1626. คนที่สาม?
เจตจำนงพุ่งออกมาจากวังวนพังทลายและปะทะเข้ากับกลิ่นอายของหวังหลิน จนหวังหลินต้องเปลี่ยนสีหน้าแต่ก็ไม่ได้ถอยออกไปแม้แต่ครึ่งก้าว เขายืนตัวตรงจ้องมองเข้าไปในวังวน
เจตจำนงจากวังวนไม่ได้มีพลังความก้าวร้าวอันใด แต่มันมีพลังของการกดขี่ หากมีคนไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดันนี้ ทั้งร่างกาย จิตใจและเต๋าจะพังทลาย!
ทว่าแรงกดดันนี้ไม่อาจกดขี่ใส่หวังหลินได้ กลิ่นอายมหาบัณฑิตของหวังหลิน คือการมองฟ้าดินดุจมดแมลง มองทุกสิ่งเท่าเทียมกัน เป็นผลให้หวังหลินเผชิญหน้ากับเจตจำนงนั้นตรงๆ!
พริบตานั้นลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าของหวังหลินดูเหมือนจะตื่นขึ้นและเริ่มหมุนวน มันเกิดความโลภต้องการดูดซับเจตจำนงนั้นขึ้นมา
เจตจำนงสัมผัสกับหวังหลินเบาบางและถอนออกทันที ซึ่งลูกปัดก็หยุดหมุนไปด้วย
เสียงเก่าแก่และอ่อนแรงดังกึกก้องในหูหวังหลิน
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างขึ้นจากข้า เราจะรอให้เจ้าชดใช้…”
เมื่อน้ำเสียงหายไป พลังพรั่งพรูออกมาจากวังวนมากยิ่งขึ้นและเข้าสู่ถุงมือเทพโบราณ จนถุงมือฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
หวังหลินยกแขนขวาเข้าสัมผัสมิติเก็บของเพื่อนำธงทรุดโทรมออกมา นอกจากลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าแล้ว นี่คือสมบัติที่หวังหลินได้รับแล้วมีความหมายที่สุด
มันคือธงวิญญาณหนึ่งพันล้านดวง!
ธงผืนนี้ตุ้นเทียนมอบให้เขาในช่วงแรกๆ เขาแบ่งส่วนหนึ่งให้ฉือซาน ตอนนี้จึงเหลือแต่ธงผืนนี้ผืนเดียว แต่ตอนที่พลังจากประตูดับสูญพุ่งเข้ามาใส่ ธงวิญญาณถึงกับเปล่งกลิ่นอายทรงพลัง
หลังจากธงวิญญาณพันล้านดวงถูกซ่อมแซม พลังของประตูจึงสลายหายไปจากโลกอย่างรวดเร็ว
พอวังวนจากประตูดับสูญหายไป หวังหลินยืนนิ่ง เรือนผมสีขาวสะบัดพลิ้ว ดวงตาซ้ายบรรจุเปลวเพลิง ดวงตาขวาบรรจุสายฟ้า กลางหน้าผากนอกจากดาวเทพโบราณแล้วยังมีอักขระอีกสามอย่างในแนวนอน!
สามอักขระนี้ ตรงกลางคือเวรกรรม ทางซ้ายคือชีวิตและความตาย ส่วนทางขวาคือ จริงเท็จ!
ส่วนแก่นแท้สังหาร มันผสานเข้ากับวิญญาณ!
ขั้นที่สาม! ในที่สุดเขาก็บรรลุเข้าสู่ขั้นวิญญาณดับสูญระดับกลางได้จริงๆ กลายเป็นเซียนขั้นที่สาม! หวังหลินหลับตาและค่อยๆ สังเกตร่างกายอย่างเงียบๆ ผ่านไปสักพักจึงลืมตาขึ้นมาและเห็นอักขระประหลาดปรากฏขึ้นบนแขนขวา
เขาไม่เชิงว่าคุ้นเคยกับอักขระนี้ มันคือประตูบานที่หกที่เขาเปิดออก ประตูกระดูกหมื่นดับสูญ!
ประตูกระดูกหมื่นดับสูญเสมือนเป็นรอยสักในฝ่ามือขวาของหวังหลินและมันค่อยๆ ก่อตัวเป็นประทับฝังลึก เขามองลงไปเห็นเหล่าเซียนหลายพันคนค่อยๆ ทะยานออกมาจากดาวซูซาคุ จ้าวเมฆาใต้ ซือถูหนานและคนอื่นลอยขึ้นมาเพื่อทักทายหวังหลิน มีเพียงจ้าวเมฆาใต้ที่ดูกังวลเล็กน้อย เขามองออกไปยังเสียงอึกทึกไกลๆ และเกิดความสงสัย
ขณะนั้นเสียงอึกทึกได้ใกล้เข้ามาและรุนแรงขึ้น หวังหลินเงยหน้ามองออกไปด้วยเจตนาต่อสู้ เขากำลังจะเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ อยากเห็นเสียจริงว่าทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน!
“ซือถู เราค่อยพูดกันทีหลัง ตอนนี้ทัณฑ์สวรรค์กำลังมา หลังจากข้าทำลาย ทัณฑ์สวรรค์นี้ เราค่อยไปดื่มด้วยกัน!”
“เป็นทัณฑ์สวรรค์จริง!” จ้าวเมฆาใต้หรี่ตาแคบ เขาหยุดชะงักและสะบัดแขนเพื่อหยุดทุกคนไม่ให้เดินหน้า
“จ้าวดินแดนปิดผนึกกำลังเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ เราจะรออยู่ข้างนอกและปกป้องเขา!” จ้าวเมฆาใต้เอ่ยเสียงดังกึกก้อง เหล่าเซียนหลายพันคนหยุดกึกและถอยไปช้าๆ
ซือถูหนานมองหวังหลินอย่างห่วงใย
“ทัณฑ์สวรรค์…ตอนที่ข้าทะลวงประตูดับสูญ กลับไม่มีทัณฑ์สวรรค์ หวังหลิน เขา…” ซือถูหนานมองจ้าวเมฆาใต้และความกังวลเช่นกัน
“จ้าวดินแดนปิดผนึกมีเจตจำนงแห่งการฝืนลิขิตสวรรค์และถูกเรียกว่า เซียนฝืนลิขิตฟ้า เหล่าเซียนฝืนลิขิตฟ้าต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ ซึ่งมันถูกส่งต่อมาตั้งแต่ยุคโบราณ…ข้าพบเจอทัณฑ์สวรรค์ไม่กี่ครั้ง ดังนั้นจ้าวดินแดนปิดผนึกก็ต้องเป็นเซียนฝืนลิขิตฟ้าเช่นเดียวกัน…” จ้าวเมฆาใต้มองออกไปไกลและเห็นมวล ก้อนเมฆกำลังพุ่งเข้ามา
เหล่าก้อนเมฆมากมายไร้ขอบเขต พวกมันเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนถอยกลับออกไปเพียงแค่สิบลมหายใจ เสียงดังสนั่นกึกก้องขึ้นในหูทุกคน
เซียนดินแดนชั้นในบางคนถึงกับมีโลหิตไหลออกมาจากทวารและล่าถอยด้วยความหวาดกลัว ก้อนเมฆล้อมรอบหวังหลินอย่างรวดเร็วจนทุกคนมิอาจมองเห็น
พลังอำนาจแห่งสวรรค์อันเกินจินตนาการดูเหมือนจะสร้างฝ่ามือยักษ์ไร้เทียมทานขึ้นมากมายเข้ากวาดล้างไปทั่วทุกทิศ
เหล่าเซียนดินแดนชั้นในรวมถึงจ้าวเมฆาใต้และซือถูหนานต่างก็ถูกพลังนี้ผลักดันออกไป หมื่นฟุต แสนฟุต หมื่นลี้ แสนลี้…
ขณะที่ก้อนเมฆส่งเสียง แม้แต่ดาวซูซาคุก็ยังหลุดจากวงโคจรและถูกขยับออกไป
ฉากเหตุการณ์ช่างน่าตกตะลึงยิ่ง ก้อนเมฆแผ่กระจายจนทุกอย่างภายในระยะหนึ่งล้านลี้รอบตัวหวังหลินถูกปกคลุม ภายในพื้นที่แห่งนี้ไม่มีแม้แต่เซียนสักคนเดียวหรือดาวเคราะห์เซียนด้วยซ้ำ
หวังหลินกลายเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างในเท่านั้น!
เหล่าเซียนทั้งหมดมองฉากเหตุการณ์อันน่าเหลือเชื่อด้วยความกระวนกระวาย โดยเฉพาะซือถูหนานผู้จ้องมองด้วยท่าทีมืดมนราวกับจะเข้าไปช่วย แต่เขารู้ว่าคนอื่นเข้าไปใกล้ได้ยากมากเว้นแต่จะเป็นคนที่กำลังผ่านทัณฑ์สวรรค์
หวังหลินต้องรับมันด้วยตัวเองเท่านั้น
“จ้าวดินแดนปิดผนึกคือเซียนฝืนลิขิตฟ้า ด้วยทัณฑ์สวรรค์นี้ ระดับบ่มเพาะของเขาจะถูกเสริมความแข็งแกร่งและเขาจะยืนอยู่เหนือเราทุกคน!” จ้าวเมฆาใต้พึมพำราวกับพูดกับตัวเองและให้ทุกคนได้ยินไปด้วย
ทุกคนขบคิดเงียบๆ
กระทั่งห่างออกไปไกลอีกด้านหนึ่งของก้อนเมฆ ชายชราสวมชุดสีม่วงก้าวเดินออกมา เขามองก้อนเมฆที่กำลังปั่นป่วนด้วยท่าทีเคร่งขรึม สายตาเปล่งแสงลี้ลับ
‘พลังเกาทัณฑ์ทรงพลังอะไรขนาดนั้น! เขาค้นพบเกาทัณฑ์นั่นได้จริงๆ!! ตอนที่ข้าเจอเขาเมื่อคราวก่อน เขากระทั่งไม่ได้บรรลุขั้นที่สามด้วยซ้ำ ข้าไม่คิดว่าเขาจะมี หกแก่นแท้…’
‘หกแก่นแท้ หกแก่นแท้ หนึ่งแก่นแท้ก็มากพอให้กลายเป็นเซียนขั้นที่สามได้แล้ว ด้วยหกแก่นแท้นี้ระดับบ่มเพาะของเจ้าเด็กนี่จึงก้าวข้ามขั้นสวรรค์ดับสูญและบรรลุขั้นวิญญาณดับสูญระดับกลาง…’
‘ด้วยระดับบ่มเพาะและเกาทัณฑ์นั่น…’ ชายชราผู้นี้คือผีเฒ่าจาง เขาขบคิดเล็กน้อยและมองก้อนเมฆด้วยสายตาแพรวพราวและเกินคำอธิบาย
‘ประตูกระดูกหมื่นดับสูญ…’ ผีเฒ่าจางมองไปที่แขนขวา ในฝ่ามือผุดรอยสักขึ้นมา รอยสักนี้คือประตูเช่นกัน
ประตูบานนี้เหมือนกับที่อยู่ในฝ่ามือของหวังหลิน ซึ่งทั้งคู่คือประตูกระดูกหมื่นดับสูญ!
‘หรือว่าเขาจะเป็นคนที่สาม…’ ผีเฒ่าจางขมวดคิ้ว
ณ ดาราจักรโบราณ ที่ที่มีตำหนักลอยเคว้งคว้างอยู่ในอวกาศอันไร้ขอบเขต ตำหนักแห่งนี้มีสีดำและลอยอยู่ในความมืดมิด ราวกับผสานเข้ากับอวกาศ
แท่งเทียนหลายแท่งเผาไหม้อยู่ในตำหนัก เปลวเพลิงกะพริบส่งเสียงดังปะทุ เปลวเพลิงหมองหม่นแต่มีบางอย่างที่มองเห็นได้เลือนลาง
ใจกลางตำหนักคือบ่อน้ำและมีชายชุดคลุมสีดำยืนข้างๆ หวังหลินคงจะคุ้นเคยกับคนผู้นี้เพราะเขาคือราชันย์!
เขาก้มศีรษะลงไปมองบ่อน้ำ ยากนักที่จะเห็นสีหน้าเขาได้ชัดเจน หลังจากนั้นพักใหญ่จึงยกแขนขวาอันแห้งเหี่ยวขึ้นมาบีบเปลวเพลิง แท่งเทียนมอดดับและมีควันลอยฉุยเข้าห่อหุ้มเขาและซ่อนตัวอยู่ในความมืด
“เขา ทำไมถึงฆ่าได้ยากนักนะ…ครั้งแรกเต๋าความฝันก็หยุดข้า…ครั้งที่สองตกอยู่ในกับดักความเป็นความตาย แต่ท้ายที่สุด นาย…นายท่านก็ปรากฏตัวขึ้นมา!!”
“นายท่านบ้าไปแล้ว เขาช่วยหวังหลินไว้จริงๆ แม้ด้วยนิสัยของเขา…” น้ำเสียงแหบพร่าดังกึกก้องในความมืดและค่อยๆ เลือนหาย ราวกับราชันย์ไม่สามารถซ่อนความตื่นตระหนกในน้ำเสียงไปได้
“คันศรและเกาทัณฑ์ของลี่กวง ต้องเป็นนายท่านที่มอบโลหิตให้หวังหลินเพื่อใช้มันได้โดยไม่มีการต่อต้าน…นายท่าน…ไม่ตายใช่หรือไม่…ตอนนี้เขาบ้าคลั่ง แต่เมื่อ ฟื้นคืนมาได้…เขาต้องลงโทษข้าแน่…แต่ในตอนนั้นเขาบาดเจ็บสาหัสและหายตัวไปหลังจากถูกเต๋าแห่งสวรรค์กลืนกิน ข้าจะทำอะไรได้?! ข้าจะทำอะไรได้นอกจากยอมจำนนต่อฉีค่าย(เซียนสีรุ้ง)นั่น!?”
ร่างของราชันย์ใต้ผ้าคลุมดูเหมือนกำลังสั่นเทา เขาเงยหน้าขึ้นมาร้องคำราม
ณ ดาราจักรอัญเชิญนทีที่ถูกเซียนดินแดนชั้นนอกครอบครองทั้งหมด ทางเขต ทิศใต้มีดาวเคราะห์ทรุดโทรมซึ่งมีเศษก้อนหินลอยอยู่รอบๆ หินแต่ละก้อนมีขนาดประมาณร้อยฟุต
ในก้อนหินกลวงหนึ่งก้อน ชายชราสวมชุดขาวกำลังนั่งอยู่ข้างใน ชายชราผู้นี้เปล่งกลิ่นอายแห่งเทพและมีหยดโลหิตหนึ่งหยดอยู่กลางหน้าผาก หยดโลหิตดูเหมือนจะผสานเข้ากับเขาอย่างสมบูรณ์จนดูน่าตกตะลึง เขาค่อยๆ ลืมตาและเลื่อนแขนขวา หลังจากคำนวณเล็กน้อย ดวงตาเผยแสงประหลาด
‘ในที่สุดหวังหลินก็บรรลุขั้นที่สาม…แผนการที่ข้าสร้างเอาไว้มาหลายหมื่นปีกำลังจะเริ่มต้น…ข้ารอคอยเวลานี้มานานแล้ว…ศิษย์เอ๋ย อย่าปล่อยให้อาจารย์ต้องผิดหวัง…’ ชายชราชุดขาวเผยรอยยิ้ม เขาสงบนิ่งมากราวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นไปตามที่คาดการณ์
เขาคือ เทียนหยุน ผู้หายตัวไปหลายปี!
ในดาราจักรฟ้ากระจ่าง หวังหลินอยู่ใจกลางก้อนเมฆไร้ขอบเขตซึ่งมีเพียงคนเดียวที่อยู่ในนี้ได้ เสื้อผ้าสีขาวกำลังสะบัดพลิ้ว ดวงตาสงบนิ่ง สองมือไพล่หลังพร้อมกับ มองขึ้นไป
ก้อนเมฆด้านบนกำลังหมุนวน คล้ายมีอสรพิษสีเงินนับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนตัวอยู่ข้างใน ก่อตัวเป็นวังวนเสมือนปากขนาดยักษ์
“ข้ามีคำถาม สวรรค์มีสิทธิ์อะไรต้องมาลงทัณฑ์กับข้า? วันนี้ข้าจะไม่ใช่แค่คนที่จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ข้าจะเป็นคนที่ตอบโต้กลับไปด้วย!”
“ทัณฑ์สายฟ้า ในนามแห่งข้า หวังหลิน จงเริ่มต้น!”