181. กฎเกณฑ์ระเบิดออก
ร่างของจักรพรรดิโบราณนิ่งสงบไม่ไหวติงขณะที่มองอย่างระมัดระวัง จึงช่วยไม่ได้ที่จะส่งคำสาปแช่งออกมา “นี่มันกฎเกณฑ์อีกชุด คนแบบนี้มันช่างอ้อมค้อมเสียจริง!”
เขาสะบัดแขนขวาพลันธงขาวสี่ผืนปรากฎขึ้น ทั้งหมดหมุนหนึ่งรอบและร่อนลงลงสี่ด้าน
ดวงตาเขามืดหม่นลงทันที ภายใต้การนำทางของเขา ธงทั้งสี่ผืนเริ่มขยายออกพร้อมกันเคลื่อนที่ไปรอบๆและสร้างอสรพิษขาวหลายตัวลอยเข้าหาตำแหน่งของหวังหลิน
อสรพิษขาวพวกนั้นหมุนรอบๆเป็นวงกลมอยู่ชั่วขณะจนกระทั่งหนึ่งในนั้นชี้ไปที่ก้อนหินหนึ่งใกล้ๆ หวังหลินสงบนิ่งขณะที่นั่งภายในกฎเกณฑ์ของตัวเองหลายอย่าง เขาไม่ได้กังวลหรือประหลาดใจอันใดแต่รู้สึกมั่นใจวิชากฎเกณฑ์ของตัวเองที่พัฒนามาสิบปีอย่างมาก หากเขาวางกฎเกณฑ์ในนาทีสุดท้ายคงไม่ต้องหลอกลวงเป้าหมาย กฎเกณฑ์พวกนี้เขาใช้เวลานับปีเพื่อวางมันลงไว้
ด้วยเหตุนี้แม้แต่จักรพรรดิโบราณจะใช้วิธีพิเศษบางอย่าง หวังหลินจึงไม่ได้กังวลเลย เขาเพียงแต่เยาะเย้ยและพักอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
จุดที่จักรพรรดิโบราณสังเกตเห็นได้คือจุดอ่อนที่หวังหลินทิ้งไว้โดยเจตนา และหากเขาไม่สังเกตเห็นเช่นนั้นคงต้องทุกข์ทรมานเป็นแน่
อสรพิษขาวบิดตัวงอเข้าด้วยกันเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ในพริบตามันก็ร่อนลงบนหนึ่งในกฎเกณฑ์แห่งหนึ่งที่หวังหลินวางไว้
ก้อนหินดูธรรมดาสามัญมากแต่ภายใต้แสงสีขาวพลันค่อยๆหายไปเผยเป็นเส้นทางเส้นหนึ่งพอให้คนคนเดียวเดินผ่านได้
จักรพรรดิโบราณจ้องไปที่เส้นทางเล็กแห่งนั้นแต่ไม่ได้มุ่งหน้าเข้าไป เขาสะบัดแขนขวารับอสรพิษขาวมาจากนั้นจ้องสังเกตพื้นที่โดยรอบอย่างระมัดระวัง
จากประสบการณ์ของจักรพรรดิโบราณที่ทำลายกฎเกณฑ์หลายแห่งในภูเขานี้ เขาสรุปได้ว่ากฎเกณฑ์นี้ต้องมีวิธีสังหารซ่อนอยู่ข้างในเป็นแน่ หากเขาไม่ระมัดระวังเขาอาจจะเจอกฎเกณฑ์ขนาดใหญ่
ยิ่งเขาเข้าใกล้ยอดภูเขาต้องยิ่งพร้อมต่อกรกับกฎเกณฑ์ทุกชั่วขณะ หากไม่มีความรู้ที่เรียนมาเป็นพันปี หลังจากผ่านจุดนี้จะยิ่งยากขึ้นกว่าเดิม
จักรพรรดิโบราณเป็นคนที่ระมัดระวังอย่างมาก เขานั่งลงบนพื้นและใช้ฝ่ามือควบคุมอสรพิษขาวให้เคลื่อนที่แหวกเข้าไปในกฎเกณฑ์อย่างเชื่องช้า
หวังหลินหายใจออก ระยะห่างระหว่างเขาและจักรพรรดิโบราณมีน้อยกว่าสามจ้างแต่จักรพรรดิโบราณกลับไม่สังเกตเห็นเขา แม้กระทั่งด้วยสัมผัสวิญญาณของเขามันกลับยากที่จะสังเกตเจอ นอกจากหวังหลินแล้วไม่มีใครรู้ว่ามีกฎเกณฑ์มากขนาดไหนที่เขาติดตั้งไว้ที่นี่
ถึงอย่างนั้นหวังหลินอดกลั้นอารมณ์ไว้ มีกฎเกณฑ์หลากหลายแห่งที่ติดตั้งขึ้นในบริเวณใกล้เคียง ความจริงแล้วหากพูดว่าความรู้ทั้งหมดสิบปีที่หวังหลินได้รับถูกวางไว้ที่นี่จะเหมาะสมกว่า
หลังจากผ่านมาหนึ่งปี จักรพรรดิโบราณจึงมานั่งด้านหน้าเส้นทางเปิดโล่งพร้อมกับใบหน้าขมวด เดิมทีเขาคิดว่ากฎเกณฑ์แห่งนั้นมีความซับซ้อนมากเพราะว่ามันถูกตั้งไว้โดยคนที่คิดไม่ซื่อ แต่หลังจากศึกษาอย่างละเอียดหนึ่งเดือนจึงประหลาดใจเมื่อค้นพบว่ากฎเกณฑ์ดูเรียบง่ายมาก การเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันนี้ทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมาก ยังดีที่เคยเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน พลันสูดหายใจลึกและมองไปบนยอดภูเขา ตัดสินใจว่าหากเคยพบคนลึกลับคนนี้จะต้องสั่งสอนบทเรียนแน่นอน ความเกลียดชังคนผู้นี้ได้เข้าครอบงำจิตใจเขาแล้ว
แต่ถึงกระนั้น จักรพรรดิโบราณยังระมัดระวังอย่างมากและยังกุมลมหายใจไว้ คนลึกลับนี้เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน หลายครั้งที่ดูจริงแต่เปลี่ยนเป็นหลอก แต่ทุกครั้งที่เขาลดการเฝ้าระวังลง สิ่งที่หลอกกลับกลายเป็นจริง
เป็นผลให้จักรพรรดิโบราณดึงสมาธิทุกอย่างมาเพ่งรอบด้านขณะที่เดินไปข้างหน้า
เขาเดินเข้าหาเส้นทางแห่งนั้นแต่หลังจากเคลื่อนที่ได้ไม่ถึงห้าฟุต ก้อนหินรอบตัวเขาเริ่มขยับเขยื้อน หอกศิลาพุ่งเข้าหาเขาราวกับสายฟ้าทีละเล่ม
เมื่อจักรพรรดิโบราณเห็นหอกศิลา เขาไม่ได้ประหลาดใจแต่โล่งใจแทน พลันสะบัดแขนขวาและแสงสีฟ้าปรากฎรอบร่างกาย จังหวะที่หอกศิลาปะทะเข้ากับแสงสีฟ้ามันกลับกลายเป็นสีฟ้าด้วยเช่นกัน
มองไกลๆจะเห็นว่าถนนยาวเส้นหนึ่งกำลังมีหอกศิลาสีฟ้าพันกันยุ่งเหยิง จากนั้นสายลมหนึ่งลอยพัดไปและหอกศิลาทั้งหมดแตกกระจายและหล่นลงกับพื้นดิน ลู่ทางเต็มไปด้วยเศษก้อนหินที่แตกสลาย
จักรพรรดิโบราณยกฝ่าเท้าและเดินตรงไปที่ทางออก ขณะที่กำลังจะถึงทางออกนั้น กฎเกณฑ์อันลึกล้ำและวงกลมมายาวงหนึ่งปรากฎในฝ่ามือหวังหลิน ตราบเท่าที่เขาโยนวงกลมเข้าไป หวังหลินสามารถกระตุ้นกฎเกณฑ์ทั้งหมดโดยรอบให้โจมตีได้ทันที
แม้ว่าโอกาสการสังหารจักรพรรดิโบราณจะต่ำ อย่างน้อยมันก็อาจทำให้เกิดบาดแผลได้ หลังจากขบคิดความคิดนี้อยู่ชั่วครู่ หวังหลินเก็บวงกลมมายาออกห่างและยอมให้จักรพรรดิโบราณออกจากกฎเกณฑ์ เหตุผลที่เขาไม่ออกจากกฎเกณฑ์ก็เพราะไม่ต้องการความสมดุล หากจักรพรรดิโบราณได้รับบาดแผล เขาจะมองหาสถานที่รักษา เว้นแต่ว่าจะอันตรายถึงชีวิตเขาจะไม่เคลื่อนไหวใดๆ
ทว่าหวังหลินยังตัดสินใจทำการต่อกรกับจักรพรรดิโบราณ เขาสร้างวงกลมมายาขึ้นอีกอันและส่งมันออกไป วงกลมกระจายออกสร้างเป็นภาพติดตามากมายเหลือคณานับ ขณะเดียวกันกฎเกณฑ์ทั้งหมดที่หวังหลินวางไว้ถูกกระตุ้นทันที
เนื่องจากการเรียนรู้เรื่องกฎเกณฑ์ของจักรพรรดิโบราณมีความกว้างขวาง เขาจึงสังเกตบางสิ่งผิดปกติก็ตอนที่เดินผ่านมาได้ครึ่งทาง เขาตรวจพบกฎเกณฑ์ที่ถูกทับซ้อนกันไว้หลายชั้น จำนวนของกฎเกณฑ์พวกนั้นเพียงพอให้ศีรษะมึนชา ใบหน้าเปลี่ยนเป็นน่ากลัวทันทีขณะที่ลนลานเข้าหาทางออก
ซึ่งเป็นขณะเดียวกันที่กฎเกณฑ์ทั้งหมดถูกกระตุ้น
ลำแสงหลากสีปรากฎบนภูเขา ทั้งหมดลอยเข้าหาจักรพรรดิโบราณ ใบหน้าเขาซีดเผือด เขารู้ได้ว่าลำแสงหลากสีนั้นไม่มีพลังโจมตี แต่ว่าขณะที่เขาสัมผัสกับมันนั้นจะถูกเคลื่อนที่ไปในตำแหน่งที่คนติดตั้งกฎเกณฑ์ไว้ต้องการให้ไป
จักรพรรดิโบราณสะบัดแขนอย่างรวดเร็วและธงเล็กสี่ผืนปรากฎออกมา พลันมองธงพวกนั้นอย่างเสียใจและเปล่งพลังปราณออกมาจากปาก ธงสี่ผืนเริ่มหมุนและอุโมงค์สีดำแห่งหนึ่งปรากฎเบื้องหน้า
ก่อนที่ลำแสงหลากสีจะเดินทางมาถึง จักรพรรดิโบราณกระโดดเข้าไปในอุโมงค์มืดและปรากฎห่างออกไปสิบฟุต
หลังจากเขาออกมาจากกฎเกณฑ์ได้จึงเร่งไปข้างหน้าทันที หยาดเหงื่อวาววับบนสองคิ้ว เขาหันกลับมาด้วยใบหน้าหมองคล้ำและเห็นกฎเกณฑ์นั้นกลับสู่ปกติ
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบจากนั้นเขาหันกลับมาและเดินออกไปขณะที่ธงทั้งสี่ผืนโคจรรอบตัวเขา ดวงตาหวังหลินจดจ้องไปบนธงพวกนั้นตลอดเวลา เหตุผลที่เขาโจมตีก็เพราะว่าสหายเซียนเก่าแก่ผู้นี้เป็นคนที่มีฝีมือมาก หากเขาผ่านโดยไม่มีสิ่งกีดขวางจะสงสัยความเปลี่ยนแปลงนั้น
อาจจะเป็นเรื่องดีที่โจมตีและทำให้เขาไปสู่อันตรายเพื่อหลีกความสงสัยนั้น นอกจากนี้ภูเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ เป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้วที่จะทำลายมันเพื่อผ่านออกไป
เพียงแค่หวังหลินไม่ได้ตระหนักว่าธงพวกนั้นมีความแข็งแกร่งเช่นไรกันแน่ มันสามารถสร้างหลุมในกฎเกณฑ์เพื่อหลบหนีจากลำแสงได้ ธงพวกนั้นต้องเป็นไพ่ตัวสำคัญของจักรพรรดิโบราณในการผ่านกฎเกณฑ์เป็นแน่
หวังหลินอยู่ชั่วขณะและนั่งอยู่ที่นี่ต่อไป ดวงตาเขามุ่งเป้าไปบนน้ำวนยักษ์บนยอดภูเขา
จ้าวปิศาจหกปรารถนาในตอนนี้อยู่ห่างจากยอดเพียงร้อยฟุต ใบหน้าดำมืด หากไม่ใช่เพื่อเจ้าหนูนั้นเขาคงมาถึงจุดนี้เมื่อสองปีก่อน
กระทั่งเขายังไม่กล้ากระตุ้นกฎเกณฑ์ในตอนนี้ ก่อนหน้านั้นมีการล้มเหลวครั้งหนึ่งเกิดขึ้นตอนที่ทำลายกฎเกณฑ์โดยได้กระตุ้นลำแสงเคลื่อนย้ายพุ่งเข้าหาเขา กฎเกณฑ์ชนิดนี้เป็นสิ่งทีเขาเกลียดที่สุด หากถูกเคลื่อนย้ายไปมันคงยากที่จะรอดชีวิต เนื่องจากไม่มีเวลาพอให้หลบหนีเขาจึงใช้ชายหนุ่มที่พามาด้วยกันเป็นโล่ห์กำบังให้หนีรอด
จ้าวปิศาจไม่ได้สนใจว่าชายหนุ่มจะรอดชีวิตหรือไม่ แต่ว่าเขาเสียเหงื่อเสียโลหิตไปมากมายกับมัน ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มถูกลำแสงพาไป เขาจึงติดตามไปและหลังจากเจออุปสรรค์มาหลายอย่างในที่สุดก็นำชายหนุ่มกลับคืนมาได้
ชายหนุ่มยืนอยู่ถัดจากเขา ดวงตาปิดสนิทไม่มีสัญญาณแห่งชีวิต ความจริงขณะที่ลำแสงเคลื่อนย้ายปะทะเข้าหาชายหนุ่ม เขาถูกกฎเกณฑ์สังหารไปเรียบร้อยแล้ว
แต่น่าแปลกที่ชายหนุ่มยังติดตามจ้าวปิศาจหกปรารถนา จ้าวปิศาจหกปรารถนามองกลับไปและยิ้มเยาะเย้ยขึ้นขณะที่เขารู้สึกว่าหนึ่งในกฎเกณฑ์ของเขาถูกคนด้านหลังทำลายไป
คนผู้นี้ทำลายผ่านกฎเกณฑ์ที่เขาวางไว้อย่างต่อเนื่อง มันได้กลายเป็นศัตรูที่คู่ควรในใจเขาไปแล้วเรียบร้อย พลันเลียริมฝีปากและคิดกับตัวเอง ‘มันต้องเป็นจักรพรรดิโบราณ หากไม่ใช่ว่ามีกฎเกณฑ์ร้ายล้อมที่นี้ไว้หมด นี่จะเป็นช่วงเวลาที่นี่ที่จะสังหารมัน แต่ข้าได้วางค่ายกลสุดแข็งแกร่งในร้อยฟุตนี้แล้ว ข้าต้องการเห็นว่าว่ามันสามารถทำลายผ่านมาได้’
สายตาเลื่อนกลับไปที่กฎเกณฑ์บนน้ำวน กระทั่งด้วยความสามารถของเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงผ่าน กระทั่งอาจารย์ของเขาเองก็หยุดที่จุดนี้
เวลานี้การที่จ้าวปิศาจหกปรารถนามั่นใจการมาที่นี่ แล้วเช่นไรเขาถึงจะไม่เตรียมตัวมาก่อน พลันมองไปที่ชายหนุ่มด้านข้างและยิ้มอย่างภูมิใจ “ข้าใช้เวลาหลายร้อยปีเพื่อสร้างฆาตกรนี้ เจ้าจะยอมให้ข้าเข้าไปในร่างกายเทพโบราณได้อย่างแน่นอน”
เขานั่งลงขัดสมาธิ ด้วยการสะบัดฝ่ามือซ้าย ชายหนุ่มจึงนั่งลงขัดสมาธิด้วยเช่นกัน จ้าวปิศาจหกปรารถนาขยับทั้งสองมือเพื่อสร้างเกลียวกฎเกณฑ์แห่งหนึ่งให้ล้อมรอบทั้งคู่
ด้านข้างจักรพรรดิโบราณ กฎเกณฑ์ได้ยากขึ้นและยากขึ้นขณะที่เขาก้าวเข้ามา หากไม่มีความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้คงตายไปเรียบร้อยแล้ว
ถึงเช่นนั้นเขานำสมบัติของตัวเองออกมาจำนวนมาเพื่อต่อกรกับกฎเกณฑ์ให้เขาอยู่รอด บางกฎเกณฑ์ไม่สามารถทำลายได้อีก บางแห่งจำเป็นต้องใช้พลังปราณจำนวนมหาศาลเพื่อผ่านเข้าไป จักรพรรดิโบราณจึงมีใบหน้ามัวหมองอย่างมาก
ขณะที่จักรพรรดิโบราณเดินออกมาจากกฎเกณฑ์อีกอัน เขาอยู่ห่างจากยอดภูเขาสองร้อยฟุต เพราะว่าไม่มีกฎเกณฑ์ที่ป้องกันระยะสายตาเขา จึงสามารถเห็นจ้าวปิศาจหกปรารถนาได้ซึ่งต่างมีใบหน้ามืดมนเช่นกัน ด้านหลังเขาคือนำวนสีดำที่นำทางต่อไปและใจกลางน้ำวนเป็นชายหนุ่มผู้ซึ่งติดตามจ้าวปิศาจหกปรารถนา
จ้าวปิศาจหกปรารถนามองไปที่จักรพรรดิโบราณ เขาไม่คาดคิดว่าขึ้นมาถึงที่นี่ได้รวดเร็วเช่นนี้หากมีเวลาพอถึงหนึ่งก้านธูป เขาจะเสร็จสิ้นกฎเกณฑ์ของน้ำวนนี้แล้ว แม้ว่ามันจะเป็นเพียงสามลมหายใจนั่นก็มากเกินพอสำหรับเขาแล้ว แต่ขณะที่จักรพรรดิโบราณปรากฎตัวนั้นอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเขา เรื่องนี้จึงบังคับให้เขาเปลี่ยนแผนกระทันหัน
ดวงตาจักรพรรดิโบราณหรี่เล็กลงเมื่อเห็นน้ำวน เขาจำได้ว่านั่นเป็นวิชาเดียวกันกับอาจารย์ของจ้าวปิศาจหกปรารถนาซึ่งก็คือ ปิศาจฟ้า ใช้มัน มันเป็นวิชากฎเกณฑ์ที่สามารถอ้อมผ่านกฎเกณฑ์ได้นับร้อย
“หกปรารถนา…” ดวงตาจักรพรรดิโบราณหมองคล้ำขณะที่ระงับความโกรธของตัวเองไว้ เปรียบกับจ้าวปิศาจหกปรารถนา เขาต้องค้นหาชายหนุ่มลึกลับนั่นให้เจอ สายตาเขากวาดทั่วบริเวณและวางลงบนชายหนุ่ม พลันขมวดคิ้วและพูดขึ้น “หรือนั่นเป็นชายหนุ่มลึกลับ? แต่ว่าไม่มีสัญญาณชีวิตออกมาจากเขา…”
มุมปากจ้าวปิศาจหกปรารถนากระตุกและพูดขึ้นเบาๆ “ข้าไม่คาดคิดว่าพี่จักรพรรดิโบราณจะมาถึงที่นี่เช่นกัน ขอเฉลิมฉลอง!”
จักรพรรดิโบราณยิ้มเยาะขณะที่ระงับอารมณ์โกรธไว้ “มันต้องขอบคุณเจ้าและชายหนุ่มคนนั้นที่’ช่วย’ ทิ้งบางอย่างไว้เบื้องหลังเพื่อให้ถุงกระดูกผุคนนี้สามารถมาถึงที่นี่ได้”
จ้าวปิศาจหกปรารถนามองไปที่ชายหนุ่ม ดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นชา “พี่จักรพรรดิโบราณ ท่านหมายความว่าสิ่งใด?”
ใบหน้าจักรพรรดิโบราณบูดบึ้ง จับจ้องไปที่กฎเกณฑ์ที่จ้าวปิศาจหกปรารถนาตั้งไว้โดยไม่ได้เอ่ยคำใด
จ้าวปิศาจหกปรารถนาเยาะเย้ยในใจแต่ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้า เขาหัวเราะ “ท่านพี่จักรพรรดิโบราณ ในสถานที่แห่งนี้มีเพียงเราสอง ด้วยความแข็งแกร่งของเรา หากเราทั้งคู่ต่อสู้กันคงไปกระตุ้นกฎเกณฑ์ขนาดใหญ่หลายแห่งเป็นแน่”
จักรพรรดิโบราณเงียบเสียงจากนั้นพูดขึ้น “คราแรก ลบล้างกฎเกณฑ์และให้ข้าเข้ามา”
จ้าวปิศาจหกปรารถนาสะดุดเล็กน้อยขณะที่เห็นธงสี่ผืนหมุนรอบตัวจักรพรรดิโบราณ
จักรพรรดิโบราณมองดูวังวนอย่างรวดเร็วและเย้ยหยัน “อุโมงค์กฎเกณฑ์นี้ดูเหมือนไม่สมบูรณ์ หากข้ากระตุ้นกฎเกณฑ์ใกล้ๆ ทางผ่านจะปิดถาวรใช่ไหม?”
ใบหน้าจ้าวปิศาจหกปรารถนาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เขาพยักหน้าและยิ้มขึ้นพลันสะบัดแขนและกฎเกณฑ์แบ่งออกครึ่งส่วน เมื่อกฎเกณฑ์นี้ถูกเขาทำลายไป เขาสามารถสร้างมันขึ้นมาได้อีกครั้งอยู่แล้ว
จักรพรรดิโบราณเดินไปข้างหน้าโดยไม่เอ่ยวาจา เขาไม่เคยละสายตาออกจากจ้าวปิศาจหกปรารถนา หลังจากเดินมาได้ครึ่งก้าวผ่านกฎเกณฑ์ ทันใดนั้นจักรพรรดิโบราณเคลื่อนร่างกายทันที ธงสีขาวสี่ผืนสร้างอุโมงค์แห่งหนึ่งขึ้นมาและจักรพรรดิโบราณเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
จังหวะที่จักรพรรดิโบราณเคลื่อนไหวนั้น จ้าวปิศาจหุบฝ่ามือและกฎเกณฑ์ถูกตั้งขึ้นอีกครั้งและกระตุ้นใช้งาน
แต่เขาไม่คิดว่าธงของจักรพรรดิโบราณจะทรงพลังเช่นนั้น ขณะที่กฎเกณฑ์ถูกตั้งขึ้นและเปิดใช้ จักรพรรดิโบราณออกมาจากอุโมงค์ห่างไปเพียงสิบฟุต
เมื่อปรากฎตัว จักรพรรดิโบราณไม่ลังเลที่จะพุ่งลำแสงเส้นหนึ่งออกมาจากปาก ลำแสงไม่ได้มุ่งเป้าไปที่จ้าวปิศาจหกปรารถนาแต่ไปที่ชายหนุ่มตรงกลางวังวน เหตุผลที่จักรพรรดิโบราณแสดงสมบัติแห่งชีวิตของเขาก็เพราะเขาเกลียดชายหนุ่มที่ชั่วร้ายนั่น
สีหน้าจ้าวปิศาจหกปรารถนาเปลี่ยนทันที ฝ่ามือทั้งสองข้างปรบเข้าด้วยกันบนกระดาษแผ่นหนึ่งและตะโกนขึ้น “ปรารถนา!” ทันใดนั้นลำแสงสีเหลืองออกมาจากท้องชายหนุ่มกลายเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง มันทุบลงบนลำแสงของจักรพรรดิโบราณ
ระลอกคลื่นพลังปราณออกสู่ภายนอกและกฎเกณฑ์บางส่วนใกล้เคียงกระตุ้นทันที ด้วยความกดดันของกฎเกณฑ์ที่กำลังกระตุ้น จักรพรรดิโบราณไม่ได้โจมตีต่อ เขารีบสร้างกฎเกณฑ์ของตัวเองเพื่อหยุดการกระตุ้นอันอื่น
จ้าวปิศาจหกปรารถนาทำสิ่งเดียวกัน หลังจากนั้นชั่วครู่ในที่สุดกฎเกณฑ์รอบๆก็สงบลงและถูกผนึกอีกครั้ง ใบหน้าจ้าวปิศาจหกปรารถนาซีดเผือดมากขณะที่จ้องจักรพรรดิโบราณ เขากล่าวอย่างหยาบคาย “อยากท่านต้องการจะตาย ก็พุ่งเข้าหากฎเกณฑ์ตอนนี้เลย!”
จักรพรรดิโบราณมีใบหน้ามืดครึ้ม เขาชี้ไปที่ชายหนุ่ม “ข้าจักรพรรดิโบราณขอสาบานต่อสวรรค์หากเจ้านำชายหนุ่มคนนั้นให้ข้า ข้าจะไม่ต่อสู้กับเจ้าจนกว่าจะถึงบททดสอบที่สาม”
จ้าวปิศาจหกปรารถนาขมวดคิ้วและคิดกับตัวเอง ‘มันเห็นด้วยหรือ?’ ทว่าใบหน้าเขาซีดขาวพลางพูดขึ้น “เขาตายไปแล้ว ท่านจะเอาไปทำอะไรเล่า?”
จักรพรรดิโบราณหัวเราะเสียงดัง “ตายแล้วงั้นหรือ? แม้มันจะตายไปแล้ว ตาเฒ่าคนนี้ยังต้องการ”
“ด้วยร่างกายของมัน แม้ข้าต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีข้าก็จะลากวิญญาณมันกลับมาที่นี่ ขัดใจข้าหรือ? ความเกลียดที่ข้ามีต่อมันไม่อาจอธิบายได้!”
จ้าวปิศาจหกปรารถนาขมวดคิ้ว เขามองไปที่ชายหนุ่มและพูดขึ้น “พี่จักรพรรดิโบราณ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด….”
จักรพรรดิโบราณเยาะเย้ย “เข้าใจผิดหรือ? ตั้งแต่เมื่อตาเฒ่าคนนี้เข้ามาในบททดสอบที่สอง ข้าเผชิญกับกฎเกณฑ์สองรูปแบบ หนึ่งถูกเจ้าตั้งไว้ หากอีกหนึ่งไม่ถูกมันตั้งไว้แล้วจะเป็นใครไปได้? อีกทั้งตาเฒ่านี้ทำลายผ่านมาหลายกฎเกณฑ์และรู้ได้ว่าความแข็งแกร่งของมันไม่ได้เกินระดับขั้นวิญญาณแรกกำเนิด ดังนั้นเจ้าบอกข้ามา ใครนอกจากเขาที่เข้ามาสถานที่แห่งนี้ได้โดยไม่ผ่านขั้นวิญญาณแรกกำเนิดมาก่อน? และหากเจ้าบอกว่าเป็นเจ้าเด็กหวังหลินนั่น เราทั้งคู่ก็เห็นกับตาว่ามันจมลงไปในพื้นที่ว่างเปล่า แม้มันจะไม่ตาย เจ้าคิดหรือว่าคนที่มีระดับแค่ขั้นแกนพลังปราณจะสามารถผ่านบททดสอบแรกไปได้รวมถึงสะพานและอยู่ข้างหน้าข้าด้วย?”
จักรพรรดิโบราณระบายสิ่งที่เขาคิดทั้งหมดที่ผ่านมาหลายปีนี้ เขาวิเคราะห์ไว้แล้วว่าใครสามารถเป็นบุคคลลึกลับนี้ได้และในตอนท้ายตัดสินใจว่ามันเป็นชายหนุ่มข้างกายจ้าวปิศาจหกปรารถนา ซึ่งมีคุณสมบัติเพียงพอ
จ้าวปิศาจหกปรารถนาวิเคราะห์สิ่งที่จักรพรรดิโบราณพูดและคิดได้ว่าหากสิ่งที่จักรพรรดิโบราณพูดเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นภายในขอบเขตนี้ไม่ได้มีเพียงแค่สามคน แต่มีถึงสี่คน
หากเรื่องนี้เป็นจริงนั่นจะทำให้เกิดเหตุร้ายในอนาคตมหาศาล คนผู้นี้ไม่ได้ขึ้นมาด้วยตัวเองแต่ยอมให้จักรพรรดิโบราณผ่านเขาไปเผยแรงจูงใจอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้จึงลอบสาปแช่งความโง่เขลาของจักรพรรดิโบราณ เขาพุ่งเข้าหาวังวนโดยไม่ได้เอ่ยวาจาใด จักรพรรดิโบราณร้องไห้ออกมาพลันสะบัดแขนและสร้างลำแสงป้องกันเส้นทางของจ้าวปิศาจหกปรารถนา
จ้าวปิศาจหกปรารถนาเกลียดเขาจากก้นบึ้งหัวใจ แต่นี่ไม่ใช่สถานที่ต่อสู้กัน เขาชำเลืองไปที่สิ่งที่อยู่ด้านหลังจักรพรรดิโบราณและส่งข้อความทางจิต
ใบหน้าจักรพรรดิโบราณเปลี่ยนไปและตอบกลับมา “เจ้าแน่ใจหรือ?”
จ้าวปิศาจหกปรารถนาไม่ได้พูดแต่สร้างรอยแผลที่นิ้วให้หยดโลหิตลงมา พร้อมกับสะบัดนิ้วและโลหิตเปล่งเปลวไฟดวงหนึ่ง เปลวไฟค่อยๆลอยเข้าหาจักรพรรดิโบราณ
จักรพรรดิโบราณเงียบเสียงจากนั้นส่งหยดโลหิตของตัวเองออกมา ขณะที่สองหยดปะทะกันพลันสร้างเป็นสัญลักษณ์หนึ่งและลอยกลับเข้าสู่ฝ่ามือเจ้าของ
วิธีนี้เป็นคำสาบานที่สูงสุดของทะเลปิศาจซึ่งรู้จักกันในนามว่าคำสาบานหัวใจปิศาจ ใบหน้าจักรพรรดิโบราณมัวหมองขณะที่พูดขึ้น “เป็นมันจริงๆหรือ? เป็นไปไม่ได้!”
จ้าวปิศาจหกปรารถนาต่างใบหน้าบึ้งตึงขณะที่เยาะเย้ย “ไม่สำคัญหรอกหากจะเป็นไปได้ คงดีกว่าหากเราทั้งสองคนออกจากสถานที่แห่งนี้ให้ไวขึ้น”
เมื่อเขาพูดเสร็จ ทันใดนั้นใบหน้าเปลี่ยนสีทันที ไม่สนใจเรื่องจักรพรรดิโบราณ เขาปรากฎตัวถัดจากชายหนุ่มพร้อมกับคว้าแขนไว้และก้าวเข้าสู่น้ำวน
“สายไปแล้ว!” น้ำเสียงเยือกเย็นดังออกมารอบด้าน ทันใดนั้นภายในระยะสามร้อยฟุตบนยอดภูเขาพลันปรากฎวงกลมมายาจำนวนนับไม่ถ้วน พวกมันทำลายกฎเกณ์ทั้งหมดโดยรอบทันที
หวังหลินกำลังนั่งอยู่บนโขดหินห่างไปห้าร้อยฟุต ปีที่ผ่านมาเขากักเก็บวงกลมมายาไว้ในกฎเกณฑ์จำนวนมากของเขา ตอนนี้ถึงเวลาที่ปลดปล่อยกฎเกณฑ์ออกมาและวงกลมมายาทั้งหมดพุ่งออกทำลายกฎเกณฑ์ภายในระยะสองร้อยฟุตทันที
พูดได้ว่าทุกครั้งที่หวังหลินวางกฎเกณฑ์ขึ้นมาเขาจะกักเก็บวงกลมมายาหลายวงไว้ ภายใต้แรงกดดันของวงกลมมายาทั้งหมด จ้าวปิศาจหกปรารถนาและจักรพรรดิโบราณพลันตกอยู่ในความเสียเปรียบทันที
จ้าวปิศาจหกปรารถนาหลอกลวงคนอื่นได้เก่งมากแต่ในท้ายสุดเขากลับถูกคนอื่นสวมเขา ขณะที่จักรพรรดิโบราณเข้าใจผิดตั้งแต่เริ่มต้นเพราะคิดว่าลึกๆแล้วหวังหลินเป็นคนอ่อนแอเกินไป จึงไม่สงสัยความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นนี้
ขณะนั้นเองในที่สุดเขาก็เข้าใจพร้อมกับเผยความอาฆาตบาดลึกในสายตา
กฎเกณฑ์ทั้งหมดในระยะสามร้อยฟุตรอบภูเขาถูกกระตุ้น ทันใดนั้นลำแสงหลายเส้น บอลอัคคียักษ์หลายลูก กระบี่เหินที่แม้กระทั่งเทพอมตะยังต้องปวดหัว และจุดลำแสงหลากสีที่เปล่งกลิ่นอายแห่งความตายรุนแรงได้ออกมาจากทุกทิศทาง
เมื่อกฎเกณฑ์ทั้งหมดกระจายออก มันไปกระตุ้นกฎเกณฑ์ในท้องฟ้าด้วย ทันใดนั้นก้อนเมฆขนาดยักษ์สีดำปรากฎ ลดต่ำลงมาจากบนยอดภูเขา สายฟ้ากระพริบวาบเห็นได้ด้วยสายตา
ยิ่งไปกว่านั้นมีวงแหวนแสงสีดำวงหนึ่งสร้างขึ้นห่างไปสามร้อยฟุตรอบภูเขาพลันพุ่งสูงขึ้นไปข้างบน ทุกสิ่งที่วงแหวนสีดำสัมผัสจะถูกทำลาย แม้กระทั่งกฎเกณฑ์ที่ถูกวางโดยภูเขาแห่งนี้
แม้กระทั่งหวังหลินถึงกับตกใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้จินตนาการว่าการปลดปล่อยกฎเกณฑ์หลายอย่างนั้นจะเกิดผลสะท้อนแปลกประหลาดเช่นนี้ โดยเฉพาะวงแหวนสีดำที่มีพลังทำลายล้างสูงมาก
เมื่อกฎเกณฑ์บริเวณใกล้ยอดภูเขาถูกกระตุ้น มันมีเพียงหนึ่งภารกิจเดียวคือสังหารสิ่งมีชีวิตทุกตัวภายในบริเวณนั้น
จากการวิเคราะห์ของหวังหลิน มีกฎเกณฑ์หลายแห่งที่วางไว้ระหว่างเขาและอีกสองคน หากจักรพรรดิโบราณและจ้าวปิศาจหกปรารถนาล้มเลิกบนยอดภูเขาและลงมาหาเขา เมื่อนั้นรอบกายหวังหลินยังมีวงกลมมายาอีกนับร้อยวง เพียงพอที่จะกระตุ้นกฎเกณฑ์ทั้งหมด
หากไม่มีอะไร เขาสามารถรอให้กฎเกณฑ์ทั้งหมดเงียบลงไปก่อนจะออกมาได้อีกครั้ง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนการเตรียมการทั้งหมดของเขาไม่มีจุดมุ่งหมาย เว้นแต่อีกสองคนจะบ้ามาก พวกเขาไม่เคยคิดจะกลับมาที่นี่ขณะที่วงแหวนแสงสีดำบินขึ้นไปอย่างรวดเร็วและคุกคามอยู่ไกลๆ
จากแผนของหวังหลิน ไม่ว่าจ้าวปิศาจหกปรารถนาหรือจักรพรรดิโบราณจะผ่านม่านกำแพงที่สองไปได้นับว่าไม่สำคัญ เหตุผลที่เขาให้จักรพรรดิโบราณผ่านไปก็เพราะกฎเกณฑ์ข้างบนที่ยากเกินกว่าเขาจะทำลายได้ อีกทั้งหวังหลินต้องการทดสอบว่ากฎเกณฑ์ในพื้นที่ห้าร้อยฟุตสุดท้ายแข็งแกร่งแค่ไหนที่ขะช่วยเขาทำลายทั้งสองได้
แม้ว่าจุดประสงค์ของหวังหลินจะสำเร็จ แต่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะจดจ้องไปที่วงแหวนแสงสีดำซึ่งอยู่นอกการคาดการณ์
“นั่นมันสิ่งใดกัน?!” จ้าวปิศาจหกปรารถนาเพียงมองหนึ่งครั้งและผมศีรษะตั้งชัน เขาคว้าชายหนุ่มโดยไม่ได้เอ่ยคำพูดขณะที่ร่างกายกำลังจะสัมผัสวังวน มันถูกกฎเกณฑ์รอบบริเวณทั้งหมดกระแทกและวังวนกำลังล่มสลาย เขาตกตะลึงขณะที่จ้องน้ำวนนั้นพลันหันศีรษะด้วยความโกรธเกรี้ยวมองไปที่ตำแหน่งของหวังหลิน ทว่าพื้นที่ทั่วบริเวณปกคลุมอยู่ในสายหมอกดังนั้นจึงไม่อาจเห็นว่าใครอยู่ข้างใน
เขารู้ว่ากำลังจะหมดเวลาพลันโยนหินห้าก้อนออกมาจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ทั้งห้าก้อนสร้างเป็นม่านแสงรอบตัวเขาขณะที่พุ่งเข้าไปยอดภูเขา
ส่วนจักรพรรดิโบราณได้เห็นแสงสีดำเช่นกันและมีความระมัดระวังมาก เขานำธงออกมาเพิ่มอีกสี่ผืน จากของเดิมที่มีสี่ ตอนนี้มีแปดผืนกำลังโคจรรอบร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว การโจมตีจากกฎเกณฑ์ใกล้เคียงถูกพวกมันดูดซับไป เขาคิดเช่นเดียวกับจ้าวปิศาจหกปรารถนาคือพุ่งไปข้างหน้าและไม่หันหลังกลับ
ทั้งสองเริ่มพุ่งไปบนยอดเกือบจะพร้อมกัน
จ้าวปิศาจหกปรารถนารวดเร็วมากด้วยการสร้างม่านแสงรอบร่างจึงป้องกันกฎเกณฑ์ที่พุ่งมาหาเขาได้ ทว่าขณะที่พุ่งออกไปได้ไม่กี่สิบฟุตการโจมตีสองสามอย่างยังสามารถผ่านม่านแสงเข้ามาปะทะร่างเขาทำให้อยู่ในสภาวะน่าสงสาร
จักรพรรดิโบราณตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เพียงแต่เมื่อการโจมตีปะทะเข้ากับธงของเขา ใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง
แสงสีดำเป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่อยู่เบื้องหลัง ขณะที่ก้อนเมฆบนท้องฟ้าหนาแน่นเป็นบอลสายฟ้าม่วงลูกหนึ่งลอยส่งออกมา
ทันใดนั้นสายฟ้าปรากฎในก้อนเมฆและจากนั้นกระแทกลงเข้าหายอดภูเขา เสียงดังสนั่นกึกก้องเมื่อบอลสายฟ้าม่วงเข้าใกล้จ้าวปิศาจหกปรารถนาอย่างรวดเร็ว ม่านแสงไม่สามารถทนต่อแรงระเบิดได้และหินทั้งห้าเริ่มแตกทีละก้อน
ดวงตาจ้าวปิศาจหกปรารถนาแดงก่ำ เขาคว้าชายหนุ่มถัดไปด้วยมือขวาและยกขึ้นป้องกันบอลสายฟ้าม่วง ขณะที่สายฟ้ากำลังเข้าปะทะ ดวงตาชายหนุ่มพลันเปิดกว้างและอ้าปากกลืนบอลสายฟ้าเข้าไป
ไม่นานหลังจากนั้นเสียงดังกึกก้องออกมาจากภายในร่างชายหนุ่มขณะที่ผิวหนังผุกร่อน จ้าวปิศาจหกปรารถนาตื่นเต้นอย่างมากซึ่งไม่คาดคิดว่ามันจะสามารถหยุดสายฟ้าม่วงไว้ได้ เขามุ่งหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว
ดวงตาหวังหลินหรี่เล็กลงขณะที่จ้องร่างชายหนุ่มคนนั้น เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกกลัวในใจ เห็นได้ชัดว่าจ้าวปิศาจหกปรารถนากลัวบอลสายฟ้านั่นทว่าร่างกายหนุ่มกลัยังไม่ถูกมันทำลาย
หวังหลินถอนหายใจ เขามองไปที่แสงสีดำนั้นอีกครั้ง กัดฟันแน่นและสรส้างวงกลมมายามากกว่าสิบวงส่งเข้าไปทางสายฟ้าดำและเริ่มวิเคราะห์
จักรพรรดิโบราณมองไปที่ชายหนุ่มหนึ่งคราและมีความหวาดกลัวเต็มหัวใจ ดูเหมือนว่าจ้าวปิศาจหกปรารถนาไม่ได้โกหกเขาและชายหนุ่มเป็นจริงนั้นจริง….
ความโลภปรากฎในแววตาเขา อีกเพียงห้าสิบฟุตจากยอดภูเขา เขาพลันสูดหายใจลึกและสะบัดแขน ธงทั้งแปดผืนเริ่มหมุนเร็วมากขึ้นและทันใดนั้นอุโมงค์สีดำปรากฎด้านหน้า
เขาเคลื่อนที่เข้าไปในอุโมงค์ดำและปรากฎตัวที่ยอดภูเขาพร้อมกับหัวเราะออกมา ขณะที่กำลังจะเข้าไปในทางออกของบททดสอบที่สอง จ้าวปิศาจหกปรารถนาก็มาถึงเช่นกัน
กฎเกณฑ์ภายในร้อยฟุตยอดภูเขาจะผ่านมาได้ง่ายๆเช่นไร? เหตุผลที่ทั้งสองสามารถพุ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่ใช่เพราะระดับฝึกเซียนของตนเองแต่ด้วยสมบัติที่พวกเขาถือไว้
ของสองสิ่งนี้ต่างเป็นอาวุธลับที่ทั้งสองนำมาเพื่อผ่านบททดสอบนี้
หากไม่พูดถึงร่างของชายหนุ่ม ธงของจักรพรรดิโบราณมาจากสำนักหนึ่งของแคว้นซิ่วเจินซึ่งเป็นแคว้นเซียนอันดับห้าที่มีชื่อเสียงด้านกฎเกณฑ์
ธงทั้งแปดผืนสามารถสร้างกฎเกณฑ์แตกต่างกันนับไม่ถ้วนขึ้นอยู่กับการรวมตัวกัน ถ้าหากจักรพรรดิโบราณไม่มีความรู้การรวมตัวกันของมัน การเดินทางขึ้นภูเขาจะไม่ได้เป็นเรื่องยากลำบาก
ทว่าในแง่ความรวดเร็วการเข้าใจเมื่อเทียบกับทั้งสามคน จักรพรรดิโบราณยังถือว่าเร็วมากที่สุดที่แก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเอง ธงพวกนี้จักรพรรดิโบราณใช้ความพยายามมหาศาลเพื่อได้มา
หากเขามีธงพวกนี้เมื่อพันปีก่อน โอกาสตายและบาดเจ็บจะไม่สูงมาก
แต่จำเป็นต้องพูดว่ากฎเกณฑ์ในระยะหนึ่งร้อยฟุตไม่ใช่เรื่องตลก ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะก้าวเข้าไปในวังวน การโจมตีทั้งหมดได้มาถึงพร้อมกับก้อนเมฆในท้องฟ้าที่ส่งสายฟ้านับไม่ถ้วนกระแทกลงมา
แม้กระทั่งความเร็วของแสงสีดำยิ่งเพิ่มขึ้น
ทันใดนั้นหวังหลินยืนขึ้นและเร่งรีบไปข้างหน้า เดิมทีเขาไม่ได้วางแผนจะเข้าไปในระยะสามร้อยฟุต แต่ตอนนี้เป็นโอกาสหายาก และหากเขาพลาดไปตอนนี้อาจจะเสียใจไปตลอดกาล สายตาหวังหลินเพ่งสมาธิเต็มที่ขณะที่สร้างวงกลมมายารอบตัวเขา แต่หลังจากนั้นหวังหลินหยุดลงทันทีและจ้องตรงไป วงกลมมายาค่อยๆกระจายตัวออกไปอย่างช้าๆ
หวังหลินบังคับตัวเองให้หยุดเพราะรู้ว่าหากเขาติดพันแม้สายฟ้าเพียงหนึ่งสาย เขาจะถูกทำลายทันที มันเป็นการเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่า
รวมถึงจ้าวปิศาจหกปรารถนาและจักรพรรดิโบราณเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณทั้งคู่ เขาต้องไม่รีบเร่งออกไปแม้ว่าเวลานี้จะล้ำค่าแค่ไหน หวังหลินเกลียดทั้งสองคนในใจอยู่ลึกๆ เขาอาจไม่สามารถหนีรอดความตายพ้นได้ รวมถึงความจริงที่ว่าหากแสงสีดำไม่หายไปด้วยตัวมันเอง หวังหลินไม่มีความมั่นใจที่จะทำลายมันลงได้
หัวใจหวังหลินสงบลงขณะที่จ้องทั้งสองคน เขาตัดสิจใจว่าต้องระมัดระวังอย่างมาก
ขณะที่จ้าวปิศาจหกปรารถนากำลังจะเข้าวงวัน สายฟ้ามากกว่าสิบเส้นกระแทกลงมา เขาใช้ร่างชายหนุ่มเพื่อถ่วงเวลาอีกครั้งแต่ยังถูกปะทะเล็กน้อย พลันโลหิตบ้วนออกมาจากปาก ระดับฝึกตนของเขาลดลงหนึ่งระดับอย่างถาวรและแขนข้างหนึ่งของร่างชายหนุ่มถูกสายฟ้าปลิวออกไป ทว่าจ้าวปิศาจหกปรารถนากัดฟันแน่นและหายไปในวังวน
ขณะที่แขนลอยออกไปมันกลับปะทะเข้ากับแสงสีดำและเริ่มควันฟุ้ง เมื่อมันร่อนลงนอกแสงสีดำกลับไม่มีผิวหนังหรือเลือดเนื้อหลงเหลืออยู่เลย เหลือแต่เพียงกระดูกพร้อมกับจุดแสงสีทอง ทว่ากระดูกแตกหักไปแล้ว ดูเหมือนแสงสีดำจะสามารถทำลายกระดูกได้
ในขณะเดียวกันจักรพรรดิโบราณถูกบอลสายฟ้ามากกว่าสิบลูกเป็นเป้า ธงทั้งแปดผืนกระจัดกระจาย เขาต้องเสียสละธงสี่ผืนขณะที่พุ่งเข้าวังวนอย่างรีบเร่ง ทว่าหนึ่งบอลแสงติดตามเขาอย่างกระชั้นชิดและกระแทกเขาขณะที่เข้าไปในวังวน
หวังหลินรู้สึกหนาวเย็นขณะจ้องแขนข้างนั้น เขากระแทกกระเป๋าถือบนพื้นอย่างรวดเร็ว เสียงคำรามเล็กๆเล็ดรอดออกมา มันสร้างเป็นพายุทอร์นาโดลูกหนึ่งสูงสามฟุต
หวังหลินชี้ไปที่แขนข้างนั้น พายุทอร์นาโดตรงเข้าไปออกจากสายหมอกและเหินขึ้นไปบนยอดภูเขา มันติดตามด้านหลังแสงสีดำโดยไม่มีการขัดขวางจากนั้นหยิบแขนข้างนั้นออกมาและถอยกลับอย่างรวดเร็ว
ทว่าก่อนที่มันจะกลับได้ สายฟ้าม่วงเส้นหนึ่งทำลายพายุทอร์นาโดลูกนั้น ทิ้งไว้กระดูกไว้เบื้องหลัง
ตั้งแต่เวลาที่จ้าวปิศาจหกปรารถนาและจักรพรรดิโบราณพุ่งเข้าไปบนยอดภูเขาและเข้าไปในวังวน เวลาผ่านไปสั้นมาก ความจริงมันเกิดขึ้นเร็วจนคนธรรมดาไม่อาจเข้าใจความเร็วได้ทัน ขณะที่ทั้งสองเข้าไปในวังวน พื้นที่รอบๆเริ่มสงบลงทันที ก้อนเมฆสีดำหายไปและแสงสีดำพักอยู่บนยอดและค่อยๆลดต่ำลงไปที่ภูเขา กฎเกณฑ์ทั้งหมดกลับสู่ปกติ ทว่าเมื่อพิจารณาความผันผวนของพลังปราณแล้ว อย่างน้อยจะต้องใช้เวลาอีกพันปีเพื่อที่พวกมันจะคืนพลังได้เต็มอีกครั้ง
หวังหลินจ้องเศษกระดูก เขารู้ได้ว่าเศษกระดูกชิ้นนั้นไม่อาจทนแสงสีดำได้อีกเป็นครั้งที่สอง หวังหลินสังเกตว่าเมฆสีดำหายไปแล้วดังนั้นเขาจึงวิ่งออกไปและคว้ากระดูกอย่างรวดเร็วก่อนที่แสงสีดำจะเข้ามาอีก
หวังหลินหันกลับโดยไม่หยุดพัก
วงแหวนสีดำแพร่กระจายจนถึงสามร้อยฟุตจากนั้นหายไปทันที หน้าผากหวังหลินเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ เขาตรวจสอบกฎเกณฑ์บนยอดภูเขาระยะสามร้อยฟุตและสังเกตถึงความแตกต่างได้ทันที
หวังหลินกลับไปที่โขดหินของตัวเองและนั่งลง เมื่อเขาเห็นจุดสีทองครั้งแรกจึงคิดได้ทันทีว่ากระดูกทองนั้นมาจากหน้าผากของจ้าวอสูร
หวังหลินมองไปที่กระดูกและกดลงเล็กน้อย ตัวกระดูกได้รับความเสียหายมาจากสายฟ้าและแสงสีดำ ดังนั้นมันจึงอ่อนแออย่างมาก ภายใต้แรงกดของหวังหลิน กระดูกแตกออกและกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทิ้งไว้เพียงเม็ดสีทองจำนวนแปดเม็ด
ไม่มีสัญญาณของพลังปราณในกระดูก หวังหลินเริ่มครุ่นคิด