Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1621

Cover Renegade Immortal 1

1621. ประตูกระดูกหมื่นดับสูญ

หวังหลินไม่ได้ดูดซับพลังและไม่คิดที่จะทำเช่นนั้น ตอนนี้ต้องการให้ประตูดับสูญปะทุขึ้นมาเพื่อให้ระดับบ่มเพาะของเขาเพิ่มมหาศาลหลังจากบรรลุขั้นที่สาม

หากเขาดูดซับพลังของประตูดับสูญตอนนี้ เขาจะกลายเป็นเซียนขั้นสวรรค์ดับสูญระดับกลางทันที แต่หวังหลินไม่ต้องการ เพราะมันก็แค่สองแก่นแท้

เพียงแค่หวังหลินชี้ไป ดุจมีเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวออกมาจากวังวนที่สร้างขึ้นจากประตูดับสูญแตกสลาย วังวนหมุนอย่างรวดเร็ว ประตูดับสูญบานที่สามปรากฏขึ้น!

ทว่าในขณะที่ประตูดับสูญบานที่สามปรากฏ บานที่สี่ก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน!

ต่อจากบานที่สี่ยังมีอีกบาน นั่นคือบานที่ห้า!

สามประตูดับสูญปรากฏขึ้นในครั้งเดียว แค่ปรายตามองก็ดูน่าตกตะลึงพอแล้ว เหล่าเซียนรอบด้านหลายหมื่นคนถึงกับไม่มีสติ สิ่งเดียวที่มีอยู่ตอนนี้คือความหวาดกลัวและน่าสยองขวัญ

“สามประตูดับสูญ!”

“เขา…เขากำลังทำอะไร? หลังจากใช้ความพยายามไปอย่างมากเพื่อเปิด ประตูดับสูญ”

“แม้แต่ในห้าปรมาจารย์แห่งดาราจักรโบราณ ข้าก็ไม่เคยได้ยินใครสามารถทำเช่นนี้ได้…จ้าวดินแดนปิดผนึก…จ้าวดินแดนปิดผนึก…”

หวังหลินมองประตูดับสูญสามบานด้วยท่าทีสงบนิ่ง ฝ่าเท้าก้าวออกและพุ่งไปหาประตูดับสูญดุจอุกกาบาตท่ามกลางสายตาของทุกคน

“ประทับ…” แขนขวาของหวังหลินยื่นออกไปพร้อมกับกางนิ้วออกมา ขณะเข้าไปใกล้ประตู แขนขวาจึงกดประทับลง

“เวร…” น้ำเสียงดังกึกก้องจนในที่สุดก็เอ่ยคำสุดท้ายออกมาได้!

“กรรม…”

ประทับเวรกรรม หวังหลินใช้เวลามากกว่าเจ็ดสิบปีในเต๋าแห่งความฝันเพื่อทำความเข้าใจเวรกรรม มันคือวิชาที่ห้าที่เขาคิดค้น

จังหวะที่เอ่ยคำว่า “กรรม” แขนขวาประทับลงใส่ประตูบานที่สาม แววตากะพริบเย็นเยียบ นิ้วมือกุมเข้ามาจนเกิดเสียงดังปัง ใกล้ที่จะกลายเป็นกำปั้น

ราวกับการคว้าจับนี้ได้จับใส่เวรกรรมของโลก หวังหลินดึงแขนขวากลับมาจากประตู

พอกระชากออกมา ราวกับเงาของประตูดับสูญได้ถูกหวังหลินลากออกมาด้วย

จากนั้นยกแขนขวาขึ้นไป เสียงดังสนั่นออกมาจากประตูดับสูญบานที่สาม จากนั้นเกิดเสียงแตกร้าวและเกิดรอยแตกแพร่กระจายตรงจุดที่ฝ่ามือของหวังหลินกระแทกใส่ มันร้าวไปทั่วประตูดับสูญ จนท้ายที่สุดเกิดเสียงดังปัง ทั้งประตูแตกสลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย

ประตูดับสูญบานที่สามพังทลาย!

หวังหลินหัวเราะดังลั่น แก่นแท้แห่งเวรกรรมห่อหุ้มไปรอบร่างกาย กลิ่นอายรอบตัวเขาเพิ่มพูนขึ้นมหาศาลจากขั้นสวรรค์ดับสูญระดับกลาง กลายเป็นระดับปลาย!

นับตั้งแต่ยุคโบราณมา ไม่มีใครทะลวงเปิดประตูดับสูญแบบนี้ได้สำเร็จ!

หวังหลินไม่หยุดแค่นั้น พอประตูดับสูญบานที่สามแตกสลาย เขาก้าวข้ามผ่านเศษเสี้ยวจนมาถึงประตูดับสูญบานที่สี่ สองฝ่ามือกดประทับลงไป

“ผนึกแห่งชีวิตและความตาย!”

แขนซ้ายหวังหลินเต็มไปด้วยควันสีขาว มันพุ่งเข้าใส่ประตูดับสูญเข้าครอบงำ อยู่ครึ่งซีก ขณะเดียวกันควันสีดำแพร่กระจายออกมาจากแขนขวาและส่งผ่าน ประตูดับสูญไป ควันสีขาวและดำเริ่มหมุนเข้าด้วยกันทำให้ประตูดับสูญสั่นเทาอย่างรุนแรง

พอหวังหลินเอ่ยคำว่า “ผนึกแห่งชีวิตและความตาย” สายตาเต็มไปด้วยความทระนงดุจมองลงมาจากเบื้องบน สองฝ่ามือผลักดันไปด้านข้าง

“จงเปิดออก!”

ดุจสองแขนมีพลังแห่งชีวิตและความตาย ประตูดับสูญบานที่สี่สั่นสะท้านอย่างรุนแรงและแตกสลาย

ประตูดับสูญบานที่สี่แตกสลาย!

กลิ่นอายของหวังหลินปะทุขึ้นอีกครั้ง มันข้ามผ่านจากขั้นสวรรค์ดับสูญระดับปลายไปเป็นระดับสูงสุด ตอนนี้เขายืนอยู่บนจุดสูงสุดในขั้นสวรรค์ดับสูญ!

รอยแตกร้าวหนึ่งกำลังจะผุดขึ้นกลางหน้าผากของหวังหลิน ในรอยแตกเป็นสีดำและดูเหมือนจะมีโลกอีกใบ!

นี่คือความพิเศษของเซียนขั้นวิญญาณดับสูญ ดินแดนเพลิงนรกานต์ของตัวเองเข้าหล่อเลี้ยงวิญญาณเพลิงนรกานต์ ซึ่งสามารถบังคับให้คนอื่นเคารพเทิดทูนและกลายเป็นทาสรับใช้เพลิงนรกานต์ได้!

หวังหลินเปิดประตูดับสูญด้วยตัวเองโดยไม่ได้มีเพลิงนรกานต์ช่วยเหลือ เป็นผลให้รอยแตกตรงกลางหน้าผากไม่ใช่โลกแห่งเพลิงนรกานต์แต่เป็นโลกของตัวเอง แม้จะไม่มีเพลิงนรกานต์เขายังบังคับให้คนอื่นเคารพเทิดทูนได้ ยามนี้รอยแตกไม่ได้เปิดขึ้นอย่างสมบูรณ์เนื่องจากระดับบ่มเพาะไม่ได้สูงเพียงพอ

หวังหลินหัวเราะพลางสะบัดแขนเสื้อ ผลักเศษเสี้ยวของประตูดับสูญให้ ถอยกลับไป สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าเขาคือประตูดับสูญบานที่ห้า!

ประตูดับสูญบานที่ห้านั้นควบแน่นและสมจริงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ มันตั้งอยู่ตรงนั้นแต่หวังหลินไม่ได้ทำลายมันด้วยสองมือ แต่กลับใช้สายตามองไปที่ประตูบานที่ห้า จากนั้นหลับตาลง

เพียงหลับตา ทุกอย่างในโลกที่อยู่ในใจหวังหลินกลายเป็นเรื่องเท็จ ตราบใดที่จิตใจและความคิดของเขาคงอยู่ เมื่อนั้นทุกอย่างก็จะคงอยู่!

หลังจากหลับตาไปชั่วขณะ ทันใดนั้นหวังหลินลืมตาขึ้นมา วินาทีนั้นทุกอย่างในโลกที่เป็นเท็จจึงกลับกลายเป็นจริง นี่คือวิชาที่เขารู้แจ้งจากแก่นแท้แห่งจริงเท็จ เส้นทางจริงเท็จ!

ประตูดับสูญบานที่ห้ายังคงอยู่ท่ามกลางดวงดาว แต่หวังหลินหลับตาอีกครั้ง ยกแขนขวาขึ้นและสะบัดอย่างเรียบง่าย

กระนั้นเบื้องหน้าสายตาของทุกคน ประตูบานที่ห้ากลับบิดเบือนและเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผงเพียงแค่การสะบัดมือของหวังหลิน มันแตกสลายไปอย่างเงียบๆ

หวังหลินทะลวงเปิดประตูดับสูญห้าบานทีละใบ รอยแตกที่ผุดขึ้นจางๆ บนหน้าผากหวังหลินจึงก่อตัวอย่างสมบูรณ์และเกิดเป็นพลังดึงดูดอันไร้ขอบเขต ราวกับดาราจักรดวงดาวกำลังถูกดูดเข้าไปข้างใน

กลิ่นอายทรงพลังยิ่งของเซียนขั้นวิญญาณดับสูญได้แพร่กระจายออกมาจากหวังหลิน! หากเขาพึงพอใจ เขาสามารถดูดซับพลังของประตูดับสูญและกลายเป็นเซียน ขั้นวิญญาณดับสูญระดับต้นได้เลย แต่เขาจะทำเช่นนั้นไปทำไม? นี่เป็นเพียงห้าแก่นแท้เท่านั้น เขายังมีแก่นแท้สังหารที่ฉิงชุ่ยมอบให้อีก!

แก่นแท้สังหารสมบูรณ์ที่เขาเพิ่งดูดซับไปได้ทำให้เขากระตุ้นประตูดับสูญครั้งที่หก!

เพียงแค่เขาทะลวงประตูดับสูญอย่างสบายๆ ด้วยประทับเวรกรรม ฉีกเปิดด้วยผนึกแห่งชีวิตและความตาย และเปลี่ยนเป็นฝุ่นผงด้วยเส้นทางแห่งจริงเท็จ ก็ทำให้เหล่าเซียนที่เห็นหวาดหวั่นแล้ว

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังกึกก้องโดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และแล้วคนผู้นั้น ก็ถอยร่นอย่างบ้าคลั่ง ชั่วขณะต่อมาเหล่าเซียนดินแดนชั้นนอกแทบทุกคนถึงกับ หนีเตลิดออกไปทุกทิศทาง พวกเขาหวาดกลัวเกินไป การได้เห็นว่าหวังหลินทะลวงประตูดับสูญได้ง่ายๆ พวกเขายิ่งรู้สึกหวาดกลัว ความกลัวพุ่งขึ้นถึงขีดสุด

ตอนที่หวังหลินทะลวงเปิดประตูบานแรกด้วยสายฟ้า นั่นพอเข้าใจได้ ตอนที่เขาเผาประตูดับสูญด้วยเปลวเพลิง นั่นยังพอรับได้ แต่ในครั้งที่สาม สี่ และครั้งที่ห้า สามประตูแตกสลายด้วยประทับฝ่ามือ การผลักและการสะบัดแขน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบานสุดท้าย หวังหลินเพียงแค่หลับตา พอลืมตาขึ้นมาและเข้าไปใกล้ก็ทำให้ ประตูดับสูญแตกสลายได้แล้ว นี่มันเหนือสิ่งที่เหล่าเซียนทั้งหมดของดินแดนชั้นนอกจินตนาการไว้เสียอีก

ชายหนุ่มชุดเขียวถอยร่นด้วยความหวาดกลัว แม้เขาจะอยู่ในขั้นแก่นแท้ดับสูญ เขาเป็นเพียงแค่ระดับต้นเท่านั้น ตอนที่หวังหลินทะลวงเปิดสามประตูดับสูญได้ในรอบเดียว เขาเห็นเบาะแสบางอย่าง

‘เวรกรรม ชีวิตและความตาย จริงเท็จ!! เขารู้แจ้งสุดยอดเต๋าไร้ลักษณ์พวกนั้น ได้จริงๆ คนผู้นี้ไม่ควรไปล่วงเกิน ไม่ควรไปล่วงเกิน!!’

แก่นแท้ถูกแบ่งออกเป็นรูปธรรมและนามธรรม เปลวเพลิงคือรูปธรรม แต่เวรกรรมคือนามธรรม การรู้แจ้งแก่นแท้แบบนามธรรมนั้นถือว่ายากยิ่งกว่ายาก

“แก่นแท้ที่หก แก่นแท้สังหาร!” หวังหลินเอ่ยเสียงสงบนิ่งแต่แฝงกลิ่นอายสังหารอันน่าตกตะลึง ขณะที่เขาเอ่ยคำพูดดังกึกก้อง เกล็ดหิมะสีแดงผุดขึ้นออกมาจากอากาศเบาบางและแพร่กรจาย

ยามเกล็ดหิมะสีแดงล่องลอย ประตูดับสูญบานที่หกจึงปรากฏขึ้น!

ประตูดับสูญบานที่หกนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากอีกห้าบาน มันถูกสร้างขึ้นจากกระดูกสีขาว เพียงแค่ชำเลืองมองมันก็ดูไม่ใช่ประตูแล้วแต่เป็นกะโหลกขนาดยักษ์ รูปลักษณ์อันน่าอัศจรรย์ของมันค่อยๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลิน จากนั้นระลอกคลื่นแพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง เซียนคนใดที่ถูกระลอกคลื่นนี้กระทบใส่จะสั่นเทาและมีอายุเพิ่มขึ้นทันที

ต้องขอบคุณระลอกคลื่นนี้ที่ผู้คนเกือบหมื่นยังไม่ทันกรีดร้องก่อนตาย แต่กลับเปลี่ยนเป็นฝุ่นผงในทันที

“ประตูกระดูกหมื่นดับสูญ!!” มีเพียงสองคนที่นี่ที่รู้จักประตูบานนี้ หนึ่งคือปรมาจารย์ซูเฉินและอีกคนคือ จ้าวเมฆาใต้ แม้แต่ชายหนุ่มชุดเขียวก็ยังไม่เคยได้ยินมันมาก่อน

‘นี่…นี่มัน…รูปลักษณ์ของมัน ประตูกระดูกขาว หรือจะเป็นประตูกระดูกหมื่นดับสูญในตำนาน?’ ปรมาจารย์ซูเฉินมองดูกะโหลกที่เหมือนประตู แววตาเกิดความหวาดหวั่นอย่างที่สุด

‘นางสนมจักรพรรดิเทพกล่าวเอาไว้ว่าประตูกระดูกหมื่นดับสูญเป็นการก้าวข้ามครั้งใหญ่ คนที่สามารกระตุ้นประตูนี้ได้หาได้ยากยิ่งกว่างมเข็ม แต่ตราบใดที่ไม่ตาย คนผู้นั้นจะได้กลายเป็นยอดปรมาจารย์ผู้ทรงพลังในอนาคตแน่นอน!’

‘ประตูกระดูกหมื่นดับสูญ จ้าวดินแดนปิดผนึกคนก่อนได้กล่าวเอาไว้ว่าใครก็ตามที่สามารถกระตุ้นประตูบานนี้ขึ้นมาเพื่อบรรลุขั้นที่สามจะมีอนาคตที่มิอาจหยั่งถึง เขากล่าวว่าประตูกระดูกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะมีในโลกนี้…แต่เป็นสัญญาณแห่งสวรรค์ในบ้านเกิดของเขา!’ จ้าวเมฆาใต้มองดูประตูกระดูกอันประหลาดนี้ด้วยสายตาไม่เชื่อสิ่งที่เห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!