Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1711

Cover Renegade Immortal 1

1711. ฝืนชะตา เต๋าโบราณ

หยดที่ห้า หยดที่หก…จนกระทั่งหยดที่เก้าลอยออกมาจากวังวนและพุ่งเข้าหาหวังหลิน

ดวงตาหวังหลินเปล่งประกาย จ้องมองหยดโลหิตที่กำลังลอยอยู่ตรงหน้า เขาไม่ได้หลบเลี่ยงและยอมให้ทั้งห้าหยดร่อนลงกลางหน้าผาก ดูเหมือนทะลุเข้าไปในร่างกาย

ยามที่หยดที่ห้าผสานเข้าไป ร่างกายหวังหลินส่งเสียงดังสนั่นและมีพลังแข็งแกร่งระเบิดออกมาจากโลหิต หวังหลินอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง ดวงตาเปล่งประกาย เจิดจ้า ความรู้สึกอันทรงพลังนั้นทำให้เขาถึงกับต้องกำหมัด

วินาทีนี้หยดที่หกติดตามมาอย่างกระชั้นชิดและเข้าสู่ร่างหวังหลิน เสียงดังสนั่นกึกก้อง หยดโลหิตทั้งหมดในร่างเริ่มเดือด เขาดูดซับพลังสายโลหิตข้างในหยดโลหิตไปอย่างรวดเร็ว มันไหลผ่านทั่วร่างและเมื่อเข้ามาตรงหัวใจ อัตราการเต้นของหัวใจจึงเร็วรัวดุจเสียงคำรามและเป็นประกายสายฟ้า

หวังหลินล่าถอยอีกครั้งและส่งเสียงคำรามใส่ท้องฟ้า ความเจ็บปวดรุนแรงแผ่ออกมาจากร่างกาย ความเจ็บปวดนี้รุนแรงยิ่งกว่าการผสานโลหิตสี่หยดก่อนหน้าอยู่หลายเท่า ราวกับร่างกายของเขากำลังถูกผ่าออก โลหิตและกล้ามเนื้อใหม่กำลังเติบโต!

ไม่นานหลังจากนั้น หยดที่เจ็ดก็ได้มาถึง เมื่อมันเข้าตรงบริเวณกลางหน้าผากของหวังหลิน สีหน้าท่าทางของเขาจึงบิดเบี้ยว เส้นโลหิตบนร่างบวมเป่ง การไหลเวียนของโลหิตเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุด ร่างหวังหลินเริ่มขยับอย่างประหลาด ราวกับโลหิตที่ไหลผ่านร่างกายและกระดูกได้เปล่งแสงสีแดง

พลังสายโลหิตโบราณข้างในร่างกายของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนจากความบางเบากลายเป็นบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

เหล่าผู้คนของเผ่าโบราณนั้นก็เหมือนกับเหล่าเทพ ยิ่งสายโลหิตแข็งแกร่ง ยิ่งมีศักดินาสูงส่งและสามารถแสดงพลังอำนาจได้มากกว่าเดิม

การผสานโลหิตเจ็ดหยดได้ทำให้สายโลหิตของหวังหลินมีโอกาสกลายเป็นลูกหลานของจักรพรรดิเต๋าโบราณ เป็นที่รู้กันว่าจักรพรรดิเต๋าโบราณคือลูกหลานของจักรพรรดิโบราณและถือครองสายโลหิตของบรรพชนโบราณ ดังนั้นการได้รับโลหิตไปจำนวนหกหยด จึงกลายเป็นจักรพรรดิเต๋าโบราณ!

ทว่าหวังหลินไม่ได้มีสายโลหิตบัญชาโบราณและยังไม่ได้เป็นที่รู้จัก แม้จะเป็นกรณีเดียวกับจักรพรรดิคนอื่น แต่สายโลหิตที่สร้างขึ้นจากโลหิตเจ็ดหยดเทียบได้กับจักรพรรดิคนอื่นที่มีสายโลหิตและมีโลหิตจำนวนหกหยดด้วยซ้ำ

ความแตกต่างระหว่างสองคนคือความแตกต่างด้านแก่นแท้ เช่นเดียวกับจักรพรรดิและคนธรรมดา อย่างไรก็ตามความแตกต่างนี้ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนไม่ได้ กระนั้นหยดที่แปดซึ่งลอยเข้าหาหวังหลินได้ผสานเข้ากับเขา สายโลหิตจึงบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ร่างกายส่งเสียงดังลั่นรุนแรง ความเจ็บปวดปะทุออกมาจากไขกระดูกจนทำให้เขาต้องถอยร่นและสั่นเทาอย่างต่อเนื่อง

สายโลหิตโบราณเป็นเช่นเดียวกับสายโลหิตเทพ มันเปลี่ยนแปลงไขกระดูกไปด้วย! เมื่อไขกระดูกเปลี่ยนแปลง โลหิตที่สร้างออกมาก็จะเปลี่ยนไปเช่นกันและพลังอำนาจของสายโลหิตจะถือกำเนิด!

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนไขกระดูกจากภายในนั้นเป็นไปได้ยาก จึงต้องใช้พลังภายนอกค่อยๆ เปลี่ยนอย่างเชื่องช้า พลังภายนอกนี้คือ หยดโลหิตที่ผสานเข้าไปในร่างกายหวังหลิน ขณะที่มันไหลผ่านไปมันได้เปลี่ยนแปลงไขกระดูกไปอย่างรวดเร็ว! สายโลหิตของหวังหลินจึงเปลี่ยนจากธรรมดาสามัญไปเป็นขุนนาง จากของไร้ราคาไปเป็นของมีคุณภาพ!!

การผสานทั้งแปดโลหิตไม่ได้ทำให้สายโลหิตของหวังหลินบริสุทธิ์มากพอจน เท่าเทียมจักรพรรดิ แต่มันใกล้เคียงกันมาก! ระยะห่างนี้ถูกทำให้สั้นลงและจะเหนือล้ำเกินจักรพรรดิไปเมื่อหยดที่เก้าถูกผสาน!

เก้าหยดโลหิตผสานกับกระดูกของหวังหลินและเปลี่ยนแปลงไขกระดูกของเขาไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้หวังหลินมีสายโลหิตที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่าของจักรพรรดิ ในแง่ของสายโลหิตแล้วหวังหลินมีโลหิตที่บริสุทธิ์ที่สุดในอาณาจักรเต๋า!

แต่มันยังไม่จบแค่นี้ การปรากฏตัวของโลหิตวิญญาณได้ทำให้รอบด้านอาบ ไปด้วยแสงสีม่วง โลหิตสีม่วงนี้มีพลังประหลาด เมื่อมันปรากฏขึ้นมาจึงจับความสนใจของหวังหลินไปทั้งหมด

เขามองหยดโลหิตสีม่วงตรงหน้า สัมผัสความปรารถนาผุดขึ้นมาจากสายโลหิต ทั่วร่างกาย โลหิตสีม่วงปลดปล่อยแสงสีม่วงมหึมาและร่อนใส่กลางหน้าผากของ หวังหลิน!

มันไม่ได้ผสานเข้ากับโลหิตเขาหรือเส้นชีพจร แต่กลับผสานเข้ากับวิญญาณของหวังหลิน!

สายโลหิตอันบริสุทธิ์ได้ทำให้หวังหลินเพิ่มพูนพลังโบราณขึ้นแต่วิญญาณไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วย สุดท้ายวิญญาณเขาก็ยังเป็นคนของเผ่าพันธุ์เต๋าโบราณ ทว่าโลหิตวิญญาณนี้กลับเปลี่ยนแปลงวิญญาณของหวังหลิน ทำให้วิญญาณเขาเหนือกว่าทุกคนในอาณาจักรเต๋า!

ทำให้เขากลายเป็นคนที่สูงส่งยิ่งกว่าจักรพรรดิเย่ซูโดยแท้จริง! ราวกับเขาได้กลายเป็นลูกหลานคนที่สี่ของบรรพชนโบราณ!!

ตอนที่โลหิตวิญญาณลอยเข้ามา หวังหลินตะลึงงัน สายตาเต็มไปด้วยความงุนงง ร่างกายถอยกลับไปด้วยตัวเองจนกระทั่งร่อนอยู่บนแท่นพิธี เขาพิงกับแขนของเย่โม่และนอนอยู่ตรงนั้น

วังวนหายไปอย่างช้าๆ ไม่นานนักจึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากจะมีอะไรที่แตกต่างก็คงเป็นความเงียบงัน มันเงียบอย่างไม่มีเสียงจนดูน่ากลัว

อสูรดุร้ายทั้งหมดซ่อนตัวเอง พวกมันสั่นสะท้านและไม่กล้าทำอะไรให้เกิดเสียง คล้ายโดนแรงกดดันที่แผ่กระจายออกมาจากความเงียบอันประหลาดครั้งนี้

หวังหลินไม่มีสติ หากเขาไม่ตื่นมันคงเงียบไปอีกหลายหมื่นปี หากเขาไม่ตื่นคง ไม่มีเสียงใดผุดขึ้นที่นี่อีก แรงกดดันออกมาจากร่างเขาและแผ่กระจายข้ามผ่านพื้นที่ทั่วบริเวณ

ร่างดั้งเดิมของหวังหลินกำลังหลับใหล ร่างอวตารลอยอยู่ด้านนอกแท่นพิธี ร่างอวตารกำลังนั่งหลับตาและนิ่งเงียบไม่เคลื่อนไหว

ขณะที่หวังหลินหลับ เขาเกิดความฝัน ความฝันนี้แตกต่างจากเต๋าแห่งความฝัน มันไม่ชัดเจนและพร่ามัวเป็นอย่างยิ่ง ในความฝันนี้หวังหลินเห็นคนผู้หนึ่ง

เขาเป็นชายหน้าตาดูธรรมดา ร่างกายใหญ่โตมโหฬาร ฟ้าดินต้องอยู่ใต้เท้าของเขา เขายืนอยู่ตรงนั้นมองข้ามโลกออกไปด้วยความดูถูก

“หากข้าต้องการให้ฟ้าดินแห่งนี้ล่มสลาย มันก็จะล่มสลาย หากข้าต้องการให้พสุธาพังทลาย มันก็จะพังทลาย! หากข้าต้องการให้ใครตาย ก็ไม่มีใครกล้าหยุดข้าได้ หากข้าต้องการไม่ให้พวกเทพเหลือรอด ใครหน้าไหนจะกล้ามาช่วยพวกมัน?”

“ข้าคือบัญชาโบราณ ถือกำเนิดขึ้นก่อนฟ้าดินและมีชีวิตตั้งแต่ยุคปฐมกาล แต่เบื้องหน้าข้ามีพวกเทพ พวกเทพที่ต้องการทำให้ข้าเป็นทาสรับใช้พวกมัน เช่นนั้นข้าจะทำลายพวกมันซะ!”

“หากข้าล้มเหลว ขอให้ลูกหลานในอนาคตของข้ากลายเป็นศัตรูของเหล่า ทวยเทพและสาบานว่าจะกำจัดพวกมันให้หายไปจากโลกนี้!”

“แต่ข้าจะแพ้ได้อย่างไร? ข้าไม่มีวันพ่ายแพ้!”

“โลหิตวิญญาณจำนวนเก้าหยดได้มอบแก่ลูกชายทั้งสามคนของข้า เจ้าทั้งสาม จงสั่งการเหล่าผู้คนโบราณ รอข้าถือกำเนิด รอทายาทข้าปรากฏตัว…”

“การเชื่อฟังคือการเป็นคนธรรมดา การฝืนชะตาคือการเป็นเทพ การฝืนชะตาทวยเทพคือ การกลายเป็นบัญชาโบราณ!”

ความฝันครั้งนี้ค่อยๆ มาถึงจุดจบราวกับชายหน้าตาธรรมดาคนนี้กำลังพูดเรื่องราวที่น่าตื่นตะลึงเหล่านั้น แม้หลังจากหวังหลินลืมตาแล้ว คำพูดนั้นยังคงดังกึกก้องในสองหู

ดาวเทพโบราณแปดดวงกลางหน้าผากของหวังหลินกำลังเรืองแสงสีม่วงและหมุนอย่างช้าๆ ดาวปีศาจโบราณและบัญชาโบราณในดวงตาสองข้างก็กำลังหมุนและ เรืองแสงสีม่วงเช่นกัน

แสงสีม่วงออกมาจากโลหิตวิญญาณหยดนั้น มันออกมาจากวิญญาณบัญชาโบราณของหวังหลิน!

เขาค่อยๆ นั่งลงมองดูอวกาศเบื้องหน้า ขบคิดอยู่นาน กลิ่นอายทรงพลังที่มองโลกอย่างต่ำต้อยกำลังโผล่ออกมาจากร่างเขา กลิ่นอายที่ไม่เคารพต่อฟ้าดิน แม้ฟ้าดินทรุดโทรม เขาก็ไม่ยินยอม! แม้โลกใบนี้จะเหี่ยวแห้ง เขาก็ไม่ยินยอม!

กลิ่นอายนี้เป็นลักษณะการฝืนลิขิตสวรรค์ตามธรรมชาติของเหล่าบัญชาโบราณ!

หวังหลินในตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างมหาศาล!

ขณะที่นั่งอยู่บนแท่นพิธี สายตากวาดผ่านสิ่งรอบตัว เลื่อนผ่านร่างอวตารจนในที่สุดหันไปหาแขนยักษ์ของเย่โม่ ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า

แขนข้างนี้มีพลังอันแข็งแกร่งราวกับสามารถฉีกสะบั้นโลกให้เป็นชิ้นๆ มันคือ พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของบัญชาโบราณเย่โม่!

หวังหลินจ้องมองแขนข้างนี้ แขนขวาของตัวเองค่อยๆ ยกขึ้นและกดลงไป ดวงดาวจำนวน 24 ดวงของเขาเริ่มหมุนและมีแสงสีม่วงระเบิดออกมารอบๆ แสงสีม่วงเข้าไปในแขนของเย่โม่ทันที

พริบตานั้นแขนยักษ์สั่นเทาคล้ายกำลังดิ้นรนและต่อต้าน แม้หวังหลินจะได้ สืบทอดมรดกของเย่โม่มาแต่มันไม่สมบูรณ์แบบ หากต้องการผสานกับแขนนี้ถือว่ายากอยู่บางส่วน

แต่ความยากนี้เฉพาะหวังหลินก่อนที่จะผ่านหายนะโลหิตสวรรค์เผ่าโบราณ ตอนนี้เขาได้รับเก้าหยดโลหิตและโลหิตวิญญาณ มันจึงง่ายดายยิ่งสำหรับเขา

“เย่โม่ มอบแขนนี้ให้ข้าซะ”

หวังหลินเอ่ยขึ้นเบาๆ ราวกับบ่นพึมพำกับตัวเองแต่ก็เหมือนพูดกับเย่โม่ที่ตายแล้ว น้ำเสียงสงบนิ่ง แสงสีม่วงจากดาวทั้งยี่สิบสี่ดวงกำลังรุนแรงขึ้น แผ่กระจายกลิ่นอายเข้ากำราบเย่โม่ราวกับเขามีชีวิต

กลิ่นอายเข้าไปในแขนขวาของหวังหลินและกดลงใส่แขนอีกครั้ง เสียงดังสนั่นและแขนจึงหยุดการดิ้นรน มันหดลงจนผสานเข้ากับแขนของหวังหลินทำให้แขนขวาของเขาแตกต่างในทันที

แขนขวาของหวังหลินหยาบกร้านเมื่อเทียบกับแขนซ้ายและมีอักขระซับซ้อนมากมายเต็มไปหมด มันยังเรืองแสงสีฟ้าแกมเขียว ข่มขู่ทุกคนที่ชำเลืองมอง

เขายกแขนขวาขึ้นมาเบื้องหน้า หวังหลินยังมีสายตาสงบนิ่งจ้องมองแขน ผ่านไปสักพักจึงคว้าจับความว่างเปล่า!

“ผ่าสวรรค์!”

อวกาศสั่นเทา พอแขนขวาของหวังหลินฉีกมันออก โลกจึงพังทลาย เงาแขนขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นด้านหลังและเปิดอวกาศออกมา รอยแยกขนาดใหญ่ผุดขึ้น เบื้องหน้าหวังหลิน มันถูกเขาฉีกทำลาย

พลังสะบั้นสั่นสะเทือนสวรรค์นี้สามารถสังหารได้แม้แต่เซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับต้น! แม้แต่ระดับกลางยังต้องถอยหนีด้วยความหวาดกลัว!

ด้วยพลังฉีกสะบั้นนี้ แท่นพิธีที่หวังหลินอยู่จึงส่งเสียงและสั่นเทา รอยแยกดังสนั่นราวกับถูกปะทะเข้ากับพลังของวิชาผ่าสวรรค์

หวังหลินมองดูแท่นพิธีเบื้องล่าง สายตาเผยแสงประหลาดใจ

‘แท่นแห่งนี้มีบางอย่างแปลกประหลาด!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version