Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1893

Cover Renegade Immortal 1

1893. แผนของแต่ละคน!

ร่างแก่นแท้สายฟ้าส่งสายตามองหวังหลินอย่างเย็นชา ในบรรยากาศเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง มันเคลื่อนไหวและสะบัดมือใส่หวังหลิน ส่งสายฟ้าขนาดมหึมาพุ่งเข้าใส่และกดทับเขาอย่างรวดเร็ว

หวังหลินนั่งมองดูร่างแก่นแท้กำลังโจมตีเขาอย่างโหดเหี้ยม ตอนนี้หวังหลินตื่นขึ้นมาแล้ว ภาพของจ้าวสำนักเต๋ามารจึงปรากฏขึ้นในใจ

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ต้องเกี่ยวข้องกับจ้าวสำนักเต๋ามาร โดยเฉพาะค่ายกลที่ร่างแก่นแท้ใช้ออกมา หวังหลินกระทั่งรู้สึกเลือนลางว่ากลิ่นอายของจ้าวสำนักได้ออกมาจากร่างแก่นแท้

‘เขาจับข้ามา…ไม่ได้สังหารหรือทำให้บาดเจ็บ…แต่กลับชิงแก่นแท้สายฟ้าของข้าไปและช่วยข้าสร้างร่างแก่นแท้สายฟ้า…เป้าหมายของเขา…ไม่ใช่เพื่อหยุดยั้งข้า แต่เพื่อใช้ร่างแก่นแท้ทำให้จิตใจข้าปั่นป่วนและลบล้างจิตใจ!’

หวังหลินดวงตาส่องสว่าง เพียงชั่วเวลาสั้นๆ จึงได้เกิดความคิดหลายพันอย่าง เขาเคยทำนายเหตุการณ์นี้ไว้เมื่อตอนนั้นและมันทำให้เขาตกตะลึงยิ่ง และได้คิดถึงวิธีรับมือเอาไว้แล้ว!

ในจังหวะเดียวกับที่ร่างแก่นแท้สายฟ้าโจมตีเข้ามา หวังหลินสูดหายใจลึก วิญญาณดั้งเดิมหลับตาลงและเรียกหาลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า

ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าที่อยู่ในวิญญาณพลันเริ่มเคลื่อนไหว วิญญาณดั้งเดิม ความทรงจำและทุกอย่างของหวังหลินเริ่มหดตัวลงตอนที่สายฟ้าเข้ามาถึง

เขาถอยกลับไปชั่วคราวเพื่อปล่อยให้ร่างแก่นแท้เข้ามาควบคุมร่างกาย เมื่อร่างแก่นแท้สายฟ้าผสานเข้ากับร่างได้อย่างสมบูรณ์ นั่นจะเป็นโอกาสโต้กลับ

นี่คือวิธีเดียวที่หวังหลินคิดออกว่าจะต้านทานได้อย่างไรตอนที่เขาเห็นฉากที่ไม่คาดฝันนี้ขึ้นมา

สายฟ้าดังกึกก้องในชั้นบรรยากาศสีเขียว สายฟ้านับไม่ถ้วนแผ่กระจายออกมาจากร่างแก่นแท้ ขณะที่มันพุ่งเข้ามาจึงได้แตกกระจายเป็นเส้นสายฟ้านับไม่ถ้วนและเข้าสู่ร่างหวังหลิน ด้วยเจตจำนงของจ้าวสำนักเต๋ามาร มันจึงต้องการลบล้างจิตใจและทุกอย่างของหวังหลินออกไป

เวลาค่อยๆ ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน สายฟ้ารอบตัวหวังหลินเบาบางลงจนไม่มีเหลืออยู่ เขานั่งนิ่งไร้การเคลื่อนไหว ไม่มีวิญญาณผันผวน แม้แต่พลังชีวิตก็ดูเหมือนจะมอดดับไปราวกับตายทั้งที่ยังมีชีวิต

สัมผัสวิญญาณอันทรงพลังได้กวาดผ่านหวังหลินและจากนั้นก็ออกไปอย่างช้าๆ

ขณะเดียวกันจ้าวสำนักเต๋ามารที่อยู่นอกอารามแมงป่องพลันลืมตาด้วยความเหน็ดเหนื่อย เขามองมาที่อารามและเอ่ยคำพูดเสียงดังกึกก้อง

หลังจากจ้าวสำนักเต๋ามารพูดออกไป เสียงกระแอมดังออกมาจากข้างใน ชายชราสวมชุดคลุมสีเขียวใช้วิธีการบางอย่างเพื่อปรากฏตัวในมิติสีเขียวที่มีหวังหลินอยู่ องครักษ์สองคนตามเขาเข้ามาด้านหลังด้วยเช่นกัน

เขามองหวังหลินด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นยกแขนขึ้นมาประทับกลางหน้าผากของหวังหลิน

แขนขวาของเขาดูน่ากลัวยิ่งและปกคลุมไปด้วยขนสีเขียว มันดูเหมือนไม่ใช่แขนมนุษย์!

จังหวะที่เขากดลงใส่หวังหลิน เศษเสี้ยวความผันผวนหนึ่งผุดออกมาจากจิตใจหวังหลินซึ่งได้รับการปกป้องจากลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า ทว่าภายใต้การปกป้องนี้ คนนอกไม่อาจตรวจเจอได้

‘จ้าวสำนักเต๋ามารไม่ได้จากไปไหน…นี่ไม่ใช่เวลาที่จะต่อต้าน…รอคอยอีกเล็กน้อย!’ จิตใจหวังหลินค่อยๆ สงบนิ่งลง

ผ่านไปสักพัก แขนนั้นยกออกมาจากศีรษะหวังหลิน ชายชราเอ่ยเสียงแหบพร่า

“เจ้าไปได้แล้ว หลังจากท่านมารเขียวฟื้นคืนชีพ เจ้าจะได้ทุกอย่างตามที่สัญญาเอาไว้!”

ภายนอกอารามแมงป่อง จ้าวสำนักเต๋ามารเผยแววตาเป็นแสงประหลาด เขามองอีกครั้งก่อนจะหายวับไปจากที่นี่

จากนั้นชายชราจึงหันกลับมามองหวังหลินด้วยความตื่นเต้น

“ตระกูลข้ารอคอยสิ่งนี้มาเนิ่นนาน…มนุษย์หลายต่อหลายรุ่นได้กลายเป็นจวี่ซื่ออยู่หลายปีจนมีร่างหนึ่งที่มาจากโลกภายนอกปรากฏตัวขึ้นมา คล้ายกับท่านมารเขียว!”

“มีเพียงร่างแบบนี้เท่านั้นที่สามารถทำให้ท่านมารเขียวฟื้นคืนชีพได้!! แต่ว่าเจตจำนงของจ้าวสำนักเต๋ามารจะต้องโดนลบออกไปจากร่างแก่นแท้สายฟ้า…” ชายชราพึมพำกับตัวเองพลางมองหวังหลินด้วยความตื่นเต้น เสียงเขาดังกึกก้องอยู่ในมิติสีเขียวจนเผยให้เห็นถึงความบ้าคลั่งและแปลกประหลาด

จิตใจของหวังหลินยังคงซ่อนอยู่ใต้การปกป้องของลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า เขารู้สึกว่าวิกฤติในตอนนี้ไม่ได้ถึงกับตายแต่เป็นโชควาสนาครั้งใหญ่ที่ทำให้จิตใจสั่นระรัว!

ชายชราชุดเขียวตัวสั่น ตระกูลเขารอคอยมาหลายรุ่นเพียงเพื่อวันนี้ เขาสูดหายใจลึกและกัดปลายลิ้น โลหิตสีเขียวหนึ่งหยดลอยออกมาร่อนลงลางกลางหน้าผากของหวังหลิน

วินาทีนั้นระลอกคลื่นสีเขียวดังสนั่นมันแผ่กระจายออกไปใส่เจตจำนงของจ้าวสำนักเต๋ามารหรือพูดให้ถูกคือลบล้างเจตจำนงไปอย่างสิ้นเชิง

ร่างแก่นแท้สายฟ้าไม่มีเจตจำนงของคนอื่นอีกต่อไป หากหวังหลินต้องการก็จะสามารถครอบครองได้จากภายใน แต่เพราะรอคอยโชควาสนาอันยิ่งใหญ่กว่านี้ เขาจึงจำเป็นต้องอดทนต่อไป

ผ่านไปสักพัก ชายชราชุดเขียวได้เผยแววตาเป็นประกายแห่งปัญญา เขาไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าหวังหลิน ทั้งหมดคือการทดสอบ!

เรื่องที่เขาใช้ร่างคนเข้ามารับตำแหน่งจวี่ซื่อของอารามแมงป่องมารเขียวนั่นหมายความว่าเขาเป็นคนที่มีสติปัญญาสูงล้ำ เขาไม่ได้เชื่อจากที่ตัวเองเห็นง่ายๆ และตั้งคำถามต่อทุกอย่าง

แรกเริ่มใช้คำพูดของตัวเอง จากนั้นลบล้างเจตจำนงของจ้าวสำนักเต๋ามารออกไปจากแก่นแท้สายฟ้า เขากำลังหลอกล่อหวังหลินว่าจิตใจเขาจะถูกลบล้างไปอย่างสมบูรณ์หรือไม่

หลังจากรอไปสักพัก ร่างแก่นแท้ยังไม่ถูกหวังหลินครอบงำ เช่นนั้นชายชราจึงผ่อนคลายเล็กน้อยและรู้สึกโล่งอก เขาไม่สามารถตรวจจับลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าได้ดังนั้นจึงพึมพำกับตัวเอง

“ร่างนี้ยอดเยี่ยมมาก ขั้นต่อไปก็ให้ท่านมารเขียวครอบงำ…” ขณะที่เขาเอ่ยขึ้นมา ดวงตาหรี่ลงและถอยกลับ พอห่างไปได้หลายร้อยฟุตจึงร้องออกไปด้วยเสียงแหบพร่า

“องครักษ์มารเขียว สังหารเขา! จิตใจเขายังอยู่ จงเปิดค่ายกลมารเขียว เราจะไม่ยอมให้เขาหนีไปไหนได้!” หลังจากนั้นจึงรีบถอยแต่ดวงตาเผยแสงแปลกประหลาดและจ้องมองหวังหลิน

สิ้นเสียงคำราม องครักษ์มารเขียวด้านข้างเผยสายตาดุดันและพุ่งทะยานเข้าหาหวังหลินจากทางซ้ายและขวา สองมือสร้างผนึก ระเบิดระดับบ่มเพาะขั้นวิบากดับสูญระดับกลาง แมงป่องเขียวขนาดยักษ์สองตัวปรากฏขึ้นมาขู่เสียงดังฟ่อ พร้อมทั้งพุ่งเข้าหาหวังหลิน

นี่ดูไม่เหมือนการทดสอบเลย ดูเหมือนพวกเขากำลังจะสังหารหวังหลินจริงๆ ตอนนี้หวังหลินมีตัวเลือกเดียวคือการแผ่กระจายจิตใจเข้าไปในร่างแก่นแท้สายฟ้า ทิ้งเจตจำนงเอาไว้และเปิดใช้งานเกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์เพื่อสังหารทั้งสามคนก่อนจะหนีออกไปจากที่นี่

ชายชราชุดเขียวพูดขึ้นมาฉับพลัน หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่หวังหลินคงจะลงมือไปแล้ว แต่จิตใจหวังหลินขยับเพียงชั่วขณะและสงบลงใทันที เขาเสมือนเป็นแอ่งน้ำเก่าแก่ จิตใจไม่สะทกสะท้านเลย

หวังหลินไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะสามารถตรวจจับลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าได้อย่างแน่นอน นี่เป็นการประลองปัญญา!

ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา วิชาจากผู้ส่งสาส์นเข้ามาใกล้หวังหลินและอยู่ห่างไม่เกินเจ็ดนิ้ว แต่ร่างหวังหลินไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย มันใกล้เข้ามาหกนิ้ว ห้านิ้ว สามนิ้ว หนึ่งนิ้ว!!

วิกฤติแห่งชีวิตและความตายของหวังหลินผุดขึ้นมาในใจ แม้จะมุ่งมั่นแต่ก็สั่นคลอน ทว่าเขายังคงไร้การเคลื่อนไหว

ปัง!

วิชาทั้งสองจากองครักษ์ร่อนลงใส่ร่างหวังหลิน ทว่าตอนที่วิชากระทบลงไป ม่านแสงสีเขียวเกิดระลอกขึ้นมาและสะท้อนทั้งสองวิชากลับไป

ระลอกคลื่นสีเขียวนี้ถูกสร้างขึ้นจากโลหิตของจวี่ซื่อ โลหิตของเขาได้สลายเจตจำนงของจ้าวสำนักมารเขียวและดูเหมือนจะหายไปแล้ว แต่ความจริงเป็นไพ่ตายที่เอาไว้ทดสอบหวังหลิน!!

เพียงเท่านี้ชายชราชุดเขียวจึงผ่อนคลายได้อย่างสิ้นเชิงและเริ่มหัวเราะเสียงดัง แต่ตอนที่หัวเราะก็ยังไออย่างรุนแรง

“ไม่มีปัญหาแล้ว ร่างนี้ไม่มีความคิดและสติอีกต่อไป แต่…มันยังอ่อนแอเกินไป…ยังต้องบ่มเพาะอีกเล็กน้อยเพื่อให้ทนรับเชื้อสายของท่านมารเขียวได้…”

“แม้เขาจะมีแปดแก่นแท้ เขาไม่มีธาตุดิน…แก่นแท้ของท่านมารเขียวคือธาตุดิน…ข้าจะต้องเติมเข้าไป…”

“ร่างนี้มีแปดแก่นแท้ และด้วยแก่นแท้ธาตุดินก็จะกลายเป็นเก้า…เก้าแก่นแท้ร่วมกันสร้างร่างแก่นแท้ เป็นการจับคู่การกลับมาของท่านมารเขียวได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อท่านมารเขียวฟื้นคืนชีพและครอบครองร่างนี้ ข้าถือว่าได้ทำภารกิจของตระกูลเสร็จสิ้น จากนั้นข้าจะสามารถกลับไปสู่แคว้นกลางและนำโชควาสนาไปสู่ตระกูลข้าในอนาคต…”

“เรื่องนี้สำคัญเกินไป ข้าจำเป็นต้องเตรียมการอีกเล็กน้อย…”

ชายชราไอออกมาและจากไปอย่างช้าๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!