1545. สามสมบัติ
“โลกภายนอกสวยงามขนาดไหน? สตรีของโลกภายนอกสวยงามแค่ไหนกัน? โลกภายนอกมีคนมากมายเท่าไร?” เสียงร้องดังกึกก้องจากพื้นที่ที่เจ้าอสูรโลกันตร์กำลังซ่อนตัวอยู่
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจากการที่ถูกกักขังไว้เป็นเวลานาน จากนั้น ร่างผอมบางและสกปรกส่งเสียงคำรามและพุ่งไปรอบๆ พื้นที่ทั่วบริเวณ
หวังหลินคุ้นชินกับความเอะอะของเหลียนต้าวเฟยแล้ว ดังนั้นจึงไม่ให้ความสนใจคนบ้าอีก หวังหลินมองไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ เข้าหาดวงดาวเบื้องหน้าและสัมผัสถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคย
กลิ่นอายของบ้าน
‘ในที่สุด…ก็ได้กลับบ้าน…’ แววตาหวังหลินเต็มไปด้วยความคิดถึง เขามีบ้านและที่นั่นอยู่บนดาวซูซาคุในดาราจักรฟ้ากระจ่าง ทว่าเขาไม่มีครอบครัวเหลืออยู่แล้ว มีเพียงแค่วิญญาณ…
หวังหลินไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องการกลับไปบ้าน มันไม่ใช่เพื่อฉิงชุ่ย ซือถูหนานหรือคนอื่นๆ แต่ในใจเขาแม้จะผ่านไปหลายพันปีก็ยังมีพลังประหลาดที่ทำให้เขาไม่สามารถตัดขาดได้
ถึงแม้จะไม่มีคนในครอบครัวเหลืออยู่เลยก็ตาม…
หวังหลินเต็มไปด้วยแววตาเศร้าหมอง ความเศร้านี้อยู่กับเขามาทั้งชีวิต หวังหลินมองไปข้างหน้าอยู่นานก่อนจะหลับตาลง ไม่มีน้ำตา มีเพียงความเจ็บปวด
เสียงคำรามของเหลียนต้าวเฟยค่อยๆอ่อนลง เขามองหวังหลินด้วยท่าทีงงๆ จึงเงยศีรษะขึ้นมา เขาไม่เคยเห็นหวังหลินมีท่าทีเช่นนี้มาก่อน แต่เขาสามารถสัมผัสถึง ความเศร้าอันเบาบางออกมาจากวิญญาณของหวังหลินได้
“เฮ้น้องสาว เจ้าเป็นอะไร? มาบอกข้าสิว่าใครกลั่นแกล้งเจ้า ข้าจะไปลงโทษมันเอง!” เหลียนต้าวเฟยเท้าสะเอวและเชิดคางขึ้นให้ดูมีสง่าราศี
หวังหลินลืมตาและส่ายศีรษะเงียบๆ ก้าวเดินออกไปด้วยเท้าอันหนักหน่วง
ก้าวเดินช้าๆ สายตาตกลงบนดวงดาว เขารู้สึกว่าทุกอย่างที่นี่ช่างคุ้นเคยมาก ยิ่งรู้สึกชัดเจนเท่าไหร่ยิ่งโศกเศร้ามากเท่าไหร่
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเศร้ากว่าตอนที่กลับมาจากดาราจักรทุกชั้นฟ้า บางทีครั้งนี้เขารับรู้อะไรมากเกินไปและจากไปยังสถานที่อันห่างไกล…
“ไม่ชอบแบบนี้ หากเจ้ารู้สึก ข้าก็รู้สึกเศร้าไปด้วย…ตอนนี้ข้ารู้สึกคิดถึงบ้านเหลือเกิน น้องแดง น้องเงิน พวกเจ้าทั้งสองอยู่ไหน? ทำไมพวกเจ้ายังไม่ออกมาตามหาข้า? ข้าคิดถึงบ้าน ข้าอยากกลับบ้าน…” เหลียนต้าวเฟยติดตามหวังหลิน ค่อยๆได้รับอิทธิพลของอารมณ์หวังหลินจนหดหู่ไปด้วย
ทว่าอารมณ์ของเหลียนต้าวเฟยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานก็ลืมความเศร้าเมื่อครู่และตื่นเต้นขึ้นอีกครั้ง เขาร้องคำรามพลางควบคุมก้อนหินรอบตัวฆ่าเวลา
หวังหลินก้าวเดินไปพลางฝังความเศร้าและซ่อนความอ่อนเพลีย เขามีหลายอย่างที่ต้องทำ ยังไม่สามารถพักผ่อนได้
หวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยที่กำลังเล่นอยู่ไกลๆ แต่ก็ไม่ได้ห่างไปไหน หวังหลินเผยท่าทีอิจฉาความสุขของเหลียนต้าวเฟยที่สามารถลืมทุกอย่างได้และหาหนทางทำตัวเองให้มีความสุข
หวังหลินมิอาจทำเช่นนี้ได้
ทั้งสองคนก้าวเดินออกไปไกลพร้อมกับมีเสียงหัวเราะและเสียงคำรามแหบพร่าดังกึกก้อง
หลังจากนั้นไม่นาน ดาวเคราะห์เซียนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ดาวเคราะห์นี้ขนาดใหญ่มากพอๆ กับดาวเทียนหยุน ทว่ามีดาวเคราะห์ที่เล็กกว่าปกป้องมันซึ่งมีมากกว่าของดาวเทียนหยุน
หวังหลินไม่เคยมาดาวดวงนี้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่คุ้นเคยเล็กน้อย
รอบๆ ดาวเคราะห์มีระลอกคลื่นส่งเสียงดังกึกก้อง เปล่งกลิ่นอายแห่งเขตอาคม
ทั่วทั้งดวงดาวเงียบสงัดดาวกับเป็นดาวร้าง ไร้สิ้นเสียงอันใด
ขณะที่มองเข้าไป เหลียนต้าวเฟยเห็นดาวเคราะห์เซียนจึงเริ่มส่งเสียงตะโกน ดวงตาส่องสว่างและเริ่มคำราม
“ว้าว ว้าว! มีคนมากมาย หญิงสาวมากมาย ที่นี่ดีเยี่ยมทีเดียว! ในที่สุดข้าก็เจอคนอื่น น่าสนุก น่าสนุก!” เหลียนต้าวเฟยสะบัดแขนอย่างตื่นเต้นและมองหวังหลิน
“ข้าอยากไปเล่นที่นั่น…”
หวังหลินกวาดสายตาผ่านดาวเคราะห์เซียน เขาไม่ได้สนใจเซียนคนใดบนดาวและเห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน
ที่นี่คือดาวเคราะห์เซียนระดับเจ็ดที่แบ่งออกเป็นหลายร้อยแคว้น มีเซียนอยู่จำนวนมากแต่ส่วนใหญ่อยู่ในขั้นแรก ปัจจุบันมีเซียนขั้นที่สองไม่มากนัก
บนพื้นผิวดวงดาว คนที่ระดับบ่มเพาะสูงที่สุดเป็นชายวัยกลางคนขั้นชำระสวรรค์ ทว่าใจกลางดาวเคราะห์มีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง และเห็นได้ชัดว่ามีเซียนเฒ่าสี่คนที่ปิดด่านบ่มเพาะอยู่ตลอด
คนที่มีระดับบ่มเพาะสูงที่สุดคือขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สาม อีกสองคน ขั้นทะลวงสวรรค์ระดับแรก คนสุดท้ายอยู่ในขั้นทลายสวรรค์
ในถ้ำกลางดาวเคราะห์มีพลังเพลิงและน้ำแข็ง ซึ่งบ่งบอกได้ชัดเจนว่าพวกเขากำลังยืมพลังเหล่านี้มาระงับการทะลวงสวรรค์เพื่อให้ผ่านไปอย่างช้าๆ
“ข้ามีเรื่องสำคัญต้องไปทำ ดังนั้นข้าไม่สามารถเล่นกับเจ้าได้” หวังหลินถอนสายตา เขารู้ว่าไม่มีใครที่นี่สามารถทำให้เหลียนต้าวเฟยบาดเจ็บได้
“ไม่มีปัญหา ข้าจะไปเล่นเอง หากเจ้าติดตามข้า ข้าจะรู้สึกไม่สบายใจ แม้เจ้ายืนกรานติดตามข้า ข้าก็ไม่ยอมหรอก!” เหลียนต้าวเฟยพ่นลมหายใจ
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยพลางมองดูเหลียนต้าวเฟย เอ่ยขึ้นมาด้วยสายตาอ่อนโยน “ต้องเป็นที่นี่ใช่หรือไม่? เจ้าติดตามข้าดีกว่า เมื่อข้าเสร็จเรื่องราว ข้าจะพาเจ้า ไปเล่น”
เหลียนต้าวเฟยส่ายศีรษะพลางมองกลับไปที่ดาวเคราะห์เซียน บ่นพึมพำด้วยดวงตาตื่นเต้น “ที่นี่มีคนมากมาย มันต้องสนุกแน่ มีสตรีหลายคน…เซียนหลายคน ฮ่าฮ่า ตอนนั้นข้าก็หนีมาเจอสถานที่เล่นแบบนี้ ข้าไม่อยากไปไหนเลย…”
พอเห็นสีหน้าของเหลียนต้าวเฟย หวังหลินผุดรอยยิ้ม ขบคิดเล็กน้อยแต่ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเหลียนต้าวเฟยมีความคิดแบบเด็กๆ แม้จะมีร่างกายอมตะแต่เรื่อง การโดนหลอกคงหนีไม่พ้น
หากหวังหลินหลอกเขาก็ยังพอทำเนา แต่หวังหลินคงไม่ยอมให้คนอื่นมาหลอกเหลียนต้าวเฟยแน่ หวังหลินตอบแทนคนที่ทำดีกับเขาเสมอ เหลียนต้าวเฟยทำให้เขาเจอกับโชคดีมหาศาล เขาไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเหลียนต้าวเฟยแน่!
“ไม่!” หวังหลินสะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีทองพุ่งใส่เหลียนต้าวเฟยและห่อหุ้มรอบตัว ทั้งนี้จึงพ่วงเหลียนต้าวเฟยไปด้วย
เหลียนต้าวเฟยรู้สึกโกรธขึ้นมาและเริ่มคำราม ดิ้นรนใช้วิธีการบางอย่างเพื่อเป็นอิสระจากแสงสีทอง จากนั้นคำรามโกรธเกรี้ยวใส่หวังหลิน
“บัดซบ เจ้ากล้าใช้กำลังบังคับข้าหรือ?! แม้แต่พี่ใหญ่ก็ควบคุมข้าไม่ได้ หากข้าต้องการไปเล่น ข้าก็จะไป! แม้เจ้าจะเป็นอาจารย์ข้า แล้วอย่างไร? ฮึ่มฮึ่ม ข้ามีอาจารย์กี่คนกัน? ให้ข้านับ หนึ่ง สอง สาม แปด…ช่างมันเถอะ เจ้ากล้าใช้กำลังบังคับข้า!”
“ข้าจะไปเล่นที่นั่น!” เหลียนต้าวเฟยจ้องหวังหลินและกัดฟัน เผยสีหน้าท่าทางดุดัน
หวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยอย่างเย็นชา เขาเป็นคนเงียบๆ และไม่ใช่คนที่ชอบอำนวยความสะดวกให้คนอื่น พอเห็นเหลียนต้าวเฟยมุ่งมั่นขนาดนั้น จึงพ่นลมหายใจเย็นและสะบัดแขนขวา ลำแสงสองสายลอยออกมาจากมิติเก็บของ
ลำแสงแรกร้องคำรามด้วยความตื่นเต้น
“ข้าไม่กลับไป ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่กลับ ทุกครั้งที่ท่านต้องการข้า ท่านแค่นำ ข้าออกมาและโยนกลับไปเมื่อท่านไม่ต้องการ แม้ข้าจะเป็นจิตวิญญาณกระบี่ ข้าทำคุณงามความดีแก่ท่านไปมหาศาล ท่านทำแบบนี้กับข้าไม่ได้!” ลำแสงนี้คือฉวี่ลี่กั๋ว วินาทีที่เขาปรากฏขึ้นจึงเห็นเหลียนต้าวเฟย
เหลียนต้าวเฟยตกตะลึงไปชั่วขณะและมองฉวี่ลี่กั๋ว
ทั้งสองมองหน้ากันเองชั่วครู่ก่อนจะมีศีรษะหนึ่งชะโงกออกมาจากลำแสงที่สอง มันคือหลิวจินเปียว หลิวจินเปียวมองไปรอบๆ อย่างละเอียด จากนั้นสำรวจ เหลียนต้าวเฟย ท้ายที่สุดจึงกระแอมออกมาแห้งๆ และก้าวเดินอย่างระวัง
“เจ้าสองคนอยู่กับเขาและรอข้ากลับมาบนดาวเคราะห์เซียนดวงนี้ ช่วงระหว่างนี้อย่าให้ใครทำร้ายเขา!” หวังหลินเป็นคนเอ่ยคำพูดและคำพูดเปล่งแรงกดดันออกมาด้วย
หวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยก่อนจะหันตัวกลับและก้าวเดินออกไปไกล ด้วยฉวี่ลี่กั๋วที่มีระดับบ่มเพาะไม่มากไม่น้อย และหลิวจินเปียวที่เก่งด้านการหลอกลวง หลิวจินเปียวน่าจะอยู่บนดาวเคราะห์นี้อย่างปลอดภัย
ทำให้เขาหมดห่วง จากนั้นหวังหลินพุ่งตรงไปหากองบัญชาการของพันธมิตรเซียน!
‘ศิษย์พี่ฉิงชุ่ย หวังหลินกำลังไป!’
หลังจากที่หวังหลินจากไป เหลียนต้าวเฟยและฉวี่ลี่กั๋วมองหน้ากันเอง สักพักทั้งสองก็พูดออกมาพร้อมกัน
“สาวน้อย บอกราชาผู้นี้มา เจ้าชื่ออะไร?”
“เจ้าเป็นใคร?”
ฉวี่ลี่กั๋วตกตะลึงไปชั่วขณะและโกรธทันที เขาจ้องมองเหลียนต้าวเฟยและเอ่ยขึ้น “ใครเป็นสาวน้อย? ข้าเป็นผู้ชาย!”
เหลียนต้าวเฟยหัวเราะและชี้ใส่ฉวี่ลี่กั๋ว เขากำลังจะพูดขึ้นมาแต่หัวเราะท้องแข็ง ราวกับกำลังม้วนตัวอยู่บนพื้น
“เจ้าน่ะหรือผู้ชาย? ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า น้องแดง มานี่ มาดูสิ จิตวิญญาณกระบี่นี่คิดว่าตัวเองไม่ใช่สาวน้อย…ฮ่าฮ่า ข้าขำจนท้องแข็งแล้วเนี่ย…อาา ฝนตก น้องแดง ฝนตก ไปเอาร่มมาให้ข้า…” เหลียนต้าวเฟยพูดกับตัวเองด้วยแววตาสับสน เขาค่อยๆ หยุดหัวเราะและจ้องฉวี่ลี่กั๋ว
ฉวี่ลี่กั๋วกะพริบตาปริบๆ ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เขามองไปทางหลิวจินเปียวด้วยสายตาสงสัย
หลิวจินเปียวมีท่าทีเคร่งขรึมและก้าวไปข้างหน้า เขาสำรวจเหลียนต้าวเฟยอย่างละเอียดก่อนจะมองฉวี่ลี่กั๋วด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ว่าจะดูอย่างไรรอยยิ้มนั้นเหมือนจะมีอะไรบางอย่าง
“คนบ้า?”
“ใช่ คนบ้าอย่างไม่ต้องสงสัย!”
ฉวี่ลี่กั๋วและหลิวจินเปียวสบสายตากัน ทั้งสองหันศีรษะพร้อมเพรียง ส่งรอยยิ้มไปให้เหลียนต้าวเฟย