Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1588

Cover Renegade Immortal 1

1588. ความเป็นและความตาย

“หอกสีรุ้ง!” เหลียนต้าวเฟยเคยใช้วิชานี้มาก่อน หวังหลินกระทั่งรู้บทร่ายและผนึกเรียกใช้งาน เขาไม่ได้เข้าใจมันดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ได้ อย่างไรก็ตามเขารู้ว่า หอกสีรุ้งมีพลังทำลายล้างโลก มันเป็นวิชาทรงพลังยิ่งยวดที่ไม่ใช่ของโลกนี้เหมือนกับวิชาร่มบรรพกาลเผาดินแดน!

ทุกสิ่งทุกอย่างเบื้องหน้าหวังหลินได้หายไป สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือแสงสีรุ้ง แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง กลิ่นอายแห่งความตายล้อมรอบร่างกาย

หวังหลินเข้าใจแล้วว่าตนเองไม่สามารถหลบหลีกหรือต่อต้านได้…หอกสีรุ้งคือหายนะแห่งชีวิตและความตายของจริง

ในสายตาเขา ก้อนเมฆม้วนตัวเหล่านั้นดูเหมือนจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาเห็นวิหคสีขาวที่พยายามหลบหนีก้อนเมฆสีดำขณะที่ฝนกำลังตก

วิหคตัวนั้นปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลินชัดเจน มันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ไม่ยินยอมและดิ้นรน ท้ายที่สุดก็ยังถูกเมฆสีดำกลืนกิน

วิหคตัวนั้นคือสัญญาณของหายนะแห่งชีวิตและความตาย

ท้องฟ้าถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีรุ้ง หอกสีรุ้งเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น หวังหลินเผยรอยยิ้มขมขื่น เข้าใจแล้วว่าตนเองคงไม่รอดชีวิตในหายนะครั้งนี้

‘ท่านพ่อ ท่านแม่…เถี่ยจู้เหนื่อยมาก ข้าจะไปอยู่กับท่าน ตกลง…’ แววตาสิ้นหวังของหวังหลินได้หายไปและถูกแทนที่ด้วยความโล่งอก

เขาเหน็ดเหนื่อยมาก เขาต้องการพักผ่อน เขาต้องการหลับตา ต้องการมีชีวิตธรรมดา ไม่ต้องการเผชิญกับการดิ้นรนเอาตัวรอดเหล่านั้น เขาไม่ต้องการดิ้นรนกับโชคชะตาทั้งหมดนี้ เขาไม่ต้องการลากครอบครัวเข้าไปด้วย ต้องการเพียงส่งท่านพ่อท่านแม่และปัดกวาดหลุมศพของท่าน

เขาอยากจะไม่รับรู้สิ่งใดเลย…ไม่อยากรับรู้ถึงเหล่าเซียนบนดาวซูซาคุ แคว้นเซียนแห่งอื่น และพันธมิตรเซียนที่อยู่นอกดาวซูซาคุ…

ไม่ต้องการรับรู้ถึงอวกาศนอกดาวซูซาคุที่มีดาวเคราะห์ดวงอื่นเช่นกัน เขาไม่ต้องการรับรู้ว่านอกดาวซูซาคุคือพันธมิตรเซียน และพันธมิตรเซียนอยู่ในดาราจักรฟ้ากระจ่าง…

เขาไม่ต้องการรับรู้ว่าด้านนอกดาราจักรฟ้ากระจ่างยังมีดาราจักรทุกชั้นฟ้า ทะเลเมฆาและอัญเชิญนที…

ไม่ต้องรับรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงดินแดนชั้นใน ไม่ต้องการรับรู้ว่ามีดินแดนชั้นนอก อยู่ด้วย…

ขณะที่หวังหลินมีชีวิตอยู่ เขาค่อยๆตระหนักเรื่องราวที่ใหญ่โตกว่านั้น…มากขึ้น…

‘ทั้งหมดจบแล้ว…ข้าเป็นอิสระ…หวานเอ๋อร์ ข้าขอโทษ…ท้ายที่สุดข้าก็ไม่แข็งแกร่งพอจะคืนชีพเจ้า…ผิงเอ๋อร์ พ่อขอโทษ…พ่อทำดีที่สุดแล้ว…’ หวังหลินรู้สึก ขมขื่นพลางหลับตาลง

สิ่งเหล่านี้คือความคิดสุดท้ายก่อนหอกสีรุ้งจะเข้ามานำความตายมาให้เขา

ขณะที่หลับตา เสื้อผ้าบนหน้าอกพังทลายและหน้าอกยุบตามไปด้วยกัน เลือดเนื้อฉีกขาด ใบหน้ายังคงเหมือนเดิม…

ฝุ่นกลับคืนสู่ฝุ่น พื้นดินกลับคืนสู่พื้นดิน…

เมื่อหอกสีรุ้งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ร้อยฟุต ภาพอบอุ่นปรากฏขึ้นด้านหน้าสายตาเขา…

ณ สนามหญ้า ท่านพ่อกำลังสูดกล้องสูบยา จากนั้นพ่นควันออกมาก่อนจะวางลง ในมือคือไม้แกะสลักรูปลูกม้าตัวเล็กๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นี่คือของขวัญที่เขาจะมอบให้เถี่ยจู้ครบอายุเจ็ดขวบ

หวังหลินเท้าคางอยู่ข้างๆ บิดาและมีแววตาตื่นเต้น เฝ้าดูลูกม้าตัวน้อยเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ในสายตาของเขาท่านพ่อทำได้ทุกอย่าง ท่านพ่อคือสรวงสวรรค์

ห่างออกไปไม่ไกล ผู้เป็นแม่กำลังถือกระทะไปพลางให้อาหารไก่ เป็ดและสิ่งมีชีวิตรอบๆ ตัว นางมองดูสามีและลูกชาวด้วยสายตาอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความสุข

ภาพค่อยๆ หายไปกลายเป็นเศษละออง เศษละอองเหล่านี้ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาใหม่เป็นหมู่บ้านอันเงียบสงบและล้อมรอบด้วยร่มเงา

ในหมู่บ้านมีกระท่อมไม้อยู่หลังหนึ่ง ลี่มู่หวานกำลังนั่งข้างหน้าบ้าน เรือนผมม้วนขึ้นดุจนายหญิง ใบหน้าละเอียดอ่อนเปล่งรัศมีแห่งความสุขขณะมองดูบุรุษเบื้องหน้านาง นางรอมานาน… ตอนนี้นางสามารถมองดูเขาอย่างเงียบๆ ได้จวบจนนิรันดร์…

ฝ่ามือเลื่อนไปบนพิณโบราณและเล่นเพลงเบาๆ

ขณะที่เสียงเพลงดังลั่น หวังหลินถือท่อนไม้ขึ้นมาเหมือนพ่อของเขา มองไปที่ลี่มู่หวานอย่างอ่อนโยนพลางแกะสลักนางเอาไว้ ทั้งสองมองหน้ากัน หุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มิอาจอธิบายและเป็นภาพที่มิอาจลืมเลือน

ภาพนี้ค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ หลังจากเปลี่ยนเป็นละอองแล้วจึงก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เขาอยู่บนภูเขาสูง เสียงสายลมพัดกระพือ หวังหลินยืนอยู่เงียบๆ บนยอดเขาด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเศร้าและโดดเดี่ยว

สายตาทอดมองไปข้างหน้าและซ่อนความโศกเศร้าเอาไว้ แม้จะถูกซ่อนเป็นอย่างดีแต่มันก็รุนแรงและรั่วไหลออกมาในเงาด้านหลัง ร่อนลงไปในสายตาของชายหนุ่มด้านหลังหวังหลิน

ชายหนุ่มผู้นี้สวมเสื้อผ้าขาดๆ เมื่อเขาอยู่หลังผู้เป็นพ่อ ไม่ว่าสายลมจะแข็งแกร่งแค่ไหน สายลมนั้นก็จะพัดใส่เขาเบาๆ ท่านพ่อเขาเป็นเสมือนภูเขาที่ค้ำจุนโลกนี้เอาไว้ การมีท่านพ่ออยู่ด้วยเขาจึงไม่กลัวว่ายอดเขาจะสูงไปหรือลมจะรุนแรงเกินไปหรือไม่

พอมีท่านพ่ออยู่ด้วย เขาไม่หวาดกลัวสิ่งใด

ชายหนุ่มมองแผ่นหลังของพ่อและเอ่ยอย่างจริงจัง “ท่านพ่อ ผิงเอ๋อร์จะอยู่กับท่านตลอดไป เราจะไม่มีวันแยกจากกัน…”

ภาพสุดท้ายในความคิดเขาพังทลาย และร่างกายแตกสลายไปด้วยกัน หอกสีรุ้งเข้ามาใกล้หวังหลินมากขึ้นไปแล้ว

ทว่าในจังหวะนั้น เสียงหนึ่งดังออกมาจากแสงสีฟ้าที่ครอบคลุมหลุมในท้องฟ้า

“เอ๋?”

เสียงนี้ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน แม้กระทั่งแสงสีฟ้าก็หยุดมันไม่ได้ ขณะที่เสียงดังกึกก้องในโลก สีหน้าท่าทางของราชันย์จึงเปลี่ยนไป สายตาที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้สวรรค์จะพังทลาย แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยสายตาหวาดกลัวที่สุด!

แม้แต่ตอนที่จ้าววิญญาณสีชาดปรากฏตัว เขาก็ไม่เป็นแบบนี้ แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้ขึ้นมา ความคิดของเขาแทบพังทลายและถอยร่นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเต็มไปด้วย ความไม่เชื่อ ความหวาดกลัวรุนแรงจนปิดไม่มิด!

“ฮ่าฮ่า ในที่สุดราชาผู้นี้ก็พบเจ้า บัดซบ เจ้าทิ้งข้าจริงๆ ข้าไม่ยอมแน่!” ในแสงสีฟ้า เหลียนต้าวเฟยกำลังถือไก่ครึ่งน่องในมือและมีสายตาพึงพอใจ เขาก้าวเดินออกมาจากแสงสีฟ้า

ตอนที่เหลียนต้าวเฟยปรากฏตัว แสงสีทองทรงพลังแผ่กระจายออกจากร่างกาย

สีหน้าท่าทางของราชันย์จึงเปลี่ยนไป แม้เขาจะบ่มเพาะมานานหลายปี ความคิดจิตใจถึงกับพังทลาย

“ท…ท่าน…” ราชันย์มองเหลียนต้าวเฟยพร้อมกับความคิดขาวโพลน ใบหน้า ซีดเผือดทันที

หลังจากเหลียนต้าวเฟยเอ่ยขึ้น เขาเห็นหวังหลินและหอกสีรุ้ง เสียงดังปัง หอกล้อมรอบหวังหลินให้เรืองแสงสีรุ้ง

เหลียนต้าวเฟยตกตะลึงไปชั่วขณะและคำรามออกมาอย่างตกตะลึง เขาไม่สนราชันย์เลย แสงสีทองห่อหุ้มเขาและก้าวเข้าหาแสงสีรุ้งนั้น

“เจ้าตายไม่ได้ เจ้ายังไม่ได้เล่นกับข้าเลย เจ้าสัญญาว่าจะพาข้าไปเล่นอีกหลายที่…” เหลียนต้าวเฟยร้องคำรามด้วยสายตาบ้าคลั่ง เขาพุ่งเข้าไปในแสงสีรุ้งและกอดร่างที่กำลังแตกสลายของหวังหลิน

หอกสีรุ้งมีพลังทำลายล้าง และเมื่อเหลียนต้าวเฟยกอดหวังหลิน พลังทำลายล้างจึงระเบิดขึ้นมา สิ่งที่ทำให้หอกสีรุ้งน่าหวาดกลัวก็คือพลังของมันจะระเบิดออกมา เจ็ดครั้ง แต่ละครั้งรุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อนหน้า!

เสียงระเบิดดังสนั่นรุนแรงในครั้งเดียว หลังเสียงระเบิดผ่านไปเจ็ดครั้ง โลกสั่นสะเทือนและท้องฟ้าถูกฉีกเปิดออก!

แม้กระทั่งแม่น้ำด้านล่างยังระเบิด โลกที่ปิดผนึกแห่งนี้เปลี่ยนกลายเป็น เศษละอองกระจัดกระจายไปทุกทิศทางดุจพายุ

พายุฉีกเปิดโลกออกไป ฉีกเปิดอวกาศและเปิดทุกอย่างออกไปหมด จากนั้นปรากฏหลุมสีดำขึ้นมาซึ่งนำทางไปสู่สถานที่ไหนสักแห่ง มันเป็นสีดำสนิท

เหลียนต้าวเฟยมีร่างเทพอมตะที่สมบูรณ์ ช่วงระหว่างการพังทลายนี้ร่างเขาแตกสลายไปหลายครั้ง สุดท้ายแล้วภายใต้พลังทำลายล้างของหอกสีรุ้ง เขาอุ้มร่างไร้สติของหวังหลินและทั้งสองจึงได้ถูกหลุมสีดำดูดเข้าไป

นาทีนั้น ขณะที่โลกผนึกพังทลาย ร่างของราชันย์กลายเป็นพร่ามัว เขาจ้องมองหลุมสีดำที่สูญสลายไปแล้วเรียบร้อยและพึมพำกับตัวเอง

‘เขาเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ…บ้าไปแล้วจริงๆ…ต้องเป็นเขาแน่ที่มอบร่างเทพอมตะให้หวังหลิน หากเขาไม่บ้า คงไม่มีวันทำเช่นนี้ลงไป…เขาบาดเจ็บสาหัสและมีนิสัยจากในอดีต เขาไม่มีวันช่วยใครแน่ เขา…เป็นบ้าไปแล้วจริงๆ…แม้แต่ข้าก็ยังจำไม่ได้เลย…’ ราชันย์ผ่อนคลาย ร่างกายแตกสลาย

ขณะที่เขากำลังแตกสลาย คนผู้หนึ่งก้าวเดินออกมาเงียบๆ ข้างๆ เขา คนผู้นี้คือ ผีเฒ่าจาง วินาทีนั้นชี้ใส่ร่างพร่ามัวของราชันย์

ราชันย์พลันหันศีรษะกลับมาแต่เขาตกอยู่ในภวังค์และลดความระมัดระวังลง ตอนนี้จะหลบเลี่ยงก็สายเกินไปแล้ว ร่างกายเขาหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด

ผีเฒ่าจางมองดูตำแหน่งหลุมดำและขบคิด โลกปิดผนึกแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยเซียนขั้นที่สามของดินแดนชั้นนอกจำนวนหลายคน แม้จะมีกลิ่นอายที่รั่วไหลออกจากหลุมเป็นเครื่องชี้ทาง เขายังต้องใช้เวลาเล็กน้อยกว่าจะมาที่นี่ได้

“ช้าไปก้าวเดียว เรื่องโลหิตเทพนั่นช่างโชคร้ายเสียจริง ส่วนเจ้าคนเสียสติผู้นั้น…เป็นไปได้ว่าคือคนในความทรงจำของเขา…ข้าไม่คิดว่าเขาจะบ้าไปแล้วจริงๆ…ทั้งสองถูกหลุมสีดำนั่นดูดกลืน เห็นได้ชัดว่ากลิ่นอายที่โผล่ออกมาจากหลุมดำคือผนังถ้ำ หนึ่งขั้นในเทพอมตะ หนึ่งขั้นจากที่นี่…” ผีเฒ่าจางส่ายศีรษะและจากไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!