Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1443

Cover Renegade Immortal 1

1443. เซียนเพลิงไร้ลักษณ์!!

พลังล่องหนกำลังดึงแท่นทั้งยี่สิบห้าแห่งให้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วมิอาจวัดได้ ความเร็วนี้ไม่ด้อยไปกว่าความเร็วสูงสุดของเซียนขั้นทะลวงสวรรค์เลยแม้แต่น้อย

การเคลื่อนที่อันแปลกประหลาดของแท่นหินได้ทำให้สุสานโบราณแห่งนี้ลึกลับและหยั่งลึกจนคาดไม่ถึง ขณะที่หวังหลินยืนอยู่บนแท่นหิน เขาเองก็คล้อยไปตามสายลม

ขณะที่สายหมอกเคลื่อนไหวอยู่รอบร่าง หวังหลินขบคิดไปเรื่อยๆ สังเกต สิ่งรอบตัวนับตั้งแต่ที่เข้ามายังสุสานบัญชาโบราณ

ทุกสิ่งที่นี่แปลกประหลาดยิ่ง หวังหลินไม่ต้องการทำอะไรวู่วามก่อนจะเข้าใจสถานการณ์ เขาอยากเห็นว่าแท่นหินนี้จะนำทางเขาไปที่ไหน

ทะเลหมอกด้านล่างนั้นไร้ขอบเขตและมิอาจรู้ได้ว่ามันลึกแค่ไหน อย่างไรก็ตามหวังหลินรู้สึกว่าลึกลงไปในทะเลหมอกมีสายตาอยู่หนึ่งคู่กำลังจ้องมองเขาและเซียนทั้งหมดที่นี่

‘น่าจะมีเซียนจำนวนมากที่เข้ามาในสุสานบัญชาโบราณ แต่ก็กระจัดกระจายกัน บางทีพวกเขาเองก็กำลังถูกแท่นหินนำทางเหมือนเรา…’

ขณะขบคิดก็ผ่านเวลาไปเรื่อยๆ ทุกสิ่งดูเหมือนถูกแทนที่ด้วยแท่นหินลอยละล่อง…ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หวังหลินหรี่ตาแคบ ยังมีสายหมอกอยู่เบื้องหน้าแต่ว่ามันบิดเบือน ก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้ได้ แท่นหินก็พุ่งเข้าไปในสายหมอกบิดเบือนแห่งนั้น

โลกเบื้องหน้าเขาเปลี่ยนไป เสียงอุทานดังออกมาจากเซียนบางส่วนที่ตกตะลึง สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้ากลุ่มหวังหลินทั้ง ยี่สิบห้าคนก็คือสุสานที่ถูกผนึกไว้หลายหมื่นปีซึ่งไม่มีใครเคยเข้ามา!

พื้นที่แห่งนี้ขนาดหลายร้อยฟุตและเต็มไปด้วยรอยแยกอวกาศ กลายเป็นกรงขังที่ผนึกพื้นที่เอาไว้

แท่นหินจากกลุ่มของหวังหลินได้โผล่ออกมาจากรอยแยกอวกาศแห่งหนึ่ง โลกเบื้องหน้าพวกเขาถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีแดง!

ท้องฟ้าปิดผนึกแห่งนี้เป็นสีแดงแต่พื้นดินไม่ได้เป็นหมอกแล้วแต่เป็นพื้นดินจริงๆ มีลำธารไหลเอื่อยอยู่บนพื้น แต่น้ำในลำธารทั้งหมดเป็นสีแดงโลหิต!

กลิ่นคาวโลหิตลอยคละคลุ้ง

ใจกลางโลกแห่งนี้มีร่างยักษ์อยู่ตนหนึ่ง มันเป็นเทพโบราณสูงหลายหมื่นฟุต! คุกเข่าอยู่หนึ่งข้างด้วยสีหน้าดุดันและมีหลุมใหญ่อยู่กลางหน้าผาก โลหิตไหลย้อนออกมาตลอดเวลาจากหลุมนั้น มันไหลลงใบหน้าและหยดลงบนพื้น

เข่าของเขาพังทลายจนมองเห็นกระดูกดำ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ต้องการคุกเข่าแต่เพราะเข่าพังทลายจึงต้องคุกเข่า!

จากที่เห็นคุกเข่าหนึ่งข้าง แผ่นหลังโค้งงอเนื่องจากแบกแท่นขนาดหมื่นฟุต แท่นแห่งนั้นเป็นสีแดงโลหิตและล้อมรอบด้วยหมอกโลหิตจนมองไม่เห็นข้างใน

อย่างไรก็ตามมีเขตอาคมอันแรงกล้ากะพริบออกมาจากสายหมอกราวกับกำลังผนึกบางอย่าง

ด้านขวาของเทพโบราณเป็นร่างหนึ่งสูงประมาณสี่พันฟุตกำลังคุกเข่าอยู่ด้วย ร่างนี้บนศีรษะมีอยู่หนึ่งเขาและมีท่าทางดุร้าย ดวงตาซ้ายเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและต่อต้าน ดวงตาขวาว่างเปล่าราวกับโดนใครบางคนควักลูกตาออกไป โลหิตไหลออกมาจากเบ้าตาข้างนั้น

ส่วนด้านซ้ายของเทพโบราณเป็นปีศาจโบราณขนาดสามพันฟุตกำลังคุกเข่าอยู่เช่นกัน ดวงตาซ้ายกลวงโบ๋ ดวงตาขวาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เทพโบราณกำลังถือแท่นเอาไว้ ขณะที่มารโบราณและปีศาจโบราณคุกเข่าลงที่นี่ราวกับกำลังบูชาแท่น ฉากเหตุการณ์อันแปลกประหลาดนี้นับว่าตกตะลึงจริงๆ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เหล่าเซียนอุทานขึ้นมาคือร่างสิ่งมีชีวิตบนพื้นดินจำนวนมากนอกเหนือจากทะเลโลหิต ดวงตาสีแดงฉานของพวกมันจับจ้องไปยังแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่เพิ่งปรากฏขึ้น

เหล่าอสูรร่างมนุษย์มีเต็มพื้นไม่น้อยกว่าหมื่นตัว หลายตัวกำลังดื่มน้ำจากทะเลโลหิตและบางส่วนกำลังต่อสู้กัน ทว่าเมื่อกลุ่มของหวังหลินเข้ามา ทั้งหมดได้เงยศีรษะขึ้นทันที

หลังจากผ่านความเงียบงันไปชั่วครู่ เหล่าอสูรบนพื้นส่งเสียงร้องคำรามน่าตื่นตะลึง เสียงคำรามของเหล่าอสูรนับหมื่นตัวได้เกิดเป็นคลื่นเสียงเข้าใส่คนเบื้องบน!

เหล่าเซียนที่ไม่ได้มีระดับบ่มเพาะสูงพอถึงกับกระอักโลหิตออกมาพร้อมเกิดอาการบาดเจ็บ มีสองคนสลบไปและตกลงจากแท่นหินของตนเอง

ก่อนที่จะได้ดิ้นรนอะไร พวกเขาถูกอสูรนับร้อยรุมทึ้ง เมื่ออสูรแยกย้ายกันออกไปทั้งสองก็ฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดีแล้ว

อสูรดุร้ายบนพื้นกระโดดอย่างบ้าคลั่งเข้าหาพวกเขา ทว่าหลังจากเจอการต่อสู้จากก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งหมดตระหนักถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับ แม้จะสั่นไหวจากจำนวนของพวกมันแต่ก็ไม่กลัวที่จะพุ่งหาเหล่าอสูรที่กำลังเข้ามา

‘กลืนกินอสูรทั้งหมดนี้น่าจะทำให้อาการบาดเจ็บของข้าฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและเลียริมฝีปาก เขาเริ่มช้าไปดังนั้นจึงมีเซียนหลายสิบคนมุ่งหน้าไปก่อน

เหล่าเซียนทั้งหมดนี้ดวงตาเปล่งประกาย พวกเขาคิดในใจว่าจะไม่ให้หวังหลินเอาไปคนเดียว แม้จะมีพวกมันมากแต่พลังชีวิตที่จะได้มาช่างน่าเย้ายวนยิ่งนัก

“หากเซียนชุดขาวคนนั้นขโมยไปอีก เราควรจะร่วมมือกันฆ่าเขา! เราต้องให้เขารู้ผลลัพธ์ที่จะตามมา!” เหล่าเซียนที่ขโมยแท่นหินทั้งหมดต่างเป็นคนโหดเหี้ยม พวกเขามองหน้ากันเองและเข้าใจทันที

เซียนร่างอ้วนสะบัดลูกคิดในมือและเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “เซียนชุดขาว เจ้าห้ามฆ่ามากกว่าสิบตัว ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยม ข้าจะฆ่าเจ้าและหลอมวิญญาณ เจ้าซะ!”

“ฆ่าเพิ่มหนึ่งตัว เจ้าจะต้องตายที่นี่! ไม่มีใครจะช่วยเจ้าได้!” เซียนร่างผอมชุดดำเอ่ยอย่างเยียบเย็นพร้อมกับมุ่งหน้าไป

ชายชุดม่วงที่มีปลาดุร้ายด้านหลังเอ่ยร้องคำราม “แม้สหายเซียนจะทรงพลัง หากเจ้าทำให้พวกเราโกรธ เจ้าก็แค่ออกไปจากกลุ่มเราและเผชิญความตายเอาเอง หากเจ้าไม่ไป ข้าผู้นี้จะทำให้เจ้ากรีดร้องจนกลายเป็นศพ!”

หญิงชราชุดเขียวและมีตุ่มหนองพลางเอ่ยน้ำเสียงน่ากลัว “สหายเซียนวู่วามเกินไป โชคลาภที่นี่เป็นของทุกคน หากเจ้าโลภมากเกินไป แม้แต่ข้าเองก็ไม่ยอม หากเจ้าโลภมากเกินไป ข้าก็จะร่วมกันฆ่าเจ้าด้วย แม้เจ้าจะทรงพลัง เจ้าก็ยังต้องตายหากไม่เชื่อฟังเสียบ้าง!”

“แม้เจ้าจะทรงพลัง เจ้าก็ไม่รู้จริงว่าจะลงมืออย่างไร การเสียระดับบ่มเพาะตอนนี้ไปช่างเป็นเรื่องโง่เขลายิ่ง…น่าเสียดาย! โลกนี้ก็มีคนโลภเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็น เซียนขั้นที่สามหรืออย่างไร?” ชายวัยกลางคนถือสุราในมือซ้ายพลางส่ายศีรษะ ยกดื่มและพุ่งหาเหล่าอสูร

คำพูดเหล่านี้เผยจิตสังหาร เห็นได้ชัดว่าเซียนส่วนใหญ่ไม่พอใจ นอกจากคนที่พูดแล้ว ที่เหลือต่างเผยจิตสังหาร พร้อมที่จะฆ่าได้ทุกเมื่อ

พอเด็กสาวจากเผ่าทำลายผนึกเห็นสิ่งเหล่านี้ ในแววตานางเผยความสุขยิ่ง ทว่าเมื่อนางคิดว่าหวังหลินน่ากลัวแค่ไหน ความสุขนั้นก็หายไป

หวังหลินสงบนิ่งหลังจากได้ยินคำพูดทุกคน แววตากะพริบเย็นเยียบ ในดวงตามีเปลวเพลิงไร้ลักษณ์เบาบาง เขาพ่นลมหายใจเย็นและไม่เพียงแต่จะไม่ถอย เขายังเคลื่อนที่เร็วขึ้น ใช้ระดับบ่มเพาะอันทรงพลังของตนเองเคลื่อนไหวดุจอุกกาบาตและผ่านเหล่าเซียนทั้งหมดเบื้องหน้า มุ่งตรงเข้าหาเหล่าอสูรที่กำลังพุ่งมา

“กล้านัก!”

“เจ้ากล้า?!”

“โอหัง! เจ้ารนหาที่ตาย!”

พฤติกรรมของหวังหลินทำให้ฝูงชนโกรธแค้น จิตสังหารพรั่งพรูออกมาจากทุกคนและบางส่วนก็สร้างผนึกเพื่อโจมตีไว้แล้ว หวังหลินเข้าไปใกล้อสูรนับหมื่นแต่ดูไม่เหมือนจะใช้วิชาอันใดเลย เขาสะบัดแขนคราเดียว โลกส่งเสียงดังลั่น!

เหล่าอสูรดุร้ายที่กระโดดขึ้นไปในอากาศทั้งหมดต่างกรีดร้องโหยหวนและแววตาหวาดกลัว สีหน้าท่าทางบิดเบี้ยว เสียงกรีดร้องแต่ละตัวยิ่งรุนแรง

พริบตาเดียวอสูรดุร้ายเกือบพันตัวได้ถูกเปลวเพลิงไร้ลักษณ์ห่อหุ้มและถูกเผาไหม้จนตาย!

พลังชีวิตสีขาวหลายเส้นสายลอยออกมาและเข้าสู่ร่างหวังหลิน!

เปลวเพลิงไร้ลักษณ์ในร่างอสูรที่ตายไปพุ่งออกมาและแพร่กระจายอย่างบ้าคลั่ง มีอสูรที่ตายจากเปลวเพลิงเพิ่มขึ้นอีก ทำให้ความร้อนมหึมาเต็มไปทั่วโลก

เสียงดังลั่นกึกก้องสั่นสะเทือนไปพร้อมกับอสูรที่ถูกเผาไหม้และกลายเป็นก้อนเปลวเพลิง ทิ้งไว้เพียงขี้เถ้าสีดำ พลังงานสีขาวหลายเส้นสายหลั่งไหลออกมาและพุ่งเข้าสู่ร่างหวังหลิน

เปลวเพลิงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง อสูรจำนวมากกลายเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเพลิง…พลังชีวิตมากมายมหาศาลพุ่งเข้าสู่ร่างหวังหลิน วิญญาณดั้งเดิมดูดซับไว้ทั้งหมด อาการบาดเจ็บของเขากำลังฟื้นฟูในระดับที่น่าเหลือเชื่อ

1,000, 3,000, 8,000, 10,003…พลังชีวิตจำนวนมากเข้าสู่ร่างหวังหลินในพริบตา อสูรอีกมากมายกำลังถูกเพลิงไร้ลักษณ์เผาไหม้เพิ่มขึ้น!

ขณะที่พลังชีวิตพุ่งเข้าไปในร่างของเขา อาการบาดเจ็บของหวังหลินจึงฟื้นคืนมาได้อย่างสมบูรณ์!!

ขณะที่เสียงดังสนั่นกึกก้อง เหล่าอสูรดุร้ายจึงตายตกกันไปอย่างต่อเนื่อง!

เปลวเพลิงไร้ลักษณ์ที่มากมายไร้ขอบเขตกลับเข้าหาหวังหลินจากทุกทิศทางและเข้าสู่ดวงตาซ้ายหลังจากเหล่าอสูรตายเรียบร้อย

ทั้งเรียบง่าย ทั้งน่าอัศจรรย์!

“ใครจะมาฆ่าข้านะ?” หวังหลินหันกลับมา สายตาเยือกเย็นจ้องมองเหล่าเซียนที่ตะลึงงันด้านหลัง ในตาซ้ายมีเพลิงไร้ลักษณ์เก้าสีกำลังเผาไหม้

‘เซียนเพลิงไร้ลักษณ์!!!’

‘มันเป็นเซียนเพลิงไร้ลักษณ์!! เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร!?’

‘ลือกันว่าเซียนเพลิงไร้ลักษณ์นั้นหลายหมื่นปีจะมาปรากฏตัวขึ้นสักหน เขา…เขาคือเซียนเพลิงไร้ลักษณ์ตัวจริง!!’

‘เพียงแค่สะบัดมือ เหล่าอสูรนับหมื่นก็ถูกสังหารในพริบตา เซียนแบบนี้…ข้า…ข้าพยายามจะฆ่าเขาจริงหรือ…’

เซียนเพลิงไร้ลักษณ์ที่ร่ำลือกันได้ปรากฏตัวในพื้นที่ปิดผนึกแห่งนี้พร้อมกับเพลิงพิเศษ! เมื่อเซียนรอบๆเห็นแบบนี้จึงเกิดคลื่นถาโถมขนาดยักษ์ขึ้นในใจตนเอง!

ขณะที่หวังหลินกวาดสายตาผ่านไป ทั้งหมดรีบถอยร่นไปหลายร้อยฟุต ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง เหล่าคนที่กล่าวขึ้นอย่างโอหังก่อนหน้านี้พลันหน้าซีด!

แม้กระทั่งหญิงสาวชุดขาวที่สงบนิ่งมาตลอดยังต้องตกตะลึง แววตาเปล่งประกายอย่างลี้ลับ

สิ่งเดียวที่ดังกึกก้องในหูทุกคนคือเสียงหัวใจเต้นกระหน่ำของตนเอง…

………………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!