” ลั่วหยุนคงมองดูหญิงสาวและเอ่ยต่อ “มนุษย์เหมือนกบและปลา ดังนั้นสวรรค์คือกรงของเรา! กบอยากจะออกกะลา หมู่ปลาปรารถนากระโดดออกไปจากน้ำ มนุษย์ก็ต้องการทะลวงเปิดสวรรค์และเดินออกไปจากกรงขังเช่นเดียวกัน!”
หลี่เฉียนเหมยขบคิดชั่วขณะ จากนั้นดวงตาเปล่งประกาย ในแววตานางเผยความชื่นชมพลางเลื่อนปอยผมบางส่วนไปด้านหลังและเอ่ยต่อ “คำตอบของพี่ลั่วช่างไม่เหมือนใคร เฉียนเหมยถามคนมามากตามรายทางแต่มีเพียงพี่ลั่วที่สามารถตอบข้อสงสัยของข้าได้”
“เฉียนเหมยประจบข้าเกินไปแล้ว” ลั่วหยุนคงยิ้มบาง
“พี่ลั่วเป็นคนแรกที่ทำให้เฉียนเหมยถามคำถามที่สอง ข้าหวังว่าพี่ลั่วจะสามารถตอบคำถามข้าได้” หลี่เฉียนเหมยมองชายตรงหน้า นางได้ยินว่าเขตระดับห้ามีคนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งนามว่า “ลั่วหยุนคง” เขาฉลาดหลักแหลมและมีความเข้าใจในเต๋าอย่างล้ำลึก
“หากข้าตอบสามคำถามเจ้าและขจัดข้อสงสัยให้ได้ ข้าจะได้รางวัลอะไรเล่า?” ลั่วหยุนคงยิ้มพลางมองหลี่เฉียนเหมยและรอคำตอบ
หลี่เฉียนเหมยขยิบตาและยิ้มออกมา “หากพี่ลั่วสามารถตอบข้อสงสัยของเฉียนเหมยได้จริงๆ ข้าสามารถใช้ขลุ่ยบรรเลงบทเพลงให้ท่านได้หนึ่งเพลง”
“ตกลง!” ลั่วหยุนคงยิ้มพลางมองหลี่เฉียนเหมยอย่างลึกซึ้ง เขายังคงสงสัยเหตุผลจริงๆว่าทำไมนางถึงถามคำถามเหล่านี้
หลี่เฉียนเหมยมองลั่วหยุนคงและเอ่ยเบาๆ “คำถามที่สอง : สวรรค์คืออะไร?”
ชายชราด้านข้างลั่วหยุนคงยังฟังอยู่ ตอนที่ได้ยินนายของตัวเองตอบคำถามแรก เขายิ้มออกมา แต่พอได้ยินคำถามที่สอง สีหน้าพลันเปลี่ยนไป
ลั่วหยุนคงขมวดคิ้วและเริ่มขบคิด ครั้งนี้คิดนานกว่าครั้งก่อน หลี่เฉียนเหมยไม่ได้กระวนกระวาย นางรอคอยคำตอบของลั่วหยุนคงอย่างเงียบๆ
ผ่านไปสิบห้านาที ลั่วหยุนคงเอ่ยช้าๆ “สวรรค์คือ…เส้นทาง!”
หลี่เฉียนเหมยขบคิดชั่วขณะและเอ่ยถามเบาๆ “เหตุผลเล่า?”
ลั่วหยุนคงเงยศีรษะมองขึ้นไป ขบคิดเล็กน้อยและตอบออกมา “สวรรค์อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเราและเป็นถนนให้เราก้าวเดิน เป็นเพราะนี่คือถนนที่มีเต๋า!”
“ความหมายของเต๋าในที่นี้มันคือถนนที่นำทางเราไปในทิศทางที่ทะลวงผ่านกรงขังซึ่งเป็นสวรรค์”
หลี่เฉียนเหมยดวงตาส่องประกายยิ่งขึ้นและชื่นชมอย่างแรงกล้า
“ขอบคุณพี่ลั่วที่ตอบคำถามข้า ตอนนี้ข้ารู้สึกสับสนน้อยลงแล้ว สงสัยเหลือเกินว่าพี่ลั่วจะเร่งรีบไปไหน”
ชายชราด้านข้างลั่วหยุนคงลังเลเล็กน้อยก่อนจะคำนับฝ่ามือและถามออกไป “สหายเซียนหลี่ นี่เป็นคำถามที่สามหรือไม่?”
หลี่เฉียนเหมยเพียงแค่ยิ้มเงียบๆ
“ข้ากำลังจะไปแผ่นดินโม่หลัวเพื่อศึกษาบางอย่างและคิดบัญชี” ลั่วหยุนคงมีท่าทางเป็นธรรมชาติและไม่เกิดความเสียใจแม้จะรู้ว่าเขาไม่มีโอกาสตอบคำถามที่สามก็เถอะ
หลี่เฉียนเหมยขยิบตาเอ่ยขึ้นเบาๆ “พี่ลั่วจะว่าอะไรไหมหากข้าจะตามไปด้วย?”
“ข้ายินดีต้อนรับเฉียนเหมยให้มาด้วยกันอยู่แล้ว” ลั่วหยุนคงยิ้มแย้มและพยักหน้า
ระหว่างทางลั่วหยุนคงและหลี่เฉียนเหมยต่างพูดคุยกันเงียบๆและแลกเปลี่ยนเต๋ากัน ทั้งสองต่างชื่นชมอีกฝ่ายและได้รู้อะไรอีกมาก
ชายชรายังคงถอยห่าง สายตาจับจ้องไปบนลั่วหยุนคงกับหลี่เฉียนเหมยเป็นพักๆ ในแววตามีความประหลาดแต่ก็แฝงความสุขไปด้วย
‘หลังจากภรรยาของจ้าวสำนักตาย เขาก็ไม่เคยมีคู่ฝึกเต๋าอีกเลย แม้หลี่เฉียนเหมยจะพึ่งเจอจ้าวสำนัก นางดูเหมือนไปกับเขาได้ดี หากทั้งสองสามารถสร้างเป็นคู่รักเต๋าได้ ด้วยปัญญาของท่านจ้าวสำนัก อนาคตเขาจะไม่มีขีดจำกัดแน่นอน…เมื่อนั้นสำนักเต๋าม่วงจะสามารถสั่นคลอนทะเลเมฆาได้!’
หลังจากหลี่เฉียนเหมยออกมาจากสำนักทะลวงสวรรค์ หายากนักที่นางจะสนทนาแลกเปลี่ยนแบบนี้ ไม่มีใครคู่ควรพอจะคุยกับนางนอกจากลั่วหยุนคง
‘ไม่สงสัยว่าแม้แต่อาจารย์ถึงกับยกย่องเขาให้เป็นเซียนอันดับหนึ่งในเขตระดับห้า แม้กระทั่งสำนักเทพเจ้ายังให้ความสนใจเขา…เขาเป็นชายที่หายากและประหลาดโดยแท้ ยากยิ่งที่คนอายุแบบเขาจะมีความเข้าใจในเต๋าอย่างล้ำลึก แม้ระดับบ่มเพาะข้าจะสูงส่งกว่า แต่เรื่องเต๋าข้ายังเป็นรอง’
‘น่าเสียดายนัก…แม้แต่คนแบบนี้ยังถูกหยุดด้วยคำถามที่สอง’ หลี่เฉียนเหมยถอนหายใจอยู่ในใจ
‘หากเฉียนเหมยต้องการค้นหาเซียนลึกลับที่มีหินหยก คงจะเป็นเรื่องยาก’ ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันเวลาก็ผ่านไป พวกเขาค่อยๆมาถึงหัวข้อเรื่องหินหยกและสูตรยาลึกลับ
ลั่วหยุนคงไม่ได้ซ่อนความคิดตนเองและไม่จำเป็นต้องซ่อนมัน ดังนั้นเขาจึงบอกนางถึงที่เขาคาดการณ์เอาไว้
“หากเซียนลึกลับคนนี้มีความคิดเจ้าแผนการแบบนั้น การค้นหาเขาไม่ใช่เรื่องยากแน่นอน” หลังจากหลี่เฉียนเหมยได้ยินการคาดการณ์ของลั่วหยุนคง นางจึงเกิดความสนใจต่อเซียนลึกลับผู้นี้
“ลงมือแน่วแน่ ความคิดดุจมารและฆ่าอย่างโหดเหี้ยม! ในชีวิตข้าไม่ได้ชื่นชมใครหลายคนนักแต่เซียนลึกลับคนนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น” ขณะที่ลั่วหยุนคงชื่นชมยิ่งเกิดแววตาเสียดาย
หลี่เฉียนเหมยถามออกไปเบาๆ “การคาดการณ์ทั้งหมดของพี่ลั่ว บางทีความจริงไม่ใช่แบบนั้น”
“ข้าหวังว่าการคาดการณ์ข้าจะเป็นจริงดังนั้นข้าจึงต้องหาโอกาสเจอเขา นั่นจะทำให้ชีวิตข้าตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง” ลั่วหยุนคงถอนหายใจ ในแววตาเกิดความคาดหวัง
ขณะที่ทุกคนเคลื่อนที่ไปข้างหน้า พวกเขาก็ยิ่งเข้าใกล้แผ่นดินโม่หลัว นาทีนี้พวกเขาเห็นเงาของแผ่นดินโม่หลัวอยู่เลือนลางแล้ว
เจ้าพยัคฆ์ค่อยๆหยุดลงและลอยตัวในอากาศ มันจ้องตรงไปข้างหน้าอย่างเยือกเย็น
ลั่วหยุนคงมองผู้อาวุโสด้านข้างและเอ่ยขึ้น “สำนักเต๋าม่วงและสำนักต้นกำเนิดมีสำนักหลักเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดความสับสนเกินไป ข้าจะออกไปเอง พวกเจ้าทั้งหมดรอที่นี่”
ชายชราพยักหน้าในข้อตกลง
“เฉียนเหมย เราไปกันเถอะ” ลั่วหยุนคงยิ้มบาง สายตาหันไปมองหลี่เฉียนเหมย
หลี่เฉียนเหมยพยักหน้า ทั้งสองเหาะเหินไปหาแผ่นดินโม่หลัว ชายชรามองดูทั้งสองหายไปและเอ่ยขึ้นเบาๆ “บางทีท่านจ้าวสำนักและนาง…อาจจะกลายเป็นคู่รักเต๋าได้”
ณ แผ่นดินโม่หลัว
หวังหลินเรียนรู้ถึงพลังอำนาจของเม็ดยาในทะเลเมฆา หลังจากทดลองไปหลายครั้งและทำความเข้าใจผ่านวิญญาณอสูรข้างใน หวังหลินก็เข้าใจถึงแก่นในเม็ดยาพวกนี้
เพื่อใช้วิญญาณอสูรทำความเข้าใจสวรรค์ จากนั้นผสมผสานมันเข้ากับเขตแดนของตนเอง
หวังหลินนั่งอยู่ในลานและปฏิเสธการเข้าเยี่ยมของหลิวหยานเฟยและคนอื่นๆ เขาถือเม็ดยาระดับแปดในมือและเริ่มขบคิด
‘ในเม็ดยาของทะเลเมฆามีข้อบกพร่อง ความเข้าใจที่รวบรวมมาจากวิญญาณอสูรถือว่าสับสนวุ่นวายยิ่งและยากเกินเข้าใจ หากต้องการแยกแยะความเข้าใจที่ตนเองต้องการ จะต้องกลืนกินเม็ดยาไปเรื่อยๆจนกว่าจะสำเร็จ’
หลังขบคิดสักพักหวังหลินกำลังมองเม็ดยาในมือ ทันใดนั้นสังเกตบางอย่างได้จึงมองขึ้นไปไกล
‘มีคนมา…’
สีหน้าท่าทางเป็นธรรมชาติไร้การเปลี่ยนแปลง เขาถอนสายตาและมองเม็ดยาในแขนซ้ายต่อไป
หลังจากนั้นไม่นานประตูสวนก็ถูกหนึ่งชายหนึ่งหญิงเปิดออกมาและเดินเข้ามาข้างใน ชายหนุ่มอายุวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีม่วง ส่งสัมผัสบารมีไร้ความโกรธเกรี้ยว ดวงตาดุจดวงดารา แฝงความฉลาดหลักแหลม
สตรีด้านข้างเขาช่างน่ารักสุดสวยยิ่ง ผิวหนังละเอียดดุจหยก ขาวนวลดุจหินมะ นางถือขลุ่ยหยกไว้ในมือและส่งสัมผัสมีสง่าราศียิ่ง
การมาถึงของทั้งสองคนไม่ได้ทำให้เซียนคนใดในสำนักต้นกำเนิดสนใจ ราวกับพวกเขาสามารถปรากฏตัวที่ไหนก็ได้ ขณะที่ทั้งสองเข้ามา สายตาของชายวัยกลางคนตกลงบนหวังหลิน รูม่านตาหดแคบจากนั้นค่อยๆก้าวเข้ามา
ความเร็วของเขาไม่ได้เร็วนักแต่ทุกก้าวย่างไปพร้อมกับอัตราเต้นหัวใจหวังหลิน ดูเหมือนมันจะแฝงกฎและมีแรงกดดันปลดปล่อยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือขณะที่ชายวัยกลางคนเข้าใกล้ ท้องฟ้ามืดมนขึ้น ก้อนเมฆสีดำปกคลุมโลกไปครึ่งนึงคล้ายกำลังกลืนกินท้องฟ้า
“นั่งลง!” หวังหลินยังคงไม่เงยศีรษะ หวังหลินประหลาดใจว่าสองคนนี้สามารถมาหาเขาที่นี่ได้โดยไม่ให้ใครในสำนักต้นกำเนิดรู้
เขาเพียงเอ่ยคำพูดเดียวแต่วินาทีนั้นฝีเท้าของชายวัยกลางคนถึงกับหยุดชะงัก ราวกับจังหวะที่เขาตั้งเอาไว้อีกหลายสิบก้าวถูกก่อกวนจนไม่สามารถแยกแยกระหว่างความจริงและเท็จได้ ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าได้สลายไปเพียงแค่หวังหลินคิด
สีหน้าท่าทางลั่วหยุนคงจึงเคร่งเครียดทันที ความรู้สึกนี้ชัดเจนยิ่ง เขาแพร่กระจายระดับบ่มเพาะและเขตแดนออกมาล้อมรอบชายชุดขาวตรงหน้า การย่างก้าวของเขาคือเขตแดน แต่ละก้าวควรเป็นการโจมตีเขตแดนหนึ่งครั้ง
ขณะที่เขาเคลื่อนไหว เขตแดนผสานเข้ากับโลก เต๋าเปลี่ยนกลายเป็นเมฆทมิฬทำให้มีแรงเหวี่ยงมากขึ้น การก้าวง่ายๆหลายสิบก้าวถูกเขาหยิบยืมอำนาจแห่งสวรรค์ลงใส่ชายชุดขาวดูธรรมดาตรงหน้า
หากเป็นคนอื่น แค่ไม่กี่สิบก้าคงทำให้เขตแดนคนนั้นแตกสลายและวิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว หากเกิดความเสียหายมากขึ้นจะทิ้งร่องรอยเอาไว้บนจิตใจแห่งเต๋าและทำให้พื้นฐานเต๋าแตกสลาย!
แม้จะมีคนสามารถต่อต้านได้ก็ยังต้องเผยแรงต้านทานอยู่บ้าง ลั่วหยุนคงมั่นใจในเต๋าและเขตแดนของตนเองมาก แต่ตอนนี้เขากลับถูกบังคับเพียงเพราะคำพูดง่ายๆจากชายชุดขาวดูธรรมดาคนนี้!
เพียงคำเดียวก็สลายทุกอย่างที่เขาวางเอาไว้ ราวกับที่เขาทำลงไปไม่เป็นความจริง
“ทำไมไม่นั่ง?” หวังหลินเงยศีรษะ สายตาเลื่อนจากเม็ดยาและมองไปยังชายชุดม่วงพร้อมกับสบตากัน
ราวกับมีสายฟ้าที่มองไม่เห็นฟาดลงมาจนระเบิดขึ้นภายในลาน ชายวัยกลางคนชุดม่วงตกตะลึงอย่างยิ่ง ก้าวถอยหลังสองก้าวโดยไม่รู้ตัวและมีสีหน้าเปลี่ยนไป
ขณะที่เขาถอย ก้อนเมฆสีดำบนท้องฟ้าถูกฉีกกระชากไปหมดและหายไปในพริบตา ท้องฟ้ากระจ่างสดใสยิ่งขึ้นอีก…
ไม่ว่าความเข้าใจในเต๋าของลั่วหยุนคงจะล้ำลึกสักแค่ไหน เขาจะเทียบเคียงหวังหลินได้อย่างไร? หวังหลินรู้แจ้งวัฏจักรแห่งชีวิตและความตายหลังจากบ่มเพาะไปห้าร้อยปี หลังจากนั้นอีกเก้าร้อยปีเขาก็ทำให้วัฏจักรแห่งชีวิตและความตายสมบูรณ์แบบซึ่งมันได้เปลี่ยนกลายเป็นเวรกรรม จากนั้นอีกพันปีเวรกรรมก็สมบูรณ์แบบและเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเป็นเขตแดนแห่งจริงเท็จ!
ลั่วหยุนคงจะเทียบกับอะไร? เขามีคุณสมบัติอะไรมาเทียบเคียง?
เขาเทียบไม่ได้!
หลี่เฉียนเหมยเฝ้ามองดูตั้งแต่เริ่ม นางมากับลั่วหยุนคงเพราะนางชื่นชมความเข้าในเต๋าของเขาและมีเจตนาที่ดี นางรู้สึกว่าท่ามกลางชนรุ่นเยาว์นั้นไม่มีใครเข้าใจเต๋าได้ลึกซึ้งกว่าลั่วหยุนคง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมลั่วหยุนคงถึงถูกสำนักระดับสูงเฝ้ามอง
อย่างไรก็ตามความคิดนางได้เปลี่ยนไปเมื่อมาเจอหวังหลิน ดวงตาเปล่งประกายมากกว่าแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
“ท่านพี่ ข้ามีสามคำถามอยากจะถาม ท่านสามารถตอบมันได้หรือไม่…”
………………………………