1804. การต่อสู้แรกบนแผ่นดินเซียนดารา
ชายวัยกลางคนมองตามสายตาของชายหนุ่มจนเห็นเสาเพลิงอยู่ในส่วนลึกของถ้ำ รูม่านตาพลันหรี่แคบทันที
ตัวเขาเองนั้นมีแก่นแท้อยู่แล้วและมีระดับบ่มเพาะขั้นวิญญาณดับสูญระดับปลาย ในสำนักมังกรฟ้าเขาอยู่เหนือใครหลายคน แม้แต่ในแคว้นกระทิงสวรรค์เขาถือว่าเป็นส่วนยอดของปิรามิด
วินาทีที่เขาเห็นเสาเพลิง จึงได้เห็นร่างเลือนลางที่มีเปลวเพลิงปกคลุมพร้อมกับโลงศพอยู่บนหลัง ชายวัยกลางคนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทำให้จิตใจสั่นไหวอยู่ภายใน
‘นี่มันร่างศพแบบไหนกัน!?’ ชายวัยกลางคนมีสีหน้ามืดมนพลางจ้องมอง คางเหรินที่ตะลึงงันด้วยความหวาดกลัว จากนั้นพ่นลมหายใจออกมาและเดินเข้าหาเปลวเพลิง
เขารู้ว่าตัวเองมีระดับบ่มเพาะสูงส่งและไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายที่รุนแรงเกินไปจาก คนข้างในเปลวเพลิง ด้วยความคิดแบบนั้นจึงพุ่งเข้าหาเปลวเพลิง
เดิมทีเขาอยู่ไม่ไกลจากเปลวเพลิง ดังนั้นจึงเข้าไปใกล้เพียงก้าวครั้งเดียว ฟองรอบตัวเข้าสัมผัสกับเปลวเพลิงและส่งเสียงปะทุดังกึกก้อง เปลวเพลิงคล้ายจะโดนผลักออกไปด้านข้าง เปิดเป็นช่องว่างให้กับเขา
‘เซียนป่าเถื่อนอะไรกันถึงกล้าผสานเข้ากับสำนักมังกรฟ้า? หากข้าไม่หลอม เจ้าเป็นหุ่นเชิด เราคงเป็นตัวตลกในแคว้นกระทิงสวรรค์แน่!’ ชายวัยกลางคนก้าวเท้าอีกครั้ง ร่างกายอยู่ในเปลวเพลิงได้ครึ่งตัว เปลวเพลิงโหมกระหน่ำแต่ไม่ได้ทำลายฟองอากาศของเขา
ทว่าในจังหวะนั้น หวังหลินพลันลืมตาขึ้นมา สายตาเยือกเย็นกะพริบวาบ สีหน้าท่าทางของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปราวกับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่ากลัวระเบิดออกมาจากชายผมขาวข้างในเปลวเพลิง
กลิ่นอายนี้รุนแรงมากจนสั่นสะเทือนสวรรค์ เทียบกันแล้วเขาเหมือนหิ่งห้อย ท้าแสงจันทร์ มันช่างน่ากลัวจนเท้าของชายวัยกลางคนต้องหยุดชะงัก
“ออกไปจากที่นี่ซะ!” คำพูดเย็นชาของหวังหลินดังกึกก้อง เขายกแขนขวาขึ้นมา ทั่วทั้งถ้ำดูเหมือนเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ความหนาวเย็นแผ่กระจายออกไปนอกถ้ำ สายฝนเทลงมาจนเกือบแช่แข็ง ทะเลเพลิงหม่นหมองราวกับจะมอดดับ!
ชายวัยกลางคนรู้สึกได้ว่านี่มันรุนแรงมากขึ้น รู้สึกว่าร่างกายหนาวเหน็บและ มีเสียงแตกร้าวออกมาจากฟองอากาศรอบตัว ฟองพลันแตกสลายจนชายวัยกลางคนหน้าซีดและกระอักโลหิต สายตาหวาดกลัวและไม่เชื่อ
เขาสูญเสียการควบคุมร่างกาย ตอนที่หวังหลินเอ่ยปากออกมา ราวกับภูเขาแสนลูกกระแทกใส่ร่างกายเขา ชายวัยกลางคนถอยอีกครั้งและกระอักโลหิตอีกรอบ รู้สึกเหมือนว่าวสายป่านขาดที่ปลิวออกไปนอกถ้ำ
ชายวัยกลางคนกระเด็นออกมาต่อหน้าต่อตาของเซียนนับหมื่นด้านนอกและกระอักโลหิต เขากระเด็นไปไกลกว่าหมื่นฟุตก่อนจะหยุดลงได้ ใบหน้าซีดเผือด แววตาหวาดกลัวจนเกินคำอธิบาย
“เจ้าเป็นใคร!?!” ชายวัยกลางคนแผดเสียงร้องทันที
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ศิษย์ทั้งหมดของสำนักมังกรฟ้า ตกตะลึงเท่านั้น แม้กระทั่งสองผู้อาวุโสที่เปลี่ยนเป็นมังกรด้วย แววตาของอาจารย์ ดุจเมฆาพลันเบิกกว้างและไม่เชื่อสิ่งที่เห็น
“ใครอยู่ในถ้ำ?! แม้แต่ผู้อาวุโสจ้าวที่มีระดับบ่มเพาะขั้นวิญญาณดับสูญระดับปลาย ยังกระเด็นกลับมาทันทีและได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น!?”
“หุบปาก!” หวังหลินเอ่ยเสียงเย็นเยียบออกมาจากถ้ำของคางเหรินเพื่อ กลบความโกลาหล
วินาทีที่เอ่ยออกมา ทุกอย่างเงียบสงัด แม้แต่สายฝนที่กำลังตกลงมาราวกับ หยุดไปด้วย มันค้างอยู่กลางอากาศและไม่สามารถตกลงสู่พื้นได้เลย
พอเห็นสายฝนไม่ตกลงไป ชายชราผมขาวจึงมีใบหน้าหวาดกลัว
‘กฎแห่งวาจา ทุกอย่างถูกแช่แข็ง…นี่หมายความว่าเขาเป็นขั้นแก่นแท้ดับสูญหรือสูงยิ่งกว่า ใคร…เขาเป็นใคร!!’
‘คางเหรินไปนำใครกลับมา!? เขาต้องมีชื่อเสียงในแคว้นกระทิงสวรรค์ ไม่ใช่คน ไร้ชื่อแน่!’
คางเหรินผู้อยู่ในถ้ำนั้นถึงกับสิ้นหวังถึงขีดสุด เขาเห็นผู้อาวุโสจ้าวซึ่งมีสถานะสูงส่งถูกดีดออกไปทันทีและกระอักโลหิตเพียงแค่คำพูดเดียวจากชายในเปลวเพลิงนั่น เขามองดูเปลวเพลิงปะทุออกมาและรู้ว่านี่เป็นหายนะครั้งใหญ่ไปแล้ว!
‘นี่…นี่มันเป็นโชควาสนาแบบไหนกัน? นั่นมันบรรพชนเชียวนะ!!’
หวังหลินหลับตาอีกครั้งภายในเปลวเพลิง ตอนที่เปลวเพลิงปะทุออกมา สัมผัสวิญญาณของเขาได้กวาดผ่านพื้นที่บริเวณนี้ไปแล้ว ซึ่งไม่มีใครที่นี่คู่ควรให้เขาใส่ใจ
อย่างไรก็ตามเขาเข้าใจว่าที่นี่คือแผ่นดินเซียนดาราและมีคนทรงพลังมากมาย ทั้งยังได้ยินคำพูดข้างนอกด้วย จ้าวสำนักและบรรพชนได้ออกไปและอยู่ระหว่างทางกลับมา
พื้นที่บริเวณนี้กว้างใหญ่ ดังนั้นเซียนขั้นที่สามจึงไม่สามารถมาถึงได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แม้จะใช้บิดมิติก็ตาม ทว่าแผ่นดินเซียนดาราแตกต่างจากโลกถ้ำ หวังหลินเข้าใจเรื่องนี้ตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้ว
ตอนนี้เปลวเพลิงรอบตัวเขากำลังถูกดูดซับอย่างต่อเนื่องและใช้ไปหล่อเลี้ยง แก่นแท้เพลิงของตัวเอง หลังจากขบคิดเล็กน้อย หวังหลินยื่นแขนขวาออกมา คางเหรินลอยเข้าไปในเปลวเพลิงและถูกหวังหลินจับในทันที หวังหลินคว้าลำคอเอาไว้
สายตาเยือกเย็นจ้องมองคางเหริน
ดวงตาทั้งคู่ประสานกัน ความคิดจิตใจสั่นเทาราวกับสายฟ้านับแสนสายกระหน่ำเทลงมาในใจ เขาไม่ได้ต่อต้านเลย แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขามองหวังหลินด้วยสายตาสิ้นหวัง
“ผู้…ผู้อาวุโสโปรดเมตตา…”
หวังหลินไม่สนคางเหริน ส่งสัมผัสวิญญาณออกจากมือขวาเข้าสู่จิตใจอีกฝ่าย หลังจากค้นหาความทรงจำที่ต้องการได้แล้ว จึงโยนคางเหรินออกไปนอกเปลวเพลิงและยับยั้งตัวเอง
‘จ้าวสำนักขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับต้น ส่วนบรรพชนตู้ฉิงขั้นวิบากดับสูญระดับต้น…’ หวังหลินขมวดคิ้ว ขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับต้นไม่คู่ควรให้เอ่ยถึง แต่ขั้นวิบากดับสูญระดับต้นค่อนข้างจะยาก
‘การเปิดมิติเก็บของดูไม่สะดวกเท่าใดนัก มันอาจเกิดปัญหาบางอย่าง ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถนำสมบัติออกมาและไม่สามารถใช้หุ่นเชิดเย่ซื่อได้…ข้าจึงเสียเปรียบ เมื่อเผชิญหน้ากับเซียนขั้นวิบากดับสูญ…’
ขณะที่ขบคิดไป หวังหลินดูดซับเพลิงปฐพีเพื่อหล่อเลี้ยงแก่นแท้เพลิงจำนวนมากทำให้แก่นแท้ของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
‘ช่างมันเถอะ ข้าควรออกไปจากที่นี่เพื่อศึกษาปัญหาเรื่องมิติเก็บของของข้าก่อน อีกทั้งแก่นแท้ของข้าอันอื่นดูเหมือนจะเปลี่ยนไปด้วย ข้าต้องทำความคุ้นเคยก่อนเป็นอันดับแรก’ ดวงตาหวังหลินทอประกายและตัดสินใจ เขาเพิ่งมาถึงแผ่นดินเซียนดาราและยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่นัก ด้วยนิสัยของเขาแล้วจึงไม่ต้องการทำตัวโอหังเกินไป
ตอนนี้พอคิดขึ้นในใจแล้ว สองมือสร้างผนึกและสะบัดแขน ปฐพีส่งเสียงดังลั่นและมีเพลิงปฐพีพวยพุ่งออกมาเต็มไปทั่วถ้ำและรั่วไหลออกไปด้วย
ชายวัยกลางคนมองจากภายนอก การที่สามารถบ่มเพาะมาจนถึงระดับนี้ได้แปลว่าเขาไม่ได้โง่ ดังนั้นจึงมองออกว่าหวังหลินกำลังทำอะไร
‘เขากำลังหนี!!’ ชายวัยกลางคนมีท่าทีมืดมน สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว แต่สิ่งที่หวาดกลัวยิ่งกว่าคือ ความโกรธเกรี้ยวของบรรพชนเมื่อกลับมาถึง!
เมื่อบรรพชนโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว เขาอาจโดนหลอมกลายเป็นหุ่นเชิดไม้ พอเห็นว่าบรรพชนอาจจะทำแบบนั้นแล้ว ในใจตอนนี้หวาดกลัวบรรพชนยิ่งกว่า
‘เราไม่สามารถปล่อยให้เขาหนีก่อนที่บรรพชนจะมาถึงได้ เมื่อเขาหนีไปได้ เราจะไม่สามารถทนรับความโกรธของบรรพชนได้แน่นอน!’ พอคิดเช่นนี้ ชายวัยกลางคน กัดฟันและส่งเสียงคำราม
“ลี่ชางเถียน ซุนเมิ่งเต๋อ หานซิ่น เขากำลังจะหนีแล้ว อย่าปล่อยให้หนีไปได้ ไม่เช่นนั้นบรรพชนจะโกรธเกรี้ยวและพวกเจ้าคงรู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบไหน!! ศิษย์สำนักมังกรฟ้าทั้งหมด จงหยุดค่ายกลสายน้ำสวรรค์และเปิดใช้วิชาเต๋าคำราม!” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นมา เขาระงับความบาดเจ็บเอาไว้และพุ่งออกไป ด้านหลังนั้นชราผมขาวสีหน้าเปลี่ยนไป กัดฟันแน่นและทะยานตามมาติดๆ
ขณะเดียวกัน มังกรสองตัวในก้อนเมฆจึงบิดเบี้ยว เปลี่ยนเป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิง ทั้งสองคิดถึงความน่ากลัวของบรรพชนและระเบิดระดับบ่มเพาะพุ่งตามมายัง ถ้ำด้านล่าง
สี่ผู้อาวุโสของสำนักมังกรฟ้า เซียนขั้นที่สามสี่กำลังจะไปหยุดหวังหลินไม่ให้หนี!
ศิษย์สำนักมังกรฟ้านับหมื่นคนยกเลิกค่ายกลสายน้ำสวรรค์ สองฝ่ามือสร้างผนึกและเริ่มพึมพำ เสียงพึมพำของคนนับหมื่นดังกึกก้องไปทั่วฟ้า
วิชาเต๋าคำรามเป็นวิชาของสำนักมหาวิญญาณ สำนักมังกรฟ้าและสำนัก มหาวิญญาณมีความใกล้ชิดกันอย่างมาก ดังนั้นสำนักมหาวิญญาณจึงมอบวิชาป้องกันไว้ให้สำนักมังกรฟ้า!
หากฟังอย่างถี่ถ้วนแล้วคงได้ยินว่าเหล่าศิษย์นับหมื่นกำลังพูดอยู่เพียงสองคำคือ “เต๋า” และ “วิญญาณ”
“เต๋า วิญญาณ…วิญญาณ เต๋า…เต๋า วิญญาณ…”
น้ำเสียงแต่ละคนครอบงำพื้นดินด้านล่างและเข้าไปในถ้ำถึงหูของหวังหลิน จิตใจหวังหลินสั่นเทาและรู้สึกถึงพลังเข้ามาในร่างกาย มันหลอมละลายจิตใจแห่งเต๋าและแยกวิญญาณเขาออกมา
เป็นความรู้สึกที่ทำให้หวังหลินเกิดความระคายเคือง หวังหลินมีสายตาเย็นเยียบพลางพ่นลมหายใจและก้าวเท้าออกมา ใช้วิชาสายฟ้าหัวใจที่เรียนรู้มาในสุสานโบราณเสียงหัวใจเต้นดังออกมาจากร่างกายและแผ่กระจายอย่างรวดเร็วจนเสียงดังรุนแรง ตรงเข้าปะทะกับวิชาเต๋าคำรามด้านนอก
ขณะเดียวกันนั้นสี่ผู้อาวุโสซึ่งพุ่งเข้าไปในถ้ำเพื่อปิดทางหนีของหวังหลิน หวังหลินได้ยกแขนขวาขึ้นมาและยื่นหาพื้นดิน เผยสีหน้าท่าทางดุดัน
‘แยกวิญญาณเพลิงปฐพี!’