Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1833

Cover Renegade Immortal 1

1833. เดิมพัน

ตอนที่หวังหลินก้าวไปบนบันไดสู่ชั้นที่หก กระทิงเขียวที่ออกไปปรุงยาพลันลืมตาขึ้น

‘ห้าชั้นแรกไม่มีวิชาที่เขาต้องการ…ชั้นที่หกต้องใช้พลังอำนาจของเซียนขั้น วิบากดับสูญ หวังหลินไม่ได้บรรลุถึงขั้นนี้แต่ร่างกายเขามีความลับมากมาย บางทีเขาอาจจะเข้าไปชั้นที่หกได้…’

‘อย่างไรเสีย ชั้นที่หกก็ถึงขีดจำกัดแล้ว ชั้นที่เจ็ดและแปดนั้นเมื่อมีคนเข้าไปจะเกิดภาพมายาขึ้นเหนือสำนักมหาวิญญาณ ในสำนักมีไม่ถึงห้าคนที่เข้าไปได้! ส่วนชั้นที่เก้า…ไม่มีใครเข้าไปได้ยกเว้นข้า…’

‘บรรพชนรุ่นแรกทำนายว่าหวังหลินคงต้องใช้เวลาสามร้อยปีเพื่อเข้าสู่ชั้นที่เก้า…’ กระทิงเขียวยิ้มเบาบางและหลับตา

หวังหลินยืนนิ่งอยู่กลางบันได ผ่านไปสักพักดวงตาเปล่งประกายและถอนหายใจยาว

‘เป็นภาพลวงตาที่ทรงพลังอะไรขนาดนี้…’ ณ วินาทีนั้นเขาได้พบเจอกับภาพลวงตานับไม่ถ้วน เพียงชั่วเวลาสั้นๆ แค่ครึ่งก้านธูปแต่เหมือนหลายร้อยปีสำหรับหวังหลิน

ตอนนี้หวังหลินกลับมาสงบนิ่งดังเดิม ดวงตาส่องสว่าง ยกเท้าซ้ายก้าวไปบนบันได จิตใจสั่นสะท้านแต่สีหน้าไม่เปลี่ยนไป เขาเหยียบเท้าซ้ายลงไปและยกเท้าขวาขึ้น ก้าวไปเจ็ดขั้นบันไดในครั้งเดียว!

ทุกก้าวทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว แรงกดดันทรงพลังกระแทกลงมาเพื่อพยายามดันเขาให้ออกไปจากบันได

‘แค่เขตอาคมไม่สามารถหยุดยั้งข้าได้หรอก!’ ดาวมารโบราณและปิศาจโบราณทั้งสองข้างในดวงตาพลันปรากฏขึ้นและหมุนวน ร่างกายส่งเสียงปะทุและใช้ร่าง อันทรงพลังเพื่อต้านทานแรงกดดันและปีนขึ้นไปอีกเจ็ดขั้นบันได!

ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากทางเข้าสู่ชั้นที่หกไม่น้อยกว่าแปดขั้นบันได เมื่อเขาก้าวไปถึงตรงนั้นก็จะอยู่บนชั้นที่หก!

‘ข้าได้ต่อกรกับเซียนขั้นวิบากดับสูญไปหลายคน เขตอาคมนี้แค่เลียนแบบ แรงกดดันของเซียนขั้นวิบากดับสูญ ข้าหวังหลินถือกำเนิดในโลกถ้ำและก้าวเข้าสู่แผ่นดินเซียนดารา ข้ามีร่างอวตารที่เกิดขึ้นจากต้นกำเนิดเดียวกับบรรพชนเทพและบรรพชนโบราณ! เขตอาคมนี้ไม่ควรทำให้ข้าต้องกังวล!’ พลังอำนาจระเบิดออกมาจากหวังหลินพลางก้าวขึ้นไปบนบันไดอย่างมั่นคง…

เขาก้าวรวดเดียวหกขั้นโดยไม่หยุดชะงัก แต่บันไดเหลือเก้าขั้น ดังนั้นหวังหลินจึงเหลือเพียงอีกก้าว!

ขณะที่เท้าหวังหลินกำลังเหยียบย่ำบนขั้นสุดท้าย ทัศนวิสัยกลับพร่าเลือนแต่พอมันกระจ่างชัดขึ้นมา เขากลับอยู่ตรงขอบเหว เมื่อเท้าเหยียบย่ำเขาจะตกลงไปยัง นรกด้านล่าง!

ลึกเข้าไปในนรกมีเสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง ภูติผีคล้ายกลุ่มควันพุ่งเข้ามาหาหวังหลิน

หวังหลินขบคิดขณะที่มองภูติผีที่กำลังพุ่งออกมาจากขุมนรก เขาไม่ได้เร่งรีบและสังเกตรอบด้านที่แปลกประหลาด

เขตอาคมนี้ดูเหมือนง่ายดาย มันเหมือนแค่ต้องมีพลังอำนาจทรงพลังมากพอเพื่อไม่สนใจขุมนรกและเหล่าภูติผีและก้าวข้ามผ่านไป

แต่หวังหลินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตอนนี้เหล่าภูติผีจากขุมนรกได้พุ่งทะยานออกมาครึ่งทาง พวกมันอยู่ห่างจากหวังหลินไม่ถึงพันฟุต พริบตาเดียวอยู่ห่างไม่ถึงร้อยฟุตแล้ว!

‘เขตอาคมลวงตานี้ดูฉลาดนัก…’ หวังหลินเผยรอยยิ้มเยือกเย็นและก้าวออกไปโดยไม่เปลี่ยนทิศทาง ขณะที่เท้ากำลังเหยียบย่ำ เหล่าภูติผีในขุมนรกดูตื่นเต้นราวกับกำลังรอคอยจังหวะนี้!

แต่เมื่อหวังหลินก้าวลงไป ระลอกคลื่นส่งเสียงดังกึกก้องและเขาก็หายวับ ภาพลวงตาจึงพังทลาย

หวังหลินก้าวออกมาจากบันไดไปสู่ชั้นที่หก เขาไม่ได้ก้าวบนขั้นสุดท้ายแต่ตรงเข้าสู่ชั้นที่หก!

วินาทีนี้ในถ้ำบนภูเขาสวรรค์เขียว กระทิงเขียวไม่ได้ตกตะลึงอันใดและพยักหน้าเล็กน้อย

‘สมแล้วที่เป็นคนที่บรรพชนทำนายเอาไว้ เขาก้าวเข้าสู่ชั้นที่หกเป็นครั้งแรกโดยไม่มีคำเตือนอันใด นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง!’

“เจ้าขึ้นมาจริงๆ!” หยานหลวนหรี่ตาแคบลงมองหวังหลิน

“ในเมื่อเจ้ามาได้ ทำไมข้ามาไม่ได้?” หวังหลินก้าวเดินอย่างสงบนิ่ง หากเขาก้าวไปบนขั้นสุดท้าย ความพยายามทั้งหมดคงสูญเปล่า กลลวงในขั้นสุดท้ายคือการไม่ให้ก้าวเข้าไป ต้องข้ามเท่านั้น!

หลายชั่วอายุคนที่ผ่านมามีคนนับไม่ถ้วนที่ล้มเหลวในการก้าวสู่ชั้นที่หกนี้ เมื่อล้มเหลวในบททดสอบของตำหนักสลักวิญญาณ จะต้องออกไปและรอโอกาสใหม่ให้ลองอีกครั้ง

“ฮึ่ม ต้องมีคนบอกเจ้าถึงความลึกลับของบันไดสู่ชั้นหกมาก่อนแน่!” หยานหลวนพูดอย่างใจเย็น คิดว่านางคาดเดาคำตอบได้

หวังหลินมองหยานหลวนแต่ไม่พูดอะไร ส่งสัมผัสวิญญาณออกไปและสำรวจชั้นนี้ ที่นี่มีร่างวิญญาณน้อยลงมากเมื่อเทียบกับชั้นที่ห้า ซึ่งชั้นนี้อยู่ราวๆ หกสิบดวง

ทว่าแต่ละดวงเปล่งกลิ่นอายทรงพลังยิ่ง เห็นได้ชัดว่าพวกมันแต่ละดวงมีวิชา อันทรงพลังที่มีเพียงเซียนขั้นวิบากดับสูญเท่านั้นที่ครอบครองได้

การกระทำของหวังหลินทำให้หยานหลวนคิดว่านางคาดเดาถูก นางหลับตาและไม่ให้ความสนใจหวังหลินอีก นอกจากนี้ทั้งสองก็ไม่อนุญาตให้สู้กันในตำหนัก สลักวิญญาณ แม้นางจะเป็นผู้อาวุโสมาหลายปี นางก็คงไม่กล้าแหกกฎสำนักที่นี่

ตำหนักสลักวิญญาณเป็นสถานที่เอาไว้เลือกวิชา เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของ สำนักมหาวิญญาณ! มีความลับเหนือจินตนาการหลายอย่างที่นี่ หยานหลวนเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี

หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณตรวจสอบร่างวิญญาณกว่าหกสิบดวง ในที่สุดเขาก็ค้นพบวิชามายาทับซ้อนและวิชาต้นกำเนิดวิญญาณที่หยานหลวนเคยใช้

โดยที่ร่างวิญญาณด้านบนหยานหลวนคือวิชาต้นกำเนิดวิญญาณที่เขากำลังหา! ทั่วทั้งชั้นหกนั้นเงียบมาก หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไป

สองเท้าเหยียบบนชั้นที่หกและเพราะชั้นที่หกเป็นชั้นไม้ สองเท้าจึงสร้างเสียงกรอบแกรบและทำให้หยานหลวนลืมตาขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ

หวังหลินเมินเฉยหยานหลวนอย่างสิ้นเชิงและมาถึงร่างวิญญาณของวิชามายาทับซ้อน เขามองดูอย่างละเอียดแต่จากนั้นขมวดคิ้วช้าๆ

หยานหลวนสังเกตเห็นท่าทีของหวังหลินและเยาะเย้ย นางรู้ว่าทำไมหวังหลินถึงเป็นเช่นนั้น ตอนที่นางมาที่นี่ครั้งแรกและเห็นวิชาเต๋าที่มีชื่อเสียงของสำนัก มหาวิญญาณ นางก็ขมวดคิ้วเช่นกัน

“วิชามายาทับซ้อนที่นี่มีแค่ขั้นแรกเท่านั้น หากเจ้าแข็งแกร่งก็สามารถไปชั้นที่เจ็ดเพื่อเรียนอีกสองขั้นได้ หากเจ้ามีความสามารถพอที่จะไปชั้นแปดหรือชั้นเก้า ร่างวิญญาณโบราณที่สมบูรณ์ของวิชามายาทับซ้อนจะอยู่ชั้นที่เก้า”

“โอ้?” หวังหลินมองหยานหลวน สายตากวาดผ่านไปที่ร่างวิญญาณเหนือศีรษะนาง

“วิชาต้นกำเนิดวิญญาณนี้ก็ไม่สมบูรณ์ หรือว่ามันจะอยู่บนชั้นเจ็ดและสูงขึ้นกว่านี้?”

“แน่นอน สำนักมหาวิญญาณสนับสนุนความแข็งแกร่ง หากเจ้าแข็งแกร่งพอก็สามารถไปเอาวิชาที่สมบูรณ์ได้ ทางเข้าสู่ชั้นที่เจ็ดอยู่ที่นี่ เจ้ากล้าลองหรือไม่?” หยานหลวนเยาะเย้ยและชี้ทางที่ห่างออกไปไม่ไกล

ตรงนั้นมีบันไดเก่าแก่นำทางสู่ชั้นที่เจ็ด ตำหนักสลักวิญญาณนั้นประหลาดมากเนื่องจากไม่มีเขตอาคมที่เอาไว้ปัดฝุ่นออกไป ดังนั้นบนพื้นบันไดจึงมีฝุ่นหนาเตอะเพื่อบ่งบอกว่าไม่มีใครขึ้นไปที่นี่มานานแล้ว

ต้องเข้าไปใกล้จึงจะเห็นว่ามีรอยเท้าบนพื้นบันได แต่รอยเท้าก็บางเบาจนถูกฝุ่นใหม่เข้าปกคลุม

“เจ้าขึ้นไปได้หรือไม่?” หยานหลวนมองหวังหลินด้วยรอยยิ้มแฝงคำดูถูก

หวังหลินไม่ได้พูด เขามองบันไดสู่ชั้นที่เจ็ดและขมวดคิ้ว คงต้องใช้พลังอำนาจของเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางถึงจะไปถึงชั้นที่เจ็ดได้ นั่นคงเป็นเรื่องยากสำหรับหวังหลิน

คงไม่ต้องเอ่ยถึงชั้นที่แปดหรือชั้นที่เก้าเลย

“หากเจ้าไม่มีความสามารถขึ้นไปก็อย่าเรื่องมาก แค่วิชาที่นี่ก็มากพอให้เจ้าใช้เวลาศึกษาไปทั้งชีวิตแล้ว” หยานหลวสรุปว่าหวังหลินไม่สามารถขึ้นไปได้ แม้คำพูดนางไม่ได้รุนแรงนักแต่กลับซ่อนความหมายที่เต็มไปด้วยการดูถูกเอาไว้

พอได้ยินคำพูดของหยานหลวน หวังหลินพลันยิ้มออกมาและหันไปมองนาง แม้สตรีงดงามผู้นี้จะมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น ไม่เพียงแต่ความงดงาม จะไม่จางหาย แต่กลับทำให้นางมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ภายนอกนั้นไม่ต่างอะไรกับโครงกระดูกสำหรับหวังหลิน

หวังหลินมองนางและเอ่ยขึ้น “ทำไมเราไม่มาเดิมพันกันเล่า? หากข้าสามารถขึ้นไปชั้นที่เจ็ดได้ เจ้าจะเดิมพันด้วยอะไร?”

คำพูดเขาดังกึกก้องในชั้นที่หกและถึงหูของหยานหลวน นางหรี่ตาแคบมองไปที่บันไดสู่ชั้นเจ็ดและเริ่มขบคิด

‘คำพูดของหวังหลินเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน…ฮึ่ม มีเพียงคนหยิบมือเดียวที่สามารถเข้าไปชั้นเจ็ดได้ ข้าพยายามมาครั้งนึงแล้วก็ไปได้แค่บันไดขั้นที่เจ็ด แม้ระดับบ่มเพาะเขาจะดูลึกลับแต่ข้าสู้กับเขามาสองครั้ง หากข้าขึ้นไปไม่ได้ เขาก็ขึ้นไปไม่ได้เหมือนกัน!’

‘เขากำลังหาทางลงจากคำพูดของข้า หากข้าไม่ตกลง เขาก็สามารถหลีกเลี่ยงหัวข้อนี้และข้าก็ไม่สามารถกลั่นแกล้งเขาได้อีก…’

“หากเจ้าสามารถเข้าไปชั้นที่เจ็ดได้ ข้าจะเดิมพัน!” หลังจากหยานหลวนครุ่นคิดจนจบ ดวงตาส่องสว่าง สะบัดแขนขวาปรากฏร่มสีฟ้าขึ้นเบื้องหน้า

หยานหลวนจ้องมองหวังหลิน เอ่ยคำพูดเย็นชา “แล้วเจ้าหล่ะ? หากเจ้าเข้าไป ชั้นที่เจ็ดไม่ได้ เจ้าจะเดิมพันด้วยอะไร?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!