1462. แหกกฎ
คำพูดของหวังหลินเย็นชาดุจน้ำแข็งและหยุดโจวจินจากเผ่าหมาป่าสวรรค์ไม่ให้เคลื่อนไหว หยาดเหงื่อผุดบนหน้าผากพร้อมกับจ้องมองหยดน้ำพิษทั้งเก้าที่ล้อมรอบ
เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าหยดพิษเหล่านี้มีพิษที่เหนือจินตนาการ เพียงแค่หยดเดียวก็มากจะทำให้เลือดเนื้อและวิญญาณดั้งเดิมเน่าสลายจนไม่เหลือชิ้นดี
สิ่งที่ทำให้รู้สึกศีรษะด้านชาคือข้างในน้ำพิษมีวิญญาณเพลิงนรกานต์มากมายเกินไป วิญญาณเหล่านั้นเปลี่ยนเป็นวิญญาณพิษและถูกหลอมไปแล้ว พวกมันปลดปล่อยแรงอาฆาตแค้นและพลังทำลายล้างมหาศาล
เขาไม่กล้าเคลื่อนไหว ไม่กล้าขยับเขยื้อนเลย การต่อสู้วันนี้รวดเร็วเกินไปและ เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง เขาไม่คาดคิดว่าจะมีหลิงตงปรากฏขึ้นมาและไม่คาด คิดว่า หลิงตงได้ก้าวข้ามครึ่งก้าวนั้นไปแล้ว!
หากแค่นี้ก็คงไม่มากเกินไป หลังจากใบไม้โบราณปิดผนึกทางหนีของเขาไว้หมด เขายังมีวิธีอื่น แต่ว่าหยดน้ำทั้งเก้าพวกนี้ก็มากพอจะทำลายความคิดนั้นไปแล้ว
กลิ่นอายน่าหวาดกลัวจากหยดน้ำทั้งเก้าทำให้ผิวหนังของโจวจินต้องขนลุกซู่
พอเห็นว่าโจวจินถูกขังไว้แล้ว หวังหลินดวงตาส่องสว่างและเอ่ยขึ้น “หลิงตง”
หลิงตงก้าวเท้าและหยุดห่างจากหวังหลินร้อยฟุต คุกเข่าลงหนึ่งข้างและเอ่ยด้วยแววตาศรัทธา “นายท่านต้องการให้ฆ่าเขาหรือหลอมดี?”
‘นายท่าน!!’ เมื่อคำพูดนี้เข้าหูโจวจินจึงทำให้เขาตกตะลึง แววตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เหล่าเซียนขั้นที่สามเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดและมีอยู่น้อยมาก แต่ละคนต่างมีชื่อเสียงยิ่ง เขาจะไปนับถือใครเป็นนายท่านได้อย่างไร? ยิ่งคนคนนั้นไม่ได้บรรลุขั้นที่สามด้วยแล้ว?
“หลอม!” หวังหลินสะบัดแขน เตาหลอมจักรพรรดิเปลี่ยนแปลงทันที ใบไม้โบราณสิบแปดใบร่อนลงบนเตาหลอมเพื่อผนึกมันเอาไว้ จากนั้นปรากฏดวงวิญญาณและเริ่มทำการหลอม
หลิงตงเข้าไปในมิติมหาสมุทรพิษด้วยการช่วยเหลือของหวังหลิน เขานั่งในอากาศและเริ่มกระบวนการหลอมทาสรับใช้! โจวจินนั้นต่างจากหลิงตง เขาเป็นเซียนขั้นที่สามอย่างแท้จริง ดังนั้นการจะหลอมเป็นทาสรับใช้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะมี เต๋าความฝันเอาไว้เพิ่มโอกาสขึ้นก็ตามที
ตอนนี้โจวจินถูกเตาหลอมจักรพรรดิกักขังเอาไว้โดยมีหลิงตงเฝ้าระวังและใบไม้โบราณสิบแปดใบผนึกเตาหลอม สิ่งสำคัญที่สุดคือหยดน้ำพิษทั้งเก้าที่ล้อมรอบซึ่งทำให้ หวังหลินมั่นใจว่าโจวจินไม่สามารถหนีไปได้
มีหยดน้ำพิษอยู่เก้าหยด ดังนั้นเขาจึงไม่อยากใช้ไปอย่างเสียเปล่า ตอนนี้มันสามารถกักขังโจวจินได้แล้ว หวังหลินไม่ได้ต้องการสังหารโจวจิน หากเขาได้ทาสรับใช้โบราณมาสองตน เมื่อนั้นพอหวังหลินกลับไปที่ดินแดนชั้นใน ฉุยต้าวที่เป็นศัตรูของเขาคงทำได้แค่วิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว
ดวงดาวเทพโบราณของหวังหลินกะพริบวูบวาบและเก็บเตาหลอมจักรพรรดิกลับไป จากนั้นหวังหลินมองลงพื้นดินด้านล่าง
ภายในป่าล้วนว่างเปล่า เหลือไว้เพียงต้นไม้บางส่วนที่อยู่ขอบด้านนอก ใจกลางป่า เป็นจุดที่ทันหลางค้นพบรูปปั้นและยังมีวังวนลอยอยู่
หวังหลินขบคิดเล็กน้อย เขาตั้งใจเอาป่าและกะโหลกไปด้วย อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่มั่นใจว่าวังวนจะหายไปหรือไม่หากเขาเอาไป หากมันหายไปมันก็คงไม่คุ้มค่า
วังวนนี้เป็นสิ่งสำคัญต่อหวังหลิน เขาตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณแต่ไม่มั่นใจว่ามันจะส่งไปดาราจักรโบราณหรือไม่ เขามั่นใจแค่ว่าวังวนนี้มีความสามารถในการเคลื่อนย้าย
หลังจากคิดเพียงเล็กน้อยหวังหลินจึงไม่ลงมือวู่วาม ฝ่ามือสร้างผนึกและเกิดเขตอาคมเต็มไปทั่วท้องฟ้าเพื่อผนึกสถานที่แห่งนี้เอาไว้
หวังหลินใช้เวลาไปหลายวันกว่าจะผนึกที่แห่งนี้จนสมบูรณ์ จากนั้นเขา ก้าวออกมาและทิ้งโลกแห่งป่าไว้ข้างใน
เมื่อหวังหลินปรากฏตัวอีกครั้งเขาอยู่ในสายหมอก เขาเริ่มปลดปล่อยเขตอาคมที่ผนึกพื้นที่ด้านนอกเอาไว้จนในที่สุดจึงผ่อนคลายลง แม้จะมีคนมาที่นี่และได้ใบไม้โบราณไป พวกเขาคงต้องทำลายเขตอาคมเสียก่อนซึ่งมันเต็มไปด้วยอันตราย
หวังหลินมั่นใจในเขตอาคมของตนเองมาก ดวงตาส่องสว่างและปรากฏวิชา ห้วงเวลาขึ้นมาเพื่อเพิ่มอายุของเขตอาคมแห่งกาลเวลา ทำให้มันทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
หลังจากเสร็จสิ้น หวังหลินหันสายตาไปบนแท่นระดับห้าของโจวจิน สะบัดแขนให้แท่นสั่นเทา อักขระเวทย์ทั้งหมดลอยออกมาหาหวังหลิน
ขณะที่อักขระเวทย์เข้าใกล้ หวังหลินนำแท่นระดับห้าของตัวเองออกมาให้มันดูดซับ แท่นของเขาพลันขยายออกไปและกว้างหกหมื่นฟุตในพริบตา พอยืนอยู่บนแท่น หวังหลินจึงรู้สึกถึงสัมผัสวิญญาณอันคุ้นเคยเข้ามาในจิตใจ
แผนที่ปรากฏในใจเขามากขึ้น!
และมีเสียงแห่งบารมีดังกึกก้องในใจหวังหลิน “ระดับเก้าคือสุดท้าย…ข้ามี สามตำหนัก สวรรค์ ปฐพี มนุษย์…ตำหนักมนุษย์มีกระบี่เหรินไฮ่ของข้า กระบี่เล่มนี้อยู่กับข้ามาทั้งชีวิต ผ่านการฆ่าฟันมานับไม่ถ้วน…ด้วยเพราะการเข่นฆ่าเหล่านั้นมันจึงเปลี่ยนกลายเป็นปีศาจและมีผนึกวางเอาไว้สามชิ้น…”
เสียงหายไป หวังหลินสงบนิ่งลง วินาทีต่อมาดวงตาจึงส่องสว่าง ควบคุมแท่นขนาดหกหมื่นฟุตของตัวเองหายเข้าไปในหมอก
ระหว่างทางหวังหลินเคลื่อนไหวรวดเร็ว ทั้งยังสัมผัสกลิ่นอายของแท่นคนอื่นที่นำหน้าได้อย่างเลือนลาง กลิ่นอายเหล่านี้คือกลิ่นอายของแท่นระดับห้าหรือสูงกว่า พวกเขานำหน้าหวังหลินไปไกลมาก
ตามที่หวังหลินคำนวณ คนที่ไกลที่สุดไปถึงแผนที่ส่วนที่แปดแล้ว
‘มีแผนที่ทั้งหมดเก้าส่วน ตามคำพูดของเย่โม่ ไม่เกี่ยวว่าใครจะไปถึงแผนที่ส่วน ที่เก้าได้เร็วที่สุด แต่จะเป็นใครที่ได้แท่นระดับเก้าได้ตามเงื่อนไข…’
‘ด้วยความเร็วของข้าตอนนี้ไม่สามารถเร็วได้กว่าคนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว…’ หวังหลินนั่งลงบนแท่นและเริ่มขบคิด หลังจากนั้นสักพักจึงแตะเข้าที่กลางหน้าผาก ดวงตาเปล่งประกาย
‘ทุกคนในสุสานบัญชาโบราณมีตัวเลขแต่ข้าไม่มี…หากต้าเสินมาที่นี่ เขาก็คงไม่มีอักขระตัวเลขด้วยเช่นกัน…’
‘ข้าเป็นเทพโบราณ ดังนั้นข้าจึงไม่จำเป็นต้องถูกตีตราด้วยตัวเลข…แล้วอักขระตัวเลขคืออะไรกันแน่…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและสังเกตบางอย่างได้เลือนลาง เขาตีใส่แท่นหินด้านล่างของตนเอง อักขระเวทย์หนึ่งชิ้นลอยออกมาและคว้าเอาไว้
หลังจากเข้าสู่สุสาน หวังหลินอยู่นิ่งๆก็ถูกพลังที่ควบคุมที่นี่ผลักดัน แม้กระทั่ง ฝ่ามือยักษ์ก็ดูเหมือนจะถูกคนอื่นควบคุม
เป็นความรู้สึกที่ทำให้เขาอึดอัด นี่คือครั้งแรกที่หวังหลินตรวจสอบอักขระตัวเลขที่สำคัญเหล่านี้ พอจ้องมันจึงค่อยๆขมวดคิ้ว
พอเวลาผ่านไปหวังหลินให้แท่นหินพาเขาไปข้างหน้า แท่นหินทะยานผ่านแผนที่ส่วนที่ห้าและเข้าสู่ส่วนที่หก อักขระเวทย์ข้างในฝ่ามือเปลี่ยนแปลงหลายร้อยครั้ง เขาสำรวจการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้งอย่างละเอียด
‘ข้างในอักขระเวทย์นี้มีพลังแปลกประหลาด พลังอำนาจของอักขระเวทย์ ดูเหมือนจะทำให้คนอยู่ที่นี่ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง…หากไม่มีมันอยู่ด้วย…’ หวังหลินยื่น มือขวาออกไปและให้เด็กสาวจากเผ่าทำลายผนึกปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
แม้เขาจะชิงอักขระเผ่าออกมาจากนางแล้ว ยังมีอักขระอยู่กลางหน้าผาก นี่คืออักขระตัวเลข!
นางหลับตาราวกับกำลังหลับใหล หวังหลินจ้องมองหน้าผากนาง พอผ่านไปสักพักจึงยกแขนขึ้นมา พลังเทพโบราณเต็มไปทั่วแขนและวาดผ่านหน้าผากนางเบาๆ
เด็กสาวตัวสั่น หลังจากมือขวาหวังหลินผ่านไป อักขระยังอยู่ที่เดิม
หวังหลินขบคิดและนำขวดวิญญาณโบราณออกมาจากมิติเก็บของ แขนขวาตีเข้าใส่ขวดและมีวิญญาณมารตัวหนึ่งพุ่งออกมาด้วยเสียงคำราม วินาทีนั้นหวังหลินจับเอาไว้และบดขยี้ เสียงกรีดร้องโหยหวนดังกึกก้อง พลังมารโบราณเต็มไปทั่วมือ หวังหลินและผสานพลังเทพโบราณไปด้วยกัน
พอเวลาผ่านไปการผสมผสานไม่อาจสำเร็จได้ราวกับมันขาดอะไรบางอย่าง
‘พลังปีศาจโบราณ…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างยิ่งขึ้น เขาสะบัดแขนให้น้ำเต้าหนึ่งลูกลอยออกมา เขาได้มันมาจากเซียนคนหนึ่งจากพื้นที่ส่วนแรกที่เขาไปช่วยชีวิตเอาไว้
ตอนนั้นหวังหลินกวาดสัมผัสวิญญาณเข้าไปและรู้ว่ามันคือสมบัติปีศาจโบราณ มันจึงบรรจุพลังปีศาจโบราณไว้บางส่วน
หลังจากนำออกมาหวังหลินก็เปิดออกทำให้ปรากฏพลังปีศาจโบราณขึ้น แขนซ้ายคว้าพลังนั้นไว้ส่วนหนึ่ง ผสานพลังมารโบราณและเทพโบราณไว้ในมือขวา
กลิ่นอายของเผ่าอำนาจโบราณทั้งสามพลันรวมกันและผสานเข้าไปในแขนหวังหลินจนเกิดเป็นพลังพิเศษ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเทพโบราณ มารโบราณหรือปีศาจโบราณเสียอีก พอถือพลังนี้หวังหลินรู้สึกว่าตนเองกำลังถือโลกเอาไว้ในกำมือ
หวังหลินปาดมือไปที่หน้าผากนางโดยไม่ลังเล นางลืมตาขึ้นและส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน อักขระตัวเลขกลางหน้าผากถูกหวังหลินชำระล้างออกไป!
พอไม่มีอักขระตัวเลข ร่างกายนางจึงสั่นเทารุนแรง หมอกรอบตัวดูเหมือนเดือดขึ้นและพุ่งเข้าใส่นางจากทุกทิศทาง ราวกับตัวตนของนางฝืนกฎเกณฑ์ของสุสานและ ทำให้เกิดความวุ่นวาย สุสานจึงทำการกำจัดตัวตนนี้!
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นฉับพลันแม้แต่หวังหลินก็คาดไม่ถึง สายหมอกพรั่งพรูเข้ามาอย่างบ้าคลั่งและนางก็หายไปเบื้องหน้าหวังหลินในพริบตา