1440. สามคน สามคนและสามคน
ทะเลหมอกด้านล่างร้องคำราม เสาหมอกพุ่งขึ้นสู่อากาศ สังหารเต็มไปทั่วท้องฟ้า แต่ละแท่นที่เหลือมีเซียนอยู่อย่างละคน
นอกจากส่วนที่โชคดีไม่กี่แท่นแล้ว ใครก็ตามที่ครอบครองแท่นด้วยตัวเองถือว่าเป็นเซียนที่เหี้ยมโหดและทรงพลังยิ่ง
มีอยู่ประมาณห้าถึงหกคนที่เจ้าเล่ห์มาก แม้จะยังไม่รู้ความจริงแต่พวกเขาสังหารทุกคนรอบตัวก่อนแล้วจึงค่อยจับจองแท่นหิน
ตอนนี้สถานการณ์ชัดเจน ทุกคนรู้ว่าต้องจับจองแท่นด้วยตัวคนเดียวเพื่ออยู่รอด ดวงตาเซียนที่เหลือทั้งหมดแดงก่ำ การมีชีวิตรอด แม้จะเป็นพี่ทางสายเลือด พวกเขาคงต้องสู้
พริบตาเดียวเหล่าเซียนก็พุ่งเข้าหาแท่นทั้งสี่สิบสามแห่งอย่างบ้าคลั่ง!
ระหว่างความวุ่นวายนี้ หวังหลินไม่มีเวลาตรวจสอบว่าใครจับจองแท่นที่เหลือทั้งสี่สิบสองแห่ง เขาใช้ฝ่ามือสร้างผนึกก่อเกิดม่านอากาศเข้าขัดขวางคนหลายสิบคนที่กำลังพุ่งเข้ามา
คนที่มีระดับบ่มเพาะสูงที่สุดในหมู่เซียนนับสิบคนเป็นชายชราในขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สี่ ส่วนคนที่เหลืออ่อนแอกว่า แต่คนที่อ่อนแอที่สุดอยู่ในขั้นชำระสวรรค์ ระดับปลาย
แม้ระดับบ่มเพาะแต่ละคนไม่ได้ดีที่สุด พวกเขากลับระเบิดพลังเต็มที่ในช่วงวินาทีความเป็นความตาย พวกเขาเองก็มีหลายคนและต่างก็พุ่งเข้าหาแท่นของหวังหลินจากทุกทิศทาง
เสียงดังปัง เหล่าวิชาหลายอย่างร่อนลงบนม่านอากาศที่หวังหลินสร้างขึ้น ม่านอากาศเริ่มสั่นเทาและบิดเบือน เหล่าเซียนเริ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่ง บางคนนำสมบัติออกมา!
พวกเขาต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งที่บนแท่นหินนั้น!
แววตาหวังหลินกะพริบจิตสังหาร พ่นลมหายใจเย็น มือขวาสร้างผนึกและโบกสะบัดส่งประทับฝ่ามือยักษ์เข้าไป ขณะที่ประทับฝ่ามือหมุนวนจึงเกิดเป็นวังวนยักษ์
เสียงดังสนั่นกึกก้อง เซียนนับสิบส่วนใหญ่ที่ต้องการพุ่งไปบนแท่นจึงกระเด็นกลับไปและกระอักโลหิตระหว่างทาง
ทะเลหมอกร้องคำราม แท่งหมอกจำนวนมากพุ่งขึ้นสู่อากาศ เซียนหลายสิบคนรวมถึงเซียนที่อยู่ด้านนอกแท่นของหวังหลินและคนอื่นๆที่ต่อสู้เพื่อแท่นหิน ต่างก็ตายไปกับสายหมอก
กลิ่นคาวโลหิตเต็มไปทั่วบริเวณ เสียงกรีดร้องดังระงมทำให้เซียนที่ไม่อยู่บนแท่นหินเกิดความบ้าคลั่ง ทั้งหมดร้องคำรามและพุ่งเข้าหาแท่นหิน
หลังจากเซียนหลายสิบคนตายไปยังเหลืออยู่อีกเก้าคน แววตาแดงฉานพลางพุ่งเข้าหาหวังหลินอีกครั้ง สมบัติและวิชาที่แตกต่างกันกะพริบอยู่เบื้องหน้าและพุ่งหาหวังหลิน
หวังหลินกะพริบแววตาเย็นเยียบและก้าวไปข้างหน้า วินาทีนั้นจึงปรากฏตัวเบื้องหน้าชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีท่าทีดุดันโหดเหี้ยม ชายวัยกลางคนอ้าปากส่งกระบี่เล็กพุ่งใส่หวังหลิน
ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับแรก เมื่อกระบี่เล็กลอยออกไป หวังหลินใช้แขนขวาได้เร็วกว่าและร่อนลงกลางหน้าผากอีกฝ่าย
พลังดั้งเดิมพุ่งเข้าสู่ร่างอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายแตกสลาย วิญญาณดั้งเดิมดับสูญ ทว่าเขาไม่ได้กระจายไปไหนแต่เปลี่ยนเป็นหมอกโลหิตถูกหวังหลินดูดซับ
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา หลังจากหวังหลินสังหารไป พลันก้าวเท้าไปด้านข้างและหลบเลี่ยงกระบี่เหินที่กำลังพุ่งมาอย่างง่ายๆ กะพริบตาอีกครั้งจึงมาถึงด้านหลังชายชราผมขาว
แขนซ้ายโบกสะบัดไม่หยุดชะงัก ร่อนลงใส่แผ่นหลังชายชรา ชายชราต้องการหันกลับมาแต่ร่างกายสั่นเทา ระเบิดเป็นหมอกโลหิตและถูกหวังหลินดูดซับไป
หวังหลินเลียริมฝีปาก ร่างกายกะพริบวูบวาบ ปรากฏตัวอีกครั้งข้างๆกับชายหนุ่มคนหนึ่ง ใบหน้าชายหนุ่มซีดเผือดและถอยร่นโดยไม่ลังเล จากนั้นสองฝ่ามือสร้างผนึกพ่นโลหิตออกมาเปลี่ยนเป็นกะโหลกโลหิตขนาดยักษ์ส่งเสียงคำรามพร้อมกับพยายามกลืนกินหวังหลิน
ไม่เพียงแต่หวังหลินจะไม่หลบหลีกเขากลับพุ่งใส่ชายหนุ่มตรงๆ แววตาผุดแสงลี้ลับและร้องคำราม!
แม้สายหมอกจะส่งเสียงดังลั่นและมีเซียนมากมายกำลังต่อสู้กับ เสียงคำรามของหวังหลินกลบทุกสิ่งและแทนที่เสียงอื่นๆทั้งหมด!
กะโหลกโลหิตถูกเสียงคำรามทรงพลังตีใส่และแตกกระจาย ชายหนุ่มไม่สามารถหลบหนีได้และถูกเสียงคำรามตีใส่ด้วย ร่างกลายเป็นฝุ่นละอองและกลายเป็น หมอกโลหิต
หวังหลินสังหารทั้งสามคนได้อย่างหมดจด!
ทว่าการเข่นฆ่านี้ไม่ได้หยุดลง แม้คนที่เหลือหกคนเป็นพยานรู้เห็น หากพวกเขาล่าถอยนั่นหมายถึงความตาย พวกเขาต้องแย่งชิงแท่นหินให้ได้ หลายคนกัดฟันแน่นและพุ่งเข้าหาแท่นหินที่หวังหลินจากมาก
“พวกสวะรนหาที่ตาย!” หวังหลินเอ่ยอย่างเยือกเย็น หากทั้งหกคนหนีไปเขาก็คงต้องปล่อยไป แต่หกคนนี้ไม่ยอมแพ้ หวังหลินจึงก้าวเท้าชี้ด้วยแขนขวาสามครั้ง พริบตานั้นปราณกระบี่มากกว่าสิบล้านสายถูกปล่อยออกมาจากแขนขวา ปราณกระบี่แบ่งออกเป็นสามกลุ่มพุ่งเข้าหาคนที่เร็วที่สุดสามคน
ในสามคนนี้มีสองคนเป็นบุรุษและหนึ่งสตรี ปราณกระบี่รวดเร็วยิ่ง พริบตาเดียวก็เข้าประชิดได้ ชายวัยกลางคนหนึ่งในนั้นเผยท่าทีดุดัน งอร่างกายด้วยท่าประหลาด จากนั้นยื่นมือออกไปและเหวี่ยงขึ้น
ม่านแสงสีม่วงปรากฏเบื้องหน้าชายวัยกลางคนเข้าป้องกันปราณกระบี่ที่กำลังเข้ามา
เสียงดังสนั่นกึกก้อง ชายวัยกลางคนกระอักโลหิตพร้อมกับกระเด็นถอยหลัง ปราณกระบี่พุ่งเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็วทำให้ร่างสั่นสะท้านและพังทลาย
ทางด้านสตรีวัยกลางคนที่ต้องการหลบเลี่ยงเช่นกัน นางใบหน้าซีดเซียว แม้ระดับบ่มเพาะไม่ได้สูงส่งแต่นางรวดเร็วยิ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่มาถึงก่อนคนอื่นๆ
นางหลบเลี่ยงและขยับกายไปด้านข้างครึ่งตัว เกิดเสียงดังลั่น แขนขวาระเบิดแต่นางรอดตายได้หวุดหวิด
เศษปราณกระบี่จากนางกระเด็นไปโดนเซียนด้านหลัง เซียนคนนั้นตายทันที
ในสามคนมีหนึ่งคนตายและอีกหนึ่งบาดเจ็บ คนสุดท้ายเป็นชายชราขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สี่ ฝ่ามือสร้างผนึกปรากฏมังกรดำเก้าตัวรอบร่งากาย เหล่ามังกรร้องคำรามและโคจรอย่างรวดเร็ว ปราณกระบี่หลายเส้นสายพุ่งกระหน่ำเข้าใส่มังกรและชายชราทำให้กระเด็นกลับไปอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่เขากระเด็นไปยังคว้าเซียนด้านข้างและใช้เป็นโล่กำบังด้วย
ปราณกระบี่ทั้งหมดเข้าสู่ร่างเซียนคนนั้นและฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ
หลังจากหวังหลินสังหารไปสามคน จากนั้นก็สังหารอีกสามคนในพริบตา วินาทีนี้จึงเหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้น! เสื้อผ้าสีขาวของหวังหลินย้อมเป็นจุดสีแดงทั่วร่าง เขาร่อนกลับมายังแท่นหิน จากนั้นมองที่เหลือสามคนและเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา “ไปซะ!”
เซียนสตรีที่สูญเสียแขนขวาถึงกับหน้าซีดราวกับคนตาย แม้ความตายจะน่าหวาดกลัว แต่ความกลัวที่นางรู้สึกตอนนี้รุนแรงยิ่งกว่ากลัวตายเสียอีก หนุ่มชุดขาว ผมขาวคนนี้ราวกับภูเขาไร้เทียมทาน!
นางไม่อยากตาย ดังนั้นจึงต้องล่าถอยและไปแย่งชิงแท่นหินอื่น!
ชายชราขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สี่ก็หน้าซีดเช่นกันและล่าถอยโดยไม่ลังเล ส่วนคนสุดท้ายมีระดับบ่มเพาะต่ำที่สุดและช้าที่สุด ดังนั้นจึงหลบการโจมตีของ หวังหลินได้ เขากลัวจนคิดอะไรไม่ออกและรีบถอย
เสียงดังสนั่นกึกก้องพร้อมกับแท่งสายหมอกพุ่งขึ้นสู่อากาศ ทำให้เซียนหกคน ที่ก้าวไปบนแท่นหินถึงกับแตกสลายในคราเดียว
เหตุการณ์ยังไม่จบแค่นี้ แท่งหมอกปรากฏขึ้นใต้แท่นหินอีกแห่งและทำลายจนสิ้น
ในชั่วระยะเวลาสั้นๆเหลือเพียงยี่สิบแปดแท่นจากสี่สิบสามแท่น เหล่าเซียนนับร้อยที่ไม่มีแท่นอยู่ถูกตัดออกจนเหลือไม่ถึงแปดสิบคน
ขณะที่หวังหลินยืนอยู่บนแท่นหิน เขามองไปรอบๆอย่างเย็นชา ไม่มีใครกล้าเข้ามาหาเขาเนื่องจากการเข่นฆ่าอันโหดเหี้ยมก่อนหน้านี้มากพอที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึง
ขณะที่สายตาหวังหลินกวาดผ่านไป เขาเห็นสตรีจากเผ่าทำลายผนึก นางครอบครองแท่นแห่งหนึ่ง นั่งลงพร้อมกับเรืองแสงกลางหน้าผาก แสงอ่อนๆนี้ ปกคลุมแท่นหินและไม่ว่าเหล่าเซียนจะโจมตีมากแค่ไหน มันก็แค่บิดเบี้ยวแต่ไม่ แตกสลาย
นอกจากเด็กสาวคนนี้ยังมีอีกห้าคนที่หวังหลินสนใจ
คนแรกเป็นสตรีผมยาวชุดขาว นางนั่งอยู่เงียบๆและมองออกไปไกล เซียนคนใดที่เข้ามาใกล้แท่นต่างกรีดร้องโหยหวน จากนั้นโลหิตสีดำพุ่งออกมาจากดวงตา ร่างกายผุดควันสีดำราวกับโดนพิษรุนแรง
มีแท่นแห่งหนึ่งที่ชายวัยกลางคนครอบครอง เขาถือขวดสุราในมือซ้าย ถือกระบี่ยาวเจ็ดฟุตในมือขวา “ภาษาโบราณกล่าวไว้ว่า…สัญญาสามจอก…” ชายวัยกลางคนดื่มสุราไปหนึ่งอึกและสะบัดแขนขวาอย่างลวกๆ กระบี่แทงทะลุเข้าใส่กะโหลกเซียนคนหนึ่งที่กำลังพุ่งมาหา โลหิตไหลย้อนออกมาจากหน้าผากและเกิดเป็นรูปดอกท้อเบ่งบานบนแท่นหิน
บนแท่นหินนั้นมีโลหิตดอกท้อเบ่งบานมากกว่าสิบจุด!
แท่นหินอีกแห่งถูกครอบครองด้วยชายชุดม่วง เขามีสีหน้ามืดมนและเปล่งพลังหยินอันทรงพลัง สะบัดแขนเสื้อและเกิดเป็นมัจฉาดุร้ายขนาดหมื่นฟุตด้านหลัง มัจฉาท่องไปดุจสายลมและกลืนกินเหล่าเซียนรอบๆ
ในสองคนสุดท้าย หนึ่งนั้นเป็นชายร่างผมสวมชุดสีดำ ดวงตาหลับสนิท เขารวดเร็วยิ่งแม้แต่หวังหลินก็มองเห็นได้ไม่ชัดเจน เพียงพริบตาเดียวยังมีเงาของเขาอยู่ด้านหลังแต่เซียนรอบๆทั้งหมดกรีดร้อง ดวงวิญญาณถูกแยกออกมาและร่างกายตกลงไปในทะเลหมอก
…………………………………………